โปรไฟลิ่ง (Offender Profiling หรือ Criminal Profiling) ศาสตร์ทางอาชญวิทยาแขนงหนึ่ง คือการคาดเดาลักษณะของคนร้ายโดยการวิจัยจุดเด่นกับลักษณะของอาชญากรรมด้วย Behavioural Science ซึ่งโปรไฟลิ่งจะมีพื้นฐานอยู่บนทฤษฎีว่า "คนร้ายในคดีประเภทนี้ มักจะเป็นบุคคลที่มีลักษณะดังนี้" หลักของโปรไฟลลิ่งคือการนำเอา "การเตรียมตัวก่อนก่ออาชญากรรม" "วิธีการในการก่ออาชญากรรม" "วิธีการจัดการหลังอาชญากรรม" มาวิเคราะห์ด้วย Behavioural Science (ประกอบไปด้วยจิตวิทยา สังคมศาสตร์ และมนุษย์ศาสตร์) ซึ่งจะทำให้ทราบถึงข้อมูลของคนร้ายเช่น เพศ เชื้อชาติ อาชีพ หรืออายุ และเมื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบกับการสืบสวนก็จะทำให้การไขคดีเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น
โปรไฟลิ่งไม่ใช่หลักฐานในการไขคดีและไม่สามารถใช้ในการชี้ตัวคนร้าย ศาสตร์นี้เป็นเพียงเครื่องมือช่วยเหลือการสืบสวนอย่างหนึ่งเท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่จะมีการจับกุมคนร้ายด้วยข้อมูลทางโปรไฟลิ่งเพียงอย่างเดียว
คดีที่เราจะพูดถึงในวันนี้เป็นคดีแรกในอเมริกาที่มีการนำโปรไฟลิ่งมาใช้ไขคดีอย่างเป็นทางการ และยังส่งผลให้โปรไฟลิ่งกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนคดีของอเมริกาในเวลาถัดมาด้วยค่ะ
George Metesky (1930 -1994) The Mad Bomber
ดอกเตอร์เจมส์ บรัสเซลได้กล่าวไว้ในการทำโปรไฟลิ่งของคดีนี้ว่า "ผมกล้าพนันว่าเมื่อคุณจับเขาได้ เขาจะสวมชุดสูทแบบกระดุมสองแถวและติดกระดุมจนครบทุกเม็ด" และเมื่อจอร์จ เมเทสกี้ถูกจับกุมในปี 1957 (กรุณาดูรูปข้างบนค่ะ) เขาก็สวมชุดสูทแบบกระดุมสองแถวและติดกระดุมครบทุกเม็ดตามโปรไฟลิ่งนี้ไม่มีผิดเพี้ยน
คดีนี้เริ่มขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายน 1940 มีกล่องไม้น่าสงสัยถูกวางทิ้งไว้บนหน้าต่างโรงงานของบริษัทคอนโซลิเดเต็ดเอดิสัน (Consolidated Edison) บนกระดาษห่อมีข้อความว่า "Con Edison crooks - This is for you." ภายในคือระเบิดท่อน้ำซึ่งทำจากท่อทองเหลืองอัดดินปืนกับชนวนหยาบๆที่ทำจากน้ำตาลและถ่านไฟฉาย ในความเป็นจริง ระเบิดลูกแรกนี้เป็นระเบิดด้าน และสันนิษฐานว่าคนร้ายจงใจจะให้เป็นเช่นนั้น (ถ้าระเบิดจริง ข้อความบนกระดาษห่อก็จะอ่านไม่ได้) แต่คงเพราะเหตุนี้เอง คดีนี้จึงไม่เป็นที่สนใจเท่าไหร่จนไม่ปรากฏอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ใดๆ ประกอบกับในเวลานั้น ยุโรปกำลังตกอยู่ในสงคราม และอเมริกาก็รอท่าจะเข้าร่วมอยู่ ตำรวจจึงยิ่งเมินเฉยต่อระเบิดในครั้งนี้
ผ่านไปอีกสิบเดือนโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเดือนกันยายน 1941 มีการพบระเบิดใกล้บริเวณบริษัทคอนเอดิสันอีกครั้ง คราวนี้ก็เป็นระเบิดด้านอีกเช่นกัน ตัวระเบิดเป็นระเบิดเวลาที่ใส่ไว้ในถุงเท้าขนแกะ ทีมกู้ระเบิดสังเกตว่าระเบิดนี้มีโครงสร้างแบบเดียวกับระเบิดที่คอนเอดิสันในปีก่อน พวกเขาจึงลงความเห็นว่าน่าจะเป็นคนร้ายรายเดียวกัน คนร้ายคงตั้งใจจะนำระเบิดไปยังคอนเอดิสันหากก็มีเหตุให้ต้องละทิ้งระเบิดไปกลางคัน และอีกครั้งที่คดีนี้ไม่ได้ถูกยกขึ้นมาพาดหัวข่าว
และในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน อเมริกาเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการ คราวนี้มีจดหมายจาก "ผู้รักชาติ" ส่งมาถึงกรมตำรวจนิวยอร์ค
"ผมจะไม่ทำระเบิดในระหว่างสงคราม และนั่นก็เพราะความรักชาติในตัวผม แต่ผมจะกลับมาลงโทษคอนเอดิสันอย่างแน่นอน พวกมันจะต้องชดใช้การกระทำอันขี้ขลาดที่ได้ทำไว้
F.T."
และดังคำที่คนร้ายได้ประกาศเอาไว้ ไม่มีระเบิดใดๆถูกพบระหว่างสงคราม จะมีก็แต่จดหมายหลายฉบับที่ถูกส่งไปยังกรมตำรวจ หนังสือพิมพ์และบริษัทคอนเอดิสันอันเป็นคู่แค้น
การล้างแค้นของเขาเริ่มต้นอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 1950 ระเบิดลูกที่สามถูกพบที่สถานีรถไฟแกรนด์เซ็นทรัล และเป็นครั้งแรกที่มันระเบิดจริงๆ โครงสร้างระเบิดยังคงเป็นแบบเดียวกับที่ผ่านมา หากเทคนิคนั้นเหนือชั้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งไปกว่านั้น คนร้ายยังเปลี่ยนเป้าหมายมาวางระเบิดในที่สาธารณะซึ่งสร้างอันตรายให้กับคนทั่วไปได้มากกว่าอีกด้วย
เจ็ดปีหลังจากนั้น มีการวางระเบิดอย่างน้อย 31 ครั้งและมี 22 ลูกในจำนวนนั้นที่ระเบิดจริง มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 15 ราย แต่โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว ครั้งที่ร้ายแรงที่สุดคือการวางระเบิดที่โรงภาพยนตร์พาราเมานท์ในบรู้คลินเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1956 ระเบิดถูกซ่อนไว้ใต้ที่นั่ง มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 6 ราย และ 3 ในนั้นบาดเจ็บปางตาย
เจมส์ บรัสเซล
การสืบสวนเป็นไปอย่างมืดแปดด้านจนตำรวจยอมหันไปพึ่งดอกเตอร์เจมส์ บรัสเซล (James A. Brussel) ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมวิจัยโปรไฟลิ่งของ FBI และบรัสเซลก็ก็ทำโปรไฟลิ่งขึ้นดังนี้
"มือระเบิดเกือบทั้งหมดเป็นผู้ชาย ดังนั้นคนร้ายรายนี้ก็เป็นเพศชายด้วย เขามีอาการเพ้อฝัน (Paranoia) และอาการดังกล่าวมักเกิดในช่วงอายุ 35 ปี ดังนั้นตอนนี้ เขาก็น่าจะมีอายุประมาณ 50 ปี และน่าจะอาศัยอยู่ตามลำพังเช่นเดียวกับผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าว หรือไม่ก็อาศัยอยู่กับญาติที่มีอายุมาก ลายมือบอกให้รู้ว่าเขาเป็นคนเจ้าระเบียบ เขาคงจะเป็นคนรักษากฏเกณฑ์อย่างถี่ถ้วน และนิยมการใส่สูทแบบกระดุมสองแถว การใช้ภาษาหลายที่ไม่เป็นธรรมชาติบอกให้รู้ว่าเขาน่าจะเป็นผู้อพยพ คงจะเป็นชาวสลาฟ ดังนั้นเขาน่าจะเป็นคาธอลิคด้วย จดหมายถูกส่งมาจากเวสต์เชสเตอร์เป็นส่วนใหญ่ เขาน่าจะอาศัยอยู่ในคอนคิเนคัทซึ่งมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่มาก ในจดหมายบอกว่าเจ้าตัวป่วยเป็นโรคหนักมานานปี และถ้าหากเขายังมีชีวิตอยู่ โรคดังกล่าวก็น่าจะเป็นโรคหัวใจหรือวัณโรค"
ตำรวจส่งโปรไฟลิ่งนี้ไปลงหนังสือพิมพ์ตามคำแนะนำของบรัสเซล โดยบรัสเซลให้เหตุผลว่า คนร้ายอยากเป็นคนดังและต้องการให้ผู้อื่นให้ความสนใจต่อสิ่งที่ตัวเองทำ ซึ่งหากข้อมูลนี้เผยแพร่ผ่านสื่อไป จะต้องมีการติดต่อมาจากคนร้ายอย่างแน่นอน หลังจากที่ลงข่าวเรื่องโปรไฟลิ่งไปแล้ว มีผู้คนมากมายอ้างตัวว่าเป็นแม้ดบอมเมอร์ หากก็ไม่มีรายใดที่เป็นมือระเบิดตัวจริง
สาเหตุที่ทำให้คนร้ายถูกจับนั้นไม่ได้มาจากโปรไฟลิ่งโดยตรง แต่เป็นเพราะข้อความที่คนร้ายเผลอหลุดออกมาในจดหมายเสียมากกว่า
"I was injured on job at Con Edison plant - As a result I am adjudged - Totally and permanently disabled."
และในจดหมายอีกฉบับ คนร้ายก็ระบุมาอีกว่าวันที่เกิดอุบัติเหตุนั้นคือวันที่ 5 กันยายน 1931 และทำให้ชื่อของจอร์จ เมเทสกี้ปรากฏขึ้นในฐานะผู้ต้องสงสัยในที่สุด
เมเทสกี้เป็นอดีตพนักงานบริษัท United Electric & Power Company ซึ่งถูกรวมเข้ากับคอนเอดิสันในภายหลัง บริษัทคอนเอดิสันมีการรวมบริษัทเช่นนี้หลายครั้งหลายหนจนเป็นการยากที่จะสืบค้นข้อมูลพนักงาน หากตำรวจก็ล้างชื่อของเมเทสกี้ออกมาได้ในท้ายที่สุด
เมเทสกี้ประสบอุบัติเหตุระหว่างงานในโรงงาน หลังจากนั้นเขาป่วยเป็นวัณโรคซึ่งเจ้าตัวอ้างว่ามีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุดังกล่าว หากทางบริษัทก็ไม่รับฟังคำร้องเรียนของเขาเลยแม้แต่น้อย
เมเทสกี้เป็นผู้อพยพชาวโปแลนด์ซึ่งอาศัยอยู่ในคอนติเนคัทกับพี่สาวสองคน เขาเป็นคนสุภาพแต่งตัวเรียบร้อย เพื่อนบ้านไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขานัก ทราบแต่ว่าเจ้าตัวมักออกไปทำธุระที่นิวยอร์คบ่อยๆและไปโบสถ์ทุกปลายสัปดาห์ ซึ่งทั้งหมดนี้ตรงกับโปรไฟลิ่งของบรัสเซลทุกประการ หลังจากการจับกุมในวันที่ 21 มกราคม 1957 เมื่อถูกถามถึงความหมายของชื่อย่อ F.P. ในท้ายจดหมาย เมเทสกี้ก็ยิ้มและตอบว่าชื่อนั้นย่อมาจาก "Fair Play" นั่นเอง
เมเทสกี้ในสถานบำบัด
เมเทสกี้ถูกตัดสินว่ามีอาการทางจิตและถูกส่งตัวไปรักษาในสถานบำบัด บรัสเซลไปพบกับเมเทสกี้หลายครั้งและยืนยันว่าเมเทสกี้ไม่มีความตั้งใจจะฆ่าใครเลยแม้แต่น้อย เขาถูกปล่อยตัวออกมาในปี 1973 หลังจากนั้นก็มีชีวิตอีกนานถึงยี่สิบปี ก่อนจะเสียชีวิตไปเมื่อมีอายุได้ 90 ปีเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1994.......
*แถมค่ะ
คดีของเมเทสกี้ทำให้บรัสเซลโด่งดังขึ้นมาในเรื่องการโปรไฟลิ่งก็จริง หากในคดีนักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน ข้อมูลโปรไฟลิ่งของบรัสเซลก็แตกต่างจากอัลเบิร์ต เดซัลโวซึ่งเป็นคนร้ายตัวจริงโดยสิ้นเชิง
ที่มา : //ohx3.exteen.com/