ไม่ได้อัพบล็อกนานมากผลุบ ๆ โผล่ ๆโผล่มาอีกทีวันนี้จะอัพบล็อกที่หนีไปเที่ยวยุโรปมาค่ะหนึ่งเดือนเต็ม ๆ เลยนะอิ่มมากกกก (เที่ยวจนอิ่มเลยทีเดียว)

สำหรับบล็อกวันนี้จะพาไปชมเมือง Utrecht จ้า

รูปในบล็อกนี้มีสองเซ็ตค่ะ เซ็ตแรกเป็นเซ็ตที่เพิ่งถึง Netherlands ได้แค่ไม่กี่วันไกด์หนุ่มก็เลยพาเราไปเดินสำรวจรอบๆ กับนั่งรถไฟไปเดินเล่นในเมือง

สถานีรถไฟค่ะมีรถไฟมาเป็นเวลา ทุก ๆ 15นาที

ด้านซ็ายมือเป็นเครื่องจำหน่ายตั๋วรถไฟค่ะถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 2 euro นิดๆ เค้าทำสะดวกดีนะคะใช้บัตรเดบิตหรือไม่ก็บัตรเครดิตเสียบเอาไม่ต้องใช้เงินสดเหมือนเมืองไทยกว่าจะแลกเงินอีก

ภายในเค้าสะอาดมากกกกมีถังขยะให้ด้วย

เราอยู่Houten นั่งรถไฟจากที่นี่ไปที่Utrecht Centraal แค่ประมาน10-15 นาทีเท่านั้นเอง

สถานีนี้จะเป็นเหมือนห้างที่ติดกับสถานีรถไฟไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาตอนนั้นไปพอถึงแล้วก็หิวทันทีเลยแวะซื้อแซนวิชกินจะบอกว่ามาอยู่นี่เจอแต่ขนมปังกับแซนวิช(มื้อเช้า)คนพาทัวร์ก็กลัวมากว่าจะไม่ถูกปากเพราะเราคนไทยชอบกินข้าวโชคดีที่เป็นคนไม่ค่อยเรื่องมากเว้นเสียแต่ว่ารสชาติมันแย่มากจริงๆ อ่ะนะ (ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะหิวจัดลืมมม)

อากาศดีคนพาทัวร์ก็เลยพาไปนั่งจิบไวน์ชิวๆ กลางแดด (ฟังเหมือนดูดีนะแต่จริงๆ แล้วเราไม่ชอบเลยอ่ะมันอร่อยตรงไหนวะ

ที่นี่แดดออกน้อยพอวันไหนแดดออกทุกคนก็จะตื่นเต้นกันมากรีบออกมานั่งรับแดดกันใหญ่

อากาศดีมากเลยนะ แต่เราเหงื่อออกอ่ะ แดดมันร้อนนน

คิดในใจกลับไปแม่ด่าแน่ คือเป็นคนไม่แคร์เรื่องสีผิวไงเพราะคิดว่าคนเราถ้าสวยหรือหล่อจริงจะผิวสีอะไรก็ดูดีทั้งนั้นแหละแต่แม่ชอบขาว ๆ แล้วมานั่งตากแดด 555+

คือเราก็เห็นด้วยอ่ะว่าที่นี่มันดูไม่มีอะไรให้ทำมากคนพาทัวร์บอกว่าวันอากาศดีๆ เค้าก็จะออกไปนั่งชิลล์drinking กัน จบ กลับบ้านนอนยิ่งตอนหน้าหนาวนี่ยิงไม่ต้องพูดถึงอยู่บ้านอย่างเดียว มิน่าเค้าถึงenjoy the sun กันจังตัวเรานี่เฉย ๆ มาก 555+

จตุรัสที่เราไปนั่งจิบไวน์ค่ะ คนเยอะมากกกก

ที่เห็นว่าสวยดีและแปลกตาคือสถาปัตยกรรมกับวิถีการใช้ชีวิตของเค้ามากกว่า

เพื่อนคนยุโรปคนนึงเคยบอกว่าเวลานึกถึง Netherlands จะนึกถึง Small country and bycicles!

จักรยานเยอะมากกกกกกกก

ขอเม้าท์ค่ะก่อนมาดูพยากรณ์อากาศ 20องศา+ฝนตกไกด์หนุ่มของเราบอกให้เอาเสื้อกันหนาวมาด้วยแถมเสื้อสเวทเตอร์อีกทั้งที่จริงๆ ไม่ได้อยากเอามาเลยเปลืองพื้นที่กระเป๋า

พอมาถึงแล้วเป็นไงล่ะ อากาศเหมือนประเทศไทยช่วงหน้าหนาวแบบมีลมเย็นๆ (ซึ่งเราก็ยังใส่เสื้อแขนกุดเดินได้สบายมาก แต่ก็พกเสื้อกันหนาวไว้ในกระเป๋านะ เพราะกลางคืนอากาศเย็น) แถมยังแดดออกอีกต่างหาก สุดท้ายเสื้อสเวทเตอร์ก็ไม่ได้ใช้ ได้ใช้แค่เสื้อกันหนาว ถ้าร้อนเราก็ถอดเสื้อกันหนาวออกใส่เสื้อกล้ามเดิน เย็นสบายดี

คุณไกด์บอกว่าตึกที่นี่สร้างแบบindependent คือสร้างกันแบบของใครของมันไปออกแบบกันเอง ไม่เหมือนตึกแถวเมืองไทยที่สร้างเรียงติดๆ กันเป็นแถบ ๆ ขนาดก็จะสูง ต่ำ ไม่เท่ากัน บางอันก็เบี้ยวนะ ฮ่า ๆๆๆ

ถนนหนทางก็จะเล็กมากเพราะสร้างตั้งแต่สมัยยังไม่มีรถขับกันแล้วบางถนนเค้าก็ห้ามเอารถเข้ามาด้วย อนุญาตให้แค่จักรยาน

แตกต่างจากเมืองไทยมากกกกกกกกก มีคนขี่จักรยานทุกหนทุกแห่งจริง ๆ

ส่วนรูปด้านล่างนี้จะเป็นรูปอีกวันนึงค่ะ วันนี้คุณไกด์นำเสนอบอกว่าจะพาไปกินอาหารร้านโปรดแก

ร้านตกแต่งด้วยสีแดงแรงฤทธิ์ คือมันก็สวยดีอ่ะ แต่แดงไปมั้ยยยย แล้วไฟส้ม ๆ ด้วย มันเลยดูสลัว ๆ แต่คนเยอะมากนะ

กำแพงร้านอนุญาตให้ลูกค้าเขียนได้ตามใจชอบ แอบอยากเขียนมั่ง แต่ไม่มีที่ว่างให้เขียนเลย เสียใจ

จริง ๆ แล้วเราถ่ายรูปของกินมาเยอะมากกกก แต่ไม่มีอะไรประทับใจเราเท่าไอ้นี่อีกและ (ดูไฟในร้านดิ ทึมสุดยอด แต่เราไม่ชอบใช้แฟลช เลยปล่อยมันมืด ๆ ไป)

เนื้ออะไรไม่รู้อร่อยมากกกกกก หั่นออกมาแล้วแบบยังแดงๆ อยู่เลย Medium สุด ๆ นิ่มโคตร ๆ มิน่าตอนคุณไกด์มาอยู่ประเทศไทยถึงได้บ่นนักว่าเนื้อวัวที่เมืองไทยรสชาติไม่ได้เรื่อง ไอ้เราก็ไม่เข้าใจว่าไม่ได้เรื่องยังไงวะ มันก็เนื้อเหมือนกัน พอมาเจอเนื้อที่นี่แล้วเราแทบจะลงไปดิ้นตายยยย ใส่เกลือลงไปหน่อย อร่อยเหาะะะะะ

ถ้าจำไม่ผิดมื้อนี้หมดไป 86 euro แพงชะมัด คือสั่งเยอะเพราะนึกว่ามันบุพเฟ่ต์ มารู้ตอนหลังว่ามันเปลี่ยนแล้ว 55555555+

หลังจากนั้นก็ย้ายร้านค่ะ เดินมาไม่ไกลเท่าไหร่ คุณไกด์บอกว่าร้านนี้ก็ร้านโปรดคุณไกด์เหมือนกัน

อารมณ์เป็นเหมือนพวกBar And Restaurant คือถ้าไปช่วงหัววันหน่อย (ตอนเราไปถึงเพิ่งจะสองทุ่มกว่า) เค้าจะมีอาหารขายด้วยพอเริ่มดึกก็จะเก็บมีดส้อมออกจากโต๊ะแล้วขายเครื่องดื่ม

คุณไกด์อยากดื่มไอ้นี่!!! ของโปรดเค้าล่ะ

ตอนสั่งมาแอบช็อคกับขนาด Mojito 1.8 ลิตร ราคาประมาน 30 euro หูยยย แล้วหลัง ๆ เราไม่ค่อยได้เที่ยวกลางคืนแล้วกินไปแก้วเดียวแอบมึนนิด ๆ ค่ะ หมดนี่กินได้ประมานหกแก้ว เรากินไปสองแก้ว ส่วนคุณไกด์กินไปสี่

ใหญ่มากกกกก (เหยือกนะ ไม่ใช่หน้าข้าพเจ้า)

หมดเหยือกนี้ไปตอนแรกลังเลกันว่าจะเอาไงดีวะ สั่ง Mojito มาอีกเหยือกดีมั้ย แต่เราเริ่มมึนแล้ว ณ ตอนนั้นแล้วคาดว่าถ้าสั่งมาอีกเหยือกนี่สงสัยจะได้หิ้วกันกลับบ้านแน่นอน เลยสั่ง Strawberry Daiquiri มาอีกคนละแก้ว (ไม่ได้ถ่ายรูปมา)

เป็นวันที่ชิลล์มากกกกก ชอบบบบ นั่งดื่มไป คุยไป เม้าท์คนนี้คนนั้นไปมองฝรั่ง flirt กัน สนุกดี

ขากลับแอบมีเรื่องเหวอเล็กน้อยคือรถไฟหมด คุณไกด์เราถึงกับงงเลยทีเดียวเพราะปกติรถไฟเที่ยวสุดท้ายมันจะหมดตอนตีหนึ่งครึ่ง แต่วันนี้มันเปลี่ยนไป ถ้าจะรอก็โน่นนน เกือบเจ็ดโมงเช้า ตอนนั้นเพิ่งตีหนึ่งกว่าคงไม่รอหรอก ยังไง ๆ ก็ต้องขึ้นแท็กซี่กลับก็เลยแวะไป Clubbing กันต่อ

คลับที่โน่นก็แนว ๆ เดียวกันกับคลับฝรั่งในไทยล่ะค่ะ แต่ที่เริ่ดกว่าเยอะเลยก็คือไม่ค่อยมีฝรั่งแก่ๆ เหมือนประเทศไทย 55555555+ ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นแต่เราไม่ประทับใจเท่าไหร่นะ เพราะหาหนุ่มหล่อ ๆ ไม่มีเล้ยยยย (คือตั้งแต่มาอยู่นี่เห็นคนหล่อน้อยมากหรือเพราะเราไม่ได้มองเองหว่านาน ๆ จะเจอสักคน)

หลังจากนั้นก็ขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้าน รถแท็กซี่ที่นี่เป็นรถเบ็นซ์นะคะ โอ้วววว ลาภดากไอ้อ้อมแท้ โดนไปอีกเกือบ 40 euro ตัวเบากันเลยทีเดียวววว

บล็อกหน้าถ้าไม่ขี้เกียจจะมาอัพบล็อก Antwerp, Belgium จ้า

Create Date : 07 สิงหาคม 2555
Last Update : 7 สิงหาคม 2555 19:20:32 น.		1 comments
Counter : 1873 Pageviews.
Share Tweet