‘เกลียดห้องเบอร์ห้า’ ตำนานพล็อตอีโรติค ในบทเพลงลูกทุ่ง

                ใครๆ ก็บอกว่าเพลงลูกทุ่งไทย จัดอยู่ในประเภทเพลง ‘ร้อยเนื้อหนึ่งทำนอง’ แต่เอาเข้าจริงคงเกินหลักร้อยไปแล้วด้วยซ้ำ สำหรับเพลงลูกทุ่งทั้งยุคเก่าใหม่ที่ใช้ทำนองร่วมกันอย่างมโหฬาร จนยากจะสืบค้นต้นตอว่าเพลงแรกจริงๆ ที่ใช้ท่วงทำนองนั้นๆ คือเพลงอะไรแน่

แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่านี่คือความมักง่ายของเหล่าครูเพลง และยังไม่ใช่สิ่งที่ต้องหยามหมิ่นกันด้วยซ้ำ เพราะนี่คือรูปแบบเฉพาะตัวจริงๆ ของ เพลงลูกทุ่ง ที่มีลายไทย เอกลักษณ์ไทยที่ไม่มีใครเหมือน

พูดถึงประเด็นนี้ ทำให้นึกไปถึงบทเพลงที่โด่งดังในระดับเขย่าประเทศเพลงหนึ่งของ ‘สายัณห์ สัญญา’ เพลงนี้มีทั้งท่อนอินโทร และทำนองที่ติดหูคนฟังอย่างสุดๆ แต่เหนืออื่นใดก็คือ เนื้อหา ที่เรียกว่าเป็น ‘การปฏิวัติ’ รูปแบบการเขียนเพลงลูกทุ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมันคือการนำพล็อตเรื่องสั้นหักมุมนิดๆ ที่มีทั้งตัวละคร จุดเริ่มต้น สถานที่ท้องเรื่อง จุดเกิดเหตุ ไคลแม็กซ์ และฉากจบ (ปนกลิ่นอายอีโรติคอยู่บางๆ) มาบรรจุอยู่ในบทเพลงความยาว 3 นาทีกว่าๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เพลงที่ผมกล่าวถึงคือ ‘เกลียดห้องเบอร์ห้า’ เพลงในดวงใจของใครหลายคน ที่มีท่อนขึ้นต้นว่า..

“..พอแฟนแต่งงาน ฉันเลยอกหัก หนีความช้ำหนัก มาพักอยู่ลพบุรี..” นั่นเอง

ที่เรารับรู้อย่างเป็นทางการ เครดิตของผู้แต่งเพลงนี้ก็คือ ‘ครูลพ บุรีรัตน์’

แต่เบื้องหลังคนแต่งตัวจริง คือ ‘พลตรี ชัยฤทธิ์’ ที่แต่งแล้วนำมาให้ ครูลพ ได้ขัดเกลา เรียบเรียงภาษาใหม่ให้สละสลวยอีกครั้ง ผู้แต่งดั้งเดิมจึงมอบเกียรติให้แก่ ครูลพ บุรีรัตน์ เป็นผู้ประพันธ์

ใครได้ฟัง เกลียดห้องเบอร์ห้า ย่อมจะคุ้นขึ้นมาทันทีว่า ยังมีเพลงดังที่ใช้ทำนองสุดไพเราะระดับเทพประทานแบบนี้อยู่อีกมาก เท่าที่ผมนึกได้ และต่อให้ฟังกี่รอบทำนองก็เหมือนกันยังกับฝาแฝด เพลงแรกคือ ‘น้ำลงเดือนยี่’ ของ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ เพลงนี้ขึ้นต้นว่า..

                “..ย่างเดือนสิบเอ็ด น้ำเริ่มไหลนอง พอเดือนสิบสอง น้ำในคลองก็เริ่มจะทรง..”

                ยังไม่หมดนะครับ ทำนองเดียวกันนี้ยังถูกนำไปใช้ในเพลงลูกกรุงอย่าง ‘นางใจ’ ของ สุเทพ วงศ์กำแหง นักร้องเสียงขยี้ฟองเบียร์อีกต่างหาก เพลงนี้ขึ้นต้นว่า..

                “..เธอเป็นนางพิม ของใครมาก่อน คนทั่วทั้งนคร เขาก็รู้ทั่วไป..”

                ยิ่งกว่านั้นทำนอง เกลียดห้องเบอร์ห้า ของ พี่เป้า ยังแผ่อิทธิพลไปถึงศิลปินเพื่อชีวิตอย่าง ‘ปู พงษ์สิทธิ์’ ผู้มี สายัณห์ เป็นไอดอลในดวงใจตอนวัยรุ่น พงษ์สิทธิ์ เลยแต่งเพลง ‘เสือ 11 ตัว’ เพลงดังในยุคแรกของตัวเอง ที่มีท่วงทำนองแบบบลูร็อก มีเสียงกีต้าร์เท่ๆ บาดหู โดยใช้ทำนองเดียวกันนี้อีกด้วย เพลงนี้มีเนื้อขึ้นต้นว่า..

                “..เพราะมีหัวใจ ไม่แข็งไม่อ่อน พอสาวออดอ้อน แค่มองก็สั่นก็ไหว..” อันนี้ยกมาแค่ออเดิร์ฟนะครับ

แต่เหตุไฉน ‘เกลียดห้องเบอร์ห้า’ ถึงครองใจ สถิตในใจแฟนเพลง สายัณห์ ตลอดมา ผมว่าสิ่งหนึ่งก็คือเนื้อหาที่มีการเขียนผูกเป็นเรื่องราวชวนให้ติดตาม สร้างภาพให้เกิดขึ้นในเพลง คล้ายขั้นตอนการทำ ‘สตอรี่บอร์ด’ ของหนัง มีการหักมุมสุดบังเอิญ และเขียนแบบมีลูกล่อลูกชน ล่อหลอกความรู้สึกผู้ฟัง ให้ใช้จินตนาการตาม ในเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นถัดไป โดยที่ผู้แต่งเว้นวรรคไม่กล่าวถึง..

แม้เพลงนี้จะเล่าถึงเหตุการณ์ในโรงแรม ที่มีชายหนุ่มหญิงสาว คู่รักใหม่ปลามันเข้ามาเช็คอิน อยู่ร่วมห้องสองต่อสอง ในเวลาล่วงเลยเที่ยงคืนไปแล้ว โดยมีสายตาหนึ่งคู่ของ คนรักเก่าฝ่ายหญิงคอยสอดส่องจ้องมองผ่านช่องลมของห้องข้างๆ อยู่ก็ตาม แต่ผู้แต่งก็ไม่ได้ใช้ถ้อยคำขยายภาพจนล้ำเส้นไปในทางโป๊เปลือย หรือ อนาจาร แต่อย่างใดเลย เพียงแต่ความรู้สึก กลิ่นอายแบบอีโรติค ที่ลอยวนอยู่ในเพลงนั้น เกิดจากการที่ผู้แต่ง โน้มน้าวนำพาให้คนฟัง สร้างภาพ สร้างเหตุการณ์ จินตนาการต่อเอาเองทั้งสิ้น การแต่งเพลงนี้จึงอยู่ในระดับคลาสสิกเกินคำบรรยายทั้งปวงใดๆ ครับ

บทเพลงเอกของ พี่เป้า เพลงนี้ยังมีเกร็ดที่น่าสนใจอันหนึ่ง ซึ่งแฟนลูกทุ่งส่วนใหญ่น่าจะรับรู้กันพอสมควร นั่นคือ เกลียดห้องเบอร์ห้า คือบทเพลงสุดโปรดของ องค์สมเด็จพระเทพฯ นั่นเอง

เรื่องเล่าเกี่ยวกับพระองค์มีอยู่ว่า สมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นแฟนประจำ รายการวิทยุ ‘ลูกทุ่งพัฒนา’ ทางสถานีวิทยุ 99.10 mhz โดยทรงใช้ชื่อแฝงว่า ‘ป้าช้าง’ เพื่อไม่ให้ใครรู้โทรเข้าไปขอเพลงกับ ดีเจ. อยู่เป็นประจำ ซึ่ง ร.อ.หญิงสุพรทิพย์ คำทรงศรี ดีเจ. ประจำรายการผู้รับสาย ป้าช้าง อยู่บ่อยครั้ง เคยเล่าไว้ว่า..

ป้าช้าง เป็นแฟนรายการมานานกว่า 10 ปี และโทรมาขอเพลงสม่ำเสมอ ตั้งแต่ปี 2519 เป็นต้นมา แม้บางครั้งไม่ว่าง ก็จะให้คนอื่นโทรมาขอแทน โดยบอกว่า ป้าช้าง ขอตลอด โดยในบรรดาเพลงดังต่างๆ จะมีเพลง เกลียดห้องเบอร์ห้า นี่แหละที่ ป้าช้าง ร้องขอให้เปิดบ่อยสุด จนกระทั่งวันหนึ่ง ความจริงก็เผยออกมาว่า แฟนรายการท่านนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น สมเด็จพระเทพฯ นั่นเอง

ยังมีเรื่องเล่าต่ออีกว่า สมเด็จพระเทพฯ ทรงโปรดปรานบทเพลงนี้ถึงขนาด เมื่อครั้งพระองค์เสด็จฯ ไปลพบุรี จังหวัดที่อ้างอิงถึงในบทเพลง สมเด็จพระเทพฯ ได้เสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์ไปที่ โรงแรมไทเป เพื่อทอดพระเนตรห้องเบอร์ 205 ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุที่ผู้แต่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงนั่นเอง นับว่าเป็นการตามรอยบทเพลงลูกทุ่งของ สมเด็จพระเทพฯ ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้รับรู้ รับฟังเป็นอย่างมาก   

สำหรับแฟนๆ ของ พี่เป้า สายัณห์ แม้ได้ฟังเพลงนี้แล้วอาจจะเกิดอารมณ์ร่วม รู้สึกเกลียดห้องๆ นี้ขึ้นมาอย่างจริงๆ จังๆ ตามอย่างอารมณ์สุดแสนชอกช้ำของชายหนุ่มในบทเพลงไปด้วยก็ได้ แต่ก็คงไม่มีใครรู้สึกเกลียดบทเพลงนี้ รวมไปถึงเกลียดตัวคนร้องได้ลงเลยจริงๆ ใช่ไหมครับ..

Create Date : 19 กันยายน 2556
Last Update : 19 กันยายน 2556 12:41:31 น.		0 comments
Counter : 5148 Pageviews.
Share Tweet