เขาสก เขื่อนรัชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน)
ทริป           : เขาสก เขื่อนรัชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) จังหวัดสุราฎร์ธานี 
ระยะเวลา    : 21 - 23 ตุลาคม 2555
การเดินทาง : รถทัวร์
ค่าเสียหาย  : ประมาณ 11,800 บาท  ค่ารถ ไป - กลับ           3,200  บาท (2คน VIP 32 ที่นั่ง)
                                                      ค่าที่พัก                       8,100  บาท (เพกเกจ สำหรับ 2 คน รวมค่าเรือ ค่าเที่ยว ค่าที่พัก ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน) เพจเกจนี้ สำหรับ 2 คน แพงมากอ่า ถ้าไปหลายคนมันจะถูกว่า หนักไปกับค่าเรือที่ต้องเหมาทั้งลำ
                                                      ค่าอาหาร                        500  บาท (เพิ่มเติมจากที่เกินมา )
เหตุเกิดจาก....
คุณชาย : ปิดเทอม...ลางาน...ไปเที่ยวกัน
คุณหญิง : ไปไหนล่ะ >___< ไปดิ ไปดิ
คุณชาย : ทะเลเลย นอนบ้านที่มันอยู่บนน้ำ มัลดีฟส์ นั้นเอง ^_____^
คุณหญิง : -_-* มีเงินง่ะ ไปซะไกล เอาในประเทศได้ปะ?
คุณชาย : เธอ หาดิ
คุณหญิง : งานเข้าแล้วไงตรู

                ทริปนี้เลยเกิดขึ้น  มัลดีฟส์ มัลดีฟส์ ไกลไปนะ แต่ต้องนอนบนน้ำ ที่ไหนละ ประเทศไทยมีหรอ? หาไปหามา "กุ้ยหลินเมืองไทย" O[]o!! นอนแพ ท่ามกลางหุบเขา ส่วนตัวสุดๆ และที่สำคัญ นอนอยู่กลางน้ำ เสนอๆด่วน!!!

                เขาสก เขื่อนรัชประภา (ในความคิดฉัน) คือ ความเงียบสงบ อย่างแท้จริง ท่ามกลาง ธรรมชาติ หุบเขา ไอหมอก ไร้ซึ่งเทคโนโลและสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ มีเพียงเสียงสัตว์ ความเย็นสบาย สดชื่น กลายเป็นออกซิเจนธรรมชาติ ตลอด 3 วัน ประทับใจมากจริงๆ มันเหนือคำบรรยาย เกินกว่า จะอธิบายได้ด้วยภาพ เพราะต้องมาสัมผัสด้วยตาตัวเอง ^^


(เป็นครั้งแรกที่เราลงใต้กัน ตื่นเต้นมากเลยละ)
เราซื้อตั๋วไป-กลับ ของรถทัวร์ บขส. กรุงเทพ-พังงา VIP 32 ที่นั่ง แต่ลงบ้านตาขุน
ออกเดินทางวันที่ 20 ต.ค. 2555 เวลา 19.30 น. ใช้เวลาเดินทาง 8 ชั่วโมง เอง -_-*
รถจอดทานข้าว ตอน 2 ทุ่มครึ่ง O_o? เร็วไปมั้งพี่
แล้ว.....เฮ้ย!!! ทานแบบโต๊ะจีนงี้เลยหรอ (ถ้าภาคเหนือเค้าจะใส่เป็นชุดๆกินใครกินมันอ่านะ) 
ก็มึนๆ นั่งกินกะป้าคนนึง คุยไปคุยมาชวนไปเที่ยวบ้านซะงั้น 555 




ถึงแล้วลงตรง ตลาดบ้านตาขุน เห็นป้ายเขื่อนรัชประภาอยู่ใกล้ๆ 
เราถึงที่หมายตั้งแต่ตี 4 แต่จะมีรถของทางแพมารับตอน 6 โมงเช้า T^T 



ก็รอกันยาวไปตรงหน้า 7-11 สาขาบ้านตาขุน ก่อนมาพบผู้ร่วมชะตากรรมเดียว ไปแพเดียวกัน (อยู่ๆก็ได้เพื่อนโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า ?)
กว่ารถจะมารับก็ลากยาวไป 6.30 น. แม่ค้ามาเปิดตลาดพอดีอ่า กะกว่าจะใส่บาตรซะหน่อย555
นั่งรถกันยาว จำไม่ได้กว่ากี่กิโล แต่ไกลพอดู ดีที่ว่าทางแพมีรถรับ-ส่ง เราก็ประหยัดค่าเดินทางเข้าเขื่อนไป หลายร้อย




ถึงท่าเรือแล้ว ภาพที่เห็นครั้งแรก สวยมากอ่า เริ่มตื่นเต้นกันบ้างแล้ว




ก่อนขึ้นเรือ ก็ลงชื่อกันก่อน 




บุคคลที่เราจะต้องพึ่งพาเค้าตลอด 3 วัน 2 คืน ^^ พี่เสือ
เรือลำใหญ่มาก แต่มีเรา 2 คนเป็นผู้โดยสาร 555
ส่วนตัวเกินไปป่าว....




เรือออกแล้วววววว
^_________________________^




เนื่องจากว่า ข้างในจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เล่นเน๊ตไม่ได้ ขาดการติดต่อ
เลยต้องทำการ อพล. ๆ (อัพพลังๆ) โพสรูป แชร์รูป โทรหาทางบ้าน ให้คนอื่นได้รับรู้ 555




พ้นคลื่นสัญญาณโทรศัพท์
เราก็มาเจอกับ 
^_____________________^
(บรรยายไม่ถูกจริงๆ มันสวยมาก กว้างใหญ่มาก พูดได้แต่ว่า "สุดยอด" ประเทศไทยจริงดิ)




มันคือธรรมชาติ ที่ไม่สามารถดูผ่านทางภาพได้ กล้องดีแค่ไหนเราก็ว่าถ่ายได้ไม่สวยพอ
ไม่พอเท่าตาเราได้เห็น ร่างกายเราได้สัมผัส ไม่พอจริงๆ
(วันแรกเราว่าเราโชคดี จริงๆ มาแต่เช้าอากาศยังไม่ร้อน เห็นท้องฟ้าสดใส บางที่ก็มีหมอกลง ผืนน้ำสีเขียว ยิ่งตรงไหนแดดส่องถึง มันดูเป็นสีเขียวมรกต ตะลึงกับความสูงใหญ่ของภูเขาหินปูน ควาาวมสวยงามของภูเขาที่ดูเหมือนเป็นเกาะเล็กเกาะน้อย)





ไฮไลต์ของที่นี่ 1 อย่างก็คือ กุ้ยหลินเมืองไทย หรือ เขาสามเกลอ

พี่คนเรือพาเราแวะชมกันก่อนที่จะยาวไปที่พักเลย
พี่คนเรือบอกว่าข้างใต้ตรงนี้ เป็นซากของวัด บ้านเรือนของชาวบ้านก่อนที่จะเป็นเขื่อน ฝรั่งชอบมาดำน้ำกันตรงนี้



ถึงที่พักแล้วววววววว 
นั่งเรือชมธรรมชาติ ประมาณชั่วโมงกว่าๆ
ไม่พูดอะไรมาก อยู่ก็โดนลากให้ไปนั่งกินข้าว เออ...ไม่เช็คอิน ... จ่ายเงินอีกส่วนหรือคร้า เออๆ
และนี่คืออาหารมือแรกบนแพ อาหารก็บ้านๆ นะ แต่อร่อยมว๊ากก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหิวหรือเปล่า? แต่เติมข้าวต้มไม่ยั้ง จัดหนักกันเลยทีเดียว




อิ่มกันแล้ว..ก็ไปยังแพที่เราจะนอนกัน
เราจองนอนแพไม้ไผ่ ไว้กับ แพสายชล เลือกแพนี่ เพราะ ตามรีวิวมาจาก pantip ^^ เห็นเค้าว่าดีกัน
และต้องนอนแพไม้ไผ่ ได้ฟิวดี ก็อย่าให้พลาด!!!!
มีคนให้เห็นแบบประปราย นับว่ายังน้อยอยู่
คืนละ 600 บาท เอาไว้ซุกหัวนอนอย่างเดียว..ห้องน้ำรวม มีไฟใช้ ตั้งแต่ 6 โมงเย็น - เที่ยงคืน ไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม T^T (ไม่ได้เล่น FB ยังทนได้ ไม่มีพัดลมเนี่ยดิ) 

https://www.facebook.com/pages/แพสายชล-เขื่อนรัชชประภา/217448028279663




กว่าจะไปเที่ยวก็บ่าย ก็เล่นน้ำ นอนเอาแรง ไปก่อนละกัน ว่ายน้ำก็ไม่เป็น อาศัยเสื้อชูชีพพยุงกันไป 555
น้ำหน้าบ้านไม่เล่น มาเล่นข้างบ้านแทน




โปรแกรมแรก : ทะเลใน 500 ไร่ 
เดินข้ามเขากันมันส์ ไป-กลับ เกือบ 1 กิโล




ระหว่างทาง ขึ้นมาได้ไงพี่!!!!




ถึงแล้ว...
เมื่อก่อนที่นี่เป็นแพเอกชน ชื่อว่า แพ 500 ไร่ แต่มีปัญหาบางอย่าง ทำให้ต้องย้ายไปสร้างอยู่ข้างนอกแทน
ที่นี่เลยกลายเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่อุทยานฯแทน

เดียวเราจะต้องนั่งแพไม่ไผ่ไปดู หินงอก หินย้อยกัน ระหว่างที่รอคิวขึ้นแพ ก็ชื่นชมบรรยากาศไปก่อน




เปลี่ยนจากการชมวิวมาเป็นไทยมุงแทน
พี่คนเรือคนนึง เห็นแล้วเลยบอกว่า"แบบนี้ต้องมีการพนันเกิดขึ้นแล้ว"
นักท่องเที่ยว คนเรือ ก็ทายกันเล่น เอาสนุกๆๆ



ได้นั่งแพแล้ว เอามือสัมผัสน้ำกันไปเพลินๆ




ชมความงามของหินงอกหินย้อยกัน น่าเสียดายที่บางอันก็พังเพราะฝีมือของนักท่องเที่ยวอย่างเรา 





กลับกัน หลังจากฝนตกโปรยปราย ทั้งที่แดดออก อากาศดี
เดินกลับ รองเท้าเละทั้งคู่ 555



อรุณสวัสดิ์ เช้าวันใหม่ เปิดประตูมาเจอภาพนี้ก่อนเลย 
เมื่อคืนนอนเหงื่อแตกทั้งคืน เพราะมันร้อนหน้าดู ไม่มีพัดลมอีกต่างหาก




รอดูพระอาทิตย์ขึ้น เห็นคนออกมาจากบ้านเยอะแยะ เพิ่งรู้ว่า คนมาพักกันเยอะมาก
เช้านี้เลยครึกครื้นเป็นพิเศษ




โปรแกรมเช้านี้ : morning safari
ส่องสัตว์กันแต่เช้า
ส่องกันอยู่นานไม่เจอตัวอะไรเลย นอกจากค่าง และ ค่าง นับกันแล้ว เกินกว่า 30 ตัว กระโดดไปมาอยู่บนต้นไม้






น้ำวันนี้น่าลงมาก ^^




ที่นี่มีเรือให้พายเล่น เสียค่ามัดจำ ไม้พาย 500 บาท
ไม่เคยพายเรือ ก็มาหัด มาเป็นที่เนี่ยแหละ



ทานข้าวกลางวันกันก่อน ผัดปลาหมึกจานนี้อร่อยมากอ่า จนต้องขอเต็มเพิ่ม




โปรแกรมบ่าย : ความจริงเราต้องได้ไปถ้ำน้ำทะลุ แต่เนื่องจากมีฝนตก ไม่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว เลยเปลี่ยนโปรแกรมมาส่องสัตว์ และดูพระอทิตย์ตกดินกัน
อันนี้ คือ ไลเค่น ตัวบ่งชี้ว่า ผืนป้าที่นี่ มีความสมบูรณ์ ^^
และเนื่องจากว่าเราไม่ทันเหล่าสัตว์ออกมาหากิน ก็ดูรอยเท้ากระทิง หมูป่า ช้างป่า ไปแทน T^T
เข้าใจหัวอกคนทำสารคดีสัตว์ป่าเลยอ่า




ก่อนกลับเราแวะสอบถามและหาความรู้เพิ่มเติมกันที่ แพไกรสร แพของทางอุทยานฯ




และด้วยความอยากรู้ว่าแพไหน เริ่ดสุด หรูสุด พี่เสือของเราเลยจัดให้
พามาที่ แพ 500 ไร่
ที่มีราคาต่อคืนอยู่ที่ หมื่นกว่าบาท O[]o MGD!!!
ที่นี่ มีบ้านหรูอารมณ์รีสอร์ท ให้อยู่ถึงชั้นครึ่ง (มีห้องใต้หลังค่านั้นเอง) มีเรือให้พาย โดยไม่ต้องแย่งกัน มีลานชมดาวตอนกลางคืน แถมยังนั่งทานอาหารลองแพไม้ไผ่ได้อีกด้วย
ที่สำคัญที่นี่มีไฟใช้ ตั้งแต่ 5 โมงเย็น - 9 โมงเช้า (นอนเปิดแอร์กันให้ชุ่มปอด)




กลับมาถึงแพ ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีชมพู ได้ความสวยไปอีกแบบ โชคดีจริงๆ




เช้าวันสุดท้ายของเรา เปิดมาเจอ ฝนตกซะงั้น 
เมื่อคืนหลับสบายหน่อย แอบไปจิกพัดลมจากบ้านหลังอื่นมา พอให้เย็นได้ถึงเที่ยงคืน ^^
วันนี้คนกลับเกือบหมด ยิ่งตอนบ่ายนิ เหลือแต่เรา 2 คนเอง มั้ง (555 ที่นี้เป็นของเราแล้ววว ยึด!!!)




เช้านี้ แตกต่างจาก 2 วันแรก เพราะข้าวต้มทรงเครื่อง เห็นหน้าตาแบบนี้ แต่แซ่บมากอ่า
(อาหารแพสายชล นี่ทำให้ตื่นเต้นทุกมื้อเลยนะ ไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรมาให้เราทานบ้าง)




รอเวลากลับบ้านตอนเย็น ก็พายเรือ เล่นอูคู โดดน้ำกันไป กินโค๊ก ส่องสัตว์แบบเหงาๆ ไม่มีคนเลย T T 
ดีที่เช็คเอาท์ออกตอนไหนก็ได้ เสียก็แต่ค่าข้าวเพิ่มเท่านั้น
ค่าเครื่องดื่ม ค่าขนม ราคาก็พอรับได้ แต่เห็นคนส่วนใหญ่ซื้อมาจากข้างนอกเลย บางคนนิยกถังน้ำแข็งมาเลยทีเดียว สวดยอดดด





4โมงแล้ว แต่ยังไม่ได้กลับ ฝนตกกระหน่ำ กว่าจะได้ออกก็เกือบ 5 โมงเย็น 
อาบน้ำ แต่งตัว แต่งหนาอย่างงาม นึกว่าจะได้กลับแบบสวยๆ
เขาสก ส่งท้ายความสนุก ด้วยการทำฝนตกตรงท่าเรือ พี่คนเรือก็ใจร้าย ไอตรงที่มันยังไม่ตกก็น่าจะจอดรอก่อน เล่นขับลุยฝน ตรงดิ่งไปยังที่หมาย T T
สรุปคือ เปียกตั้งแต่หัวจรดตีน กระเป๋าเดินทาง อูคู เปียกหมด (สมชื่อ "ดินแดนฝนแปดแดดสี่"จริง)

ขากลับ ก็ยังได้พูดแต่คำว่า "สุดยอด"ๆๆๆๆ 

คราวหน้า ฉันจะเอาเสื้อกันฝนมา!!! 







Create Date : 04 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2555 12:49:28 น.
Counter : 7042 Pageviews.

3 comments
  
ถ่ายรูปสวยมากเลยยย
น่าไป ๆ ..
โดย: miizziing IP: 203.158.238.51 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2555 เวลา:13:42:43 น.
  
โดย: Kavanich96 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2555 เวลา:9:52:35 น.
  
ชอบจังค่ะ รีวิวสวยจริง ๆ ว่าจะไปเหมือนกัน เก็บข้อมูลอยู่ค่ะ
- ฤดูเที่ยวควรเป็นช่วงไหนดีที่สุดคะ
- หาแพคเกจจากไหนคะ ตามงานท่องเที่ยวรึป่าว
โดย: TakecareNoi IP: 58.11.95.225 วันที่: 21 มกราคม 2557 เวลา:15:18:35 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MUTTANANG
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



พื้นที่เล็กๆ ของคนรักอิสระหัวใจใหญ่
Group Blog
พฤศจิกายน 2555

 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30