CyberGal666 [ ตอน 27 ]
Episode XXVII


บรรยากาศตึงเครียดเริ่มเข้าปกคลุมภายในห้องใต้ดินอันอับชื้นใต้ท่าเรือร้างของเขตทะเลใหม่สมุทรปราการ ชายหนุ่มทั้งสามผู้ตกอยู่ในชะตากรรมพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่าในรอบไม่กี่วันนั่งหมดอาลัยตายอยากและสิ้นหวังกับสภาพติดหล่มของพวกเขาที่ถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินของสถานที่ห่างไกลแห่งนี้

“เป็นไปไม่ได้.... แป๋มไม่น่าจะหักหลังเราแบบนี้” เบิ้มก้มหน้าสบถด้วยความผิดหวัง เขาลูบหน้าตัวเองและถอนหายใจด้วยความตึงเครียด “เป็นไปได้ไม๊ว่าแป๋มจะเผลอไปปิดประตูเหล็กนั่นเข้า จนมันปิดไปเอง” เขาพยายามมองโลกในแง่ดี

“กูว่า มึงเลิกหวังเหอะว่ะ คราวนี้มึงโดนหลอกอีกครั้งแล้ว.. รอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้…” คานิซาว่าทำสีหน้าเบื่อหน่ายและหันมาตบไหล่เพื่อนรักด้วยความสงสารและสิ้นหวังพอๆ กัน “ประตูเหล็กมันปิดล๊อก จะเปิดได้ก็คงต้องใช้ลายนิ้วมือของอีแนนหรือถ้าแป๋มเป็นคนเปิดเข้ามาได้ ก็คงต้องเป็นลายนิ้วมือของหล่อนเท่านั้นแหละ”

“เออว่ะ... ตอนแรกกูก็รู้สึกแปลกๆ แล้วว่ะ ตอนที่แป๋มเข้ามาช่วยดันเทปที่มีรอยนิ้วมือนั่นให้ตรง แต่ลืมเอะใจไปว่าทำไมพอแป๋มมาช่วยมันก็ผ่านได้ง่ายดาย.... มันน่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นแน่ๆ แป๋มอาจจะสอดนิ้วของเธอไปสแกนก็เป็นได้นะ” แฮ๊กเกอร์หนุ่มพยายามวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะมองไปรอบๆ ห้อง


“กูนี่มันโง่จริงๆ โดนหลอกซะเต็มที่เลยว่ะ!!” เบิ้มสบถเสียงดังขณะนั่งก้มหน้าอยู่กับพื้น “กูก็หลงเสน่ห์ของแป๋มจนไว้ใจเธอในหลายๆ เรื่อง.. แต่ก็อีกนั่นแหละ เรื่องนี้มันก็ยากที่จะบอกว่าใครเป็นใคร ใครหลอกใคร ถ้าเป็นแป๋ม ก็เรียกได้ว่าเธอวางแผนได้ซับซ้อนดีมาก... หรือพวกเราโง่เองวะ” เบิ้มมองเหม่อไปที่ประตูหน้าซึ่งปิดสนิทอย่างแน่นหนา

“สรุปแล้วพวกมึงเข้ามาช่วยอยู่เป็นเพื่อนกูก่อนตาย แล้วอีคนที่มันจับกูลงมานี่ ใช่น้องแป๋มอะไรของพวกมึงรึเปล่าก็ไม่รู้” ธนาประชดชีวิตที่หมดหวังอีกครั้ง “กูรู้สึกว่า....... เราจะได้รอคอยความตายกันในห้องนี้ยังไงไม่รู้ว่ะ” เขารำพึงรำพันจนชายทั้งสองที่มาใหม่ถึงกับทำหน้าไม่ถูก ..........ทั้งสามนั่งหมดหวังกันอยู่ที่พื้นและต่างก็ไม่มองหน้ากันราวกับเสียความรู้สึกในการที่มาอยู่ในห้องขังลึกลับแห่งนี้....


.................................................
หลังจากผ่านไปได้ไม่นาน เบิ้มและคานิซาว่าก็เริ่มมองสำรวจไปรอบๆ ห้องเพื่อหาหนทางเพื่อจะหนีออกจากห้องคุมขังใต้ดินนี้

“มึงอยู่ในนี้มาหลายวัน สำรวจทั่วรึยังวะว่ามันมีทางออกอื่นอีกรึเปล่า” แฮ๊กเกอร์หนุ่มมองสำรวจรอบห้องและถามธนาผู้ซึ่งติดอยู่ในห้องนี้มาหลายวัน

“ห้องนี้....กูว่ามันเหมือนเป็นที่ทำการขององค์กรลับอะไรซักอย่างว่ะ มีห้องน้ำอยู่ด้านหลังห้องนึง สภาพมันยังพอทนได้นะ น่าแปลกเหมือนกันที่มันยังใช้การได้อยู่” ธนาหันไปด้านหลังและชี้ไปที่ประตูห้องที่ด้านในสุด
ชายทั้งสองลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตรงไปดูยังห้องน้ำที่อยู่ด้านหลัง

“เออ ตกลงวันก่อนนั้นมันเป็นไงวะ อาทิตย์ก่อนที่กูให้มึงคุยกับอีไซเบอร์เกิลทางเน็ทน่ะ.. ก่อนที่มึงจะหายตัวไป มันเกิดอะไรขึ้นบ้างวะ” เบิ้มหันไปถามเพื่อนที่นั่งมึนๆ อยู่ในห้องซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับและเป็นปมที่พวกเขาตามหากันจนเกินเรื่องต่างๆ

ชายหนุ่มบิดตัวจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวที่เป็นปมที่ชายหนุ่มทั้งสองอยากรู้..
“คืนวันนั้น... ที่มึงให้อีเมล์ของไซเบอร์เกิลมา วันไหนนะ.....อืม...” เขาทำท่าครุ่นคิด “รู้สึกจะคืนวันจันทร์มั้ง.... จำได้ว่าพอมึง offline ไป กูก็เจออีไซเบอร์เกิลทันทีเลย เหมือนมันตั้งใจยังไงไม่รู้ แต่ตอนนั้นกูก็ไม่ได้คิดอะไรมากว่ะ” ธนาเล่าเรื่องเหตุการณ์ก่อนเกิดเรื่องวุ่นวาย...

เขาถอนหายใจก่อนเล่าต่อ “ตอนนั้นกูก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร คุยเรื่อยเปื่อยตามประสาคนเล่นเน็ททั่วๆ ไป ถามโน่นถามนี่ สลับกันไปมา... จนกูเริ่มง่วงและขี้เกียจคุย ก็เลยจะตัดบท”....

“แล้วยังไงต่อว่ะ ไปไงมาไงมึงถึงได้ไปเจอมันและมานั่งอยู่นี่ได้ล่ะ” คานิซาว่าซักด้วยความอยากรู้
ธนาหาวด้วยความอิดโรยก่อนจะเล่าต่อ “พอกูจะออกเท่านั้นแหละ มันก็ถามว่ากูรู้จักเบิ้มรึเปล่า... กูเลยงงนิดหน่อยว่ามันรู้ได้ไง.... สุดท้ายกูก็เลยต้องคุยต่อไปอีกนิดนึง ก็เรื่องที่มึงเล่านั่นแหละ ที่ว่ามึงไปเจอมันมาตอนเย็นๆ กูเลยสนใจว่ามันยังไงกัน” ธนาหันไปมองเบิ้มซึ่งกำลังตั้งใจฟังและพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด

“ตอนนั้นกูเลยถามไปว่ารู้ได้ไงว่ากูเป็นเพื่อนเบิ้ม มันก็อ้ำๆ อึ้งๆ บอกว่าไปเจอมึงมาเมื่อตอนเย็นที่หมอชิต แล้วบอกว่ามึงเล่าว่าจะแนะนำเพื่อนชื่อธนาให้รู้จัก... ตอนนั้นกูก็เลยหลงเชื่อไปว่ามันพูดเรื่องจริง”
เบิ้มทำสีหน้าตกใจ “เฮ้ย กูไม่เคยพูดถึงชื่อเพื่อนเลยนะเวลาคุยกับคนในเน็ท โดยเฉพาะอีไซเบอร์เกิล กูไม่ชอบบอกเรื่องส่วนตัวมากว่ะกับคนในเน็ทที่ไม่เคยเจอหน้า”

“เอาเป็นว่า มันรู้ละกันว่ากูเป็นเพื่อนมึง” ธนาตัดบทด้วยความรำคาญ “ คืนนั้นกูก็ไม่ได้ถามอะไรมาก แค่บอกว่าเบิ้มเขาก็บอกมาว่าไปเจอน้องเมื่อตอนเย็น แต่กูก็ไม่ได้คุยอะไรต่อมากว่ะ ขี้เกียจแล้ว เลยไปนอน” … เขาเล่าต่อ “มีแต่วันอังคารตอนกลางวันแหละ ตอนที่กูกำลังดูหุ้นกูอยู่ดีๆ มันก็ทักเข้ามา ตอนนั้นกูจำได้ว่ากูไม่ได้เปิดโปรแกรมแช๊ทอะไรอยู่นะ แต่ก็คิดว่ามันคงเปิดขึ้นมาเองอัตโนมัติตอนกูดูหุ้นเพลินๆ ก็เป็นได้ ตอนนั้นไม่ได้นึกเอะใจอะไร”

ธนาเริ่มทำสีหน้าเคร่งเครียด “แต่ที่มันแปลกคือ พออีไซเบอร์เกิลมันมาทักทายแล้วกูก็ไม่ได้ทักตอบไป... พอดีตอนนั้นกำลังจดจ่อกับหุ้นอยู่... แต่ซักพักนึงเหมือนกูถูกแฮ๊กเข้าระบบยังไงไม่รู้ว่ะ”

เขาเล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น “คือกูทำอะไรกับบัญชีไม่ได้เลย คล้ายๆ โปรแกรมมันแฮ๊งค์... แต่ไม่นานนักหุ้นก็ถูกโอนออกไปเรื่อยๆ จนเริ่มดูท่าจะไม่ดีแล้ว... จะปิดคอมพ์ก็กลัวว่ามันจะไม่หยุดโอนถ่ายหุ้นในบัญชี... กูเลยลองกดดูหน้าต่างสนทนาของอีไซเบอร์เกิลที่มันทักไว้แล้วกูไม่ได้สนใจดู... ข้อความที่เห็นแม่งทำกูช๊อกเลย มันเขียนว่า ‘หุ้นกำลังหายรึเปล่าค่ะ’ ... เท่านั้นแหละมึง กูก็รู้ว่ามันแฮ๊กเข้ามาควบคุมบัญชีกูไว้หมดแล้ว” สีหน้าเขาดูเคร่งเครียดเมื่อพูดถึงสิ่งที่สูญหายไปต่อหน้า


“แล้วมึงทำไงต่อว่ะ เป็นกูคงแย่” คานิซาว่าทำสีหน้าเห็นใจ
“ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกว่ะ พอกูขอร้องอ้อนวอนไป...หุ้นกูก็หยุดขยับ ทำให้กูรู้ได้ว่ามันเป็นคนทำเรื่องนี้แน่ๆ”
“เฮ้ย.... แล้วมันต้องการอะไรว่ะ” แฮ๊กเกอร์หนุ่มซักต่อ

“มันให้กูออกไปเจอตอนบ่ายวันอังคารนั้น ห้ามกูติดต่อกับใครเด็ดขาด บอกเบอร์มือถือกูถูกหมดทุกเบอร์ และบอกว่ารู้และตรวจสอบการติดต่อสื่อสารของกูได้ทั้งหมด คือถ้ากูโทรออกหาใครมันจะโอนเงินในบัญชีกูทั้งหมดไปบัญชีมันที่ต่างประเทศ... มันว่างี้”
“อ้าว แล้วคนโทรเข้าเบอร์มึง มันจะทำไงวะ” เบิ้มสงสัยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับธนา
“มันทำยังไงไม่รู้ว่ะ แต่ไม่มีใครโทรเข้ามาหากูได้เลย แปลกมาก….”
“ตกลงมึงก็ออกไปเจออีไซเบอร์เกิล” ชายหนุ่มซักต่อด้วยความสงสัย

“เป็นมึงจะทำไงว่ะ จริงๆ ตอนแรกกูก็ไม่เชื่อ เขียนด่ามันไปทีนึง หุ้นและเงินในบัญชีกูโดนโอนออกไปทันทีเลยว่ะ กูต้องขอโทษไปพัลวัน ไม่น่าเชื่อว่าระบบอินเตอร์เน็ทจะทำให้ชีวิตคนทั่วไปผูกพันธ์กับตัวเลขมากมายขนาดนี้ ถ้าเป็นสมัยก่อนที่ไม่มีพวกระบบออนไลน์ต่างๆ ก็คงไม่เดือดร้อนกันแบบนี้”

“ตอนนั้น...มันนัดกูให้ไปเจอแถวที่จอดรถในสุวรรณภูมิว่ะ บอกว่าแค่ต้องการจะให้กูทำอะไรซักอย่าง.... แล้วจะโอนหุ้นพร้อมเงินในบัญชีทั้งหมดคืนให้ ตอนนั้นกูคิดว่าคงจะให้กูไปฆ่าใครแบบในหนังแหงๆ ตอนนั้นนึกถึงหนังเก่าของจอนนี่เด็ป เรื่อง Nick of Time ที่กูเคยดูตอนเด็กๆ” เขาถอนหายใจก่อนจะเล่าต่อ “หวังจะได้เงินและต่างๆ นาๆ คืนว่ะ...... สงสัยตอนนั้นจะหน้ามืด”

“แล้วยังไงต่อว่ะ พอมึงไปเจอแล้วไหงมาลงเอยอยู่ที่นี่ได้” เบิ้มถามพลางหันไปมองรอบๆ ห้องเพื่อสังเกตสิ่งต่างๆ รอบห้องอีกครั้ง

“ตอนนั้นพอไปถึงที่จอดรถในสุวรรณภูมิ มือถือกูก็ดังทันที สงสัยมันดูจากสัญญาณเซลของมือถือเลยรู้ว่ากูมาถึงที่แล้ว .. พอดูเบอร์ก็ไม่รู้ว่าเบอร์ใคร ตอนนั้นจอดรถในช่องจอดแล้ว... พอกดรับมือถือ ฮัลโหลๆ อยู่สามสี่ทีก็มีคนเปิดประตูข้างแล้วพุ่งเข้ามานั่งพร้อมปืนจ่อหัวกู ตอนนั้นแหละที่กูได้เจอไซเบอร์เกิลจะๆ แบบสยองๆ” สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อนึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในวันนั้น

“หน้าตามันเป็นไงว่ะ อีไซเบอร์เกิลที่มึงได้เจอ” เบิ้มสอบถามต่อ
“ไม่แน่ใจว่ะ ตอนนั้นพอมันเข้ามาในรถกูพร้อมปืนจ่อหัวให้กูหันหน้าตรงอย่างเดียว กูก็จำอะไรไม่ค่อยจะได้ สงสัยจะเครียดจัง... รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิง หุ่นดี แต่มันใส่แว่นดำและหมวก... ผูกผมไว้ด้านหลัง ให้กูขับรถออกจากที่จอดนั่นและขับมาถึงที่นี่แหละ.... ท่าเรือร้างนี้”

“ผมสีดำหรือสีน้ำตาลว่ะ” เบิ้มยังสงสัยถึงตัวตนที่แท้จริงของอิสตรีที่อ้างตัวเป็นไซเบอร์เกิล
“เอ... รู้สึกจะสีน้ำตาลๆ น่ะ ดูเป็นลอนๆ ตอนนั้นมันยึดของๆ กูไปหมดเลย ใส่ในกระเป๋าหนังสีดำทั้งมือถือและกระเป๋าตังค์ สั่งให้กูขับอย่างเดียว กูก็ไม่กล้างี่เง่าหรอก มันเอาปืนจ่อพุงอยู่ เดี๋ยวโดนยิงใส้แตกใครจะรับผิดชอบวะ” ธนาบรรยายได้อย่างละเอียดถึงบรรยากาศในวันนั้น

“สุดท้ายมึงก็ได้ลงมาเฝ้าห้องนี้คนแรกก่อนพวกกู” คานิซาว่าเอ่ยแนวประชดสิ้นหวังกับชีวิต
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยตั้งแต่กูอยู่ข้างล่างนี่... มันไม่เคยกลับมาดูหน้ากูอีกเลย คงคิดว่ากูอยู่กับความว่างเปล่าและอาหารกระป๋องพวกนี้ได้มั้ง” ธนาหันไปมองเศษกระป๋องเปล่าที่ถูกเปิดและกองตั้งอยู่ที่มุมนึงของห้อง

“อือ.. จริงๆ ก็ตั้งแต่เย็นวันอังคารโน่น.. อาทิตย์นึงแล้วมั้ง เซ็งชิปเป้ง หลายครั้งกูแทบหมดหวัง รอคอยว่าเมื่อไหร่จะมีใครมาช่วยซักที เรื่องเงินเรื่องหุ้นทรัพย์สินกูไม่ต้องการแล้วว่ะ แค่ขอให้มีคนมาพากูออกไปจากที่นีก็พอ..”
เขาถอนหายใจก่อนเล่าต่อ “ที่กูติดต่ออยู่ก็มีไม่กี่คนว่ะ พอมาอยู่ข้างล่างนี่เลยรู้สึกสำนึกยังไงไม่รู้ที่ทำตัวห่างเหินจากเพื่อนๆ และญาติพี่น้อง คบอยู่ไม่กี่คน ดีนะที่มึงยังลงมาช่วย ไม่งั้นก็ไม่มีใครรู้หรอกว่ากูอยู่ไหน” ธนาเล่าเรื่องราวต่างๆ ด้วยน้ำเสียงที่เจือความเศร้าเมื่อเขาเล่ามาถึงตอนที่เขาระลึกถึงความโดดเดี่ยวที่ได้รับจากห้องขังใต้ดินแห่งนี้

เบิ้มยิ้มและตบไหล่ธนาเบาๆ “เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวออกจากที่นี่ได้เราคงได้ไปเที่ยวไหนกันซักหน่อย จะว่าไปกูก็คบอยู่ไม่กี่คนเหมือนกันแหละว่ะ คนสมัยนี้มันไม่ค่อยจะคบหาสมาคมกับใครง่ายๆ ในโลกแห่งความจริงกันแล้วมั้ง กูว่านะ หลังจากมีโลกไซเบอร์ คนเราก็คุยกันน้อยลง เพื่อนแท้หายากขึ้น คนที่เราไว้ใจกลับเป็นคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จัก”

“ก็จริงของมึงว่ะ... ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปเยอะว่ะ... หลายครั้งหลายหนกูก็เล่าเรื่องราวส่วนตัวให้กับเพื่อนในเน็ทฟัง ไว้ใจคนแปลกหน้าพวกนั้น.... บางทีน่าจะเล่าให้ฟังมากกว่าให้คนในครอบครัวกูฟังซะอีก....” คานิซาว่าถอนใจหลังจบประโยคสนับสนุนความคิดของเบิ้ม

ทั้งสามดูจะท้อแท้สิ้นหวังกับความเป็นไปของพวกเขา เบิ้มและคานิซาว่าเริ่มเอนกายยันแขนไปด้านหลังและนั่งเหม่อด้วยความหมดอาลัยตายอยากที่ต้องตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงครั้งใหญ่นี้...


........................................................................

เวลาผ่านไปอีกชั่วขณะ... ชายหนุ่มทั้งสองเริ่มลุกขึ้นเดินและสำรวจไปรอบๆ ห้องที่ดูทึบตันนี้อีกครั้งเพื่อค้นหาทางออกที่เป็นไปได้จากห้องใต้ดินแห่งนี้แต่ดูเหมือนหนทางออกจากห้องลับแห่งนี้จะมีเพียงประตูกลเหล็กที่ชายหนุ่มทั้งสามเข้ามา ช่องระบายลมก็เป็นช่องโลหะขนาดเล็กที่มืดและมีขนาดเล็กเกินกว่าหนูตัวเล็กๆ จะลอดผ่านได้ซึ่งแทบจะเป็นช่องทางเดียวนอกเหนือจากประตูหนาบานนั้น....

ไม่นานนักทั้งสองก็ต้องหมดหวังและกลับมานั่งทอดกายข้างๆ ธนา ชายหนุ่มผู้เฝ้าห้องลับแห่งนี้มาร่วมอาทิตย์เข้าให้แล้ว......

“เฮ้ย ตอนพวกกูพยายามงัดเข้ามาในห้องนี้ มึงได้ยินเสียงจากในนี้ไม๊วะ” คานิซาว่าเอ่ยขึ้นมาในความเงียบสงบของห้อง
“เออ ไม่รู้เรื่องเลยว่ะ รู้อีกทีประตูก็กำลังเปิดออกเท่านั้นเอง.. ตอนนั้นกูหลับอยู่มั้ง แต่มันเงียบมากเลยนะ” ธนาตอบ
“สงสัยประตูมันจะหนามากจริงๆ.... อย่างนี้ถ้ามีใครลงมาช่วยพวกเรา.. กว่าเราจะรู้ก็ต้องรอเขาเปิดประตูเข้ามาก่อนสินะเนี่ย” คานิซาว่าบ่นพึมพำ
“มึงยังหวังว่าใครจะลงมาช่วยพวกเราอีกเหรอวะ” เบิ้มหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย

“กูยังหวังเล็กๆ ว่า สารวัติจาก DSI คนนั้นจะตามมาที่นี่อีกครั้ง... ขนาดตอนที่มึงโดนอีแนนจับตัวมาที่นี่มันยังตามมาได้ในเวลาแป๊ปเดียวเอง” คานิซาว่าอธิบายถึงความเป็นไปได้ที่เขาพอจะนึกออก
“เออว่ะ.. แต่ตอนนั้นแป๋มกดเปิดมือถือกูจากในกระโปรงหลังรถนะ.. สัญญาณมันเลยแสดงที่ศูนย์ละมั้ง แต่ตอนนี้ของทุกอย่างเราก็อยู่กับแป๋ม แล้วมันยังจะเหลือหนทางอะไรอีกวะ” เบิ้มเล่าถึงเหตุการณ์ของการไล่ล่าที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนนั้น

“เออ นั่นสินะ... อีกอย่างไม่รู้ตอนนี้อีแป๋มมันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว... ยังไงเราก็ต้องอดทนต่อไปว่ะ ถึงหนทางจะตีบตัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางออกซะเลย” แฮ๊กเกอร์หนุ่มกล่าวก่อนที่ทั้งหมดจะนิ่งเงียบและเอนหลังอย่างท้อแท้....


.........................................

เวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมงแต่ภายในห้องใต้ดินแห่งนี้ไม่สามารถรับรู้ถึงความเปลี่ยนไปของภายนอกได้.. ทุกสิ่งดูจะเหมือนจบลงอย่างหมดหวัง... แต่ในความเงียบนั้น เบิ้มดูเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้น

“พวกมึงได้ยินเสียงอะไรรึเปล่าวะ” เบิ้มทำสีหน้าตื่นและเริ่มลุกขึ้นนั่งพยายามเงี่ยหูฟังเสียงบางอย่างที่เขาได้ยิน..... “กูว่ามีเสียงอะไรบางอย่างนะ.. ฟังดีๆ สิ” เขาขยับตัวลุกขึ้นและค่อยๆ ขยับไปตามเสียงนั้น
ชายทั้งสองค่อยๆ ลุกขึ้นและทำสีหน้าสงสัย
“เสียงเหมือนมาจากประตูนั้นเหรอวะ” ธนาเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่ของเบิ้มที่กำลังขยับไปใกล้ประตู
“เหมือนมีเสียงจากด้านนอกว่ะ” เขาพูดเสร็จก็รีบเดินไปที่ประตูเหล็กที่หนาแน่นนั้น

อ่านต่อฉบับหน้า



Create Date : 30 มกราคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2550 10:23:18 น.
Counter : 477 Pageviews.

5 comments
  
แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กำลังลุ้นอยู่เลยคร้าบ จบซะแล้น ไม่เป็นไรครั้งมามาติดตามต่อครับ





ปล. มีเพลงเข้ากับบรรยากาศหนาวๆ ฟังแล้วเคลิ้มที่บล็อกมานำเสนอด้วยครับ ว่างๆ ไปเที่ยวได้เสมอนะครับ
โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 30 มกราคม 2550 เวลา:16:34:55 น.
  
คงจะปล่อยให้ผู้อ่านรอต่อไปไม่ได้แล้วแหละนะ

ต้องเข็นตอนต่อไปออกมา...อย่านานนะคร้าบบบเพ่

แหมๆๆๆ กำลังจะคิดอยู่ว่ามันจะลงเอยอย่างไร

สุดท้ายใครกันหนอที่เป็นคุณ ไซเบอร์เกริลล

***เอ.. ต้องมีป้าย น. ไม๊อ่ะ เพราะในเรื่องมีคำเรียกไม่สุภาพติ๊ดนึงนะ ขำๆๆๆ นะ
โดย: belittle big IP: 125.25.142.80 วันที่: 30 มกราคม 2550 เวลา:17:48:08 น.
  



แจ๋ม!
โดย: belittle big jaaa ^ ^ IP: 125.25.142.80 วันที่: 30 มกราคม 2550 เวลา:17:55:30 น.
  
อ่ะแน่ ... ตอนต่อไปมารอเราแล้ว ...

ห่างหายกับการอ่านเรื่องนี้ไปนาน ต้องกลับไปทบทวน
กับตอนเก่าก่อนอ่านตอนนี้อีกที ...

แงๆ ดันมาจบตอนตื่นเต้นพอดีเลยค่ะ .. เอ แล้วนี่เราจะได้อ่านตอนต่อไปเมื่อไหร่
หนอ ( แอบรำพึงรำพันกับตัวเอง เผื่อว่า จขบ.จะใจอ่อนอัพเรื่องเร็วๆ )
โดย: JewNid วันที่: 30 มกราคม 2550 เวลา:23:51:17 น.
  
คราวนี้พี่เบิ้มจะเข็ดขยาดสาวสวยหรือยังครับ อิอิ

มีมุมมองเกี่ยวกับโลกไซเบอร์แฝงไว้ด้วยนะเนี่ย

จะติดตามต่อไปครับ
โดย: King Of Pain IP: 58.9.151.142 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:44:22 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biggg
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



my everyday life on EARTH

New Comments
มกราคม 2550

 
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
31
 
 
30 มกราคม 2550