.......................... ไม่ใช่บทละครนะครับข้างบนนั้นน่ะ นั่นคือบทพรรนณาที่ผมมีให้กับเพลง เพลงนึงครับ ชื่อเพลงว่า La Mer ผลงานการประพันธ์์ของ Claude Debussy คีตกวีชาวฝรั่งเศสครับ สำหรับประวัติของท่านผมจะไม่กล่าวถึงมากนักนะครับ
เพลงนี้มีสามท่อนครับท่อนแรกชื่อว่า De L'aube a midi sur la mer หรือ From dawn till noon on the sea ท่อนนี้ผมชอบมากมายครับ โดยเฉพาะช่วง3-4นาทีสุดท้าย ผมเห็นแสงอาทิตย์สาดส่องรำไร ที่ปลายผืนน้ำเลยครับ งดงามจับใจ
ท่อนที่สอง Jeux de vagues หรือ Play of the waves ท่อนนี้น่ารักมากครับ ฟังแล้งราวกับว่าผมดำดิ่งลงไปเห็นฝูงปลาแหวกว่าย ดอกไม้ทะเล พริ้วไหว เริงระบำ หยอกล้อกับเกลียวคลื่น หรือแม้แต่บางช่วง ภาพมันมาเลยครับว่า คลื่นกระแทกเข้าหาฝั่ง งดงามมากครับ
ท่อนสุดท้าย Dialogue du vent et de la mer หรือ บทสนทนาระหว่างสายลมและท้องทะเล บทนี้ผมก็ชอบสุดๆ โดยเฉพาะช่วง 2-3นาทีหลังๆ ยิ่งใหญ่มากๆ เป็นความงดงาม ประทับใจ ที่ผมไม่เคยลืม
ผมมีเพลงนี้อยู่3เวอร์ชั่นครับ หมายถึงเพลงเดียวกันทุกประการแต่บรรเลงคนละวง ควบคุมวงคนละคนนะครับ แต่แผ่นที่ผมชอบที่สุดก็คงจะเป็น แผ่นจาก Deutsche Grammophone บรรเลงโดย The Cleveland Orchestra โดยมี Pierre Boulez เป็นคอนดัคเตอร์
สมกับเป็นพ่อเรา~~~ฮ่าๆๆๆๆ เอิ๊ก!!....................โป๊ก!!!(วิญญาณป๋าเขวี้ยงจานชามลงหัว...ใครเป็นพ่อแกว๊ะ%$£!"*&%"$£}@!!!..)
อืมมมม....แหม บรรยายฟังเข้าท่า เห็นภาพๆ แต่ว่าช่างขัดกับความจริงเสียเหลือเกิน~~......ไอ้ที่ตกบานาน่าโบ๊ตวันนั้นมันอะไรน่ะ?? -*-
ไม่เหลือเค้าความสวยงามของท้องทะเลและหาดทรายระยิบระยับและหยอกล้อคลื่นเต่าทะเลอย่างที่ว่าเลยนะ..
มีแต่ความมึนงงสงสัยเหตุอันไฉนกูจึงตกทะเลกันหนอ?!?...ได้ข่าวว่าห่วงกางเกงก็ห่วง ไหนเลยจะเรื่องความพยายามที่จะว่ายเข้าฝั่งเมื่อเห็นเรือมันคงไม่มารับแน่แล้ว....
โอว~~ โลกนี้มีแต่ความขัดแย้งเสียเหลือเกิน
ปล.ถ้าอ่านคอมม้วนนี้แล้วทำให้เสียมู้ดในการฟังเพลง ลา แมร์ แล้วล่ะก็ อนุญาติให้ปิดตาตัวเองแล้วค่อยอ่าน จะเกิดผลดังที่ว่า ลงลด 14.12 เปอร์เซ็นต์ ด้วยความหวังดี