|
||
CyberGal [ Episode 29 - 31] Ending ภายในห้องประชุมที่เงียบสงัด บรรยากาศยังคงอึมครึมและเยือกเย็น... นายตำรวจผู้กำลังคลี่คลายปมลึกลับที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเรื่องราวต่างๆ ลุกขึ้นและเดินไปยืนอยู่ริมหน้าต่าง เขามองเหม่อออกไปยังภาพด้านนอกซึ่งขณะสายฝนเริ่มซาลงแต่ความขุ่นมัวของกระจกยังบดบังทัศนียภาพและความจริงที่อยู่เบื้องหลัง... แต่เรื่องที่ว่า ไม่มีภาพของเธอในฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยที่เธอเรียน... มันก็ไม่แปลกนี่ครับ บางทีอาจมีข้อผิดพลาดใน database ก็เป็นได้ เบิ้มพยายามเสนอความเป็นไปได้กับนายตำรวจ เป็นไปได้ไม๊ครับว่า แป๋มเขาเจาะเข้าไปในฐานข้อมูลของสถาบันที่เธอเรียนเพื่อลบข้อมูลบางอย่างของเธอไป คานิซาว่าเสนอมุมมองในฐานะของแฮ๊กเกอร์และหันไปมองเบิ้ม ชายหนุ่มในเครื่องแบบเบือนหน้าจากหน้าต่างและหันมองมายังชายทั้งสามที่นั่งอยู่หลังโต๊ะประชุมตัวใหญ่... เขาค่อยๆ เดินมาที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามกับชายทั้งสาม ก่อนจะหยิบแฟ้มสีดำขึ้นดู แสงสว่างของโคมไฟที่กลางโต๊ะสาดแสงไม่โดนใบหน้าของนายตำรวจที่ยืนอยู่.... เขาพลิกแผ่นกระดาษซักพักก่อนจะนั่งลงและอธิบาย จากการที่เราตรวจสอบไปพบว่าแป๋ม หรือ Pamela Alex มนีแมน มีที่อยู่ที่ลอนดอน.. ซึ่งที่อยู่ของหล่อนคือ 55 Parklane London W1... มันก็คงไม่แปลกหรอกนะครับที่เธอจะอยู่ที่ลอนดอน.. แต่ที่แปลกก็คือ บ้านหลังนี้เป็นของผู้มีอิทธิพลคนนึงในลอนดอนทีเดียว.... เขาวางแฟ้มลงเมื่อพูดจบ และที่อยู่แห่งนี้.. เจ้าของมีสายสัมพันธ์อันดีกับอดีตผู้นำของเรา... ซึ่งเคยเข้าพักที่นี่เมื่อสิบกว่าปีก่อนด้วยนะครับ เขานิ่งเมื่อพูดจบ... บุคคลทั้งสามดูจะตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน.. แสงสว่างวาบจากสายฟ้าภายนอกหน้าต่างฉายเข้ามาในห้องจนเห็นแววตาของทุกคู่ในห้องประชุม เรื่องมันชักจะปะติดปะต่อกันเป็นนิยายซ่อนเงื่อน......แนวๆ ทฤษฎีสบคบคิดกันแล้วสินะ ธนารำพึงรำพันขณะเอนหลังแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน ข้อมูลจากเทมาเส็กคงเป็นที่ต้องการของคนบางคนที่อยู่ที่ลอนดอน... เขาอาจต้องการข้อมูลเหล่านี้เพื่อกลับเข้าประเทศเราก็เป็นได้ แต่เมื่อกี้นี้คุณว่า มันอาจย้อนกลับไปถึงการขุดคอคอดกระ.... แสดงว่าข้อมูลที่มาจากเทมาเส็ก มันไม่ใช่แค่ข้อมูลที่แค่คนๆ นึงที่อยู่ที่ลอนดอนต้องการสินะ เรื่องทั้งหมดมันเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศเรา.. เกี่ยวกับผลประโยชน์มหาศาลที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารประเทศตั้งแต่ยุคหลายสิบปีก่อน... แต่บุคคลเหล่านี้เมื่อเราลองมาลากความสัมพันธ์กัน... มันเกี่ยวข้องกันไปหมด... ถ้าข้อมูลเหล่านี้ถูกเปิดเผยออกไป.. มันจะเกิดเรื่องใหญ่โตชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน.. พวกเราทั้งหมดในที่นี้อาจจะอยู่กันอย่างยากลำบากในประเทศนี้... จะว่าไปอาจจะอยู่กันไม่ได้เลยในโลกใบนี้ มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ!! เบิ้มทำสีหน้าไม่สู้จะดี ตรู๊ดดดด ทุกคนสะดุ้งตกใจกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังสนั่นขึ้นระหว่างบทสนทนา ทุกคนหันไปมองเครื่องโทรศัพท์บนโต๊ะด้วยความตกตะลึง นายตำรวจค่อยๆ หยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาทาบที่หูก่อนที่สีหน้าเขาจะเปลี่ยน ครับ ผม... ได้ครับ ตอนนี้เลยเหรอครับ... เดี๋ยวผมขับรถเข้ารายงานตัวเดี๋ยวนี้เลยครับ... อะไรนะครับ.. โอเคได้ครับ ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้เลยครับ นายตำรวจค่อยๆ วางโทรศัพท์และนิ่งเงียบไม่พูดอะไร.. สีหน้าเขาดูซีด แววตาดูตึงเครียด ทาง ผอ. เรียกเข้าพบด่วน.. บอกว่ามีภารกิจลับเฉพาะ ตอนนี้รถจากกลาโหมมาจอดรออยู่ที่ด้านล่างแล้ว เสียงเขาดูเคร่งเครียดกว่าที่ผ่านมา ผมไม่แน่ใจ... เกรงว่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้... อาจมีสายรายงานตรงต่อหน่วยเหนืออีกชั้นนึงก็เป็นได้ เขาลุกยืนและเก็บแฟ้มต่างๆ ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบบัตรสีดำและโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่า วางกลางโต๊ะต่อหน้าชายหนุ่มทั้งสาม ยังไง......ถ้าผมไม่กลับมา.. หรือถ้าผมไม่โทรกลับมาที่เครื่องนี้ใน 20 นาที.. พวกคุณช่วยหนีออกทางประตูหลังนะครับ.. ผมจะวางบัตรคีการ์ดนี้เอาไว้ให้ มันจะพาคุณไปออกทางด้านหลังของตัวตึกได้ เบอร์โทรศัพท์ในเครื่องนี้ผมเพิ่งจะซื้อมาจากร้าน เป็นเบอร์ใหม่ ไม่มีใครรู้นอกจากผมคนเดียว.. ส่วนเรื่องที่พวกผมไปช่วยพวกคุณออกมาจากท่าเรือร้างนั่น มีแค่ผมกับลูกน้องในทีมเท่านั้นที่รู้ปฏิบัติการครั้งนี้...... ตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกคุณอยู่ในห้องนี้ ยังไงถ้าออกจากที่นี่ไป ใช้ลิฟท์ขนของตัวใกล้บันไดหนีไฟนะครับ ใช้คีการ์ดใบนี้จะพาคุณไปที่ชั้นจอดรถด้านหลัง... หลังจากนั้นก็ให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ จนกว่าผมจะติดต่อกลับไป นายตำรวจหนีบแฟ้มที่ข้างตัว ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไปด้วยสีหน้าเคร่งครึม..... .. ทั้งสามนิ่งเงียบเมื่อนายตำรวจรีบออกจากห้องนั้นไป... คานิซาว่าเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือสีดำที่กลางโต๊ะ กูว่า.. มันชักจะยังไงๆ อยู่นะ มึงเชื่อเรื่องที่นายตำรวจคนนึ้พูดรึเปล่าวะ เขาพูดพลางพลิกมือถือไปมา ใขเย็นๆ เหอะ.. พวกเราวุ่นกันมาทั้งอาทิตย์แล้ว กูอยากใจเย็นรอเหตุการณ์บ้างว่ะ แฮ๊กเกอร์หนุ่มพยายามลดดีกรีความตึงเครียดภายในห้องให้ลดลงและลุกเดินไปยืนทอดอารมณ์ที่ริมหน้าต่าง สรุปมึงคิดว่า ข้อมูลที่สารวัตินั่นบอก.. มันลึกลับขนาดนั้นเลยเหรอวะ ธนาหันไปมองเบิ้มเพื่อถามความคิดเห็น ก็เป็นไปได้นะ.. ดูแกเครียดๆ ตอนเล่า สายตาดูจริงจัง เบิ้มตอบ คานิซาว่าหันกลับมาสนทนากับเพื่อนทั้งสองขณะยืนพิงผนังกระจก เป็นไปได้ไม๊วะ ว่าข้อมูลที่อยู่ในไฟล์พวกนั้นเป็นข้อมูลหลอกๆ เพื่อให้เกิดกรณีชาตินิยมแบบที่พวกผู้นำในอดีตชอบเอามาหลอกพวกชาวบ้านด้วยกันเพื่อปลุกปั่นให้เกิดกระแสอะไรบางอย่าง . เห็นหลอกไปตายกันหลายหนแล้วนะ.. บางทีก็เกือบมีสงครามระหว่างประเทศก็เพราะไอ้เรื่องชาตินิยมนี่แหละ เบิ้มจับเคราที่คางและทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะแสดงทัศนะ อืม.. มันก็จริงของมึงนะ.. เหตุการณ์บ้านเมืองเราที่ผ่านมา.. ประชาชนมักตกเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจเสมอๆ เลย.. และหลายหนมันก็เรื่องผลประโยชน์ชัดๆ เลย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ยิ่งถ้าเป็นเรื่องราวที่อันตรายๆ แบบที่นายตำรวจนั่นบอกด้วยแล้ว..กูยิ่งอยากจะหลุดจากวงจรนี้ซะจริงๆ.. ไม่อยากเข้าไปเกี่ยวพันธ์ด้วยเล้ย.. ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากรู้เรื่องลึกลับอะไรนั่นเลยด้วยซ้ำ กูว่า ยิ่งเรารู้อะไรมาก เรายิ่งไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตนะ ยังไงกูขอไม่สนใจ.... กลับบ้านไปเล่นกับหมาดีกว่า ธนาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนกับกรณีนี้ ทั้งสามเงียบงันและไม่สนทนากันต่อ . สายฝนด้านนอกเริ่มหยุดตก กระจกที่ฝ้ามัวเริ่มจางหายและเผยภาพตึกสูงภายนอก เวลาผ่านไปนานตามกำหนดเวลานัดหมาย ทุกคนเฝ้ารอการติดต่อ แต่ดูเหมือนจะไม่มีการตอบกลับจากนายตำรวจผู้ออกจากห้องไป กูว่า.. เราไปกันได้แล้วว่ะ.. ท่าทางชักไม่ดีแล้ว ธนาพูดขึ้นกลางความเงียบพร้อมถอนหายใจ เกิดเราหนีออกไป แล้วดันเป็นไปตามแผนที่มันวางไว้ล่ะ.. แบบว่ามันอาจเป็นคนวางแผนหลอกให้เราหลงเชื่อและหนีไป.. มันอาจตั้งใจให้เป็นแบบนี้ก็เป็นได้นะ กูไม่ค่อยเชื่อตำรวจนายนี้เลยจริงๆ คานิซาว่าทำสีหน้าไม่สู้จะดีนัก เอาว่ะ ไปก็ไป.. มีอะไรค่อยว่ากัน กูก็เบื่อเต็มทน จะจริงไม่จริงก็ช่างมันเหอะ.. เกิดเรื่องเป็นแบบที่สารวัตินั่นว่า.. เราก็ไม่ปลอดภัยที่จะนั่งอยู่ที่นี่เหมือนกันแหละว่ะ เบิ้มพยายามสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อสยบความแตกแยกในกลุ่มก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมพร้อม ธนาลุกตามและหันไปมองคานิซาว่าที่ยังนั่งนิ่ง โอเคๆ ไปก็ไปวะ!! แฮ๊กเกอร์หนุ่มลุกขึ้นยืน เขาหยิบคีการ์ดบนโต๊ะและเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือสีดำเครื่องเก่าที่กลางโต๊ะประชุมเครื่องนั้นไปด้วย เอาไปก่อน.. เผื่อมีประโยชน์ เขามองไปที่เพื่อนทั้งสองที่มองไปที่สิ่งของที่เขาหยิบ ทั้งสามค่อยๆ เปิดประตูและออกมายืนหน้าห้องที่โถงทางเดิน.. พวกเขาเดินไปตามเส้นทางที่นายตำรวจอธิบาย.. และไม่นานนักทั้งสามก็มาสุดที่ปลายทางที่มีลิฟท์สีเงินซึ่งสะท้อนเงาของพวกเขาอยู่ที่เบื้องหน้าตั้งตระหง่านรออยู่ เบิ้มหันไปมองคานิซาว่าซึ่งกำลังหยิบบัตรสีดำออกดูก่อนจะเสียบมันเข้าที่ช่องสีเงินด้านขวาของประตูลิฟท์ ไม่นานนักสัญญาณพร้อมแสงสีเขียวใกล้ๆ ช่องเสียบบัตรก็ปรากฏขึ้นและประตูก็ค่อยๆ เปิดออก แสงไฟจากภายในลิฟท์ค่อยๆ สาดส่องออกมาตามช่องที่ค่อยๆ เปิดกว้างออก ทั้งสามยืนลุ้นอยู่ที่หน้าประตูด้วยความไม่แน่ใจ แต่เมื่อประตูเปิดกว้างเต็มทีก็ไม่มีอะไรผิดปกติที่ภายใน... ทั้งสามพุ่งเข้าไปในลิฟท์อย่างไม่รอช้า.. คานิซาว่าซึ่งยืนรออยู่เป็นคนสุดท้ายดึงคีการ์ดออกจากช่องเสียบและเดินตามเข้าไปสู่ภายในตัวลิฟท์นั่น ภายในลิฟท์ คานิซาว่าเสียบบัตรที่ช่องเสียบด้านข้าง จอแสดงผลสีดำสว่างขึ้นและมีปุ่มตัวเลขชั้นต่างๆ ปรากฏขึ้นบนจอแบบสัมผัส . เขาหันมามองเพื่อนทั้งสองก่อนที่เบิ้มจะส่งสัญญาณชี้ให้กดปุ่มเพื่อลงไปที่ชั้นใต้ดิน ประตูลิฟท์ค่อยๆ ปิดลงและนำชายทั้งสามดำดิ่งลงสู่จุดหมายที่ด้านล่าง ทั้งสามใจเต้นระทึกและลุ้นถึงสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ที่ด้านล่าง .. ที่ชั้นใต้ดิน B1 ของอาคารสำนักงาน DSI ดูโล่ง มีรถจอดอยู่ไม่กี่คันในบริเวณชั้นนี้ เบิ้มมองไปรอบๆ เพื่อหาทางออกจากตึก ไม่นานนักคานิซาว่าก็สะกิดเขาให้มองตามเขา ป้ายไฟแสดงทางออก exit ที่สว่างชัดเจนในความมืด มันเป็นประตูเหล็กสีเทากันไฟของช่องบันไดหนีไฟ ทั้งสามมุ่งตรงไปยังประตูนั้นและขึ้นบันไดไปตามลูกศรทีชี้ขึ้นไปสู่ชั้น G ที่ระดับพื้นถนน.. พวกเขาพบประตูเหล็กสีดำอีกหนึ่งบานที่ติดป้ายสัญลักษณ์ทางออกของเจ้าหน้าที่ Staff Exit ไว้พร้อมช่องเสียบบัตรผ่าน.. ชายทั้งสองหันไปยังแฮ๊กเกอร์หนุ่มผู้ถือบัตรสีดำที่ใช้ในลิฟท์เมื่อครู่... เขาไม่รอช้า หยิบบัตรออกมาจากกระเป๋ากางเกงและเสียบมันยังช่องโลหะที่ด้านข้างประตู.. ชั่วครู่สัญญาณสีแดงก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ตัวล๊อกแม่เหล็กที่ด้านบนปลดล๊อกตัวมัน ธนาเอื้อมมือไปดึงมือจับสีเงินที่กลางประตู เสียงรถบนถนนที่ภายนอกที่เบาลอดผ่านประตูเหล็กที่เปิดกว้างทำให้ทั้งสามรู้ว่าพวกเขาเกือบที่จะออกจากอาคารนี้ได้แล้ว ละอองฝนมองเห็นจากลำแสงของไฟถนนสังเกตเห็นได้ในระยะไกล ชายหนุ่มทั้งสามออกมายืนที่ข้างตึกที่มืดเปลี่ยว พวกเขาหันมองดูรอบๆ ตัวเพื่อความมั่นใจก่อนจะค่อยๆ กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังถนนใหญ่ เบื้องหน้าของพวกเขาแสงไฟจากรถยนต์เคลื่อนตัวด้วยความเร็วพร้อมเสียงสายน้ำที่พื้นถนนที่ถูกยานพาหนะเหล่านั้นวิ่งผ่านจนเกิดคลื่นน้ำสีหม่นสาดกระเซ็นขึ้นบนทางเท้าที่สกปรกของเมืองหลวง ไม่นานนักทั้งสามก็มายืนอยู่ริมฟุตบาทหน้าตึก ธนารีบโบกเรียกรถแท็กซี่สีชมพูที่มองเห็นจากระยะไม่ไกลนัก ไปไหนวะเนี่ย เขาหันมาถามบุรุษทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลังตัวเขา ไปห้องกูก่อนละกัน น่าจะใกล้ที่สุดแล้วล่ะ เบิ้มพูดอย่างไม่ต้องคิดมาก ทั้งสามโดดขึ้นแท็กซี่ก่อนที่มันจะเคลื่อนตัวออกจากอาคารตำรวจแห่งนั้น เสียงเพลงลูกทุ่งบรรเลงในความมืดของรถแท็กซี่ขณะที่มันวิ่งฝ่าสายฝนที่โปรยปรายในช่วงปลายของฤดูฝนอันยาวนาน ความหนาวเหน็บจากเครื่องปรับอากาศในรถแท็กซี่ยามค่ำคืนทำให้ความอึดอัดที่เก็บกดในจิตใจของชายหนุ่มทั้งสามยังคงขมวดเกลียวไม่ผ่อนคลาย ในขณะที่ยานพาหนะซึ่งกำลังนำทางกลุ่มคนทั้งสามมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางที่ห้องพักย่านกลางเมืองของเบิ้ม รายการเพลงลูกทุ่งก็ถูกสับเปลี่ยนด้วยรายการข่าวต้นชั่วโมง..... ซึ่งข่าวแรกที่ลอดผ่านลำโพงวิทยุก็เป็นข่าวด่วนที่ทำให้ชายหนุ่มทั้งสามตกใจ ข่าวด่วนต้นชั่วโมง Hotnews เกิดเหตุยิงปะทะกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งมีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บอีก 5 คน โดยเหตุเกิดเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา เบื้องต้นทางศูนย์ข่าวของเราได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า มีการยิงต่อสู้ของนายตำรวจด้วยกันเอง ซึ่งเกิดหลังจากที่ร้อยตำรวจเอกภาคภูมิถูกเรียกตัวเข้าสอบในคดีลักลอบขายข้อมูลราชการลับให้กับต่างชาติ ซึ่งทางหน่วยต้นสังกัดเรียกเข้ารายงานตัวและเตรียมจับกุมแต่เกิดการขัดขืน จึงทำให้เกิดการยิงปะทะกัน.... นายตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าร้อยตำรวจเอกภาคภูมิได้ถูกเรียกตัวเข้าสอบกรณีข้อมูลลับรั่วไหลแต่เกิดการขัดขืนการจับกุมและมีการยิงต่อสู้ เป็นเหตุให้นายตำรวจ 5 นายได้รับบาดเจ็บ ส่วนร้อยตำรวจเอกภาคภูมิถูกยิงเสียชีวิตพร้อมนายตำรวจในบังคับบัญชาอีก 2 นาย ขณะนี้ทางสตช.ได้ตั้งกรรมการสอบสวนพิเศษเกี่ยวกับกรณีนี้อย่างเร่งด่วนและทางสถานีจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป ชิปหายแล้ว!! ธนาสบถขึ้นด้วยสีหน้าตึงเครียดท่ามกลางความเงียบ ใจเย็นเว้ย คานิซาว่าหันไปทางชายทั้งสองและยกมือขึ้นในระดับต่ำเพื่อไม่ให้ทั้งหมดตื่นตระหนกจนเกิดพิรุธ ใกล้ถึงบ้านไอ้เบิ้มแล้ว เดี๋ยวเราค่อยคุยกันดีกว่าว่ะ น้ำเสียงของเขาดูนิ่งและจริงจัง ทั้งสามนิ่งเงียบแต่สีหน้าดูเคร่งเครียดกับข่าวเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่สำนักงานตำรวจและการตายของร้อยตำรวจเอกภาคภูมิ ไม่นานนักแท็กซี่ก็ใกล้มาถึงจุดหมายที่ตึกคอนโดฯกลางเมืองของเบิ้ม ขณะที่เบิ้มซึ่งนั่งอยู่เบาะข้างคนขับคอยสังเกตุสิ่งต่างๆ อยู่เสมอนั้น เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติที่รอพวกเขาอยู่ เขาสังเกตเห็นรถตำรวจจอดอยู่ที่หน้าตึกของเขาและกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ด้านหน้าตึก เอ่อ พี่.. ผมเปลี่ยนใจแล้ว ช่วยเลยไปที่ขนส่งตรงแยกบางนาเลยละกันครับ อยากไปหาเพื่อนแถวชลบุรีซักหน่อย จะไปขนส่งตะวันออกเหรอน้อง ได้ๆ .. คนสมัยนี้เปลี่ยนใจกันเร็วจัง แท๊กซี่รับด้วยสำเนียงเหน่ออีสาน เฮ้ย ไปไหนวะเบิ้ม ไม่กลับห้องแล้วเหรอ ธนาถามจากด้านหลังด้วยความสงสัย คานิซาว่าจับขาของธนาและทำสีหน้าให้ธนามองไปที่เบื้องหน้าซึ่งเป็นตึกคอนโดฯ ที่เบิ้มอยู่ เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่เมื่อพยายามเพ่งมองดูภาพที่ค่อยๆ ใกล้เข้ามา เออๆ.. ไปก็ไปวะ ธนาตอบขณะที่สายตายังจับจ้องไปที่กลุ่มชายฉกรรจ์ในแจ๊กเก็ตสีน้ำตาลเข้ม แสงไฟสาดส่องเข้ามาในรถเป็นจังหวะเมื่อรถค่อยๆ แล่นออกนอกเมืองด้านตะวันออกด้วยความเร็วในยามค่ำคืน เสียงเพลงลูกทุ่งบรรเลงจากลำโพงที่ท้ายรถแต่ชายทั้งสามไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก ทั้งสามไม่พูดอะไรต่างมองเหม่อไปนอกหน้าต่างและครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพวกเขาในช่วงเวลาที่ผ่านมา . แสงแดดยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างมุ้งลวงกรอบไม้บานเก่าที่ทรุดโทรม เสียงคลื่นกระทบฝั่งแว่วมาไม่ขาดสาย ลมทะเลพัดเข้ามาในห้องพักจนม่านสีหม่นปลิวตามแรงลม . เบิ้มค่อยๆ ลืมตาขึ้นจากอาการเหนื่อยล้า นี่เราฝันไปหรืออย่างไร เขาคิดเมื่อค่อยๆ รวบรวมสติ.. ขณะยันกายลุกขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง.. ภาพโขดหินและหาดทรายที่เบื้องหน้ามองลอดผ่านช่องหน้าต่างทำให้เขาต้องหรี่ตาเพราะความสว่างของมัน นี่เราหนีมาถึงที่นี่เลยเหรอเนี่ย เบิ้มคิดในใจ ตื่นแล้วเหรอวะ เสียงงัวเงียแหบพร่าของธนาดังมาจากด้านข้างของเขา หากแต่ผู้ร่วมชะตากรรมอีกคนนึงดูจะไม่ได้อยู่ในห้องนี้ด้วย เมื่อเช้ารู้สึกไอ้คานิซังมันจะเดินออกไปไหนไม่รู้ว่ะ.. สงสัยออกไปจีบสาว ธนาลุกขึ้นนั่งตาปรือหัวยุ่งเหยิงครึ่งหลับครึ่งตื่น เดี๋ยวกูเดินออกไปดูหน่อย ข้างในนี้ชักจะร้อนแล้ว เบิ้มขยับตัวขึ้นนั่งที่ขอบเตียงเก่าขนาด6ฟุตครึ่ง โชคดีที่มาเกาะนี้.. กูรู้จักอยู่หลายคน ไม่งั้นคงหาห้องพักยากว่ะ ธนารำพึงรำพัน เดี๋ยวกูไปด้วยดิ.. นอนต่อไม่ไหวแล้ว เขาลุกขึ้นและค่อยๆ เดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา ทั้งสองเดินออกจากบังกะโลเก่าไปตามทางเดินปูนที่ทอดตัวตามโขดหินระหว่างสองหาดด้านทิศตะวันออกของเกาะใต้ร่มเงาของต้นไม้ เมื่อเดินมาถึงพื้นทรายของชายหาด ทั้งสองก็เริ่มสังเกตเห็นคานิซาว่าผู้ซึ่งกำลังนั่งจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ร้านอาหารริมหาดกลมกลืนไปกับนักท่องเที่ยว อ้าว.. เฮ้ย ตื่นแล้วเหรอวะ เขาหันมาทักทายชายหนุ่มทั้งสองที่กำลังเดินมาตามหาดทรายสีขาว ตื่นนานแล้วเหรอวะ.. มึงนี่แปลงตัวได้แนบเนียนดีจังเลยนะ เบิ้มทักทายพร้อมแซวเพื่อนเพลบอยผู้อยู่ในชุดกางเกงเลสีสันสดใส เอ๊า.. กูซื้อจากร้านป้าข้างๆ เนี้ยแหละ.. เขายิ้มตอบ เออ นั่งก่อนๆ ลองดูข่าวนี้ดิวะ เขาพับหนังสือพิมพ์ไปที่หน้าแรกและชี้ให้ชายหนุ่มทั้งสองดู.. ทั้งสองขยับเก้าอี้ไม้หยาบๆ ที่หนาหนักก่อนจะนั่งลงและพิจารณาที่หัวข้อข่าวต่างๆ ตกลงตำรวจนั่นโดนวิสามัญเลยเหรอเนี่ย.. กูว่าเขาดูเก่งดีออกนะ ตกลงว่าเป็นคนขายข้อมูล หรือเป็นคนรู้ความลับที่น่ากลัวนั่นกันแน่วะ ธนาเงยหน้าขึ้นถามหลังจากอ่านหัวข้อข่าวพาดหัว อันนี้ก็ไม่รู้ว่ะ.. แต่จริงๆ มันมีเรื่องเกิดขึ้นเมื่อคืนวันก่อนนั้นมากกว่าที่เรารู้นะ คานิซาว่าชี้นิ้วไปที่เนื้อข่าวย่อยในหน้าแรก ในเวลาไล่เลี่ยกันเกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ขึ้นที่อาคาร DSI ซึ่งมีเปลวไฟและระเบิดเกิดขึ้นภายในห้องทำงานของสำนักงานตำรวจคดีพิเศษชั้นที่ 13 ซึ่งผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าท่อส่งแก๊สที่ด้านหลังเกิดรั่วและทำให้เกิดไฟไหม้ที่สำนักงานตำรวจคดีพิเศษ ทางศูนย์ข้อมูล DSI แจ้งว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับร้อยตำรวจเอกภาคภูมิซึ่งเข้ารายงานตัวที่ สตช... ซึ่งขณะนี้หน่วยดับเพลิงได้เข้าสกัดเพลิงไหม้ และตอนนี้สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่คาดว่าความเสียหายจะทำให้ฐานข้อมูลทั้งหมดศูนย์สูญเสียและยังไม่สามารถประเมินได้ว่าฐานข้อมูลทั้งหมดจะสามารถกู้คืนได้ นี่มันหนังสือพิมพ์เก่านี่หว่า.... ข่าวไม่ทันสมัยเลย ธนาบ่นขณะเพ่งอ่านเนื้อหา อยู่บนเกาะก็อย่างนี้แหละ ร้านป้าแกมีให้อ่านก็ดีแล้ว.. คนที่นี่เขาไม่รีบร้อนเหมือนคนกรุงหรอกว่ะ นี่ก็ข่าวแค่สองวันก่อนเอง.. เอาไรมากวะ คานิซาว่าพูดพลางหยิบถ้วยกาแฟขึ้นซด มีการโยกย้ายนายตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษของ DSI ที่ขึ้นตรงกับร้อยตำรวจเอกภาคภูมิ อัตฮาฟ ให้ไปประจำการที่เขตชายแดนรัฐปัตตานีด่วน ทั้งสองอ่านเนื้อข่าวด้วยความตกตะลึง.... อย่างนี้ข้อมูลก็ถูกทำลายไปหมด.. ไม่รู้ใครบงการในเรื่องนี้สินะ.. หรือกลุ่มอำนาจเก่า หรืออำนาจใหม่.. มึงว่าพวกเราจะปลอดภัยไม๊วะ ธนาหันมามองเพื่อนทั้งสอง ตั้งแต่พวกเรามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่คืนวันก่อน ไม่มีใครรู้นะว่าเราข้ามมา... ส่วนนึงเพราะเราข้ามมาตอนกลางคืน และที่นี่ก็มีแต่เจ้าหน้าที่คอยมาเก็บเงินค่าเข้าอุทยานฯ... มันไม่ตรวจบัตรอะไรละเอียดหรอกว่ะ... มันไม่เหมือนตอนเราอยู่ในกรุงเทพหรอก... ที่นั่นแม่งตรวจคนเข้าออกละเอียด ใครไม่พกบัตรให้สแกนก็โดนติดตามและปรับหนักแล้ว จะว่าไปก็ตั้งแต่มีพวกวางระเบิดบ่อยๆ เมื่อสิบกว่าปีก่อนโน่น เบิ้มตอบและพยายามหันไปมองพนักงานเสิร์ฟที่ด้านในร้าน คลื่นทะเลที่ไม่ห่างออกไปนักยังคงยังคงซัดเข้าฝั่งอย่างไม่หยุดหย่อน แสงแดดเริ่มร้อนแรงมากขึ้น ชาวต่างชาตินอนอาบแดดอ่านหนังสืออย่างไม่สะทกสะท้านต่อแสงแดด... ใต้ร่มเงาไม้ชายทั้งสามยังสนทนากันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพวกเขาและปริศนาซ่อนเร้น ตกลงเรื่องไซเบอร์เกิล ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดที่เกิดกับพวกเรานี่... มึงว่ามันจะเกี่ยวข้องกับปริศนาที่สารวัตินั่นพูดทิ้งเอาไว้ก่อนจะโดนฆ่ารึเปล่าวะ ธนาเอ่ยขึ้นขณะกำลังดื่มน้ำเย็นหลังอาหารเช้าที่ร้านอาหารของบังกะโล อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่ะ... ตามที่กูคิดนะ.. ไซเบอร์เกิลก็คือแป๋ม ที่วางแผนทุกอย่างให้พวกเราเข้าไปขโมยข้อมูลจากเทมาเส็กเพื่อเอากลับไปลอนดอนให้กับผู้มีอำนาจคนนึงซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อมูลลับพวกนั้น คานิซาว่าพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด... ซึ่งน่าจะอยู่ที่ๆ นายตำรวจคนนั้นบอกไว้ก่อนจากเราไปในคืนนั้น . มีใครจำที่อยู่อันนั้นได้บ้างไม๊วะ คานิซาว่าหันมองทุกคนขณะเอนหลังพิงพนักพิงไม้ก่อนจะหยิบซองบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะ ที่ไหนซักแห่งในลอนดอน.. แต่เขาว่าเป็นที่อยู่ที่คนมีอำนาจในอดีตของไทยเคยไปพัก เบิ้มตอบและมองเหม่อดูขอบฟ้าที่เจิดจ้า ฟังแค่นี้ก็รู้แล้วละว่าเธอมีความเกี่ยวข้องกับฐานอำนาจเก่าบางคนและคงทำงานให้พวกนั้นเพื่ออะไรซักอย่าง... กูว่าไม่นานเราคงจะได้รับรู้ทางข่าวหน้าจอหรือหนังสือพิมพ์แหละเพราะมันได้ข้อมูลที่มันต้องการแล้วนี่ ธนาสวนเสริมความน่าจะเป็นเกี่ยวกับแป๋ม มันก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละว่ะ... โชคร้ายที่พวกเราดันโชคดีกลายเป็นเหยื่อของความงามของหล่อน เบิ้มพูดพลางถอนหายใจยาว ผ่านมากี่ปีๆ..... ที่นี่มันก็ยังเหมือนๆ เดิมนะ.. เกาะที่ไร้ระเบียบแบบไทยๆ.. แต่ความไม่เป็นระเบียบนี่ก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ.. คนที่เบื่อกับระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดของเมืองหลวงและความแออัดยัดเยียดก็มักจะหนีมาอยู่เกาะนี้กัน เบิ้มพรรณาเมื่อมองไปรอบๆ เออ แล้วมือถืออันนั้นมึงหาที่ชาร์จแบ๊ตได้ยังวะ เห็นมันเปิดไม่ติดตั้งแต่ก่อนเราจะข้ามฟากมาเมื่อวานนี้นี่หว่า ธนาเอ่ยถาม เมื่อเช้ากูไปยืมสายชาร์จของคนแถวนี้แล้วว่ะ พอดีมันเป็นรุ่นเก่าที่ไม่ค่อยมีใครใช้กันแล้ว.. น่าจะเป็นรุ่นซักสิบปีได้แล้ว เดี๋ยวเดินไปดูก่อน.. ฝากเขาชาร์จไว้ที่เคาน์เตอร์ว่ะ คานิซาว่าตอบพลันลุกขึ้นและขยี้บุหรี่ที่เหลือครึ่งมวนกับที่เขี่ยแก้วใสบนโต๊ะไม้ตัวเก่า เขาเดินเท้าเปล่าในชุดกางเกงเลสีม่วงเข้มเปลือยอกเข้าไปภายในร้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามสไตล์เพลบอย......... ไม่นานนักเขาก็เดินกลับมาและยื่นมือถือมาให้ธนา อ้าว มึงเปิดดูยังวะ ธนาถาม ยังเลย.. เดี๋ยวนี้กูหวาดระแวงกับอุปกรณ์ไฮเทคแล้วว่ะ.. ถึงแม้เครื่องนี้มันจะล้าสมัยไปซักหน่อย แต่มาอยู่เกาะนี้ได้สองวันกูไม่ได้แตะต้องเทคโนโลยีเลย... รู้สึกดีไงไม่รู้ เขายิ้ม อ้าว ไรกันวะเนี่ย ธนาทำสีหน้างุนงงและหันมาทางเบิ้ม... มึงลองเปิดดูละกัน มึงเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นนี่หว่า กูเป็นแค่เหยื่อผู้โดนลูกหลงเท่านั้นเอง เขายื่นมือถือสีดำเครื่องเก่านั้นให้เบิ้ม.. เขารับมันมาและพิจารณามันอย่างถี่ถ้วน.. เป็นรุ่นเก่าซักสิบปีแล้ว แต่เป็นรุ่นธรรมดาๆ ไม่ได้มีช่องเสียบการ์ดเมมโมรี่.... เขาลองกดปุ่มเปิดค้างไว้ซักครู่จนหน้าจอเริ่มสว่างขึ้น ไม่มีเบอร์ใครเก็บไว้ในนี้เลยว่ะ คงอย่างที่มันบอกมาละว่ามือถือนี้ซื้อซิมมาใหม่ไม่มีใครรู้เบอร์ อย่างนี้เราก็เอามาใช้ได้เลยดิ ธนายิ้ม เอ.. มันแปลกๆ ว่ะ เครื่องมันขึ้นข้อความว่า low memory space พื้นที่เก็บข้อมูลใกล้เต็ม... เดี๋ยวกูเช็คดูก่อนว่าเครื่องมันเพี้ยนๆ รึเปล่า.. หรือมันเก็บพวกข้อความหรือรูปภาพอะไรอยู่ เบิ้มพูดขณะพิจารณามือถืออย่างจริงจังจนคานิซาว่าเริ่มสนใจและขยับเก้าอี้เข้าใกล้ ไหนวะ ขอกูดูหน่อย แฮ๊กเกอร์หนุ่มเริ่มสนใจขึ้นมาทันทีจนเบิ้มต้องส่งมือถือให้คานิซาว่าตรวจสอบ เขาพลิกมือถือและกดเช็คสิ่งต่างๆ อย่างตั้งใจ.. พื้นที่เก็บข้อมูล 50 MB ในตัวเครื่องถูกใช้เก็บข้อมูลจนเกือบเต็ม.. ถึงจะเป็นรุ่นที่ต่อการ์ดเก็บความจำภายนอกไม่ได้.. แต่ก็เป็นรุ่นที่มีหน่วยความจำในตัว.. สิบปีก่อนเครื่องมือถือแทบทุกรุ่น แม้แต่รุ่นกระจอกๆ แบบนี้ก็มีพื้นที่เอาไว้เก็บข้อความและเพลงต่างๆ ได้พอควรเลยนะ คานิซังอธิบายถึงเทคโนโลยีมือถือเมื่อสิบปีก่อนจะกดปุ่มเช็คข้อมูลต่างๆ ในเครื่อง ไม่มีข้อความ ไม่มีภาพอะไรพิเศษ มีแต่ของพื้นๆ ในเครื่องเอง.. น่าแปลกจริงๆ... เขาเพ่งที่หน้าจอของมือถืออย่างสงสัย... หรือว่ามันจะใช้พื้นที่เก็บข้อมูลที่อ่านไม่ได้จากตัวเครื่องมันเอง อาจเก็บข้อมูลแทนพวก thumb drive ก็ได้ เขาสันนิฐาน อย่างนี้เราคงต้องเอาไปต่อกับคอมพ์เพื่อเช็คดูแล้วละว่ามีอะไร.. กูว่าอาจจะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่นายตำรวจคนนั้นบอกไว้ก็ได้ คานิซาว่าเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนทั้งสองด้วยสีหน้าจริงจัง .............................................. แสงแดดเวลาเที่ยงวันแผดเผาให้ทรายที่ชายหาดร้อนระอุ เมฆฝนที่ปลายฟ้าด้านทิศตะวันออกดูจะไกลจากเกาะแห่งนี้มากนัก ทั้งสามค่อยๆ เดินก้มหน้าหลบแดดไปยังร้านอาหารที่ชายหาดอีกฝั่งหนึ่งของโรงแรมใกล้ๆ กับที่พักของพวกเขา... เพื่อทำให้พวกเขาดูกลมกลืนไปกับนักท่องเที่ยววัยรุ่นบนเกาะพวกเขาจึงนั่งสั่งอาหารกลางวันเพื่อนั่งทานใต้ร่มเงาต้นสนขนาดใหญ่ หมาหลายตัวนอนหลับใต้โต๊ะไม้ไผ่เพื่อหลบไอร้อนของแสงแดด.. น้ำแข็งในถังพลาสติกสีแดงบนโต๊ะดูจะทนกับสภาพความร้อนได้ไม่นาน เช่นเดียวกับพวกเขาที่ดูอยากจะคลี่คลายความสงสัยทั้งหมดจากสมมติฐานที่ว่ามือถือเครื่องนี้อาจเป็นที่เก็บข้อมูลลับสุดท้ายของนายตำรวจที่ทิ้งไว้ให้กับพวกเขาทั้งสาม ไม่นานหลังจากทั้งสามเสร็จกิจกับอาหารทั้งหมด พวกเขาค่อยๆ ทยอยลุกไปที่ห้องอินเตอร์เน็ทใกล้ล๊อบบี้ของโรงแรมขนาดเล็กที่ด้านหลังนั่น เบิ้มติดต่อกับบริเวณเคาน์เตอร์เพื่อขอใช้บริการ... ธนาหายไปเข้าห้องน้ำที่ด้านหลัง ส่วนคานิซาว่านั่งสูบบุหรี่รอที่เก้าอี้ไม้ไม่ไกลจากล๊อบบี้นัก... ชั่วอึดใจเบิ้มก็กลับมาพร้อมบัตรสำหรับเข้าสู่ระบบและทั้งสองก็เดินเข้าห้องอินเตอร์เน็ทโดยธนาตามมาสมทบจากด้านหลังของล๊อบบี้ ภายในห้องกระจกสี่เหลี่ยมขนาด 5 ตารางเมตรมีคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ 5 เครื่องและมีหญิงชาวต่างชาติอยู่เพียงคนเดียวซึ่งหล่อนดูจะไม่สนใจกับชายหนุ่มทั้งสาม.. เมื่อพวกเขามาถึงคอมพิวเตอร์เครื่องที่กำหนด คานิซาว่าเอื้อมมือไปที่ด้านหลังของตู้เครื่องสีเงินที่ใต้โต๊ะและดึงสายเคเบิ้ลอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต กันเอาไว้ก่อน เผื่อข้อมูลนี้มันอาจทำให้เกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้นได้ เขาหันมาบอกชายทั้งสองที่นั่งอยู่ด้านข้างก่อนจะหยิบสายเชื่อมต่อสัญญาณที่ดึงออกมาจากด้านข้างของคีบอร์ดและต่อเข้ากับส่วนล่างของมือถือสีดำนั้น.... ดีที่มันเชื่อมกับช่องต่อ USB 4.50 ได้พอดี แฮ๊กเกอร์หนุ่มกดปุ่มต่างๆ บนคีบอร์ดอย่างคล่องแคล่งและระมัดระวัง ไม่นานนักหน้าจอก็ปรากฏข้อมูลต่างๆ แสดงถึงหน่วยความจำของที่เก็บข้อมูลต่างๆ บนเครื่องรวมไปถึง drive ใหม่ที่ปรากฏขึ้นซึ่งมันคือมือถือที่ตอนนี้เปลี่ยนตัวเองเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล flash drive ไปเสียแล้ว.. คานิซาว่าคลิ๊กเมาส์ไร้สายอย่างชำนาญการก่อนที่หน้าต่างข้อมูลต่างๆ จะแสดงขึ้นที่หน้าจอ... หญิงสาวผิวขาวชาวต่างชาติที่ปลายสุดของห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ดูจะไม่ได้สังเกตหรือสนใจกับความผิดปกติภายในห้อง ไม่นานนักเธอก็ลุกขึ้นและเดินจากไป กลุ่มชายหนุ่มหันมองจนหญิงสาวเดินหายออกจากห้องไปและหันกลับมาพิจารณาข้อมูลต่างๆ ที่เรียงตัวเองอยู่บนหน้าจอ ข้อมูลพวกนี้น่าจะเป็นข้อมูลที่สารวัติภาคภูมิดึงออกมาจากเครื่องโน๊ตบุ๊คของแนน หรืออาจเป็นข้อมูลจากสถาบันเทมาเส็กที่ถูกถอดรหัสแล้วก็เป็นได้ คานิซาว่าเพิ่งพิจารณาข้อมูลต่างๆ อย่างสนใจก่อนจะกดปุ่มอะไรต่างๆ บนแป้มพิมพ์.... ไม่นานนักหน้าต่างข้อความก็ปรากฏขึ้นเรียงตัวอันหลายอันซ้อนทับกันเหมือนเอกสารที่ถูกเปิดออกจากแฟ้ม เฮ้ย.. กูจำข้อความนี้ได้ว่ะ เหมือนเคยเห็นที่เครื่องคอมพ์ของแนนตอนที่เธอมาที่โรงแรมในวันนั้น เบิ้มทำตาโตเพ่งมองที่ข้อความที่ขึ้นหัวของเอกสารแผ่นแรก.... มันอาจเป็นชื่อย่อของ CyberGal666 ก็เป็นได้นะ เขาชี้นิ้วไปที่ข้อความนั้นเพื่อให้ทุกคนสังเกตเห็น Cyber G.A.L. Government Alliance Leading System V. [June 1999] Cyber G.A.L. Government Alliance Leading System V. [June 1999] มึงกำลังจะบอกว่า CyberGal ย่อมาจาก Government Alliance Leading System งั้นเหรอวะ ธนาเอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจกับข้อความนั้น กูจำได้แล้วว่ะ ตอนนั้นแนนเขาเปิดโน๊ตบุ๊คของเธอเพื่อตรวจสอบไฟล์ที่อยู่ใน XXD card ที่ได้มาจากเทมาเส็ก ถ้าจำไม่ผิดเครื่องของหล่อนหน้าจอมันเคยขึ้นว่า Cyber-G.A.L. Backdoor Gateway หรืออะไรซักอย่างเนี่ยแหละ เบิ้มพยายามนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน Backdoor GateWay เหมือนเป็นทางเข้าข้อมูลเพื่อควบคุมตัวโปรแกรมอีกทีนึง.. คานิซาว่าเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่เบิ้มเล่าถึง มึงดูตัวเลขในวงเล็บด้านหลังสิ มันเขียนเหมือนเป็นเวอร์ชั่น ที่เขียนว่า june 1999 ซึ่งคือ 20 ปีก่อน.. เป็นช่วงก่อนเข้าสหัศวรรษใหม่ เคยมีคนบอกว่าปีนั้นมีตัวเลข 666 ซึ่งเป็นรหัสของปีศาจปรากฏขึ้นจากปี 1999 ที่มองกลับหัว.. ซึ่งมันก็ตรงกับชื่อ CyberGal666 เลยนะ เบิ้มวิเคราะห์รายละเอียดจนเพื่อนทั้งสองทำหน้าตกตะลึง ลองดูเนื้อหาใต้หัวข้อนี้ดีกว่าว่ะ... มันเป็นภาษาอังกฤษว่ะ เบิ้มชี้ชวนให้เพื่อนทั้งสองอ่านรายละเอียดในเอกสารที่เกี่ยวกับ CyberGal666 นั้น มันบอกว่า CyberGal เป็นโปรแกรม bot ที่ทำงานด้วยตัวเองสำหรับควบคุมประชากร ใช้มอมเมาและล้วงข้อมูลได้จากทุกที่... เป็นยุทธศาสตร์กำหนดความคิดของประชากรในประเทศว่ะ.... เฮ้ยไม่น่าเชื่อ!!! เบิ้มทำสำหน้าตกใจ ตรงนี้น่าสนใจ... เพื่อควบคุมประชากรของประเทศโลกที่สาม.. CyberGal ถือเป็น 1 ในหลายๆ สิ่งที่กลุ่มผู้นำของประเทศที่มีอำนาจในโลกส่งให้ผู้นำประเทศล้าหลังนั้นๆ นำไปใช้.. ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องพื้นๆ พวกนี้จะเป็นสิ่งที่ใช้ควบคุมประชากรได้ด้วยว่ะ.... ไม่น่าเชื่อจริงๆ ธนาทำสีหน้าประหลาดเมื่ออ่านข้อมูล... มันบอกว่าเพื่อจัดระเบียบโลกใหม่ new world order ด้วย.. สื่อมอมเมาต่างๆ ทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ท สิ่งที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรสำคัญ แต่เป็นอาวุธใช้ควบคุมความคิดประชากรได้งั้นหรือนี่ เบิ้มเสริม จะว่าไปก็เป็นไปได้ว่ะ คานิซังมองที่หน้าจอก่อนจะเสริมต่อ ตั้งแต่กูจำความได้ แทบจะทุกบ้านในประเทศเราแม่งดูละครน้ำเน่าก่อนนอนทุกวันเลย.. สมัยเด็กๆ กูก็เป็นนะ หลายคนที่กูเคยนั่งดูละครด้วยกันบางทีก็เบลอๆ ไป.. หลายหนชอบตกอยู่ในภวังค์เรียกแล้วไม่ตอบ เหมือนถูกสะกด.... 2-3 ชั่วโมงที่หายไปก่อนนอนนี่มันจะเรียกว่ากล่อมประสาทได้รึเปล่านะสำหรับคนแทบจะทุกครอบครัวในบ้านเมืองเรา คนได้ดูอะไรที่ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า มึงว่ามันจะทำให้ฉลาดน้อยลงรึเปล่า เขาตั้งคำถามกับเพื่อนทั้งสอง มองย้อนกลับไป...คนในบ้านเมืองเรานี่ก็ไหลไปตามกระแสและถูกครอบงำง่ายซะด้วยสิ เบิ้มเสริม ลองดูข้อมูลหน้าอื่นดูสิ มันอาจจะบอกมึงเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นก็ได้ แต่ไอ้เรื่อง CyberGal666 นี่มันใช้ครอบงำประชาชนได้.... กูยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่ะ ธนายังไม่เชื่อข้อมูลที่แสดงบนหน้าจอ สมัยเรียนกูมีเพื่อนหลายคนนะที่เล่นเน็ทจนติด บางคนนั่งคุยกับใครก็ไม่รู้วันๆ นึงก็หลายชั่วโมง ตอนเรียนแรกๆ มันเรียนดีมากนะ หลังๆ แม่งติดเน็ทมากจนการเรียนเสียหมดเลย หลายคนมึงก็เคยเจอ มันบ้าพวกเกมออนไลน์ นั่งคุยกับใครก็ไม่รู้ เพ้ออยู่ในโลกแห่งความฝัน.. เคยมีคนบอกไว้เหมือนกันว่าอะไรๆ มันช้าลงไปกว่าแต่ก่อนเยอะ ยิ่งเทคโนฯ ต่างๆ แม่งพัฒนาเร็วขึ้นไปมากเท่าไหร่ ประเทศชาติเรายิ่งพัฒนาช้าลงเท่านั้น... จะว่าไปแทบจะทุกออฟฟิตก็เล่นโปรแกรมแช๊ต (Chat) กันตลอดเวลาเลยนะ มันทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ เบิ้มชี้ถึงความเป็นไปได้ของพิษร้ายของโลกไซเบอร์ที่อยู่ในสังคมมาเกือบ 20 ปี ไร้สาระว่ะ ใครๆ แม่งก็เล่นกันมั้ง มึงก็คิดมากเกินไป ธนาทำน้ำเสียงไม่ค่อยเชื่อ แล้วมันจะไปเกี่ยวข้องกับเทมาเส็กอะไรนั่นยังไงวะ เขาแย้งขึ้น เบิ้มทำสีหน้านิ่งราวกับกำลังหาเหตุผลมาสนับสนุนความเชื่อของเขา เฮ้ย พวกมึงเลิกเถียงกันดีกว่า.. กูว่าที่เบิ้มมันพูดก็มีเหตุผลนะ.. มึงลองดูเอกสารตัวนี้ดู เขาชี้ให้ชายทั้งสองสนใจข้อมูลที่หน้าจอ มันว่า CyberGal จะเลียนรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจนกลมกลืนกับวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ เขาแปลข้อความและอ่านให้เพื่อนทั้งสองฟังก่อนจะหันมาที่เบิ้ม กูว่าที่แนนมันเข้าสู่ Back Door Gateway ของ CyberGal ได้ มันก็คงจะใช้ความสามารถในตัวโปรแกรมตัวนี้เพื่อสวมรอยและเจาะเข้าข้อมูลของที่ต่างๆ ได้.. เฮ้ย ดูตรงนี้สิ.. มันเขียนว่าโครงการไซเบอร์เกิลปิดตัวลงไปตั้งแต่ปี 2010 ประมาณ 10 ปีก่อนแล้ว.. ตั้งแต่ตอนน้ำท่วมใหญ่คราวก่อนโน้นที่เทมาเส็กเจอปัญหาน้ำท่วมหนักจากภาวะโลกร้อน เบิ้มเพ่งสายตาอ่านข้อความภาษาอังกฤษที่บรรทัดล่างๆ แต่สถาบันเทมาเส็กยังตั้งอยู่ในหลายๆ ประเทศที่มันให้การช่วยเหลือนี่หว่า.. พวกเราก็เคยไปกันมาไม่ใช่เหรอ คานิซาว่าหันไปบอกกับเบิ้ม นั่นสินะ.. แต่ถ้ามันบอกว่าโปรแกรม CyberGal สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองและปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของแต่ละชาติ แสดงว่ามันต้องเป็นโปรแกรม AI (Artificial Intelligence) ที่อาจฝังตัวเองไว้ในไซเบอร์สเปซก็เป็นได้ เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น แนนเคยทำงานที่เทมาเส็ก แป๋มกับแนนเป็นเพื่อนกับอยู่ที่ลอนดอนและอยู่ที่บ้านที่อดีตผู้มีอำนาจในไทยเคยไปอยู่ อันนี้ก็คงจะบอกได้ว่าแป๋มและแนนน่าจะทำงานให้กับใครซักคนที่เคยมีอำนาจและอยู่ที่ลอนดอน..... นายตำรวจคนนั้นก่อนจากเราไปเคยบอกว่าข้อมูลเหล่านี้เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศเราตั้งแต่อดีตกาล.. เขายังพูดถึงดาวเทียมและรวมไปถึงคอคอดกระด้วย เบิ้มรำพึงรำพันและพยายามเรียบเรียงสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน..... เป็นไปได้ไม๊ว่าข้อมูลที่ซ่อนอยู่ในเทมาเส็ก เป็นข้อมูลที่อดีตผู้มีอำนาจของประเทศเราเคยได้ทำเอาไว้ร่วมกับเทมาเส็กตั้งแต่อดีต... แต่ถ้าเกิดเขาเหล่านั้นต้องการล้างมลทินก็จำเป็นต้องกำจัดข้อมูลลับเหล่านั้นให้หมด... สำหรับคนที่เคยอยู่ฝ่ายพัฒนาข้อมูลของเทมาเส็กอย่างแนน หล่อนคงจะรู้ว่าเคยมีโปรแกรม CyberGal ที่ใช้ควบคุมประชากรและใช้เจาะข้อมูลที่ไหนก็ได้ เบิ้มหยุดนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะวิเคราะห์ต่อ.. ก็อย่างที่เรารู้ว่าเทมาเส็กมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่น ทั้งสองเลยต้องหาคนที่จะมาขโมยข้อมูลเหล่านั้นแทนพวกหล่อนเพื่อหลบเลี่ยง.. ซึ่งเราก็เป็นผู้โชคดีได้เป็นตัวแทน เบิ้มสรุปปิดท้าย ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญว่ะ กูว่าพวกมันคงเลือกตัวผู้เล่นเอาไว้แล้วล่ะ.. ถ้าลองเอาใครมามั่วๆ จะแก้ปริศนาต่างๆ หรือเจาะข้อมูลได้แบบที่เกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ.. จะว่าไปมันก็ทิ้งปริศนาเอาไว้หลายจุดนะ อาจจะลองมาแล้วกับหลายคน แต่มึงดันแก้ปริศนาได้ ก็เลยหลุดไปทีละด่านจนเอาข้อมูลออกมา.. แม้แต่ถอดรหัสเข้าเครื่องของแนนพวกเราก็ทำกันมาแล้ว ซึ่งบางครั้งมันไม่ใช่แค่จะเป็นแฮ๊กเกอร์ก็ทำได้นะ ปริศนาบางอย่างกูใช้เทคนิคทางโปรแกรมหาไม่ได้นะ คานิซาว่าเสริมขณะเพิ่งมองและเลื่อนข้อมูลต่างๆ บนหน้าจอ... มันก็จริงนะ.. เหมือนมีการวางแผนเอาไว้เหมือนกัน เบิ้มหันไปที่สวนด้านนอกห้องกระจก ผู้คนดูจะไม่มีใครสนใจกลุ่มของพวกเขาในห้องกระจก... ผู้คนต่างเฮฮากับบรรยากาศโดยรอบ บ้างก็นั่งเล่นไพ่กันอย่างจริงจัง ถ้าจำไม่ผิด สมัยเด็กๆ เวลาเข้าเวปเล่นเกมปริศนาหรือเวปอะไรก็ตาม มันก็จะให้เราสมัครลงทะเบียนและต้องใส่ชื่อกับพาสเวิร์ดไว้แทบจะทุกเวปเลย... ข้อมูลพวกนี้ถ้าเราเข้าหลายๆ หนมันก็พอจะมีประวัติหรือสถิติอะไรเกี่ยวกับตัวเราได้นะ.. ยิ่งถ้าบอกว่า CyberGal เป็นโปรแกรมที่ฝังตัวอยู่ในเน็ทและเจาะข้อมูลเข้าได้ทุกที มันก็คงจะหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวเราได้จากหลายๆ เวปในช่วงหลายปีนี้... กูว่าถ้าแนนหรือแป๋มเข้าควบคุมโปรแกรม CyberGal ได้ เธอก็น่าจะรู้ได้ว่าใครที่เธอพอจะใช้ได้ ใครที่ชอบเรื่องราวแบบไหน ใครถอดรหัสอะไรได้ ก็เป็นไปได้... ถ้าเราได้เข้าไปควบคุมโปรแกรม CyberGal จากโน๊ตบุ๊คของแนนดู.. เราก็คงจะเข้าใจอะไรได้มากกว่านี้.. แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันก็ไหม้ไฟไปหมดแล้ว นับว่าเป็นการทำลายหลักฐานได้ดีทีเดียว คานิซาว่าสรุป ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะกระจกใสจากด้านนอกทำให้ชายทั้งสามสะดุ้ง... หญิงสาวจากเคาน์เตอร์เดินมาเปิดประตูและไม่พูดอะไร เธอเดินตรงมาที่เครื่องที่กลุ่มชายหนุ่มทั้งสามนั่งก่อนจะก้มลงมองที่ตัวเครื่องและหันมามองคานิซาว่า สายเคเบิ้ลมันหลุดได้ไงกันคะเนี่ย.. เธอทำหน้าฉงน อ้าว เหรอครับ.. มิน่าละเข้าเน็ทไม่ได้เลย แฮ๊กเกอร์หนุ่มแกล้งทำซื่อ เดี๋ยวผมต่อสายให้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง เขาก้มหยิบสายเคเบิ้ลเส้นเล็กมาถือไว้พลางยิ้มให้กับพนักงานสาว.. เธอมองไปที่หน้าจอที่ยุ่งเหยิงก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่ใยดีอะไร ทั้งสามถอนหายใจยาวและมองหน้ากัน... ธนาเอ่ยขึ้นในความเงียบ กูว่ามึงจะดูอะไรก็รีบดูเหอะว่ะ เดี๋ยวความซวยเข้ามาเยือนอีก คราวนี้กูไม่เอาด้วยแล้วนะ เขาตัดบทด้วยความเบื่อหน่าย เดี๋ยวขอตรวจดูข้อมูลอีกทีนึงก่อนว่ะ.. เผื่อจะแก้ปริศนาอะไรได้ คานิซาว่าตอบและหันไปเพ่งพิจารณาที่หน้าจออีกครั้งนึง กูว่าเราสรุปกันได้แล้วละ เบิ้มพูดเสียงเนิบๆ เรื่องที่เกิดขึ้นคงเป็นความซวยของพวกเราทั้งหมดที่เขาไปเป็นหมากให้กับผู้มีอำนาจ... ซึ่งจะว่าไปเราก็เหมือนคนอีกหลายคนที่เป็นเหยื่อหรือเป็นเบี้ยให้กับผู้ที่อยู่ในระดับชั้นปกครอง เขานิ่งก่อนจะพูดต่อ บ้านเมืองเรา.. ต่อให้เรารู้ความลับอะไรมากมาย เราก็ทำอะไรไม่ได้.. มันเหมือนมีอำนาจมืดหรืออิทธิพลอะไรบางอย่างที่เรามองไม่เห็น แต่พวกนี้มันคอยดูเราอยู่นะ เขาหยิบมือถือสีดำขึ้นดู ลองมึงเผยแพร่ข้อมูลพวกนี้ออกไป ก็ต้องมีคนมาแถลงข่าวว่าไม่จริง อำนาจพวกนี้มันครอบสื่อแทบจะทุกแขนง มึงจะไปสู้อะไรได้ คนส่วนใหญ่ก็พลอยจะคล้อยตามอยู่แล้วด้วย สุดท้ายเราอาจมีชะตาแบบนายตำรวจคนนั้น.. คนที่อยากจะทำอะไรดีๆ กับบ้านเมือง เบิ้มสรุปปิดฉากก่อนจะดึงสายเคเบิ้ลสีเทาออกจากมือถือเครื่องนั้น คานิซาว่าไม่ได้ตอบอะไร เขาหันไปที่หน้าจอและกดปิดหน้าต่างทุกหน้าที่แสดงอยู่... เขาล้างข้อมูลอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อไม่ให้เหลือร่องรอยว่าได้มีการเปิดข้อมูลเหล่านี้ในเครื่องก่อนจะกดปุ่ม restart เครื่องเพื่อให้โปรแกรมล้างเครื่องใหม่อีกรอบก่อนจะก้มลงเสียบสายเคเบิ้ลเข้าที่ด้านหลังของเครื่อง ทั้งสามเดินออกมาจากห้องกระจก เบิ้มเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายค่าอินเตอร์เน็ทส่วนชายทั้งสองเดินตรงไปที่หาดทรายและยืนรอบเขา.. ไม่นานเบิ้มก็ตามมาสมทบพวกเขายืนดูกลุ่มเมฆฝนที่เคลื่อนตัวผ่านไปพร้อมความเย็นที่สัมผัสได้.. ลมพัดให้เมฆลอยหายไปทางหลังเขา คานิซาว่าหยิบมือถือสีดำเครื่องนั้นขึ้นมาดูและส่งต่อให้เบิ้ม... เขาหยิบมันขึ้นมาดูและกดปุ่มปิดเครื่อง.... ทั้งสามเดินตามชายหาดผ่านผู้คนมากมายไปที่โขดหินที่แบ่งอ่าวทั้งสองออกจากกัน... เบิ้มซึ่งเดินนำเลยมาที่โขดหินเดินอ้อมขึ้นไปนอกเส้นทางเดินเท้าตามปกติและมาหยุดที่ใต้ต้นสน เพื่อนทั้งสองเดินตามขึ้นมาอย่างแปลกใจ เบิ้มซึ่งยืนรออยู่เอ่ยขึ้น กูว่า ช่างหัวมันเหอะว่ะ ตอนนี้ขออยู่อย่างปลอดภัยซักหน่อยดีกว่า รัฐบาลบ้านเมืองเราแต่ละชุดก็ไม่เคยจะทำให้ประชาชนไทยชื่นใจได้ซักที เรื่องที่เรารู้นี้บอกออกไปเราก็มีแต่เดือดร้อน เขานั่งลงที่โขดหินและดึงถุงพลาสติกออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะใส่มือถือลงไปและพันถุงรอบมือถือ ไว้รอเวลาเหมาะๆ ให้เรื่องพวกนี้มันจางหายไปก่อน แล้วเราค่อยส่งต่อข้อมูลนี้ให้คนที่ควรจะได้รับดีกว่า เขามองไปรอบๆ ตัวและหยิบก้อนหินมาขุดหลุม เขาขุดอยู่ซักพักนึงจนเหงื่อเริ่มไหลเต็มใบหน้า คงจะได้แล้วล่ะ เบิ้มวางถุงที่ใส่มือถือนั่นลงในหลุมก่อนจะกลบมันด้วยดินที่ขุดขึ้นมา ทั้งสามช่วยกันกลบจนมิดชิดก่อนจะวางหินอีกหลายก้อนทับลงไปเพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงตำแหน่ง..... ซักวันนึง เราจะกลับมาเอาข้อมูลนี้กลับไป.. วันที่มีคนดีๆ ที่มีอำนาจเข้ามาบริหารประเทศ.. วันที่อำนาจมืดและอิทธิพลหมดไปจากประเทศ.. วันที่ประเทศเราพัฒนาและไม่ได้อยู่ในอำนาจของประเทศไหน เบิ้มพูดจบและลุกขึ้นยืนเช็ดเหงื่อที่ไหลเต็มใบหน้า มันจะมีวันนั้นรึเปล่า.... นั่นคือสิ่งที่กูสงสัยเท่านั้นแหละ ธนามองเพื่อนทั้งสองด้วยสีหน้าที่เคลือบไว้ด้วยความสงสัย ทั้งสามเดินกลับสู่เส้นทางเดินเท้า และเดินกลับสู่ที่พักที่อยู่ไม่ห่างออกไป... เสียงคลื่นยังดังตามจังหวะที่คลื่นซัดเข้ากระทบกับโขดหินอย่างที่มันไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่โบราณกาล... แสงแดดกลับมาสาดส่องอีกครั้งหลังเมฆฝนถูกพัดหายไป ชายทั้งสามเดินกลับโดยทิ้งปมเรื่องราวต่างๆ ไว้ที่ด้านหลัง... สิ่งที่พวกเขาสัญญาและหวังเอาไว้ ภายในจิตใจของทั้งสามก็รู้ว่ามันมีความเป็นไปได้และไม่น่าจะเป็นไปได้พอๆ กัน.. แต่บางอย่างในบ้านเมืองนี้มันก็คงจะเกินความสามารถที่พวกเขาจะแก้ไขได้ บางอย่างหมักหมม บางอย่างฝังรากมาแต่กาลก่อน ผู้คนแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ทุกอย่างก็เพื่ออำนาจและบารมี.. สุดท้ายอำนาจและลาภยศก็ไม่อยู่ยั่งยืน... ทั้งหมดก็กลับสู่ดินและหนีไม่พ้นความจริงตามธรรมชาติ.. ไซเบอร์เกิลจะมีจริง หรือจะเป็นแค่กระแสไฟฟ้าในโลกเสมือนแห่งไซเบอร์สเปซก็ตาม สุดท้ายเมื่อโลกถึงกาลอวสาน ก็คงไม่มีอะไรจะคงอยู่เป็นนิรันดร์ได้... โอ้ว กำลังจะบอกว่าดีจังวันนี้เข้ามาได้อ่านตอนยาวๆ ติดต่อกันเต็มอิ่มเลย
อ้าว ปรากฏว่าจบแล้วเหรอค่ะ .. อ่านกำลังเพลินเลยน๊าขอบอก .. โดย: JewNid วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:22:20:36 น.
ตอนจบเนี่ยเข้ายุคสมัยปี 2007 ดีจัง
บุคคลทั้งสามที่มีความทรงจำฝังแน่นตั้งแต่สมัย 10 กว่าปีก่อน ทั้งเรื่องการเมือง สังคม อิทธิพล หวังว่าในอนาคตสังคมคงไม่ได้มีแต่เรื่องการเมือง จนลืมเรื่องวัฒนธรรม ความมีน้ำใจ ความรัก ที่ควรมีต่อกัน แล้วทั้งสามคนเนี่ยไม่มีแฟนเลยเหรอ น่าสังเกตนะ อยู่มาตั้งนานไม่มีหญิงสาวข้างกาย . . . ขอบคุณค้า ได้อ่านจนจบ เต็มอิ่ม โดย: belittle big IP: 125.25.144.69 วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:10:38:53 น.
โอ ว้าวว!!
มาทีเดียวสามตอน แล้วจบแล้ว จะทะยอยอ่านครับ (ขณะพิมพ์ ยังไม่ได้อ่านครับ ) โดย: King Of Pain วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:11:44:32 น.
จบแล้วนี่นา ตอนจบนี่สะท้อนได้ถึงหลายๆ อย่างเลยนะครับ
โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:13:06:15 น.
ยังอ่านไม่จบเลยครับท่าน
ติดภาระบางอย่าง สิ้นเดือนจะมาอ่านให้จบครับ โดย: King Of Pain วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:19:32:44 น.
ฉํนชื่อ ไอโก๊ะ ไอจังอยากได้ ...ผ
โดย: ไอโก๊ะ IP: 117.121.214.74 วันที่: 25 สิงหาคม 2551 เวลา:18:08:41 น.
|
my everyday life on EARTH
Group Blog All Blog
Friends Blog
Link
|
|
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
เขียนดีขึ้นกว่าตอนที่หนึ่งมากมาย
สู้เค้านะเฮียเบิ้ม *-*