หากผมไม่หยิบเล่มนี้จากงานหนังสือ หากผมไม่อ่านงานนี้ หากผมไม่ตระหนักรู้ถึงการวางจำหน่ายของผลงานแปลเล่มนี้ ผมคงจะดูเป็นคนแปลกพิกล เพราะอะไรนะหรือ ก็เพราะเป็นงานแปลของคุณนพดลไงล่ะครับ ผมยกคุณนพดลให้เป็นนักแปลในดวงใจมานานเนิ่น แล้วผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซเยี่ยงนี้ผมจะพลาด ควรล่ะหรือ
โรงฆ่าสัตว์หมายเลข 5 ผลงานชิ้นเอกอุอีกชิ้นของปู่เคิร์ต วอนเนกัต ในชื่อภาษาอังกฤษ slaughterhouse 5 ผลงานล่าสุดจากสำนักพิมพ์เอิร์นเนส สำนักพิมพ์ที่ผมมองว่าคัดสรรงานได้เฉียบขาดอีกแห่งเลยทีเดียว อีกทั้งได้กำลังสำคัญด้านการแปลอย่างคุณนพดล ทำให้แต่ละเล่มที่ถูกคัดสรรดูน่าสนใจขึ้นมาถนัดตา โรงฆ่าสัตว์หมายเลข 5 เป็นเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นจากเรื่องจริงที่อาจจะถูกบิดเบือนมานาน หากคุณให้ใครเขียนถึงเหตุการณ์ใดโดยที่เขาผู้นั้นไม่ได้ร่วมลิ้มรสในเหตุการณ์ล่ะก็ นอกจากมันจะกลายเป็นแค่เพียงเรื่องเล่ากล่าวถึงแล้ว ความจริงอาจเหลืออยู่เพียงน้อยนิด แต่เหตุการณ์นี้ การทิ้งระเบิดปูพรมเมืองเดรสเดนของฝ่ายสัมพันธมิตรในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ทิ้งบาดแผลฉกรรจ์ไว้ให้กับเหล่าชาวเมืองที่เหลือชีวิตรอด และที่สำคัญทิ้งรอยร้าวลึกลงไปในจิตใจที่บอบช้ำและแตกสลายของผู้เขียนหลังจากผ่านเหตุการณ์นี้มา แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใดก็ตาม
ปู่เคิร์ต เล่าเรื่องราวของตัวเขาเองอยู่ในเหตุการณ์ทิ้งระเบิดถล่มเมืองเดรสเดนผ่านตัวละครที่ชื่อว่า บิลลิ พิลกริม ผู้ที่เชื่อว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษในการท่องเวลา สามารถไปได้ในทุกห้วงเวลาที่เขาเคยผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองที่บิลลิมีส่วนร่วม เหตุการณ์ชั่วขณะที่เขาประสบความสำเร็จกับอาชีพนักทัศนศาสตร์ หรือว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เขาถูกลักพาตัวโดยชาวดาวทรัลฟามาดอร์ไปแสดงตัวอยู่ในสวนสัตว์บนดาวไกลโพ้น รวมไปถึงเหตุการณ์วันที่เขาถูกสังหารโดยมือปืนรายหนึ่งช่วงสุดท้ายของชีวิต
ด้วยความที่เขาเชื่อมั่น จนกลายเป็นความยึดมั่นว่าเขาสามารถท่องเวลาได้ ทำให้คนรอบตัวโดยเฉพาะลูกสาว คิดว่าเขากลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนหลังจากผ่านการชีวิตมาอย่างนาน จากความห่วงใยกลายเป็นความรำคาญ ไม่มีใครเข้าใจเขาได้ลึกซึ้ง ไม่ได้ห่วงใยเขาอย่างจริงใจ
เคิร์ต วอนเนกัต ได้บอกเล่าเรื่องราวที่แสนน่าสะพรึงในเหตุการณ์ทิ้งระเบิดถล่มที่เมืองเดรสเดน รวมไปถึงเหตุการณ์ที่เขาประสบพบเจอระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ออกมาในรูปแบบเบาสบาย อ่านไม่เครียด เกือบจะกลายเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ บางฉากยังแอบแฝงการกัดจิกมนุษย์อย่างเจ็บแสบเช่นในฉากถูกลักพาตัวไปสู่ดาวทรัลฟามาดอร์ แต่หากคุณอ่านนิยายเล่มนี้แบบปล่อยผ่านและเบาสบายอย่างที่ผู้เขียนพยายามทำ คุณก็จะพลาดโอกาสในการตีความหนังสือเล่มนี้ในแบบที่ผู้เขียนผ่านประสบการณ์จริงมา ผมจึงอยากให้คุณให้ความสำคัญกับเรื่องราวแต่ละฉากแต่ละตอน ค่อยๆ คืบเคลื่อนผ่านไปทีละบรรทัด คุณก็จะได้รับสารที่ผู้เขียนรวมไปถึงผู้แปลพยายามส่งออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนตัวผม แอบมีน้ำตาหล่นระหว่างทางมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฉากสงคราม หรือ ฉากที่ลูกสาวของบิลลิ ตีความสรุปว่าเขาเป็นบ้าเสียสติไป
หากกล่าวโดยสรุป หนังสือเล่มนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ด้วยชื่อเสียงของตัวหนังสือเองที่ว่ากันว่าเป็น 1ในนิยาย100เล่มที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในโลกจากผู้อ่านทุกสำนัก หรือจะเป็นตัวผู้เขียนเอง รวมไปถึงผู้แปล ด้วยเรื่องราวที่อ่านง่ายและเรื่องราวชวนติดตามไม่น่าเบื่อ คุณจะลุ้นไปกับบิลลิ เข้าไปร่วมสำรวจจิตใจที่บอบช้ำของเขา และอย่าลืมเห็นใจ อย่าเห็นว่าเป็นเพียงเรื่องราวเหนือจริงของคนเสียสติคนหนึ่ง และสุดท้ายอย่างที่ชื่อเรื่องผมได้บอกเอาไว้ สงคราม ผู้ผ่านเท่านั้นจึงจะเข้าใจ