DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
27 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
10 ข่าวอาชญากรรมฉาวแห่งปี ของนิตยสารไทม์ ตอนที่ 2

คดีที่ 6 ฆ่าหิ้วหัวบนรถบัสเกรย์ ฮาวนด์ (A Bus Beheading)



 


                คดีนี้ถือว่าเป็นคดีสยองขวัญจานด่วนเชียวแหละ เมื่อเช้าตรู่ของวันศุกร์ (1 ส.ค.) ตามเวลาเมืองไทย ขณะที่รถโดยสารเกรย์ ฮาวนด์ กำลังวิ่งรอบที่ราบทางตะวันตก ในเมืองเอดมอนตัน เมืองวินนิเปก จังหวัดมานิโตบา ประเทศแคนาดา จู่ๆผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งขึ้นรถมากลางทางก็ควักมีดแรมโบ้ขนาดใหญ่ แทงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งสวมหูฟังและกำลังนอนหลับโดยเอาหัวพิงกระจกรถ ที่นั่งคู่กับเขาที่อยู่ติดหน้าต่าง


                ชายคนนั้นกระหน่ำ 50-60 ครั้ง ท่ามกลางความแตกตื่นของผู้โดยสารและคนขับรถ รวม 37 คน


                เด็กหนุ่มคนนั้นชื่อ ทิม แมคลีน อายุ 22 ปี หนุ่มน้อยที่มีความสุขในความโชคดีหลังเพิ่งได้งานทำในเอดมอนตัน และกำลังเดินทางกลับบ้าน แต่เขาก็พบความตายที่มาเยือนแบบไม่รู้ตัว


                นายแกร์เน็ต แคตัน พยานเล่าว่าผู้ต้องสงสัย ชายรูปร่างใหญ่สวมแว่นกันแดด เพิ่งขึ้นมาบนรถบัสราว 1 ชั่วโมงและทีแรกไม่ได้นั่งใกล้ แมคลีน ทว่าระหว่างรถหยุด ผู้ต้องสงสัยควักบุหรี่มาสูบและย้ายไปนั่งข้างๆ แมคลีน เมื่อเห็นว่าที่นั่งตรงนั้นว่างลงพร้อมกับเก็บประเป๋าไว้ที่ช่องเก็บด้านบน


                ครึ่งชั่วโมงต่อมา เขายืนขึ้นและจ้วงแทง แมคลีน ขณะที่ผู้โดยสารต่างพากันกรีดร้องด้วยความตกใจกับเหตุการณ์ ก่อนจะวิ่งหนีลงจากรถไปหลบอยู่ริมถนน ขณะที่คนขับรถปิดประตูขังผู้ก่อเหตุไว้บนรถระหว่างคอยตำรวจให้มาระงับเหตุสยองขวัญ


                หลังเกิดเหตุสักพัก เขาและคนขับได้ย้อนกลับเข้าไปดูลาดเลาที่รถก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าผู้ก่อเหตุยังคงตัดร่างเหยื่อเป็นชิ้นๆ อยู่ โดยเหยื่อไม่เพียงถูกตัดศีรษะเท่านั้น แต่ยังถูกคว้านท้องด้วย จากนั้น ชายคนก่อเหตุได้เดินไปยังด้านหน้ารถบัสอย่างใจเย็นโดยที่มือยังถือมีดกับศีรษะของผู้ตาย ก่อนจ้องมองอย่างเลือดเย็น แล้วทิ้งศีรษะของผู้ตายลงบนพื้นต่อหน้าต่อตาคนอื่นๆ


                หลังได้รับแจ้ง ตำรวจเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุแล้วล้อมรถโดยสารเอาไว้ ก่อนจะจับตัวคนร้ายได้หลังเผชิญหน้ากันนานเกือบ 3 ชั่วโมง แล้ว พบว่าฆาตกรโหดเป็นชาวจีนอพยพชื่อ วินซ์ เหว่ยกัง ลี่ อายุ 40 ปี ทั้งคู่ไม่รู้จักและไม่มีความแค้นกันมาก่อน


                ระหว่างปรากฎตัวต่อหน้าศาลระยะเวลาสั้นๆ ใบหน้าของ ลี มีรอยถลอกแต่ดูไม่สะทกสะท้าน มือขวาของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล ไม่ปริปากพูดและตอบคำถามของศาลเพียงใช่-ไม่เท่านั้น หลายนาทีต่อมา ศาลได้เลื่อนการพิจารณาออกไปเป็นวันที่ 5 สิงหาคม ที่คาดหมายเพื่อให้อัยการได้มีเวลาขอให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินสภาพทางจิตของผู้ถูกกล่าวหาเสียก่อน





คดีที่ 7 คดีฆ่าโหดผู้ประกาศข่าวสาว (The Killing of the Anchorwoman)





  


                ตำรวจเมืองลิตเติ้ลร็อค รัฐอาร์คันซอเชื่อว่า เหตุฆาตกรรมผู้ประกาศข่าวสาว  Anne Pressley วัย 26 ปี เป็นเหตุฆาตกรรมแบบสุ่มฆ่า ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการทำงานของเธอ คนฆ่าไม่ได้เจตนาฆ่าเธอโดยตรง แต่เธอบังเอิญโชคร้าย  ...มีข่าวลือใน Blog ด้วยว่า เธอถูกฆ่าเพราะเคยเป็นผู้ชายมาก่อน แต่ไม่มีใครออกมายืนยัน


                เธอเป็นคนดังผู้เป็นที่รู้จักกันดีของท้องถิ่น และเธอยังมีบทบาทเล็กๆในหนังชีวประวัติของประธานาธิบดี George W Bush  ของผู้กำกับคนดัง Oliver Stone ด้วย โดยเธอรับบทเป็นนักวิเคราะห์ข่าวฝ่ายรีพับลิกัน ผู้กล่าวชื่นชมตอนที่ Bush ประกาศเพราะเข้าใจผิดว่า บรรลุภารกิจในสงครามอิรักแล้ว หรือ  "mission  accomplished" เธอถูกทำร้ายหลังจากหนังออกฉายได้เพียง 2 วัน


                    Pressley เพิ่งกลับมาจากการไปดูหนัง ตอนที่ถูกทุบตีทำร้ายอย่างทารุณและถูกแทงที่บ้านของเธอในเมืองอาร์คันซอ กระดูกบนใบหน้าของเธอทุกชิ้นแตกยับเยิน บริเวณกรามถูกทุบตีจนกระดูกโผล่ออกมา แม่ของเธอเป็นคนไปพบลูกสาวจมกองเลือดอยู่บนเตียงในตอนเช้า เพียงไม่กี่นาทีก่อนที่เธอจะต้องอ่านข่าวภาคเช้า และเธอสิ้นใจหลังจากนั้น 5 วัน ตำรวจฟ้องผู้ชายชื่อ Curtis Lavelle Vance ในฐานะผู้ต้องสงสัย โดยอ้างว่ามี DNA แต่เขายืนกรานว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง





คดีที่ 8  คดีเทรดเดอร์อัจริยะผลาญเงิน 7000 ล้านดอลลาร์ในฝรั่งเศส (France's $7 Billion Bank Bust)




                    ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคมปีที่แล้ว ธนาคารใหญ่สุดอันดับสองของฝรั่งเศส คือ โซซิเอเต้ เจอเนอรัล  ต้องหาคำอธิบายว่า เหตุใด ถึงมีช่องโหว่ ให้พนักงานระดับกลางของตน ซึ่งเป็นเทรดเดอร์หนุ่มวัย 31 ปี  ชื่อ Jerome Kerviel   ผู้มีเงินเดือนไม่ถึง  150,000 ดอลลาร์ ต่อปี (ราวๆ 5 ล้านบาท)  ทำให้ธนาคารสูญเงินไปถึง 7,000 ล้านดอลลาร์ (ราวๆ 245,000 ล้านบาท) โดยที่คนเก่งๆในธนาคารไม่มีใครรู้


                หนุ่มคนนี้ได้สมญานามว่า”เทรดเดอร์ อัจฉริยะ” เพราะเขาซึ่งทำงานอยู่ที่แผนกตราสารอนุพันธุ์หุ้นยุโรปที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารในกรุงปารีส ใช้ความสามารถในเรื่องระบบควบคุมความเสี่ยงของทางธนาคาร แอบนำเงินของทางธนาคารไปทำธุรกรรมกับดัชนีในตลาดหุ้นยุโรปอยู่นานหลายเดือนโดยไม่มีใครในธนาคารรู้เรื่อง และในที่สุด ก็ทำให้ธนาคารสูญเงินมากถึง 7,000 ล้านดอลลาร์  เมื่อต้องปิดฐานะการลงทุนท่ามกลางภาวะผันผวนของตลาดหุ้นในช่วงต้นปีนี้


                จนถึงปัจจุบัน ยังไม่รู้ว่า  Kerviel' ทำแบบนั้นทำไมเพราะดูเหมือนเขาจะไม่ได้ผลประโยชน์ทางการเงินโดยตรงใดใดจากเรื่องนี้เลย  และอันที่จริง เขายืนยันมาโดยตลอดด้วยว่า เขาไม่เคยซุกซ่อนสิ่งที่ทำจากเจ้าหน้าที่ธนาคารคนอื่นๆเลยด้วยซ้ำ





คดีที่ 9 ทายาทเก๊ตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ (The Con Man)




 


                    Clark Rockefeller อ้างตัวว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลรอคกี้เฟลเลอร์ อันยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ  เขาเข้าเป็นสมาชิกสโมสรระดับสูงต่างๆ  มีบรรดาเพื่อนฝูงเป็นชั้นสูง และแต่งงานกับสาวในวงสังคมชั้นสูง  เขาสะสมงานศิลปะราคาแพง  มีชีวิตสดวกสบายอยู่ในรัฐเวอร์มอนต์กับภรรยา คือ ซานดรา บอสส และเรห์ ลูกสาววัย 7 ขวบ


                แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากเขาหย่ากับภรรยา ในปี 2550 และในเดือนกรกฏาคมปีนี้ ผู้ชายคนที่เรียกตัวเองว่า  Clark Rockefeller ก็ถูกตำรวจจับกุมตัว หลังจากมีข้อกล่าวหาแปลกๆ ที่ว่าเขาลักพาตัวลูกสาว ในระหว่างที่เธอไปเยี่ยมเยียนเขาตามสิทธิ์หลังการหย่าร้างที่นครบอสตัน


                หลังจากนั้น ตำรวจก็พบว่าเขาไม่ใช่คนที่เขาอ้างว่าเป็น แต่เป็นผู้ชายนเยอรมนีชื่อ  Christian Gerhartsreiter  หรืออีกชื่อว่า Chris Chichester เขามีประวัติฉ้อโกง  แถมตำรวจยังเชื่อมโยงเขากับการหายตัวไปเมื่อปี 2528 ของสามีภรรยาชาวรัฐแคลิฟอร์เนียคู่หนึ่งในอพาร์ตเมนต์ที่หนุ่มคนนี้เช่าอยู่ด้วย แต่เขาปฏิเสธทั้งสองข้อหา





คดีที่ 10 คดีฆ่าล้างครัวกับวิกฤตการเงิน (Murder and the Financial Crisis)



 



          


                คดีนี้อาจไม่ได้มีเกี่ยวข้อโดยตรงกับวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำที่กำลังส่งผลกระทบไปทั่วโลกในตอนนี้ แต่คดีนี้เป็นข่าวเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่บริษัท Lehman  Brothers จะล้มละลาย ตามมาด้วยการที่รัฐบาลสหรัฐฯต้องเข้าไปให้เงินช่วยสถาบันการเงินและภาคธุรกิจต่างๆไม่ให้ล้มละลาย ตลาดหุ้นตกหนัก และทุกคนเริ่มเป็นห่วงกลัวตัวเองจะตกงาน  กลัวบ้านจะถูกยึดฯลฯ


                    Karthik Rajaram เป็นผู้อพยพเชื้อสายอินเดีย ที่เดินทางมาขุดทองที่อเมริกาแบบ American dream ที่อเมริกา ในตอนแรกชีวิตดูดี เขามีหน้าที่การงาน ทำงานเป็นนักวิเคราะห์ทางการเงิน รายได้ก็มาก  และเขาลงทุนในหุ้นอสังหาริมทรัพย์ จนมีบ้านหลังใหญ่ มีรถยนต์ราคาแพง ไว้อวดเพื่อนบ้าน


                แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเศรษฐกิจโลกย่ำแย่ ส่งผลให้ต้องตกงานและสูญเงินไปกับการลงทุนเพราะตลาดหุ้นตกฮวบ ทำให้ล้มละลายและเมื่อหาทางออกไม่ได้สิ่งที่เขาคิดเวลานี้คือ ฆ่าตัวตาย แต่ไปคนเดียวคงเหงาๆ เขาเลยฆ่าคนในครอบครัวด้วย Rajaram ตัดสินใจฆ่าเมีย แม่ยาย กับลูกชายที่เขารักมากสามคน อายุ 19 ปี 12 ปี และ 7 ปี และ ฆ่าตัวตายตามครอบครัว






Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2553 8:34:52 น. 4 comments
Counter : 2199 Pageviews.

 
ข่าวแรกน่ากลัวมาก กกก


โดย: peeshin วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:24:10 น.  

 
ข่าวแรกจำได้ว่าเคยดูทางทีวี อึ้งไปเลย


โดย: Quasar วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:26:40 น.  

 
น่ากลัว
กับสิ่งที่มนุษย์บางคนกระทำต่อเพื่อนมนุย์ด้วยกัน


โดย: Psycho man วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:13:10 น.  

 
น่ากลัวจังค่ะ













โดย: puy_naka63 วันที่: 3 พฤษภาคม 2553 เวลา:5:32:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.