DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
แด่ แบรท และ ไมเคิล!! ความรักที่ความตายไม่มีวันแยก พ่อลูกจากกัน





       ภาพที่พ่อร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ และพยายามปั๊มหัวใจลูกน้อยที่ตกจากตึกชั้น 10 หวังเพื่อดึงลมหายใจลูกกลับมาดังเดิม แต่ก็สายเกินกว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ เป็นภาพติดตาของผู้พบเห็นไปอีกนานแสนนาน ผู้คนสงสัยว่าผู้เป็นพ่อจะทำอย่างไร เขาจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างไร แต่ในที่สุด ผู้เป็นพ่อก็เลือก “ทางออก” ที่ดีที่สุดด้วยตัวเอง


            เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา แบรท วูล์ฟ พ่อสัญชาติอเมริกัน ครูฝึกมวยไทยค่ายดัง ได้พลั้งเผลอปล่อยลูกชายวัย 4 ขวบเล่นใกล้ระเบียง พลัดตกจากคอนโดชั้น 10 โดย รปภ. เห็นคาตาร่างเด็กลอยละลิ่วลงมา กระแทกพื้นอย่างแรง


            ผู้เขียนเองรู้สึกเศร้าสลดใจ วาดภาพว่า แบรท วูล์ฟ ผู้เป็นพ่อคงทั้งเสียใจและเครียดจัด เพราะความรักที่มีต่อลูกคงมากเกินกว่าที่ผู้คนภายนอกอย่างเราจะเข้าถึง อีกทั้งพิธีการและขั้นตอนต่าง ๆ ทั้งส่งศพไปพิสูจน์ การติดต่อสถานทูต การขอรับศพ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ได้แต่ภาวนาให้เขาผ่านช่วงนี้ของชีวิตไปให้ได้


            แต่แล้วเมื่อวานนี้ ข่าวที่สลดใจเป็นที่สุดในรอบปีของเมืองพัทยา ก็ถูกรายงานไปทั่วโลก ว่าพ่ออเมริกันคนนี้ เครียดจัด กินยาตายตามลูก !!


            สภาพศพที่ถูกพบ แบรท วูล์ฟ ได้ตัดสินเลือกที่จะปลิดชีวิตตนเองด้วยความเต็มใจ เขาแต่งกายเรียบร้อย แพ็คข้าวของเครื่องใช้ไว้อย่างดี ไม่พบว่ามีการดื่มแอลกอฮอล์ ปราศจากอาการเมามาย แต่จิตใจเขาคงว้าวุ่นและตกต่ำอย่างย่ำแย่ที่สุด เพราะลายมือที่ เขียนโน้ตต่างๆ ทิ้งไว้ อ่านไม่ชัดเจน สื่อความหมายที่สับสน นอกจาก โน้ตแผ่นเดียวที่ ยืนยันมั่นคงว่า “ I love my son Michael” ผมรักลูกของผม ไมเคิล


——————————————————————–


ย้อนหลังกลับไปเมื่อ ปี 2551


            ที่เมืองอริโซน่า สหรัฐอเมริกา เมื่อวันศุกร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 12.00 น.ข่าวรายงานว่า………


            ด้านหน้า สำนักงานตำรวจ สถานี เซอร์ไพรส์, ไมเคิล อยู่ในอ้อมกอดพ่อ หน้าตาอิดโรย ง่วงนอน ดูดนมจากขวดที่พ่อของเขากำลังป้อนอยู่ ในขณะที่ แบรท วูลฟ์ กอดลูกเอาไว้แน่นและ ลูบผมลูกชายอย่างทะนุถนอม


       แบรท วูลฟ์ แถลงข่าวว่า เขาดีใจที่ได้เจอลูกแล้ว และได้มาอยู่ด้วยกันอีก ลูกเขาผ่านสิ่งเลวร้ายมาแล้ว “ตอนนี้เขาปลอดภัยครับ เขาคงอยากพักผ่อนเต็มที” แบรท วูลฟ์ กล่าวสั้น ๆ


            24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น แบรท วูลฟ์ อยู่กับสิ่งที่เขาเรียกว่า”ฝันร้าย” มาตลอด เมื่อพบว่าลูกชายวัยเกือบสองขวบของเขาหายไปจากบ้านในวันพฤหัสบดี พร้อมกับพี่เลี้ยง


            เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกมากพอที่ FBI จะให้ความร่วมมือกับตำรวจท้องที่ จนสามารถสืบทราบได้ว่าไมเคิล และพี่เลี้ยงวัย 15 ปี ได้รับความปลอดภัยโดยพบตัวทั้งคู่ที่ นิวพอร์ต อพาตเม้นท์ คอมเพลกซ์ ถนนไดสาต เมือง อะวอนเดล


            อย่างไรก็ตาม ตำรวจไม่เปิดเผยสาเหตุ ว่าทำไมไมเคิลและพี่เลี้ยงถูกนำตัวไปที่นั่น ส่วน ผู้เป็นพ่อ แบรท วูลฟ์ ก็พูดเพียงสั้น ๆ ว่า เขาน่าจะนึกถึงคำพร่ำสอนของพ่อแม่ ที่บอกว่า “อย่าไว้ใจ พี่เลี้ยงเด็ก ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม ต้องขอบัตรประจำตัวไว้เสมอ”


            คุณย่า ของไมเคิล นางเชอริล วูลฟ์ ขับรถมาที่สถานีตำรวจเพื่อเยี่ยมลูกและหลานด้วยเธอกล่าวทั้งน้ำตาว่า “ฉัน ดีใจจริงๆ ที่หลานฉันปลอดภัย”


       ก่อนหน้านั้นมีพยานเห็นหญิงวัยกลางคนขับรถไปกับไมเคิลและพี่เลี้ยงในวันพุธ ต่อมามีรายงานว่าถูกจับกุมโดยตำรวจ ซึ่งตำรวจไม่ระบุชื่อหญิงวัยกลางคนรายนี่หรืออธิบายความสัมพันธ์ของเธอกับพี่เลี้ยงเดิม เจ้าหน้าที่บอกว่าหญิงรายนี้และพี่เลี้ยงของไมเคิลพบกันครั้งแรกในวันอังคารที่สวนสาธารณะ แต่ตำรวจเชื่อว่า ทั้งคู่ต้องเคยรู้จักกันมาก่อนหน้านี้แน่นอน


            ตำรวจบรรยายรูปร่างลักษณะของพี่เลี้ยงเด็กว่า เป็นเด็กใจแตกหนีออกจากบ้านและน่าจะติดยา โดยเธอได้ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลในเมือง วัน ซิตี้ เวสต์ เธออ้างว่ามีปัญหาเรื่องกระเพาะอาหาร ตำรวจปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลมากไปกว่านี้ โดยกล่าวว่าพี่เลี้ยงเด็ก เป็นวัยรุ่นที่มีอดีต และเคยมีรายงานว่าหายไปจากแม่ของเธอในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตามตำรวจจะต้องรอเธอออกจากโรงพยาบาลเพื่อสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม


            พี่เลี้ยงเด็กคนนี้ แบรท วูลฟ์ หามาเลี้ยงลูกของเขาโดยโฆษณา ผ่าน Craigslist Advertisement เมื่อเธอมาสมัครและบอกเขาว่า เธออายุ 19 (แต่ในความเป็นจริงเธออายุเพียง 15 เท่านั้น) เขาตกลงจ้างเธอให้มาเริ่มทำงานในวันจันทร์ ของสัปดาห์ที่เกิดเหตุ


            ตำรวจกล่าวว่า วูลฟ์ โทรหาตำรวจในวันพุธตอนดึก โดยแจ้งว่าเขาสงสัยลูกชายจะถูกลักพาตัว วูลฟ์ เล่าว่าเขาอนุญาตให้พี่เลี้ยงพาลูกชายไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ เมื่อเวลาประมาณ 4 โมงเย็น มีพยานเห็นว่าทั้งคู่ถูกพาตัวไปโดยขึ้นรถ ปิ๊กอัพ สีน้ำตาล ผู้ขับเป็นหญิงวัยประมาณ 40 รูปร่างอ้วน


            ก่อนหน้านั้น วูลฟ์ได้รับโทรศัพท์จากคนคนหนึ่ง แจ้งว่าสนใจจะซื้อบ้านของเขา ซึ่งเขาได้ปิดป้าย บอกขายไว้หน้าบ้าน โดยผู้โทรมา ขอนัดพบกับเขาที่ร้าน สตาบัค ถนนเบลติดกับ แกรนด์ อะเวนิวในวันพุธ เมื่อถึงเวลานัด เขาก็เดินทางไปตามนัด แต่ไม่เจอผู้นัดหมาย และต่อมาก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาบอกให้เขารอหน่อย เขารู้สึกหงุดหงิดและกังวลนิด ๆ จึงตัดสินใจกลับบ้าน


            เมื่อเขากลับบ้าน เขาพบว่าข้าวของพี่เลี้ยงหายไปพร้อมกับลูกชายและเสื้อผ้าของเขา วูลฟ์ จึงเรียกตำรวจทันที


ปูมหลัง แบรท วูลฟ์ พ่อลูกอ่อนวัย 36 ปี (ในขณะนั้น)


       แบรท วูลฟ์ ได้แต่งงานกับภรรยาชาวฟิลิปปินส์ ชื่อ Relaiza Galope Labadan มีลูกคนเดียวคือ ไมเคิล ต่อมาได้หย่าจากภรรยาแล้วย้ายกลับไปอยู่ในอเมริกา ตามคำแนะนำของพ่อแม่ โดย แบรท วูลฟ์ ได้สิทธิในการเลี้ยงดูลูก ก่อนที่จะมาเกิดเหตุการณ์ ดังกล่าว


            นางเชอริล วูลฟ์ แม่ของเขากล่าวว่า เธอเคยเตือนเรื่องที่ลูกชายต้องการหาพี่เลี้ยงให้ลูก โดยให้อาศัยอยู่ในบ้านด้วย แต่ดูเหมือนเขาจะเป็นคนไว้ใจคนง่าย อย่างไรก็ตามนางเชอริล กล่าวว่าดีใจที่ ลูกชายเพิ่งจะได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และคาดว่าจะกลับไปทำงานทันที “พ่อ ของ แบรท คิดว่าเค้าคงมีชีวิตที่ดีขึ้นที่นี่ในสหรัฐอเมริกามากกว่าในฟิลิปปินส์” เธอกล่าว


—————————————————————–  


พัทยา ปลายทางชีวิตของสองพ่อลูก


       แบรท หอบลูกมาอยู่พัทยา หลังผ่านเรื่องราวฝันร้ายในชีวิตครั้งนั้น เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการเป็นครูฝึกมวยแก่ค่ายมวยชื่อดังตามที่เป็นข่าว ..พัทยา เมืองแห่งจุดหมายปลายทางของนักสร้างฝันหลากหลายเชื้อชาติและภาษา จริงหรือ?


            ไมเคิล เด็กวัย 4 ขวบ ผู้เป็นขวัญใจของเพื่อนบ้านที่อาศัยใน วิว ทะเลคอนโด เป็นเด็กที่น่ารักและซุกซนตามประสาเด็ก ซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุสลดใจดังกล่าว ไม่สามารถกล่าวได้เต็มปากว่าเป็นความเลินเล่อของผู้เป็นพ่อหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเราจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจหรือขัดเคือง แต่ แบรท วูล์ฟ ก็ได้ ตัดสินใจเลือกปลิดชีวิตตนเอง เนื่องจากความเศร้าโศกและความเครียดอย่างรุนแรง แต่เราก็อยากจะเรียกการตัดสินใจของ แบรท ว่าเป็น “อัตวินิบาตกรรม แห่งความรับผิดชอบที่สง่างาม”


       เรื่องราวนี้ คงเป็นอีกหนึ่งบทละครชีวิตที่เศร้าสลด เป็นเหตุการณ์ที่ทุกครอบครัวต้องจดจำ และระมัดระวังก่อนเกิดการสูญเสียที่น่าเศร้า จนไม่สามารถย้อนกลับคืนสู่ภาพความสุขของครอบครัวได้อีกต่อไป


ทีมงานพัทยาเดลินิวส์ทุกท่าน


ขอแสดงความเสียใจและคารวะ ต่อครอบครัว วูล์ฟ ไว้ ณ. ที่นี่ด้วย


วารีนา ปุญญาวัณน์


บรรณาธิการ


ข้อมูลจาก pattayadailynews


Create Date : 30 สิงหาคม 2553
Last Update : 30 สิงหาคม 2553 8:39:46 น. 4 comments
Counter : 1279 Pageviews.

 
น่าสงสารจริงๆ ขอให้วิญญาณของพ่อและลูกได้พบกันบนสวรรค์

Rest In Peace


โดย: malicious IP: 114.74.144.168 วันที่: 30 สิงหาคม 2553 เวลา:13:43:11 น.  

 
อ่านทีไรร้องไห้ทุกที ขอให้ดวงวิญญาณของทั้งคู่ไปสู่สุขติ และได้พบกันบนสวรรค์


โดย: nine IP: 182.53.111.88 วันที่: 29 มกราคม 2554 เวลา:17:21:21 น.  

 
Would you know my name
If I saw you in heaven?
Would you feel the same
If I saw you in heaven?
I must be strong and carry on
'Cause I know I don't belong here in heaven



โดย: URAKIN16 IP: 49.0.109.217 วันที่: 19 พฤษภาคม 2556 เวลา:13:37:38 น.  

 
เรื่องราวของสองพ่อลูกน่าสงสารจัง
ขอให้สองพ่อลูกไปเจอกันบนสวรรค์
พักผ่อนให้สบายนะคะ


โดย: Rainy7Days วันที่: 26 พฤศจิกายน 2556 เวลา:1:25:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.