DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
28 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
สั่งประหารแท็กซี่โหด หั่นศพดช.โช-ยิงแม่ดับ


       ศาลอาญาพิพากษาประหารโชเฟอร์แท็กซี่ฆ่าหั่นศพ"น้องโช"ลูกครึ่งญี่ปุ่นกับแม่คนไทย ระบุพฤติกรรมโหดเหี้ยม ยิงแม่ก่อนแล้วยิงลูกชายกับลูกสาว 2 คน ลูกสาวแกล้งตายเลยรอดชีวิต หลังเกิดเหตุนำศพแม่ไปทิ้งข้างถนน เอาศพน้องโชไปหั่นเป็นชิ้นในคอนโดฯ แล้วยังทำอนาจารลูกสาววัย 13 ปีของเหยื่อด้วย ชี้เตรียมปืนไว้แต่แรก ไม่ใช่แค่บันดาลโทสะ แม้สารภาพก็ไม่มีเหตุลดโทษ ด้านด.ญ.เหยื่อเปิดใจไม่อโหสิกรรม


            เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 21 ก.ย. ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาล พิพากษาประหารชีวิตนายสิริพงศ์ หรือใหญ่ กาญจนนิวิฐ หรือกาญจนชมพู อายุ 41 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ จำเลยในความผิดฐานฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธปืน, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น ให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นไม่ยินยอม, ซ่อนเร้นหรือย้ายทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยไม่ได้รับอนุญาต


            คดีนี้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2552 เวลา 24.00 น. จำเลยได้ใช้อาวุธปืนพกรีวอลเวอร์ ขนาด .38 ซึ่งไม่ได้รับอนุญาต ยิงนางสุนันท์ ศรีสุวรรณ หลายนัดถูกบริเวณกกหูด้านขวา ลำคอ หน้าอก กระดูกไหปลาร้าข้างซ้าย จนถึงแก่ความตาย นอกจากนี้ยังใช้ปืนยิงด.ช.โช มาคิโน่ บุตรชายของนางสุนันท์ หลายนัดถูกบริเวณศีรษะ ลำตัว ต้นแขนขวา และปลายแขนขวา จนถึงแก่ความตาย อันเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน


            นอกจากนี้ จำเลยยังใช้อาวุธปืนยิงด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี (ขณะนั้น) ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นจำเลยได้ลักเอาสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท จำนวน 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 1 เส้น พระเครื่องเลี่ยมทองจำนวน 3 องค์ นาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ ฝังเพชร 1 เรือน และธนบัตรญี่ปุ่นจำนวน 16,000 เยน รวมมูลค่าทั้งสิ้น 246,180 บาทของนางสุนันท์ไปโดยทุจริต แล้วจำเลยได้กักขังหน่วงเหนี่ยว ด.ญ.เอ ไว้ในห้องเลขที่ 353/33 บ้านเอื้ออาทร คอนโดมิเนียม ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ต.บางบัวทอง อ.บาง บัวทอง จ.นนทบุรี แล้วใช้กำลังกระทำอนาจาร ด.ญ.เอ


            นอกจากนี้ จำเลยยังได้ใช้มีดปังตอสแตนเลส 2 เล่มหั่นศพด.ช.โช มาคิโน่ เป็น 12 ชิ้น นำไปแยกใส่ถุงพลาสติกสีดำ 5 ใบ เคลื่อนย้ายศพออกจากห้องพักของจำเลยไปทิ้งไว้ในซอยหมู่บ้านพิมาน แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. อันเป็นการซ่อนเร้นทำลายศพ เพื่อปิดบังสาเหตุการตาย ต่อมาวันที่ 12 ต.ค. 2552 พนักงานสอบสวนพบชิ้นส่วนศพของ ด.ช.โช และวันที่ 13 ต.ค. 2552 จำเลยได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน พร้อมของกลางอาวุธปืน โดยพนักงานสอบสวนได้ยึดของกลางเป็นมีดปังตอที่ใช้ก่อเหตุจากห้องพักรวมถึงทรัพย์สินของกลางที่จำเลยลักทรัพย์เอาไปจากพยานบุคคลที่จำเลยนำไปฝากไว้


            จากการสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ ในข้อหาพ.ร.บ.อาวุธปืน, ฆ่าและพยายามฆ่า ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธปืน และซ่อนเร้นทำลายศพ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยอ้างว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะ


            ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า โจทก์มี ด.ญ.เอ ผู้เสียหาย เบิกความยืนยันว่าในวัน 10 ต.ค. 2552 เวลาประมาณ 23.30 น. จำเลยขับรถแท็กซี่ไปรับนางสุนันท์ มารดา ด.ช.โช น้องชาย และพยานจากสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อไปส่งที่คอนโดมิ เนียม ย่านถนนรัชดาภิเษก แต่จำเลยกลับขับรถออกนอกเส้นทาง นางสุนันท์จึงสั่งหยุดรถ จำเลยจึงหันมาใช้อาวุธปืนยิงใส่นางสุนันท์ ด.ช.โช และพยาน เมื่อถูกยิงพยานจึงแกล้งเสียชีวิต ขณะที่มารดาพูดจาต่อว่าจำเลยจึงถูกยิงซ้ำอีก 2 นัด ส่วนน้องชายร้องไห้จึงถูกยิงซ้ำอีก 3-4 นัดจนเสียชีวิต เห็นว่าพยานรู้จักจำเลยเป็นอย่างดีเพราะถูกเลี้ยงดูมาแต่ยังเล็ก แม้ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนย่อมจำได้ว่าเป็นจำเลยเป็นผู้ก่อเหตุ อีกทั้งมีภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดยืนยันว่าจำเลยไปรับผู้ตายและผู้บาดเจ็บจากสนามบินสุวรรณภูมิจริง ประกอบกับหลักฐานในชั้นสอบสวนพบว่าหัวกระสุนถูกยิงจากปืนของจำเลย อีกทั้งผลการตรวจสอบในรถแท็กซี่ เสื้อ และรองเท้าของจำเลยพบคราบโลหิตของผู้ตาย และพบคราบเลือดของด.ญ.เอในห้องน้ำบ้านพักย่านบางบัวทองที่จำเลยนำพยานไปกักขังไว้ จึงรับฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายทั้งสอง และพยายามฆ่าผู้เสียหายจริง


            คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่าจำเลยได้เตรียมอาวุธปืนซุกซ่อนไว้ใต้เบาะรถ และวางแผนขับรถออกนอกเส้นทางก่อนใช้ปืนยิงผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่า และพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนไม่ใช่เหตุบันดาล โทสะ


            พฤติการณ์แห่งคดีฟังได้ว่า จำเลยมีเจตนาใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสองและผู้เสียหาย แต่ผู้ตายไม่เสียชีวิตทันทีจึงยิงซ้ำ จากนั้นจึงพาด.ญ.เอ ผู้เสียหาย ไปหน่วงเหนี่ยวกักขังและกระทำอนาจาร จากนั้นจึงหั่นศพด.ช.โชใส่ถุงพลาสติกสีดำ 5 ใบแยกไปทิ้งในที่ต่างๆ พฤติการณ์ของจำเลยมีความโหดร้ายกระทำต่อเด็กและผู้หญิง และยังปิดบังซ่อนเร้นทำลายศพ คำรับสารภาพของจำเลยไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาไม่สมควรลดโทษให้


            พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย ส่วนข้อหาพยายามฆ่า พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ข้อหาชิงทรัพย์ จำคุก 6 ปี กักขังหน่วงเหนี่ยวจำคุก 2 ปี กระทำอนาจารเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ให้จำคุก 6 ปี ซ่อนเร้นทำลายศพฯ จำคุก 1 ปี ข้อหาพกพาอาวุธปืนในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว


            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ ด.ญ.เอ บุตรสาวและพี่สาวของผู้ตายทั้งสองเดินทางมาจากจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับนายชยุต บิดา เพื่อร่วมฟังคำพิพากษา โดยภายหลังศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย ด.ญ.เอ กล่าวว่า ผลคำพิพากษาทำให้ความรู้สึกของตนดีขึ้น ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณหน่วยงานและทุกคนที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ แต่กับบางคนที่เข้ามาเพื่อสร้างภาพ ขออย่าเข้ามาอีกเลยเพราะทำให้เสียความรู้สึก


            "หลังจากนี้จะจุดธูปบอกแม่และน้องว่าเราทำสำเร็จแล้ว ทำดีที่สุดแล้ว ส่วนตัวยอมรับว่ายังไม่ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังโกรธแค้นที่นายสิริพงศ์ฆ่าแม่และน้องชาย และคงจะไม่ให้อภัย หรืออโหสิกรรมให้ แม้ศาลจะพิพากษาลงโทษประหารชีวิต" ด.ญ.เอ กล่าว


            ด้านนายชยุต กล่าวว่า พอใจกับผลคำพิพากษาและขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรม พิพากษาให้คนทำผิดได้รับโทษที่เขาได้กระทำไว้ นอก จากนี้ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งสื่อมวลชนที่ให้ความยุติธรรม ส่วนการดูแลบุตรสาวต่อจากนี้ จะให้เขาได้เรียนสูงที่สุด ส่วนจะเป็นด้านไหนตาม ใจเขา และเชื่อว่าบุตรสาวจะลืมเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นได้


ข้อมูลจากข่าวสด


Create Date : 28 กันยายน 2553
Last Update : 28 กันยายน 2553 20:40:09 น. 1 comments
Counter : 3331 Pageviews.

 
เป็นกำลังใจให้น้องเอ สู้ต่อไป


โดย: หมิว IP: 110.49.205.3 วันที่: 26 มกราคม 2554 เวลา:13:10:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.