ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
Group Blog
 
 
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
29 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
เรื่องเล่า…ครั้งผมครองเพศบรรพชิต#2


ตอนที่ 2 : รู้จักเพื่อนใหม่

ผมมีกำหนดเข้าพิธีอุปสมบทพร้อมกันกับเพื่อนๆ นาคอีก 6 คนที่พระอาจารย์เอกนัดมาอยู่วัดพร้อมกันในวันที่ 2 พฤษภาคม เรียกว่ามาประเดิมลองอยู่วัด นอนวัดกันก่อนเลย นี่ถ้าไม่แน่จริงรับกันไม่ได้ก็จะได้ไปหาที่อยู่อื่นเสีย ไม่ต้องมาทนอุดอู้ทนอยู่คับที่คับใจกันต่อไป

แต่อันที่จริงแล้วท่านตั้งใจจะให้มาซ้อมขานนาคกันให้พร้อมเพรียง ฝึกครองจีวรและเรียนรู้กฎข้อบังคับต่างๆ ไปทีละเล็กละน้อย เพื่อที่ว่าเมื่อบวชเป็นพระแล้วจะได้ปฏิบัติอยู่ในข้อวัตรได้ทันทีโดยไม่เก้อเขิน ไม่ต้องมาถาม มาสงสัยกันอีกให้วุ่นวาย

เพราะฉะนั้นนาคทุกคนที่มาอยู่วัดก็ต้องตั้งใจเรียนรู้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ให้ดีและเร็วด้วย เพราะเวลามีน้อย เหลืออีก 3 คืนก็บวชแล้ว ยังครองจีวรไม่ได้แล้วหลุดลุ่ยต่อหน้าธารกำนัลล่ะก็ดูไม่จืด ซึ่งเรื่องสนุกๆ เหล่านี้ผมจะเล่าให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง

แม้ว คือนาคที่ผมรู้จักเป็นคนแรก เพราะเขาเดินเข้าวัดมาหลังจากผมนิดเดียวเลยได้ทักทายกัน

อันที่จริงแม้วน่าจะชื่อว่า “แมว” มากกว่า เพราะตอนเป็นนาคมานั้นผมชี้ๆ ฟูๆ แบบญี่ปุ่น ตัวเล็กๆ หน้าขาวๆ ตาใสๆ ยิ้มแล้วแก้มเป็นเส้นๆ เหมือนหนวดแมว แต่แม้วไม่ค่อยพูด ดูนิ่งๆ และเงียบเฉย เราได้พักห้องติดกันอยู่บนชั้นสองของอาคารกุฏิไฮโซ 2 ชั้น ต่างกันตรงที่ห้องผมวีไอพีกว่าที่มีห้องน้ำในตัว ส่วนแม้วต้องเดินออกมาที่โถงกลางเพื่อเข้าห้องน้ำรวม นัยว่าเพราะผมเดินเข้าวัดมาก่อนจึงได้ห้องพิเศษกว่า




ที่ชั้นล่างมีนาคอีกหนึ่งคนที่มาถึงก่อนพวกเราแล้วชื่อ พี่วัฒน์ ที่เรียกพี่ได้เต็มปากเต็มคำก็เพราะอายุอานามก็ปาเข้าไป 29 จะ 30 อยู่แล้ว หน้าตาก็อ่อนวัยกว่า 50 ปีนิดหน่อย อันนี้ก็ต้องยกให้เขาล่ะครับ โดยเฉพาะเรื่องสีผิวที่ดำเนียน แต่เป็นคนภาคกลางแถบๆ สิงห์บุรี พูดเหน่อนิดๆ แถมเจ้าตัวภูมิใจในความเป็น “ปลารักเร่” ของตัวเองมาก เนื่องมาจากว่ามีความจำสั้นเหมือนปลาทอง แต่ด้วยว่าผิวดำเนียนเลยขอเป็นปลารักเร่จะดูเหมาะสมกว่า พี่วัฒน์เป็นคนยิ้มเก่ง คุยสนุกและคิดถึงแฟนอยู่ตลอดเวลาที่มาอยู่วัด

พูดถึงอาคารกุฏิสองชั้นที่ผม แม้วและพี่วัฒน์ มาพักอยู่ด้วยกันนี่ ได้ยินกิตติศัพท์มานานแล้วว่ามีของครับ

เพื่อนๆ ที่เคยมาบวชที่วัดนี้เล่าให้ฟังถึงปรากฎการณ์บางอย่างที่ประสบพบเจอมา ฟังผ่านหูมาบ้างเกี่ยวกับเสียงฝีเท้าบนหัวนอนประหลาดๆ หรือแม้กระทั่งจุดแสงสว่างที่หาสาเหตุไม่ได้ ทันทีที่ได้เห็นอาคารหลังนี้จิตก็ปรุงแต่งไปแล้วล่ะครับว่า เรื่องที่ได้ยินมาท่าทางจะจริงแท้ เหลือแค่ว่าจะมาหลอกกันหรือเปล่าเท่านั้นเอง

เมื่อเริ่มก้าวเข้าที่อาคารชั้นล่างที่ปูพรมอย่างดีแล้ว เครื่องเรือนทุกชิ้นยังเป็นไม้จริง เก่าไม่เก่าไม่ต้องสาธยายกันล่ะ เมื่อเดินผ่านโถงโล่งๆ ไปแล้วขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง จะพบกับกลุ่มโต๊ะหมู่บูชาสุดอลังการขนาดเต็มความกว้างของอาคารนั้น ประดิษฐานประพุทธรูปขนาดใหญ่น้อยเรียงตามลำดับอย่างสวยงาม สะอาดสะอ้านมันวาวดำขลับ มีเครื่องสัตตภัณฑ์และของบูชาครบชุด ในความมืดมิดนั้นผมสังเกตทุกอย่างได้จากแสงสว่างจากภายนอก




เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผมเข่าอ่อนทรุดลงไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธ์ประหลกๆ ขออนุญาตท่านนอนสักคืนสองคืนแล้วจะรีบหาทางไปจากอาคารนี้แล้ว ในใจก็คิดว่าตัวเองโชคดีแท้ที่ห้องพักมีห้องน้ำในตัว ผิดกับแม้วที่เวลาจะเข้าห้องน้ำต้องมาเดินผ่านโถงนี้ก่อนทุกครั้ง สวิตช์เปิดไฟที่ห้องโถงนี่ก็อยู่ใกล้กับโต๊ะหมู่นิดเดียว จะเดินไปเปิดท่ามกลางความมืดนี่ก็บ้าแล้ว ผมมุดเข้าห้องไปเลยดีกว่า ตอนเช้าสว่างแล้วว่ากันใหม่.

ตอนเช้า ผมแอบถามแม้วว่านอนหลับสบายดีไหม แม้วก็ว่าสบายดี ส่วนพี่วัฒน์ก็บ่นว่านอนไม่หลับเพราะเสียงไก่กับเสียงหมาในวัด ผมแอบยิ้มย่องอยู่ในใจว่าสองคนนี้ช่างไม่รู้อะไร

ผมน่ะนอนไม่หลับเลย คอยระแวดระวังเสียงแปลกๆ และจ้องมองดูแต่ในความมืดนั้นอยู่ตลอด ดีนะที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นให้ผมตกใจ ลองสอบถามพระเณรบางรูปในวัดก็เล่าลือกันพอสมควร แต่พอได้ลองเลียบๆ เคียงๆ ถามพระอาจารย์เอกแล้ว ท่านก็ตอบว่า…

”คุณไม่ต้องกลัวว่าจะเห็นอะไรหรอก เขาไม่มาให้คุณเห็นแน่ๆ คุณน่ะเป็นใคร มีบุญญาธิการแค่ไหนให้เขาต้องเปลืองกำลังมาปรากฎตัวให้คุณเห็น ศีลก็ไม่ได้รักษา บุญก็ไม่มี อย่ากังวลไปเลย”




ดูเหมือนจะจริงครับ ผมนี่โง่แท้ๆ คิดไปก่อนแล้ว จิตใจก็ไปกังวล ดูแม้วสินอนหลับสบาย ส่วนผมต้องง่วงนอนทั้งวันเพราะไม่ได้หลับได้นอน คราวหน้าไม่คิดแล้ว ทุกข์ใจไปเปล่าๆ ปลี้ๆ

พี่เจมส์, อั๋น, เก่งใหญ่และเก่งเล็ก เป็นนาคสี่คนที่เหลือที่ผมได้รู้จักในเวลาต่อมา

พี่เจมส์ เป็นผู้ชายตัวใหญ่ ผิวขาวแต่ย้อมสีแดงมาจนผมระบุสัญชาติไม่ได้ นัยว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องมาบวชพร้อมกันกับ อั๋น ที่ตัวย่อมลงมาหน่อยแต่หัวโต ผิวคล้ำและตาโต ท่าทางคุยไม่รู้เรื่อง ดูแล้วไม่น่าจะเป็นสายเลือดเดียวกันเลย

ส่วนทั้งสองเก่งนั้นชื่อซ้ำกัน จึงต้องมีการะบุให้ชัดเจนว่าเก่งไหน ที่ได้ชื่อเก่งใหญ่เพราะอายุมากกว่าเก่งเล็กนั่นเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วเก่งเล็กนั้นตัวโตกว่าเก่งใหญ่เสียอีก ใครที่ไม่รู้อายุและลำดับการบวชก่อนหลังของทั้งสองคนนี้เมื่อได้ยินการเรียกชื่อก็จะเข้าใจว่า เก่งใหญ่หมายถึงคนที่ตัวโตกว่าทุกครั้งไป ดูเอาเถิดความสับสนทางโลก นี่แค่ชื่อที่สมมติกันก็สร้างความสับสนถึงเพียงนี้แล้ว

เก่งใหญ่และเก่งเล็กนี่ผมจะสนิทมาก ด้วยเหตุว่าบวชอยู่ด้วยกันนานวันกว่าพี่อั๋นกับเจมส์ เก่งใหญ่ นั้นสูงประมาณ 165 เซนติเมตร ตัวป้อมๆ หน่อยและท่าทางประหม่า มักจะมีโลกส่วนตัวมากสักหน่อย ส่วน เก่งเล็ก นั้นสูงกว่าผมมาก ตัวผอมบางแบบผู้ชายภาคเหนือ แต่เก่งเล็กนี่สำคัญตรงที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเด่น คุยกับใครก็ได้หมดทุกเรื่อง ทุกเพศ ทุกวัย ที่กุฏิเบอร์ 31 ของเก่งเล็กจึงมักเป็นที่ชุมนุมของเหล่านาคทั้งเจ็ด คุยกันเรื่องสัพเพเหระในเวลาว่าง

เรื่องที่คุยกันเป็นอันดับแรกคือคำถามที่ว่า “มาบวชที่นี่ได้ไง บวชทำไมแล้วบวชกี่วัน” ซึ่งต่างคนก็ต่างมีคำตอบของตัวเอง




จากการแลกเปลี่ยนกันทำให้รู้ว่าพี่เจมส์จะเป็นคนแรกที่จากเราไปก่อน เพราะลางานมาได้แค่ 9 วัน พี่วัฒน์นี่เตรียมมาบวช 11 วันบอกกับทุกๆ คนว่าก่อนจะมาวัดนี่ไปทำงานก่อนแล้วขี่มอเตอร์ไซต์มาที่วัด กะว่าจะจอดทิ้งไว้จนกว่าจะสึกแล้วขับรถไปทำงานต่อเลยในวันนั้น นับว่าเป็นคนเอาการเอางานมาก

เก่งใหญ่และเก่งเล็กบอกเหมือนกันว่าจะบวช 20 วันจนถึงสิ้นเดือน ส่วนแม้ว - - ที่ภายหลังแนะนำคนอื่นว่าชื่อ “โอ” - - ยังไม่แน่ใจจำนวนวันที่จะบวช แต่ลางานมา 1 เดือน จะขอบวชดูสักอาทิตย์ สองอาทิตย์ก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่ามาบวชทำไม (อ้าว!!)

แต่สำหรับคนอื่นๆ แล้วล้วนมาบวชตามประเพณีทั้งสิ้น คือเมื่ออายุถึงวัยแล้ว สามารถหาเวลาว่างได้ จึงบวชทดแทนคุณพ่อแม่และบุพการีทันที นับว่าน่าดีใจที่อย่างน้อยประเพณีไทยยังชักจูงเด็กหนุ่มให้เข้าวัดเข้าวาได้ แม้จะเป็นระยะเวลาอันสั้น.

ติดตามตอนต่อไป

>>เรื่องเล่า…ครั้งผมครองเพศบรรพชิต <<
ขออนุโมทนา เจ้าของบทความ คุณฐานวิชโช


Create Date : 29 กันยายน 2548
Last Update : 15 ธันวาคม 2549 2:32:02 น. 5 comments
Counter : 463 Pageviews.

 
หวัดดีจ้าพี่ป่ามืด วันนี้คิดอะไรไม่ค่อยเลยคะ ม่ายช่ายอะไรหรอกคะ ง่วง .........


โดย: ตะวันสีชมพู วันที่: 29 กันยายน 2548 เวลา:20:06:42 น.  

 
เหมือนอ่านนิยายจริง ๆ ด้วยค่ะ เริ่มสนุกแล้ว

จะติดตามตอนต่อไปค่ะ

ปล. พี่ขำมากเลยพี่


โดย: ZAZaSassY วันที่: 29 กันยายน 2548 เวลา:22:10:29 น.  

 


ราตรีสวัสค่ะ พรุ่งนี้เช้าเจอกันใหม่


โดย: ZAZaSassY วันที่: 29 กันยายน 2548 เวลา:22:11:45 น.  

 
พี่ป่ามืด เขียนให้น่าติดตามจริงๆ ค่ะ แบบว่ามาต่อเร็วๆ นะค่ะ ประมาณว่าถ้าเครื่องติดแล้วใจร้อนอยากรู้เรื่องราวต่อน่ะค่ะ เอ แต่ว่าตอนนี้คงต้องบอกราตรีสวัสดิ์กับพี่ป่ามืดแล้วมั้งค่ะ ( หรือเปล่าเอ่ย ) ...


โดย: JewNid วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:0:06:23 น.  

 
อุ อุ ตามอ่านต่อนะคะคุณป่ามืด

จะได้รู้ว่าคนก่อนบวชเค้าคิดยังไงกัน


โดย: pataree วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:18:51:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ป่ามืด
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








 

 

Now Playing:

eXTReMe Tracker
New Comments
Friends' blogs
[Add ป่ามืด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.