Bloggang.com : Holden Caulfield : Justine Henin - Just The Way She Is : บทที่ 9 - เมื่อต้องสู้...เพื่อชาติ

Justine Henin - Just The Way She Is : บทที่ 9 - เมื่อต้องสู้...เพื่อชาติ

Justine Henin - Just The Way She Is : บทที่ 9 - เมื่อต้องสู้...เพื่อชาติ

ก่อนอื่นต้องขอโทษผู้ที่กำลังติดตามอย่างสูงนะครับ ที่หายไปซักพัก ไม่มาตามสัญญา เหตุเพราะว่ามีปัญหาส่วนตัวนิดหน่อย ตอนนี้พอทำใจได้มากขึ้นแล้ว Justine Henin - Just the way she is ก็กลับมานะครับ

นอกจากเรื่องการแข่งเพื่อตัวเองแล้ว ในการลงสู้ศึกเพื่อชาติ เอแนงก็เป็นคนนึงที่ได้รับใช้ชาติในศึก fed cup มาตั้งแต่ปีแรกที่ turn pro

แม้ว่าเบลเยี่ยมจะเป็นประเทศเดียว แต่ภายในกลับแบ่งได้เป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่พวก ดัชท์ พวกฝรั่งเศส และพวก เฟมมิส ทั้ง 3 กลุ่มนี้พูดจาคนละภาษากันเลย ดังนั้นการรวมตัวให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เข้าใจกันทุกประการจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน ถ้าทุกคนมุ่งมั่นที่เป้าหมายดียวกันคือ เบลเยี่ยม

1999 คือปีที่เอแนง turn pro และก็เป็นปีแรกที่เอแนงได้รับใช้ชาติในนาม fed cup ปีนี้เอแนงและเพื่อนร่วมทีมที่มีกำลังสำคัญอีกคนคือ คิม ไครส์เจอร์ได้พาทีมเข้าถึง QF ทั้ง 2 นัดที่เอแนงได้ลงก็สามารถกำชัยชนะไว้ได้ทั้งหมด

ปีต่อมาก็เข้าถึงรอบ SF แต่ปีที่สำคัญที่สุดคือ 2001 ปีที่ทั้งเอแนงและคิมสามารถสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักด้วยการเข้าชิงรายการ Grandslam ทั้ง 2 คน และทั้ง 2 คนก็ร่วมแรงร่วมใจสู้จนทำให้เบลเยี่ยมผ่านเข้าสู่รอบชิง Fed cup ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ชนะมาทั้งเยอรมัน ออสเตรเลีย และสเปน

ในนัดชิงนั้นเบลเยี่ยมจะต้องพบกับ อนาคตมหาอำนาจเทนนิสหญิงอย่างรัสเซีย แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เรื่องยากของทั้ง 2 กำลังหลัก และคนอื่นๆในทีม เมื่อสามารถเอาชนะรัสเซีย ทำให้เบลเยี่ยมคว้าแชมป์ทีมเทนนิสหญิงโลก ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ (และเป็นครั้งเดียวถ้านับกันถึงวันนี้)

ด้วยอนาคตทางการเล่นที่พุ่งทะยานทำให้เอแนงได้รับใช้ชาติน้อยลง และเธอได้อยู่ในทีม fed cup อีก แค่ 2 ปี จนถึงปี 2003 เท่านั้น เพราะนอกจากอันดับโลกที่พุ่งอย่างไม่หยุด รอยแตกร้าวภายในทีมยังมีมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากการไม่เข้าใจภาษาเล็กน้อย ไปจนถึงเรื่องนอกทีมแต่ยังอยู่ในคอร์ตของเธอกับคิม ทำให้ในที่สุดเอแนงก็ปฏิเสธที่จะเล่นให้กับเบลเยี่ยมในนาม fed cup

แต่เมื่อชาติต้องการ เอแนงก็พร้อมจะกลับมาเสมอ ในช่วงปี 2004 ขณะที่เอแนงกำลังพักรักษาตัวจากไวรัสที่ทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากนอนเฉยๆเท่านั้น เบลเยี่ยมได้ส่งเธอเข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูร้อน ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ

เอแนงในสภาพร่างกายยังไม่พร้อม 100% แต่จิตใจเกิน 100 ได้ลงสู้ศึกโอลิมปิคกรุยทางไปสู่เหรียญทองเรื่อยจนถึงรอบ SF เอแนงต้องเจอกับอนาสตาเซีย มิสกิน่า แชมป์ FO ปีนั้น ตัวแทนจากประเทศรัสเซีย

ในเซตแรกเอแนงชนะไปก่อน 7-5 เซตต่อมามิสกิน่าชนะด้วยสกอร์เดียวกัน 5-7 ในเซตสุดท้ายเหมือนว่าชัยชนะจะอยู่ในมือมิสกิน่าแล้วเพราะเธอนำถึง 5-1 อีกเพียงแค่เกมเดียวก็จะได้ไปเข้าชิงเหรียญทอง แต่เอแนงที่จิตใจไม่เคยยอมแพ้ถ้ายังไม่ถึงแต้มสุดท้าย และที่สำคัญครั้งนี้เธอมาในนามประเทศชาติ มีคนอีกหลายล้านคนที่ตั้งความหวังไว้กับเธอ เธอจะแพ้ไม่ได้ เอแนงค่อยๆยกระดับการเล่น ไล่ตามมาเรื่อยๆ จนในที่สุดสามารถชนะไป 8-6 จบเกมมิสกิน่าถึงขั้นสติแตก ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากนอนร้องไห้ในห้องอยู่หลายชั่วโมง

ส่วนเอแนงได้เข้าไปชิงเหรียญทองกับอเมรี โมเรสโม่ และก็สามารถเอาชนะไปได้ไม่ยากเย็น 2 เซตรวด

เหรียญทองโอลิมปิคครั้งนี้ จัดเป็น 1 ในชัยชนะที่เอแนงภูมิใจที่สุดในชีวิตการเล่นเทนนิส เพราะในหลายๆครั้งต่อมาที่มีการถามถึงเรื่องนี้ เธอก็จะตอบอย่างภูมิใจพร้อมเอามือลูบเหรียญทองอย่างยินดี

แต่น่าเสียดายที่อาการป่วยยังไม่หายดี ร่างกายยังไม่แข็งแรง รายการ Grandslam สุดท้ายอย่าง US Open เอแนงลงแข่งอย่างไม่สมบูรณ์ ทุกนัดที่ผ่านไป นอกจากป่วย เธอยังเพิ่มอาการบาดเจ็บให้ตัวเองอีกด้วย จนสามารถไปไกลที่สุดแค่รอบ 4 แพ้ให้กับนาเดีย เปรโตว่า และถอนตัวให้กับทุกรายการที่เหลือของปี

แม้จะได้ 1 slam กับ 1 เหรียญทองโอลิมปิค แต่เอแนงต้องจบปี 2004 พร้อมกับอาการป่วย อาการเจ็บขา และหลัง รวมทั้งต้องหลุดจากมือ 1 ของโลก

In Henin, We Trust

ติดตามตอนเก่าๆได้ที่นี่ครับ

บทนำ

บทที่ 1 - แรงบันดาลใจ และคำมั่นสัญญา

บทที่ 2 - เด็กสาวผู้โดดเดี่ยว

บทที่ 3 - ประกาศให้โลกรู้จัก ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้

บทที่ 4 - งานแต่งงานที่อ้างว้าง

บทที่ 5 - 'The HAND' Match

บทที่ 6 - "แม่คะ หนูทำได้แล้วค่ะ"

บทที่ 7 - ไม่มีคำว่าเหนื่อยใน Grand Slam

บทที่ 8 - โชคร้ายเปรียบเสมือนเงาที่ไม่เคยห่างจากตัว

ปล ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ และเช่นเคย ถ้าใครกลัวพลาดตอนต่อๆไป สามารถลงชื่อ และ e-mail ไว้ ถ้ามีตอนใหม่เมื่อไหร่ ผมจะแจ้งให้ทราบโดยไวครับ

enjoy your day

Create Date : 22 กันยายน 2550

Last Update : 22 กันยายน 2550 21:37:25 น.

10 comments

Counter : 711 Pageviews.

ตอนนี้ก็ป่วย

ยังไงก็อยากให้หายป่วยไวไว
ALLEZ! JUSTINE

โดย: Apple IP: 203.113.17.168 วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:22:23:17 น.

รูปตอนรับเหรียญรางวัล คนอยู่ด้านขวามือของภาพคือใครคะ แล้วมิสกีน่าไม่ได้เหรียญทองแดงเหรอคะ

อยากให้เขียนถึงชีวิตส่วนตัวของเอแนงตอนอยู่นอกคอร์ตบ้างค่ะ เอ่อ ไม่รู้ขอมากไปมั้ย

โดย: windflower IP: 203.149.60.86 วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:9:08:19 น.

เอ้อ... ตัวเล็กจริงๆ

ปล. เมื่อไหร่นังแน็งจะตบกับนังคิมซะที รออ่านมานานแล้วนะว้อยยย...

โดย: เรียกข้า... หนูน้อยซาดาโกะกับนกกระเรียนกระดาษ 1,000 ตัว! โหะ โหะ โหะ! aka zardamon IP: 168.120.77.73 วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:9:25:26 น.

คุณ windflower ครับ คนขวาคือ อลิเซีย โมลิค จากออสเตรเลียครับ พอมิสกิน่าแพ้เอแนงก็ทำใจไม่ได้เข้าไปนอนร้องไห้ พอต้องออกมาชิงเหรียญทองแดง ก็ไม่มีกระจิตกระใจเล่น หลุดไปเองตลอดเกมครับ

ส่วนเรื่องนอกคอร์ต รออีกประมาณ 2 ตอนนะครับ วางแผนไว้แล้วเหมือนกันครับว่าจะเขียนถึง

เฮียสน ก็เค้าตบกันไปแล้วไงตอน aussie 2004 รอบชิงอ่ะ

enjoy your day

โดย: Holden Caulfield

วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:9:36:48 น.

เอ่อ คุณ Holden Caulfield ช่วยเขียนถึงโค้ชคาร์ลอส (โค้ชคู่บุญ) ของเอแนงด้วยได้มั้ยคะ

บอกตามตรงว่าส่วนหนึ่งที่ชอบเอแนง เพราะประทับใจความสัมพันธ์ที่อบอุ่นของคู่นี้ค่ะ

เวลาเอแนงแข่ง เธอจะมองอยู่จุดเดียวก็คือ โค้ชของเธอ เรารู้สึกได้เลยว่าโค้ชคาร์ลอสจะมองเอแนงอย่างเชื่อมั่นว่าเธอทำได้ ส่วนแววตาของเอแนงก็ฉายชัดถึงความไว้เนื้อเชื่อใจเต็มเปี่ยม สังเกตว่าเวลาแข่งในนัดสำคัญ ๆ กล้องจะจับภาพโค้ชคาร์ลอสบ่อยมาก ตอนที่เอแนงขึ้นไปกอดโค้ชของเธอหลังคว้าแชมป์ยูเอสโอเพ่น เป็นอะไรที่ประทับใจมากมาย

ก็เลยคิดว่าเรื่องราวส่วนตัวของเธอ น่าจะมีโค้ชคาร์ลอสเป็นตัวเอกดำเนินเรื่องราวไปพร้อม ๆ กับชีวิตของเธอนะคะ

ขอภาพประกอบนอกคอร์ตเยอะ ๆ ก็ดีค่ะ

โดย: windflower IP: 203.149.60.86 วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:12:33:17 น.

^
^
ได้เลยครับ วางแผนไว้แล้วเหมือนกัน ใจตรงกันนะเนี่ย

enjoy your day

โดย: Holden Caulfield

วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:13:16:04 น.

ว่าแต่คุณ Holden Caulfield ไปเอาข้อมูล (ทั้งเรื่อง ทั้งภาพ) มาจากไหนเนี่ย จำได้ว่าคุณเคยบอกเขียนเองไม่ได้แปลมาจากที่ไหนใช่มั้ยคะ

เก่งจังเลย

โดย: windflower IP: 203.149.60.86 วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:15:26:10 น.

match ที่เล่นกับมิสกีน่าเป็น match นึงในความทรงจำที่ประทับใจสงสารมิสกีน่าเหมือนกันตีไปร้องไป
คุณเด้งเขียนเยอะๆหน่อยดิอยากอ่านยาวๆง่ะ แล้วคุณเด้งฟังภาษา France ได้อ๊ะเปล่าเพราะเวลาเข้าไปดู clip ของเอแนงเธอมักพูดฝรั่งเศส เผื่อจะให้คุณเด้งช่วยแปล แหะ...แหะ ใช้งานไปนู่น

โดย: juju' fan IP: 125.24.19.111 วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:15:28:37 น.

ภาพก็เก็บมาเรื่อยๆครับ ส่วนเรื่องก็มาจากความทรงจำว่าเคยอ่านข่าว อ่านบทความไหนมาบ้าง แล้วเอามาประมวลรวมกันครับ

วางแผนการเขียนตามความทรงจำ แล้วก็หาข้อมูลเพิ่มเติมนิดหน่อยอ่ะครับ

ส่วนภาษาฝรั่งเศส ผมได้แค่เล็กน้อย(มากๆ) อ่ะครับ

enjoy your day

โดย: Holden Caulfield

วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:15:52:17 น.

I love Henin, too. Please let me know when you have done with your next article. Thank you ka.

โดย: dedy_ob@yahoo.com IP: 58.8.180.57 วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:23:55:12 น.