CyberGal666 [ ตอน 15 ]
ความเดิมจากตอนที่แล้ว

Episode XV



It’s below here!!! มันอยู่ข้างใต้นี้...

ข้อความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายในไฟล์ประหลาด.. ทำไมต้องซ่อนข้อความเหล่านี้ด้วยนะ.. เหมือนกับว่าคนที่ต้องการจะส่งข้อความเหล่านี้กลัวใครจะมารู้เข้า... แล้วอะไรละที่อยู่ใต้นี้..

“จากที่เราเข้ามาในอาคารหลังนี้ เราเข้ามาจากทางยกระดับทั้งหมด ที่ว่าบอกว่าอยู่ข้างใต้นี้ น่าจะเป็นชั้นล่างหรือใต้ดินของตัวอาคารนี้นะ” คานิซาว่าพยายามตีความ
“ที่นี่มันค่อนข้างจะรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนานะ.. กูว่าจะค้นหาอะไรคงลำบากว่ะ”..
“เรา save ไฟล์ตัวนี้เก็บไว้ก่อนดีกว่าว่ะ ตึกนี้จะปิดอยู่แล้ว ยังไงค่อยๆ ศึกษากันไปก็ได้”
“ได้ๆ..” คานิซาว่าถอดต่างหูคลิ๊ปข้างซ้ายซึ่งสามารถเก็บข้อมูลได้ 1Gb แล้ววางไว้ในจุดเชื่อมต่อ Bluetooth ใกล้ๆ กับจอภาพกระจก.. เขากด copy เพื่อดึงไฟล์เข้ามาเก็บไว้ที่ต่างหูคู่เก่ง

“เรียบร้อยว่ะ.. ไปเหอะ เดี๋ยวมันมาไล่… เราเดินไปดูป้ายแผนผังอาคารกันอีกทีก่อนออก ดูว่าชั้นล่างๆ มันเป็นอะไรดีกว่า” .... เราเก็บข้าวของก่อนจะเดินออกไปตามทางสู่โถงทางเข้าหลัก ผู้คนที่เข้ามาใช้บริการซึ่งวันนี้มีไม่มากนัก เริ่มทยอยเดินออกไปสู่สถานีรถโมโนเรลไปสู่ทางออกหลัก จะว่าไประบบขนคนแบบนี้มันก็กำหนดเส้นทางการเข้าออกของคนได้ดีทีเดียว การต้อนคนคงทำได้ง่ายดายแถมยังสะดวกทั้งสถานที่และผู้มาใช้บริการ..

เราหยุดดูแท่นจอผลึกแก้วเพื่อเลือกดูผังอาคารแบบ interactive ตัวอาคาร 5 ชั้น ที่เรายืนอยู่คือชั้น 1 ใต้ลงไปคือชั้น G และ B ตามลำดับ ซึ่งบริเวณชั้น G จะเป็นห้องวิจัยต่างๆ ของ Temasek ซึ่งถือเป็นเขตหวงห้าม Restricted Area และชั้นใต้ดิน (B) จะเป็นพื้นที่ของห้องเครื่องต่างๆ และมีอุโมงทางเชื่อมต่อไปยังอาคารต่างๆ ในพื้นที่ของเทมาเส็กทั้งหมด....


“พื้นที่หวงห้าม แล้วพวกเราจะเข้าไปได้ไงวะ อย่างนี้ก็หมดสิทธิ์เลย” ผมบ่นลอยๆ ออกมาหลังจากพิจารณาแผนผังต่างๆ..
“วันนี้เราคงทำได้แค่นี้แหละว่ะ ไม่รู้จะทำไงต่อแล้ว” คานิซาว่าตอบกลับอย่างหมดหนทาง
เราสองคนค่อยๆ เดินออกจากโถงอาคารหลักสู่สะพานทางเดินลอยฟ้าที่เชื่อมไปยังโมโนเรลด้านหน้า... ด้านล่างของเราเป็นสนามหญ้าและต้นไม้ใหญ่เขียนครึ้ม บรรยากาศดูร่มเย็นดีจริงๆ แม้ในยามที่ท้องฟ้าดูจะเต็มไปด้วยพายุฝนเกือบทั้งปีเช่นนี้...

ระหว่างที่เรากำลังเดินไปขึ้นรถไฟอยู่นั้น ผมก็นึกถึงข้อความที่พบในไฟล์HTML ประหลาดนั่น.. ที่บอกว่า It’s below here!!! มันหมายความว่ามันอยู่ชั้นใต้ดินหรือชั้นล่างอย่างนั้นหรือ.. แล้วเราอุตส่าห์บุกมาถึงที่นี่แล้ว เราจะถอยกลับไปอย่างไม่มีอะไร.. แค่นั้นจริงๆ เหรอนี่...

“Below ใต้นี้!!”.. เรานั่งอยู่ในห้องสมุด ที่โต๊ะคอมพ์.. ใต้คำๆ นี้ก็คือใต้จอภาพ ใต้โต๊ะ ใต้พื้น ใต้ตึก มันเป็นอะไรก็ได้นี่น่า... แล้วทำไมข้อความนี้ต้องให้ไปเปิดที่เครื่อง 45 เท่านั้น.. แค่ว่าไฟล์ตัวนี้อยู่ในเครื่องหมายเลข 45 หรือเพราะว่าต้องการให้เรามาหยุดใช้เครื่องๆ นี้กันนะ.......... ผมพยายามทบทวนข้อความที่เราได้รับระหว่างที่เรากำลังเดินไปที่ท่ารถโมโนเรลที่วิ่งวนรับคนตามอาคารต่างๆ ในสถาบันแห่งนี้...

“เฮ้ย เดี๋ยวกูมาว่ะ มึงรออยู่ตรงนี้นะ” ผมบอกคานิซาว่าพลางหันหลังเดินกลับเข้าสู่อาคารอีกครั้งหนึ่ง
“อ้าว ไปไหนวะเบิ้ม.. ตึกเขาจะปิดแล้วนะ”.. คานิซังหันมาทักท้วง
“พอดีลืมของว่ะ สงสัยอยู่ที่โต๊ะคอมพ์ รอแป๊ปนึง” ผมตะโกนบอกพลางเดินกึ่งวิ่งกลับไปยังตัวอาคารอีกครั้งหนึ่ง
ผมเดินตรงไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าลืมของบางอย่างไว้ที่โต๊ะคอมพ์ และขออนุญาติเข้าสู่ตัวห้องสมุดที่กำลังจะปิดตัวอีกครั้งหนึ่ง... ทุกอย่างดูจะไม่มีปัญหาอะไร... ผมวิ่งผ่านโถงทางเข้าหลังและมุ่งตามทางหินแกรนิตสีขาว สู่ห้องสมุดทรงกลมที่ยิ่งใหญ่ของเทมาเส็กแห่งนี้... ผมตรงไปยังโต๊ะคอมพ์หมายเลข 45 เครื่องที่เราใช้ครั้งสุดท้าย


บรรยากาศอันเงียบสงบของห้องสมุดดูวังเวงน่ากลัว แสงไฟภายในห้องถูกปรับให้มืดลงเพื่อเตรียมจะปิดตัวลง หน้าจอทั้งหมดถูกพับเก็บลงและเรียบเป็นระนาบเดียวกับหน้าโต๊ะ... ผมจับกระจกหน้าจอและดันปรับมันตั้งตรงอีกครั้งหนึ่งก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ด้านหน้าของมัน... ภายในหัวผมพยายามนึกถึงข้อความล่าสุดที่ได้รับจากไฟล์ในเครื่องนี้และพยายามพินิจเพ่งมองไปรอบๆ บริเวณถึงความผิดสังเกตุต่างๆ ที่พอจะมองเห็น.. แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรน่าสงสัยนัก

ผมเลื่อนมือไปตามขอบจอด้านล่าง ก่อนจะก้มตัวลงมองที่ใต้โต๊ะซึ่งดูสลัว... น่าจะเอาไฟฉายมาด้วยนะ ผมนึกในใจ.. แต่มันอาจจะทำให้ดูน่าสงสัยยิ่งขึ้น.... ตัวโต๊ะซึ่งทำจากหินสังเคราะห์สีขาว ตัวโครงสร้างเป็นเสตนเลสสีเงินด้าน มีช่องต่ออุปกรณ์ต่างๆ ที่ขอบของโต๊ะหินสีขาวนี้ ผมพยายามลูบไปตามขอบโต๊ะโดยหวังว่าจะพบเจอกับอะไรซักอย่างที่บ่งบอกไว้ในไฟล์นั้น... ผู้คนทยอยออกจนหมดห้องสมุด.. เจ้าหน้าที่คนนึงเดินเข้ามาถึงทางเข้าห้องสมุดเพื่อดูความเรียบร้อยและคงมาตามให้ผมออกจากสถานที่แห่งนี้

ดูท่าแล้วคงจะไม่มีอะไรหรอกมั้ง.. เราคงต้องกลับไปตีความข้อความนั้นอีกทีนึง.. ผมลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมออกจากห้องสมุดแห่งนี้ แต่ในขณะกำลังยกตัวเองขึ้นนั้น ฐานแป้นควบคุมที่เป็นคีบอร์ดเรืองแสงก็เลื่อนออกมาตามแรงยกตัวของผม ฐานนี้ถูกดันพับเก็บไว้ใต้จอกระจกที่พับเก็บอยู่อย่างเรียบร้อยแต่เมื่อผมดันจอเปิดขึ้นเมื่อซักครู่ตัวฐานนี้จึงเลื่อนออกมาได้อีกครั้ง...

ผมก้มลงดูที่ใต้ฐานคีบอร์ดใสอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไรจึงเตรียมที่จะเลื่อนเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยอีกทีก่อนจะออกจากห้อง... แต่ในจังหวะที่จะเก็บแท่นควบคุมนี้ให้เข้าที่ นิ้วมือก็มาสะดุดกับตัวรางเลื่อนโลหะสีดำที่ยึดตัวแป้นคีบอร์ดนี้เข้า... ผมก้มดูอีกครั้งและพบว่า มีวัตถุสีดำเล็กๆ อยู่ชิ้นหนึ่งถูกยึดติดลงบนรางเลื่อนสีดำนี้ ซึ่งถ้าไม่สังเกตดีๆ จะมองไม่เห็นความแตกต่างเลย

ผมใช้เล็บนิ้วชี้ค่อยๆ แงะเจ้าวัตถุชิ้นนี้ออกมา แล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะเลื่อนฐานและพับจอให้เข้าที่ดังเดิม และรีบเดินออกจากห้องสมุดที่กำลังปิดตัวเองลง
“หาเจอไม๊ครับ” เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ถามไถ่ระหว่างที่ผมกำลังเดินผ่านออกไป
ผมหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนหยิบปากกาขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ “เจอแล้วครับ ปากกามันตกอยู่ใต้โต๊ะนั้นเอง ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะครับ” พูดเสร็จก็รีบเดินออกไปยังโถงและมุ่งหน้าตามทางเดินยกระดับ ซึ่งเบื้องหน้ามีคานิซาว่ายืนสูบบุหรี่รออยู่ด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่าย..


“ลืมอะไรไว้วะ.. คนออกไปกันหมดแล้ว แม่งคงนึกว่าเราเป็นคู่เกย์กันแน่ๆ ว่ะ”... คานิซังพูดพลางพ่นควันบุหรี่ขึ้นฟ้า
“เออๆ เจอแล้วๆ ไว้เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังเว้ย” ผมตบไหล่เพื่อนก่อนที่เราจะเดินไปขึ้นรถเพื่อออกไปจากศูนย์แห่งนี้พร้อมกัน... ท้องฟ้าขณะนี้เป็นสีชมพูอมม่วง เมฆฝนคงถูกพัดไปที่ไหนแล้วแน่ๆ.. เราเดินเข้าสู่ตัวรถ ก่อนที่มันจะเคลื่อนตัวสู่ช่องทางออกจากเทมาเส็ก..... ผมเอามือล้วงไปในกระเป๋ากางเกงดูอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าวัตถุชนิดนั้นยังอยู่ปลอดภัยดี.... มันน่าจะบ่งบอกอะไรบางอย่างได้นะ... ผมนึกในใจ.......

.......................................

ครึ่งชั่วโมงจากสถาบันเทมาเส็ก เรามานั่งพักกันที่ร้านเนื้อย่างญี่ปุ่นที่ชุมทางหมอชิตเทอมินอล ร้านนี้เป็นของเพื่อนแม่ของคานิซาว่า เขาจัดแจงสั่งอาหารเป็นภาษาญี่ปุ่นให้สมกับเป็นลูกครึ่งแดนอาทิตย์อุทัย... หลังจากทุกอย่างดูสงบลงแล้ว ผมจิบชาเขียวร้อนจากถ้วยดินเผาก่อนจะหยิบวัตถุสีดำนั้นขึ้นมาวางบนโต๊ะ...

“เฮ้ย อะไรวะ” คานิซาว่าชะเง้อคอมามองดูวัตถุประหลาดที่ผมแกะมาจากใต้รางเลื่อนที่โต๊ะคอม์หมายเลข 45
ผมหยิบมันขึ้นมาดูอย่างละเอียดเป็นครั้งแรกตั้งแต่แกะมันออกมาจากใต้โต๊ะตัวนั้น “มันเป็น Micro Super XXD drive ว่ะ ขนาดความจุ 1 GB”.. ผมอ่านตัวหนังสือสีขาวตัวเล็กที่แผ่นวัตถุสีดำขนาด 1x1cm ..
“เอามาจากไหนวะ” คานิซาว่ายื่นมือมาหยิบแผ่น XXD ไปดู

“ที่กูบอกว่าจะเข้าไปเอาของที่ลืมไง... กูว่ามันต้องมีอะไรที่โต๊ะคอมพ์นั้น ในไฟล์ HTML นั้นน่าจะบอกอะไรเป็นนัยยะว่ะ กูเลยลองกลับไปตรวจดูอีกครั้ง และก็เจอไอ้นี่มา”
“เฮ้ย เจ๋งว่ะ มึงนี่ ไม่เลวเลยนะ ทำเงียบเชียวนะเว้ยตอนออกมา” แฮกเกอร์หนุ่มยิ้มขณะเพ่งมองที่อุปกรณ์เก็บข้อมูลสีดำอันจิ๋ว

“เออ กูกลัวคนที่เทมาเส็กมันจะตรวจดู.. ตอนนี้ไว้ใจใครคงไม่ได้ว่ะ” ผมตอบพลางหยิบผ้าขนหนูเย็นมาเช็ดที่ต้นคอให้คลายความเหนียวตัว
“เออ มันก็จริง.. แล้วมึงดูยังวะว่าในนี้มันมีอะไรอยู่”
“เวร กูเพิ่งจะได้หยิบมันขึ้นมาดูเมื่อกี้นี้เอง.. มึงมี card reader รึเปล่าละ”
“ไม่มีว่ะ ไม่ได้พกมา XXD card ก็ไม่ค่อยมีใครใช้กันแล้ว บ้านมึงมีรึเปล่าละ” คานิซาว่าย้อนถาม
“เออ มีว่ะ เดี๋ยวคืนนี้กูกลับไปเช็คดูที่บ้านละกัน”...

พนักงานเสิร์ฟยกเนื้อสัตว์หมักซอสมาวางบนโต๊ะและเปิดเตาไฟขึ้น.. อุณหภูมิบนโต๊ะสูงขึ้นในทันที.... ภายในร้านต่างคนต่างไม่สนใจกันและกัน ผู้คนส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นที่อพยพมาอยู่ที่กรุงเทพแห่งนี้กันอย่างหนาแน่นหลังน้ำท่วมครั้งใหญ่ ประเทศญี่ปุ่นยังฟื้นฟูประเทศได้ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นจากการถมเกาะขึ้นมาใหม่... ช่างเป็นประเทศที่ไม่ยอมแพ้ต่ออะไรทั้งสิ้น ผมนึกในใจ...
“เฮ้ย กินๆๆ.. วันนี้พอแค่นี้แหละว่ะ คิดมากปวดหัวว่ะ” คานิซาว่าหยิบชิ้นเนื้อย่างส่งมาให้ผม ก่อนที่บรรยากาศที่ตึงเครียดจะคลายตัวลง....


.......................................

หลังจากแยกตัวกันกลับบ้านประมาณสามทุ่มที่สถานีหมาชิต ผมเดินทางต่อมาด้วยรถไฟ BTS ที่เปิดใช้มากว่า 20 ปีสู่ห้องพักกลางเมืองของผม.. ภายในรถคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เตรียมตัวกลับสู่การทำงานในเช้าวันจันทร์ ความแน่นขนัดนี้เกิดขึ้นจากความติดขัดอย่างแสนสาหัสของพื้นถนนเบื้องล่าง.. ผมมองเหม่อไปนอกหน้ากระจกรถและนึกเรียบเรียงเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า.. ในแผ่นชิบนี้จะมีอะไรอยู่นะ... มันเป็นข้อมูลที่ใครจงใจทิ้งปมไว้ให้เราค้นหาหรือนี่...

ขณะอยู่บนรถไฟลอยฟ้าที่เคลื่อนขบวนอยู่นั้น.. ผมหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อเปิดมันอีกครั้ง.. ลืมไปซะสนิทเลยว่าเราปิดมือถือตั้งแต่ไปเทมาเส็กตอนสายๆ... เครื่องทำการเข้าสู่ระบบ และข้อความใหม่ก็ปรากฏบนหน้าจอ “10 miss calls” .. โอ้ มีคนโทรหาเราเยอะขนาดนี้เชียวหรือนี่.. ผมไล่เช็ครายชื่อ... 8 Unknown number (8หมายเลขนิรนาม) และ 2 Kanisawa (ไอ้คานิซังโทรมา 2 หน) มีอะไรนะเนี่ย... เดี๋ยวถึงห้องแล้วค่อยโทรกลับหามันละกัน.. ผมนึกในใจและเก็บมือถือเข้ากระเป๋า

ไม่นานนักผมก็มาถึงตึกคอนโดสูงที่เรียงรายกันเป็นถิวแถวกลางเมือง.. ผมพุ่งตรงไปที่ลิฟท์เพื่อขึ้นไปที่ห้องพักอย่างเหนื่อยล้า.. ผมเดินตรงไปอย่างเชื่องช้าตามทางเดินที่มีแสงสลัวสีเหลืองที่พื้นเพื่อไปยังห้องพักและหยิบคีร์การ์ดขึ้นมาเตรียมจะเปิดเข้าห้องพัก.. คืนนี้อยากจะหลับให้เร็วๆ จังเลย.. ผมคิดในใจ

ขณะกำลังจะยื่นการ์ดไปเสียบที่ช่องก็มีมือยื่นมาจากด้านหลังจับที่ข้อมือของผม.. ผมตกใจร้องอุทานออกมา “เฮ้ย.. ใครวะ” และต้องตกใจยิ่งขึ้นเมื่อเจ้าของมือนั้นเป็นหญิงสาวผมยาวดำขลับใบหน้ามองไม่ค่อยถนัดนักในแสงสลัว...
“อย่าเพิ่งเข้าไปในห้องค่ะ ตอนนี้พี่เดือดร้อนแล้ว” เสียงผู้หญิงดูตื่นเต้นและจริงจังแต่โทนเสียงดูคุ้นเคยเหมือนเคยได้ยินที่ไหน
“แป๋มเองค่ะ พี่เบิ้มจำได้รึเปล่า” ใบหน้าสีขาวของเธอชัดขึ้นเมื่อเงยหน้าขึ้นกระทบกับแสงไฟที่หน้าประตูห้อง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย... อะไรอันตรายกัน” ผมถามกลับด้วยใจระทึก
“ตอนนี้มีข่าวประกาศจับตัวพี่กับเพื่อนออกทางทีวีแล้ว.. สถาบันเทมาเส็กเพิ่งจะแจ้งจับว่าพี่สองคนว่าเข้าไปจารกรรมข้อมูลของศูนย์ เรารีบไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่า ช้าไปอาจไม่ทันการแน่ๆ” แป๋มดึงมือผมให้ย้อนไปเพื่อลงลิฟท์มุ่งสู่ภายนอกอาคารอีกครั้ง...


“พี่ได้เอาแผ่นไดร์ฟมาจากเทมาเส็กแล้วใช่ไม๊” หล่อนถาม
“รู้ได้ไงเนี่ย... หรือเธอเป็นคนจัดฉากนี้!!” ผมตกใจที่เธอรู้เรื่องราวทั้งหมด
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้วละ ถ้าไม่อยากเสียเวลาในคุก ก็รีบไปด้วยกันดีกว่าค่ะ”... เธอดึงมือผมให้ตามไปยังที่จอดรถใต้อาคาร..............................


อ่านต่อฉบับหน้า



Create Date : 10 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 23 ธันวาคม 2549 10:05:02 น.
Counter : 327 Pageviews.

11 comments
  
ในที่สุดก็มีน้องแป๋มมาช่วยไขปริศนาอีกหนึ่งคน

พี่เบิ้มสู้ๆ
โดย: PADAPA--DOO (PADAPA--DOO ) วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:51:05 น.
  
15 ตอน แย๋ววว
ชนะ บุญชู กะ บ้านผีบอป แล้วววววว


ว่าแล้วตามไปเก็บตอนเก่าๆก่อนนะคะ


โดย: Michiyo วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:14:25 น.
  
โอย... ชักจายุ่งไปกันใหญ่แล้ว
ถ้าโดนจับไป นู๋จาไปเที่ยวกะครายอ่า... แง
โดย: aNniE IP: 203.155.165.248 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:07:44 น.
  
ก็คิดอย่างคล้ายๆอย่างนั้นเหมือนกันนะตอนที่เห็นข้อความ It’s below here ว่ามันน่าจะอยู่ใต้ ... ใต้อะไรสักอย่าง....

แต่....พี่คานิซังเนี่ย....แอ๊บอ่ะป่าวค้า.......


ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ทำเอาพี่เบิ้มไม่เป็นอันทำงานทำการไปแล้วนะเนี่ยยยยยย.....ต้องลาพักร้อนยาววว
โดย: belittle big (lekkikoo) IP: 58.64.88.152 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:54:39 น.
  
น้องแป๋มออกโรงมาแล้ว เย้ๆ ... กำลังคิดอยู่ว่า อะไรจะอยู่ภายใน card นั่นหนอ สรุปก็คือยังไม่รู้อยู่ดี

ต้องติดตามตอนต่อไป
โดย: JewNid วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:22:28:48 น.
  
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรค่ะพี่เบิ้ม



โดย: keyzer วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:22:37:43 น.
  
อืม...

ลุ้นตอนต่อปาย

ปล.ตกลงเป็นคู่เกย์กันใช่ไหม ตาเบิ้มกะคานิซาว่า
โดย: Sugar and spice วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:33:02 น.
  
โดย: stawahna (stawahna ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:11:34 น.
  
สนุกครับ
รอติดตามตอนต่อไป (อีกแล้ว)

ในแผ่นข้อมูลอันนั้น จะมีอะไรน้อ
โดย: King Of Pain วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:18:35 น.
  
ไม่ได้เข้ามานาน บวกลบกันยังไม่เสร็จอีกเหรอ 666 1 5 1 45
- มาเขียนต่อที่ 8 1/2 สิครับ
โดย: lomocat วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:30:45 น.
  
โห อาจารย์
ไม่ได้เจอกันตั้งนาน มาเขียนนิยายแล้วเหรอ
เดี๋ยววันอาทิตย์ค่อยมาอ่าน

โดย: ช็อคชิป วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:15:10:36 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biggg
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



my everyday life on EARTH

New Comments
พฤศจิกายน 2549

 
 
 
1
2
4
6
8
9
11
13
14
16
17
18
19
21
22
24
26
27
28
29
30
 
 
10 พฤศจิกายน 2549