เคยได้ยินเรื่องที่ชอบพูดกันตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับความมีน้ำใจของคนไทยที่ต่างชาติไม่มีกันบ้างไม๊ครับ มันทำให้เรารู้สึกกันว่า ประเทศเรานี้ช่างดีเสียเหลือเกิน เรามีอะไรที่ฝรั่งมังค่าไม่มี
แล้วฝรั่งมันไม่มีน้ำใจจริงเหรอครับ ผมเคยฟังวิทยุและทีวีที่พูดถึงเรื่องนี้อยู่บ้าง เช่นว่ามันไม่มีคำว่า
"น้ำใจ" ในภาษาฝรั่งหรอก อันนี้ก็มีความจริงอยู่นิดนึงมั้ง เพราะมันไม่มีคำตรงๆ แต่คำว่า kind หรือ generous ก็มีความหมายถึงความใจดี อารี และ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่นะครับ เอาเป็นว่าแม้มันจะไม่มีคำว่าน้ำใจในภาษาฝรั่งก็คงไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีน้ำใจหรอกนะ
ทุกๆ วันผมมองไปรอบๆ ตัวแล้วตั้งคำถามกับตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่า นี่หรือที่เรียกว่าคนไทยมีน้ำใจงามกว่าฝรั่งประเทศศิวิไลซ์
เวลาเดินข้ามถนนตรงทางม้าลาย คนขับรถมันไม่เคยจะจอดให้ผมข้ามแบบง่ายๆ กันหรอก ต้องแบบว่ารอให้รถโล่งผมถึงจะข้ามได้ ในประเทศเจริญๆ แล้วเขาจะเดินข้ามทางม้าลายกันแบบไม่ต้องมองรถเลย เดินอ่านหนังสือข้ามถนนเฉยเลยอะ รถทุกคันต้องจอดให้คนข้าม
เวลาขับรถจะกลับรถหรือถึงทางแยก ในประเทศไทยรถที่พุ่งมาจะเปิดไฟสูงใส่ (แปลว่า อย่าเสือกออกมานะครับ) แต่ในประเทศอื่นก็เปิดไฟสูงใส่เหมือนกัน แต่แปลว่า เชิญเลยครับ ผมให้คุณไปก่อน
เวลารถติดๆ มีรถจะออกจากซอยหรือทางกลับรถ ทางเลี้ยว บางทีเราก็ไม่ยอมเปิดทางให้เขาไปก่อนแถมยังขับขึ้นหน้าไปปิดทางออกจากซอยซะอีกแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งๆ ที่เราก็ไปไหนไม่ได้ แย่จัง
เวลาคนขับรถเข้าใจว่าอารมณ์เสียกันเยอะละครับเพราะมันเป็นพื้นที่ๆ ใช้ร่วมกัน บางทีเราเลยไม่ค่อยจะยอมกัน ขอทางก็ไม่ให้แกล้งขับจี้คันข้างหน้าแม้ตอนรถติดๆ ไปไหนก็ไม่ได้ (อยู่ในซอยก็รอไปก่อนนะน้อง)
เวลาขึ้นบันไดเลื่อน ประเทศอื่นๆ เขาจะยืนชิงขวาโดยเปิดทางให้คนที่รีบเดินขึ้นไป ในประเทศเราไม่เคยแคร์คนข้างหลังหรอก อาจคิดในใจด้วยว่า มึงจะรีบไปไหนวะ (อันนี้น่าจะเกี่ยวกับวัฒนธรรม)
เวลาเดินเข้าออกอาคาร ประเทศอื่นเขาจะหันมามองว่ามีคนเดินตามมารึเปล่า ซึ่งเขาจะเปิดประตูค้างไว้ให้เพื่อให้คนที่เดินตามมาผ่านไปด้วย ในขณะที่บ้านเราไม่ได้แคร์คนอื่นเท่าไหร่
เขาว่าการไหว้เป็นการแสดงออกถึงวัฒนธรรมอันดี (เกี่ยวกับน้ำใจตรงไหน) แต่ผมมักเจอพนักงานตามซุปเปอร์มาเก็ตยกมือไหว้ด้วยความเร็วประมาณ 0.3วินาที แทบมองไม่ทัน หน้าตาก็เบื่อโลกมากเหมือนไม่อยากทำงานนี้
บางทีน้ำใจ กฏเกณฑ์ และวัฒนธรรมประจำชาติมันเลยเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นควบคู่กันไปแยกไม่ค่อยออกนะครับ บางทีพูดไปพูดมาอาจเหมือนกำลังพูดว่าคนไทยในเรื่องวัฒนธรรมที่แตกต่าง สิ่งที่ต้องการจะบอกเท่าที่เจอทุกวันคือ (ส่วนใหญ่บนท้องถนน) เราไม่ค่อยมีน้ำใจให้กันเมื่อเทียบกับฝรั่ง
ก็คงมีคนเถียงว่าแล้วเวลาเราทำบุญช่วยคนยากลำบากละ ไม่มีน้ำใจกันเลยเหรอ..... อืมม มีครับ แต่ชาติอื่นเขาก็มีเหมือนกัน จะบอกว่าประเทศเรามีน้ำใจงามกว่าชาติอื่นก็เลยรู้สึกจะมองตัวเองสูงล้ำกว่าใครเขาเกินไป
อีกอย่างคือ ต่างชาติเขาไม่ค่อยมองถึงโลกหน้าแบบเราชาวเอเชีย... เขาไม่ได้คิดว่าทำบุญชาตินี้เพื่อหวังว่าชาติหน้าจะสบาย หรือเคยเจอคนไปทำบุญตามวัด เอาจีวรผืนใหญ่ๆ ไปห่มพระพุทธรูปองค์โตๆ แล้วก็มีการสวดให้พรว่า รวยๆๆๆ ในกรณีแบบนี้บางทีเขาก็เรียกว่าไปแก้บนหรือให้โดยหวังสิ่งตอบแทน หรือเทน้ำมันใส่ตะเกียงเพื่อจะได้มีแสงสว่างในโลกหน้า ยังไม่รวมการมีน้ำใจกับสัตว์ที่เรามักทำกันผิดๆ เช่นให้อาหารหมาข้างถนนจนเกิดปัญหาเชื้อโรคแพร่ระบาดในบริเวณนั้นๆ (เพราะบางคนขนข้าวใส่ถุงมาทิ้งไว้ให้หมากินแล้วก็จากไป)
หรือการปล่อยนกปล่อยปลาตามวัดโดยกลายเป็นการทรมานสัตว์ให้มันวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาตเพราะมันถูกจับมาใส่กรงใส่ถังให้ทำบุญซ้ำแล้วซ้ำเล่า... อันนี้มันจะเรียกว่าหวังผลในอนาคตก็พอได้อยู่เพราะฝรั่งมันไม่ได้คิดถึงโลกหน้ากันซักเท่าไหร่เวลาบริจาคทาน มีคำสอนที่ว่าให้กับคนที่ลำบากกว่าเรา ไม่มีการพูดถึงโลกหน้า
เพิ่มเติมนิดนึงเรื่องน้ำใจ บางทีที่เราเอาของขวัญไปให้อาวุโสหรือเจ้านายเพื่อแสดงน้ำใจ บางครั้งมันเป็นสิ่งที่เราคาดหวังว่าเขาอาจจะช่วยเหลือเราในหลายๆ เรื่องรึเปล่า เราเอาของไปฝากนักการเมือง ข้าราชการ หรือผุ้มีอำนาจ มาจากน้ำใจหรือเพื่อหวังผลตอบแทนกันนะครับ กลายเป็นคำว่า "สินน้ำใจ" เพิ่มเติม
ชักจะเลอะเทอะกันไปใหญ่นะครับ อ่านแล้วเดี๋ยวคงมีคนไม่ถูกใจเพราะมันอาจพาดพิงไปถึงหลายๆ วัฒนธรรมและกิจกรรมที่เราทำๆ กันอยู่ในชีวิต ไม่เห็นด้วยหรืออยากโต้แย้งประการใดก็เขียนใน comment กันได้ตามอัธยาศัยเลยนะครับ
รถจอดเกินเส้น อาจโดนปรับ $250