เมื่อเช้า มีมอไซค์ร้องตะโกน ขายปลาทู ผ่านมาหน้าบ้าน ในใจผม นึกอยากกินน้ำพริกกะปิแกล้ม ปลาทู ขึ้นมาตะหงิดๆ เลยเลือกซื้อไว้ 2ตัว แต่ละตัวอวบอ้วนกะลังกินเลย กะว่ากลับมาตอนเย็น ทอดปลาทูให้หอมๆ กินกับข้าวสวยร้อนๆ น้ำพริกกะปิพร้อม แตงกวา ผักกระถินกรอบๆนะ โอ๊ยยยย แค่คิดก็น้ำยาย ไหลแหล่ว กลับมาตอนเย็น จากินให้หายอยาก ซักกะหน่อย คิดไปคิดมา อะเดี๋ยวสาย ไปทำงานดีกว่าพอตกเย็นกลับถึงบ้าน ก็ลงมือทำกับข้าว วันนี้สวมวิญญาณ พ่อครัว(hell kitchen) ลงมือเองเลย จะว่าไปแล้วฝีมือทำกับข้าวของผมนั้น ไม่ใช่ย่อยเหมียนกัน อย่างน้อยก็อร่อยกว่าแม่บ้าน 555 แต่ไม่กล้าบอกเดี๋ยวคืนนี้ แม่ไม่ยอมให้ทำ การบ้าน เลขคณิต คิดนานๆ อิ อิ ไม่นานนักด้วยฝีมือเชฟกระทะเหล็ก กับข้าวเมนูเอก คือ น้ำพริกปลาทู พรอ้มไข่เจียวเหลืองฟูร้อนๆ ตามด้วยผัดผักรวมมิตร ก็พร้อมเสริฟ ประมาณด้วยสายตา คงสัก 4-5 พันแคลอรีได้ เพราะเป็นของทอดซะท้างน้าน เอานะ นานๆกินที ม่ายเป็นไรน่า แล้วค่อยไปวิ่งขึ้นบันไดสัก 20รอบ แล้วกัน พุงจาได้ยุบตอนนี้ก็ท้องอ่อนๆสัก3เดือนได้ ไปหาหมอทีไร หมอทำหน้าอยากจะร้องไห้ บอกว่า ต่อไปนี้นะ คุณไม่ต้องกินข้าวแล้ว น้ำหนักไม่เคยลดเลยยย ผมสลัดภาพตอนไปหาหมอออกไปจาก ความคิด ตั้งหน้าตั้งตา กินข้าว พร้อมแกะเนื้อปลาทูจิ้มน้ำพริก กินอย่าง เอร็ดอร่อย ได้ประมาณ 6 คำ ฉับพลันทันใดนั้น ก็มีความรู้สึกอยากจะร้องไห้ น้ำตาคลอ พร้อมกับเสียวแปลบในลำคอ เวรละซิ ปลาทูเจ้ากรรม ทำพิษเข้าให้แล้ว ก้างติดคอ ความอร่อยหมดไปในทันที ทำไงดี ฟะ เสียงแม่บ้านตะโกนบอก สมน้ำหน้า อยากกินก่อนไม่รอ ร้องบอกว่า กลืนข้าวสวย เข้าไปแยอะๆเดี่ยวก็ออก ผมเชื่อฟังแต่โดยดี ก้มหน้าก้มตายัดข้าวใส่ปาก หวังว่า ก้างจะหลุดตามเข้าคอไป จนข้าวจะหมดชามก็ยังไม่ออก แม่บ้านตะโกนบอกว่า ลองกล้วยซิ ผมก็เชื่ออีก เด็ดกล้วยหอมครึ่งลูก ยัดเข้าปากทันที แล้วกินน้ำตามอีกครึ่งเหยือก กงแก้วไม่เอาแล้ว คราวนี้หลุดแน่ ลองกลืนน้ำลายดูซิ เฮ้ยยย เสียวแปลบ เหมียนเดิม เอาไงดีฟะ เสียงแม่บ้านตะโกนมาบอกว่า ต้อง แมวแล้ว ผมนึกขึ้นมาได้ว่า สมัยเด็กๆ คนโบราณ เค้าบอกไว้ว่า ถ้า ก้างติดคอ ให้เอาเท้าแมวมาลูบตรงคอ จะหายเพราะมันแพ้ทางกัน ผมตัดสินใจลองดู วิ่งไปหลังบ้าน ร้องเรียกเหมียวๆ ไอ้หม่าวแมวข้างบ้าน ที่ผมเคยให้ข้าวมันกินอยู่บ่อยๆ ก็วิ่งตัวกลมมาทันที จัดแจงอุ้มมันมา พยายาม เอาขาหน้าลูบคอ ลุบไปลูบมา จนมันชักจะโมโห ทำท่าจะตบหน้าผม เลยต้องปล่อยมันไป คราวนี้หายแน่ คุณผู้อ่านลองทายซิคับว่า จะหายไหม ตำหรับโบราณนี่ชงัดจริงๆคับ ม่ายหาย แง แง อยากจะร้องไห้ สงสัยต้องพึ่งเท้าหมอแล้ว เอ๊ยยย ม่ายใช่ มือหมอนะ สงสัยต้องไปร.พ.ท่าจะดี เพราะลองหมดทุกกระบวนท่าแหล่ว ผมจัดแจงขับรถไปร.พ.เอกชนใกล้บ้าน ทันที นั่งอ้าปากให้หมอเอาไฟส่องหาก้างในคอ สักพักหมอก็บอกขอตัวเดี๋ยว สงสัยจาไปอ้วก เพราะกลิ่นน้ำพริกกะปิฝีมือผม 555 แล้วหมอก็มาส่องหาอีกพักใหญ่ ก็เอ่ยปากว่า หมอส่องหาจนทั่วแล้วไม่เจออะ อาจจะอยู่ลึก คุณลองเอายาไปกิน ถ้าไม่หายค่อยมาใหม่นะ ผมทำหน้าอยากจะร้องไห้ จ่ายค่ายาไป1000 นึง ได้ยาแก้ปวด แก้อักเสบ มากิน 2ถุง ในใจก็นึกว่า หมอทำงานไม่สำเร็จ แล้วทำไมต้องคิดตังตูด้วยฟะ กลับบ้านดีฝ่า เผื่อโชคดี พรุ่งนี้คงหายน่า คืนนั้นผมก็กลับบ้านไปนอนด้วยความรำคาญ เรื่องก้างติดคอนี่ ใครไม่เจอด้วยตัวเอง จะไม่รู้หรอก ฟังดูเป็นเรื่องเล็กๆแค่รำคาญ ม่ายถึงกะตายซักกะหน่อยเช้าผมก็ไปทำงานตามปกติ พยามกินแต่ของอ่อนๆ พวกเบียร์ที่เป็นวุ้น ม่าย ช่ายกินก็ได้แต่น้ำเต้าหู้ ตอนเที่ยงผมก็รีบเผ่น ไปคลีนิคแถวใกล้ๆที่ทำงาน เจอคุณหมอสาว น่าตาน่ารัก พอเล่าอาการให้ฟังคุณหมอก็บอกผมให้อ้าปากกว้างๆไม่ต้องเกร็ง ผมก็ทำตามโดยดี อ้าปากกว้างจนเห็นลิ้นไก่ แฮ่แฮ่ วันนี้ไม่มีกลิ่นน้ำพริก เพราะแปรงฟันมาอย่างดี แต่เรื่องไม่ให้เกร็งนี่ จนปัญญาครับ เพราะมือคุณหมอที่มาสัมผัสใบหน้าผมนี้ นุ้ม นุ่ม อย่าบอกใคร ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มอยู่นั้น หมอก็เอาปากคีบ(คีมนะ) อย่าเข้าใจผิด ดึงก้างปลาออกมา ชูให้ผมดู หมอทำหน้ายิ้มๆแล้วบอกว่า ก้างอันนี้ มันเป็น 2 เงี่ยงเอาออกยากหน่อย นะ คะ แล้วห่อใส่กระดาษทิชชู ส่งให้ผม บอกว่าเอากลับไปให้ แม่บ้านดูเป็นที่ระลึก นะคะแล้วยิ้มน้อยๆ ผมเอื้อมมือไปรับ น้ำตาคลอ ด้วยความดีใจ พร้อมนึกในใจว่า รู้งงี้มาหาคุณหมอซะแต่แรก ก็มไม่ต้องเสียตัง 1000นึง วันนี้เสียแค่ 400 สรุปค่าเสียหาย ค่าอยากกินน้ำพริกปลาทู ทั้งหมด 1400 บาท ขณะขับรถกลับบ้าน ผมสาบาญไว้เลยว่าจะไม่กินของที่มีก้างอีก เป็นอันขาด ยกเว้นถ้ามีคนมาป้อนเท่านั้น 555