เรือใบซากรืซ ทูตวัฒนธรรม
แห่งวาระความสัมพันธ์500ปี โปรตุเกส สยาม
เคยท่องจำมาตั้งแต่สมัยเรียน วิชาสังคม แล้วว่า โปรตุเกสเป็นฝรั่งชาติแรกสุด ที่เดินทางเข้ามาติดต่อค้าขาย และเจรจาการทูตกับไทยเราตั้งแต่สมัยอยุธยา ถ้าจะระบุปีลงไปก็คือ พ.ศ.2054 ในแผ่นดินสมเด็จพระรามาธิบดีที่2 โน่นครับ
และดูเหมือนว่าความทรงจำของคนไทยต่อ ฝรั่งโปรตุเกสก็จัดอยู่ในแง่ดีเสียด้วย ทั้งเรื่องที่โปรตุเกสเข้ามาเป็นทหารรับจ้างช่วยเรารบพม่า เข้ามาแนะนำอาวุธทันสมัย พวกปืนไฟปืนใหญ่ให้เรารู้จัก ถึงขนาดที่ว่า ทหารอาสาโปรตุเกส ยังมีส่วนช่วย สมเด็จพระนารายณ์ ให้ยึดอำนาจจากกษัตริย์องค์เดิม จนขึ้นครองราชย์สำเร็จด้วยซ้ำ !
แต่ที่เด่นชัดสุดก็คงเป็นตำนานของ ท้าวทองกีบม้า หรือ มารี กีมาร์หญิงเชื้อสายโปรตุเกส ซึ่งเป็นภรรยาของ คอนสแตนติน ฟอลคอนขุนนางใหญ่เชื้อสายกรีก ในราชสำนักพระนารายณ์ นั่นแหละครับที่ว่ากันว่านางเป็นผู้คิดค้นขนมหวานประเภท ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขึ้นมาจนกลายเป็นขนมไทยที่โด่งดังในทุกวันนี้ ถึงขนาดคนไทยยุคหลัง ยังเรียกฉายาทีมฟุตบอลโปรตุเกสว่าเป็น ทีมฝอยทอง ซะเลย
จริงๆ แล้วในประวัติศาสตร์ ชนชาติโปรตุเกสถือเป็นนักเดินเรือ และนักล่าอาณานิคมที่ยิ่งใหญ่ชาตินึง ไทยเราจึงโชคดีเอามากๆที่พวกโปรตุเกส ไปยึด เกาะมาเก๊า มาเป็นสถานีการค้าของตนได้เสียก่อน หาไม่แล้ว แทนที่เราจะได้รู้จักความหวานของฝอยทอง ก็อาจต้องรับทาน ปืนใหญ่ของโปรตุเกสแทนได้ 55
ทุกวันนี้ พวกนักเดินเรือโปรตุเกสรุ่นเหลนโหลนก็ยังมีความเก่งฉกาจไม่แพ้บรรพบุรุษพวกเขาแต่อย่างใดแต่แทนที่จะออกเดินเรือเพื่อการล่าอาณานิคมพวกเขาได้ออกเดินเรือท่องโลกในฐานะผู้เผยแพร่วัฒนธรรมแทนแล้วครับ
นี่คือโฉมหน้าของ เรือใบซากรืซ (Sagres) ของโปรตุเกส ที่ถูกยกย่องว่าเป็นเรือใบประเภท Barque ขนาด 3 เสา 5ใบ ที่สวยงามที่สุดในโลก ที่ผมมีโอกาสได้สัมผัสครับ
ซากรืซ ถือเป็นตัวแทนทางวัฒนธรรม ที่เดินทางท่องมหาสมุทรและมาเยือนน่านน้ำสยามของเรา เพื่อเฉลิมฉลองในวาระความสัมพันธ์การทูตครบ 5 ศตวรรษระหว่างไทย กับ โปรตุเกส นั่นเอง
เรือซากรืซ มีอายุเก่าแก่ถึง70 ปี สร้างด้วยไม้ทั้งลำถูกต่อขึ้นที่อู่เรือเมือง ฮัมบูร์ก ในปี ค.ศ. 1937 และมีสถานะแรกสุดเป็นเรือสัญชาติเยอรมันแต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ปิดฉากลง ซากรืซก็ตกมาอยู่ในการครอบครองของ สหรัฐอเมริกา ก่อนจะเปลี่ยนมือมาสู่ บราซิล และสุดท้ายกลายเป็นเรือใบสัญชาติโปรตุเกส แสนสง่างาม ที่มีฐานะเป็นเรือฝึกหัด ให้กับเหล่านักเรียนนายเรือของราชนาวีโปรตุเกส นั่นเอง
ผมมีโอกาสได้เห็น ซากรืซ ตัวเป็นๆ ตอนที่ยังไม่ได้กางใบเท่านั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงความสง่างามปานนี้ ได้แต่จินตนาการว่า ตอนที่ ซากรืซแล่นกางใบสีขาวของมันอย่างสมบูรณ์แบบกลางผืนน้ำแล้วล่ะก็ คงงดงามน่าดูชม เกินพรรณนาจริงๆ ครับ..