กว่าจะถึงบ้าน...เพลียกับความใจร้ายของแท็กซี่อินไทยแลนด์...

สวัสดีจ้าาาา

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่ากลับถึงบ้านแล้วววววววววววว!!!

ไฟลท์บินของเรายาวตั้ง 17 ชั่วโมงแน่ะ! เพราะไม่ใช่ direct flight T_T เก๊าต้องขึ้นเครื่องจากอัมสเตอร์ดัมไปลงกัวลาลัมเปอร์ รอ 4 ชั่วโมงก่อนจะบินต่อกลับกรุงเทพ! เรื่องเหียกเห้ก็มีหลายเรื่องมาก เราใกล้จะเป็นเมนส์ หงุดหงิดง่าย แล้วก็มีเรื่องนิดหน่อยเลยหงุดหงิดคูณสิบ! แถมโดนแฟนกวนตีนตอนอยู่บนเครื่องอีก (คือไม่ใช่ไร แฟนไม่เคยเห็นเราหงุดหงิดอ่ะ พอเห็นหน้าเราตอนกำลังหงุดหงิดแล้วฮีขำ! บอกตลก! เราเลยปริ๊ดเลย คนกำลังหงุดหงิดมาขำทำบ้าไรวะ!) แล้วมันเป็นวันอะไรก็ไม่รู้ที่ต้องเจอแต่เรื่องกาก ๆ

- ตอนลงจากเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์เราดันลืมพาสปอร์ตไว้บนเครื่อง T_T แง้ ดีนะรู้ตัวก่อนเพราะพ่อจะให้ซื้อบุหรี่ที่ดิวตี้ฟรีให้แล้วเราต้องใช้พาสปอร์ต ตอนนั้นใจหายวูบเลย ดีที่ตามเจอ เกือบติดอยู่ที่นู้นแล้วมั้ยยยยยยย

- อีกเรื่องก็คือแฟนเรากับเพื่อนเค้าดันอยากซื้อแอลกอฮอลล์ ค่ะ แล้วพนักงานที่ดิวตี้ฟรีดันไม่ยอมใส่ถุงซีลให้ ซึ่งพอถึงตรงจุดที่ตรวจร่างกายแฟนเราก็เอาแอลกอฮอลล์ออกจากกระเป๋า carry on พนักงานผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้น ตะโกนเสียงดัง
พนง. :: Sir! Where did you get it from!?! Where did you get it from!?!
แฟน (ทำหน้างง) :: Here.
พงก. :: Do you have the reciept?!?!?
เรา :: Yes
แฟนก็หันมามองหน้าเราเพราะใช้บัตรเดบิตเราจ่าย นาทีนั้นเรางงอ่ะ คุณคะ คุณก็เห็นอยู่ว่าถุงมันก็ถุงดิวตี้ฟรีของสนามบินคุณ ยังจะถามทำบ้าอะไร แล้วถ้าซื้อออกมาจากข้างนอกจริงเค้าคงให้เราทิ้งก่อนเข้ามาข้างในนี้แล้วมั้ย?
พงก. :: You have to seal it!!! you have to seal it!!!
แฟนก็หันมาบ่นบอกว่าแล้วเชียว ทำไมพนักงานขายตรงนั้นไม่ซีลให้ไม่รู้
แฟน (หันไปพูดกับ พนง.) :: Nevermind then you can throw it away
พงก. :: Yes! Yes! You have to throw it away! You have to throw it away!!!
คือจุดนี้ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะให้ทิ้งไว้ที่นี่ คือของมันไม่ได้ซีลก็เข้าใจแต่ก็ซื้อจากดิวตี้ฟรีอ่ะ ซื้อมานะเว้ยไม่ใช่ได้ฟรี แล้วนาทีนั้นเราหงุดหงิดง่ายอยู่แล้ว (แล้วขอบอกว่าหน้าเราเวลาหงุดหงิดนี่โคตรน่ากลัว 555+)
เรา :: Well, if you want me to throw this away, I wanna see you open the bottle and pour it in the trash here!
พงก. ชะงัก หันมามองหน้าเราแบบชะงักประมาน 5 วินาที แล้วพูดเบา ๆ :: Not here, in the toilet.
ทีนี้พงก. ผู้หญิงอีกคนเดินที่ยืนอยู่ตรงนั้นแต่แรกแล้วรีบเดินมาหาเรา บอกว่าไม่เป็นไรนะ เดินออกไปนิดหน่อยมันมีร้านขายแอลกอฮอลล์ ให้เค้าซีลให้ตรงนั้นก็ได้ เราก็โอเค ๆ ใช้เวลาประมาน 10 นาที แค่เนี๊ยะ!!! แล้วนางก็บอกว่าของถ้าซื้อจากที่นี่แล้วมีใบเสร็จมันไม่มีปัญหาหรอก (ไม่มีปัญหาไงวะก็เมื่อกี้ยังจะให้เราทิ้งเหล้าอยู่หลัด ๆ) จบเรื่อง...

คือเราก็เข้าใจนะคะว่ามันเป็นเพราะของเรามันไม่ได้ซีล แต่เราเคยได้ยินกรณีที่พนักงานพยายามกวนตีนลูกค้าที่นู่นนี่นั่นไม่ครบแล้วจะกั๊กของเอาไว้เอง พ่อแฟนเก่าเราเค้าก็ซื้อเหล้าแพง ๆ ที่ดิวตี้ฟรีแล้วทิ้งใบเสร็จไป พงก.​ก็มาแนวนี้ ให้โยนทิ้ง เค้าเลยบอกว่าถ้าจะทิ้งให้เปิดขวดแล้วเททิ้งให้เค้าดูตรงนี้เลย พอพูดแบบนั้นไปแล้วจู่ ๆ พนักงานก็เกิดอยากให้ผ่านไปเฉย ๆ ง่าย ๆ ซะงั้น -_- ตลกมั้ยล่ะ

หลังจากนั้นเราก็ขึ้นเครื่องแลนด์ตามปกติ แต่ตอนที่แลนด์ถึงเมืองไทยเนี่ย... คือเราก็รู้นะว่าแท็กซี่ไทยค่อนข้างจะใจร้ายกับคนต่างชาติ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้

-ตอนที่เราเดินออกมา มีผู้หญิงถาม taxi มั้ยคะ เราขี้เกียจเดินลงไปตรงจุดแท็กซี่เลยถามว่าไปที่ xx กับ xx ค่ะ ปรากฏพนักงานหันไปถามอีกคนว่าถ้าไปที่ xx กับ xx คิดเท่าไหร่ เราเลยงงว่าเอ๊ะ แท็กซี่มันต้องกดมิเตอร์ไม่ใช่เหรอวะ เลยถามว่านี่แท็กซี่ไรคะเนี่ย นางเลยชี้ไปที่เค้าท์เตอร์บอกเป็นแท็กซี่ลิโม่ค่ะ ราคาประมานพันต้น ๆ!!! จบ!!! เราเลยบอกไม่เป็นไร ไม่ไปค่ะ แต่นาทีนั้นแบบ โหย เดินออกมาก็โดนเลยเหรอวะเนี่ยยยยย

-ตอนที่เดินลงมาชั้นล่างสุด แฟนเราเค้าก็ช่วยเราลากกระเป๋าให้เรา จู่ ๆ มีป้าคนนึงมาลากกระเป๋าเราออกไปจากมือแฟนเฉยยยยย นาทีนี้งงดิ เฮ้ย! ไรเนี่ย เลยหันไปถามแฟนว่าทำไมปล่อยให้เค้าเอาไป แฟนเราบอก ก็เค้าว่าเค้าเป็นแท็กซี่? เราแบบแหม่ง ๆ... เลยตะโกนถามป้าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไปว่า "ป้าจะเอากระเป๋าหนูไปไหนคะ?” นาทีนั้นนางหันมาเห็นหน้าเรานางทำหน้าช็อคสุด ๆ (เพราะตอนแรกไม่เห็นเรา เห็นแต่แฟนกับเพื่อนแฟน ไม่คิดว่าจะเจอชะนีไทยรู้ดี กะหลอกฝรั่งเต็มที่) บอกจะพาขึ้นแท็กซี่ค่ะ เราก็แบบ เออ ไม่ว่าไร เดินมาคุยกันนางถามจะไปไหน นู่นนี่นั่น เราบอกไป 2 ที่นะ ที่ xx กับ xx นางบอก "ได้ค่ะ แต่ต้องจ่ายเงินตรงนี้นะคะ" เรานี่แบบ... เอาอีกละ จะมาไม้ไหนอีก "เท่าไหร่คะ?” “1100 ค่ะ" “งั้นไม่เป็นไรค่ะ" เราลากกระเป๋าเดินหนีเลย เพลีย!!! (แต่หน้าป้าฮามากตอนพูด หน้าแบบกลัว ๆ เพราะหน้าเราเหวี่ยงสุดติ่ง)

-เดินลงมาที่ชั้นล่างสุดตรงจุดรอแท็กซี่ของสุวรรณภูมิ แท็กซี่ไม่ให้เรา แฟนเรา เพื่อนแฟนเราขึ้น เพราะบอกว่าของเยอะ ให้เรียก 2 คัน! เราก็แบบ -*- ตลกมั้ย? มาด้วยกันจะให้แยกกันยังไง แล้วของคือมันก็เยอะจริงแต่มันไปได้อ่ะ เราเลยถามว่าแล้วคันใหญ่ล่ะคะ? พนง.บอกถ้าจะเรียกคันใหญ่เค้าให้แทรกคิวไม่ได้ ให้เหมา เราก็โอเค เหมาก็เหมา เท่าไหร่? แท็กซี่เรียกมา 800!!! เอ่อ... จากบ้านเรามาที่นี่รวมค่าทางด่วนแล้วยังไม่ถึง 300 เลย แล้วอีกที่ ๆ จะไปก็ไม่ห่างจากบ้านเรามาก เราแบบเพลียอ่ะ... คนเดินทางมาเหนื่อย ๆ แล้วต้องเจอแบบนี้ อะไรวะเนี่ย -*- เลยเดินหนีไปขึ้นแท็กซี่ข้างบนที่เพิ่งมาส่งผู้โดยสารแทน

หลังจากนั้นก็เจอแท็กซี่โอเค หมดปัญหา



คือ...ถึงตอนนี้บอกตรง ๆ ว่าเพลียกับเมืองไทยในหลาย ๆ เรื่องนะ เวลาเราไปเที่ยวไหนเราก็ไม่อยากโดนเอาเปรียบ ฝรั่งมาเที่ยวที่นี่เค้าก็ไม่อยากโดนเอาเปรียบเหมือนกัน นี่แบบฉุดกระชากลากถูกันเต็มที่ แฟนเรายังบอกเลยว่าถ้าไม่มีเราคงเสร็จตั้งแต่ตอนแรกไปแล้ว เล่าให้แม่เราฟังนี่แม่เราฮากลิ้งเลยโดยเฉพาะป้าที่จู่ ๆ มาลากกระเป๋าไปอ่ะ เฮ้อออออ



หมดแล้วค่ะบล็อกขี้บ่นของเราวันนี้ ไว้คราวหน้าจะมาอัพบล็อกมีสาระกันบ้างละกันนะ จริง ๆ อยากอัพเรื่องที่ไป Pre-Screen ของการบินไทยมากกก แต่รอก่อนนะ ช่วงนี้ยุ่งมากเพราะแฟนกับเพื่อนแฟนมาเที่ยวเมืองไทยด้วย เราก็ต้องเทคแคร์เค้านิดนึง ย๊ากกกกกกก บล็อกเรื่องความสวยความงามคงต้องงดไปก่อน แต่สัญญาว่าถ้าว่างเมื่อไหร่จะรีบแวะมาอัพบล็อกแน่นอนนนนน

Create Date : 14 เมษายน 2556		3 comments
Last Update : 14 เมษายน 2556 14:03:53 น.
Counter : 1254 Pageviews.
Share Tweet