|
||
CyberGal666 [ ตอน 26 ] แสงสว่างจากลำแสงของกระบอกไฟฉายที่เบื้องหน้าดูจะห่างไปราว 10 เมตร ชายหนุ่มทั้งสองลงมายืนที่ด้านล่างของช่องท่อที่บริเวณท่าเรือร้าง เบิ้มมองขึ้นไปเบื้องบนซึ่งมองเป็นช่องเห็นหญิงสาวมองลงมาด้วยสีหน้าหวาดหวั่น เขายิ้มตอบเพื่อให้เธอสบายใจก่อนจะหันไปดูเพื่อนร่วมชะตากรรมซึ่งตอนนี้ยืนอยู่ด้านข้างของเขา.... บรรยากาศแม่ง น่าเอาไปทำหนังสยองขวัญว่ะ คานิซาว่าพูดติดตลก เบิ้มดูจะไม่มีอารมณ์ขันในเวลาแบบนี้ เขาส่องไฟฉายไปที่ด้านหน้าซึ่งเป็นอุโมงค์ทรงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เมตรที่อับชื้น สภาพพื้นมีน้ำเฉอะแฉะซึ่งคงจะเกิดจากฝนที่ตกผ่านลงมาตามช่องเปิดเล็กๆ นั่น.. แสงไฟจากกระบอกไฟฉายที่เขาได้มาจากหญิงสาวที่ด้านบนส่องตรงไปตามทางพอจะเห็นปลายทาง ซึ่งมองดูแล้วเป็นเหมือนกรอบประตูสี่เหลี่ยม หลังประตูนั่นจะมีปีศาจร้ายอะไรอยู่รึเปล่านะ เบิ้มบ่นในลำคอ... ลองดูเว้ย!! เขาพูดแบบกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะเริ่มก้าวเดินไปในความมืดของอุโมงแห่งนั้น มึงว่าใครแม่งดันมาทำอุโมงอะไรนี้ไว้วะ คานิซาว่ารำพึงขณะเดินด้วยความอาการเกร็งๆ ไม่รู้เว้ย.. มึงอย่าพูดเสียงดังไปเผื่อข้างในนั้นไม่ใช่ไอ้ธนาเดี๋ยวพวกเราจะซวยเอา เบิ้มออกอาการตื่นตัวสุดขีดจนเห็นได้ชัด... เฮ้ย กูว่ามันมีโคมไฟที่เหนือหัวนะ แต่ไม่รู้แม่งเปิดสวิทช์ตรงไหนนี่สิ รีบๆ ไปเหอะว่ะ แสงจากรูท่อด้านหลังมันครึ้มๆ ลงยังไงไม่รู้ว่ะ กูว่าฝนทำท่าจะตกอีกแล้วแหงๆ คานิซาว่าเร่งเดินเร็วขึ้นเพื่อไปให้ถึงปลายทางจนทำให้เบิ้มต้องเร่งฝีเท้าตาม ไม่นานนักทั้งสองก็เดินมาถึงปลายทางด้วยความรู้สึกหวาดกลัว พวกเขามองหน้ากันและหายใจหอบด้วยความตื่นเต้น ฉับพลันอยู่ๆ ไฟในอุโมงค์ก็สว่างขึ้นจนทั้งสองตั้งหรี่ตาและหันหลังมองตามทางอุโมงค์ อ้าว แป๋ม!!.. ลงมาทำไมกัน แล้วเปิดไฟตรงไหนล่ะ เบิ้มเอามือบังแสงและหรี่ตาเพื่อปรับสภาพการรับแสง ก็อยู่ข้างบนมันน่ากลัวอะค่ะ.. ขอลงมาดูข้างล่างนี้จะดีกว่า.. หนูลงมาก็เห็นมันมีปุ่มสวิทช์อยู่ที่ผนังนี้นี่.. ไหงพวกพี่ไม่เห็นกันนะ หญิงสาวค่อยๆ เดินเข้าใกล้มาเรื่อยๆ ตามทางเดินที่เปียกชื้น ตกลงเจออะไรไม๊คะ แป๋มทำสีหน้าหวั่นๆ ขณะยืนอยู่ที่ปลายทางต่อหน้าชายหนุ่มทั้งสอง เพิ่งเดินมาถึงเอง เจอประตูบานนี้ยังไม่ได้ลองตรวจดูให้ละเอียดเลย เบิ้ม มีระบบล๊อกที่แน่นหนาพอควรเลยนะ.. มีจุดที่ใช้สแกนนิ้วมืออยู่จุดเดียวเอง คงต้องเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งก็น่าจะเป็นแนน คานิซาว่าอธิบายขณะพิจารณาประตูเหล็กดำทมิฬที่ปลายทาง ... ประตูก็ดูแน่นหนา น่าจะหนาซัก 15 เซ็น เห็นจะได้ คงจะกันไฟได้ ไม่แน่อาจกันระเบิดนิวเคลียร์ได้ก็เป็นได้นะ เขาพูดประชดติดตลก แล้วเราจะเข้าไปข้างในได้ไงละคะ ตอนนี้ศพของแนนก็อยู่ที่นิติเวช หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าหวาดหวั่น คงจะต้องตัดนิ้วแนนมาละมั้ง เบิ้มทำสีหน้าท้อแท้ เออ จริงสิ....แป๋มเอาฮาร์ดดิสของแนนมาด้วยรึเปล่า! คานิซาว่าทำเสียงตื่นเต้น อยู่ในรถน่ะค่ะ พี่จะทำอะไรเหรอ แป๋มตอบด้วยสีหน้างุนงง เราอาจหารอยนิ้วมือจากฮาร์ดดิสสีเงินของแนนนั่นได้นะ คานิซาว่าทำเสียงดูมีความหวัง แต่วันก่อนแป๋มหยิบมันออกมาดูทีนึงแล้วนะ อาจมีรอยนิ้วมือแป๋มติดอยู่บนมันด้วยนะคะ เราก็ลองใช้เทปกาวลอกลายนิ้วมือออกมาเทียบดูว่าตรงกับของแป๋มรึเปล่า ซึ่งเครื่องมันคงจะอ่านรอยนิ้วมือได้หลายๆ ครั้งละนะ.. ผิดไปก็เข้าไม่ได้ ถูกลายก็คงจะเข้าได้.. ตอนนี้เราคงมีทางเลือกอันเดียว คานิซาว่าบรรยายถึงแนวทางที่เขาค้นคิด งั้นเดี๋ยวพี่สองคนรออยู่ตรงนี้ละกันนะ.. เดี๋ยวแป๋มขึ้นไปเอาซองใส่ฮาร์ดดิสนั้นกับเทปใสในรถลงมาให้ เธอพูดเสร็จก็รีบเดินกลับไปตามทางอุโมงค์นั้นจนหายขึ้นไปตามช่องแสงของท่อด้านบน .............................. ไม่นานนักหญิงสาวก็ค่อยๆ ปีนบันไดเหล็กลงมาและเดินเข้ามาหาชายหนุ่มทั้งสองที่รออยู่ที่หน้าประตู... มีเทปใสไม๊แป๋ม เบิ้มถามสีหน้าร้อนใจ มีค่ะ คิดว่าอันนี้คงจะใช้ได้นะ แป๋มหยิบม้วนเทปใสขนาดกว้าง 2 นิ้วออกมาจากกระเป๋าสะพายพร้อมด้วยซองหนังสีดำที่เก็บฮาร์ดดิสของแนน เบิ้มค่อยๆ รูดซิปเปิดซองหนังใบนั้นออกและค่อยๆ หยิบที่มุมขอบของฮาร์ดดิสสีเงินอันเล็กนั้นออกมาด้วยความระมัดระวัง ค่อยๆ เว้ยเบิ้ม คานิซาว่าเพ่งพิจารณาวัตถุสีเงินเงาวาวนั้นอย่างใจจดใจจ่อ... เขาค่อยๆ ดึงเทปใสออกจากม้วนโดยใช้มือทั้งสองขึงเทปให้กว้างออก ในขณะที่หญิงสาวเอาไฟฉายของเธอส่องดูตามพื้นผิวของฮาร์ดดิสสีเงินนั้นเพื่อหารอยนิ้วมือที่น่าจะเป็นของเจ้าของเก่าของมัน... รอยนี้น่าจะใช้ได้นะคะ เธอแหงนหน้าขึ้นมองคานิซาว่าก่อนจะชี้นิ้วไปยังตำแหน่งที่คาดว่าจะเป็นรอยนิ้วมือของอดีตเพื่อนนักคอมพ์สาวของเธอ เดี๋ยวต้องลองดู คานิซาว่าพูดขณะสายตายังจับจ้องอยู่ที่อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสี่เหลี่ยมขนาดบางอันนั้น...เขาขึงเทปกาวใสให้ตรงกับตำแหน่งที่หญิงสาวบอกและค่อยๆ บรรจงทาบเทปใสลงบนพื้นผิวของฮาร์ดดิสอันนั้นขณะที่สายตาจับจ้องไม่กระพริบซึ่งดูเหมือนชายทั้งสองจะหยุดหายใจไปชั่วขณะหนึ่งเมื่อดำเนินการมาถึงจุดนี้ แล้วไงต่อวะ ไอ้คานิ เบิ้มแหงนหน้าขึ้นมอง แฮ๊กเกอร์หนุ่มค่อยๆ ดึงเทปออกจากอุปกรณ์สีเงินนั่นอย่างช้าๆ แล้วหันไปหาหญิงสาวที่ยืนลุ้นอยู่ไม่ห่าง ขอยืมแป้งของแป๋มหน่อยสิ หญิงสาวทำหน้างุนงง อะไรนะคะ เดี๋ยวลายนิ้วมือมันไม่ชัดน่ะ พี่ว่าต้องใช้แป้งช่วยอีกหน่อย ชายหนุ่มกางแผ่นเทปกาวใสขึ้นเพื่อส่องดูกับแสงไฟเหนือหัว ไม่นานนักหญิงสาวก็หยิบตลับแป้งฝุ่นของเธอออกมา.. คานิซาว่าให้เบิ้มเทเศษแป้งใส่ที่มือเขาเพียงเล็กน้อยและให้เป่าผงแป้งฝุ่นละเอียดนั้นมายังแผ่นเทปกาวใสที่กางรออยู่.... ทั้งคู่ค่อยๆ บรรจงทำอย่างตั้งใจ เบิ้มเป่าลมอย่างแผ่วเบาจนฝุ่นแป้งพุ่งไปยังตำแหน่งเทปใสที่กำหนด.. ไม่นานนักเทปใสก็ฝ้าขึ้นด้วยฝุ่นแป้ง... คานิซาว่ายกแผ่นเทปที่ติดแป้งนั้นขึ้นส่องกับแสงไฟอีกครั้งก่อนจะสะบัดให้แป้งนั้นเบาบางลงจนเริ่มเห็นลายนิ้วมือบนเทปใสชัดเจนขึ้น คิดว่าคงใช้ได้แล้วละ ในนี้มีรอยนิ้วมืออยู่สี่ลาย คิดว่าคงจะใช้ได้ซักอันนึง เขาพูดขณะมองหน้าบุคคลทั้งสองในอุโมงค์แห่งนั้น ลองดูเลยเหอะ.. เราเสียเวลามานานแล้วนะ เบิ้มเร่งเพื่อนสนิทของเขาให้จัดการเปิดประตูปริศนาที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา.... คานิซาว่าหันไปยังตำแหน่งประจันหน้ากับประตูเหล็กสีดำทมิฬ และค่อยๆ วางลายนิ้วมือบนแผ่นเทปใสนั้นให้ตรงกับช่องรูสแกนนิ้วมือ... เสียงสัญญาณที่ดังขึ้นพร้อมไฟแดงที่กระพริบดูเหมือนจะทำให้ทุกคนในที่นั้นท้อใจลงไป... แฮ๊กเกอร์หนุ่มหันมามองเพื่อนทั้งสองครั้งด้วยสีหน้านิ่งเฉย เดี๋ยวลองดูที่เหลือก่อนสิ เขาพูดปลอบใจทุกคนก่อนจะหันไปและทาบตำแหน่งนิ้วถัดมาบนเทปใสนั้นให้ตรงกับช่องรับนิ้ว... ผลลัพธ์ที่ได้ยังเหมือนเดิม ทุกคนในที่นั่นดูจะเริ่มเครียดมากขึ้น... หรือรอยนิ้วมือบนนี้จะใช้เปิดประตูนี้ไม่ได้ เบิ้มพูดด้วยน้ำเสียงท้อแท้.... ชายหนุ่มที่อยู่หน้าประตูไม่ได้หันมาตอบโต้อะไร แต่ยังจดจ่อต่อการถอดสลักสำคัญนั้นต่อไปราวกับสมาธิทั้งปวงของเขาจดจ่ออยู่กับการถอดรหัสในครั้งนี้... เขาเอียงหัวลงมาเพื่อเช็ดเหงื่อที่หน้าฝากกับแขนเสื้อก่อนจะสูดหายใจจนทุกคนได้ยินและค่อยๆ เลื่อนแผ่นเทปใสนั้นเพื่อสแกนหารอยนิ้วที่จะเป็นกุญแจไขเข้าสู่ความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังประตูเหล็กบานนี้.. พี่คานิซัง.. ลองดันเข้าไปใกล้ๆ หน่อยสิคะ แป๋มว่าพี่วางตำแหน่งห่างไปหน่อยนะ หญิงสาวที่ด้านหลังขยับตัวเข้าใกล้จุดสแกนนิ้วมือจนคานิซาว่าหันมามองค้อน.. หล่อนไม่ได้สนใจอะไรและจับข้อมือแฮ๊กเกอร์หนุ่มให้เลื่อนแถบเทปใสให้เข้าใกล้ตำแหน่งสแกนนิ้ว สายตาทุกคู่จับจ้องอย่างไม่กระพริบขณะลุ้นการจารกรรมครั้งสำคัญนี้ และเมื่อลายนิ้วมือที่สามทาบกับตำแหน่งจุดรับรอยโดยมีมือของหญิงสาวมาช่วยดันแถบเทปกาวใสให้ตรงกับตำแหน่ง... เสียงที่แตกต่างไปจากทั้งสองครั้งแรกก็ดังขึ้น และไฟสีเขียวก็กระพริบขึ้น... เฮ้ย ได้แล้วเว้ย ไม่น่าเชื่อ!! เสียงเบิ้มตะโกนอยู่ด้านหลังผู้ไขกุญแจลายนิ้วมือของประตูเหล็กปริศนานั่น.. ไม่นานนักเสียงสลักเหล็กก็ดังขึ้นจนทุกคนรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งและหนักหน่วงของมันก่อนที่ประตูเหล็กดำทมิฬนั้นจะแง้มตัวมันเองเข้าสู่ด้านในจนเผยให้เห็นแสงที่สว่างอยู่ด้านใน.... บุคคลทั้งสามหันมองหน้ากันด้วยสีหน้าตื่นเต้น เบิ้มค่อยๆ ผลักประตูอันหนักหน่วงนั่นไปด้านใน ภาพภายในค่อยๆ เผยให้เห็นความลับที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้ดินแห่งนี้.. ประตูเหล็กค่อยๆ เปิดออก.. สิ่งที่อยู่ภายในห้องที่บุคคลทั้งสามเห็นคือร่างของชายผิวคล้ำรูปร่างสันทัดนอนอยู่ที่พื้น ชายหนุ่มทั้งสองรีบวิ่งไปดูร่างที่นอนอยู่อย่างรีบเร่ง แป๋มรออยู่ที่ประตูนี้ก่อนนะ เดี๋ยวประตูมันปิดแล้วเปิดไม่ได้ ชายหนุ่มพูดเสียงดังขณะกำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังร่างที่นอนอยู่ที่มุมห้อง ภาพชายที่นอนอยู่ที่พื้นค่อยๆ ชัดขึ้นเมื่อทั้งสองเร่งเดินเข้ามาใกล้... เฮ้ย ไอ้ธนา.. เป็นไรป่าววะ!! เบิ้มเขย่าร่างที่นอนอยู่บนพื้นคอนกรีตซึ่งปูด้วยเศษกระดาษลังสีน้ำตาล กูว่ามันโดนวางยาแน่ๆ คานิซาว่าหันมาพูดกับเบิ้ม ไม่นานนักชายซึ่งนอนหมดสติอยู่ที่พื้นก็ค่อยๆ ขยับตัวและลืมตา.. อ้าว.. พวกมึง นึกว่าจะหากูไม่เจอซะแล้ว เสียงของเขาดูแหบพร่าดวงตาดูขุ่นมัว เป็นไงป่าววะ ใครจับมึงมานอนที่นี่วะ คานิซาว่าซักด้วยความตื่นเต้น อ๋อ สงสัยกูโดนอีไซเบอร์เกิลมันบังคับให้กูมาอยู่ที่นี่.. มีแต่อาหารกระป๋องให้กูกินเนี่ย อยู่มาตั้งหลายวันแล้ว เซ็งชิปเป้งเลย เสียงเขาดูค่อยๆ ดีขึ้น อ้าว ตกลงนี่มึงนอนเฉยๆ ไม่ได้โดนวางยาเหรอวะ เบิ้มทำสีหน้างุนงง มันเอาปืนบังคับให้กูปีนลงมาในท่อนี้ แต่ไม่ได้บอกอะไรว่ะ มีแค่กล้องวงจรปิดตัวนึงที่คอยถ่ายภาพในห้องนี้อยู่.. คิดว่าคงจะส่งภาพไปที่เครื่องของมัน.. กูว่านะ ธนาบ่นพึมพัมขณะเอนตัวขึ้นนั่งตรงและใช้มือปาดผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่ .. ว่าแต่ว่า พวกมึงเข้ามาในนี้ได้ไงวะ กูละคิดว่าเมื่อไหร่อีไซเบอร์เกิลจะลงมาอีกครั้งนึง ไม่งั้นกูคงเหงาตายในนี้แน่ๆ เออ ช่างเหอะว่ะ.... กูว่าเรารีบออกไปจากที่นี่ดีกว่านะ.. ประตูนั้นมันเปิดจากข้างในไม่ได้ว่ะ เบื่อนั่งอยู่ในนี้เหลือเกินแล้ว ธนาบ่นไม่หยุดปากราวกับต้องการรีบออกจากห้องขังลึกลับแห่งนี้ให้ได้เร็วที่สุด โอเคๆ คานิซาว่าตอบรับ ชายหนุ่มทั้งสองค่อยๆ พยุงแขนธนาผู้อิดโรยให้ลุกขึ้นยืนตรงและแบกร่างที่อ่อนแรงเพื่อเดินกลับออกสู่พื้นที่ด้านบน.... แต่เมื่อชายทั้งสามหันหลังไปสู่ทางออก พวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อไม่เห็นหญิงสาวยืนอยู่ เหลือเพียงประตูที่ปิดสนิทอยู่ อ้าว เป็นไรไปวะ ธนาหันมาถามเพื่อนเมื่อทั้งคู่หยุดนิ่งไม่ขยับด้วยความสงสัย เฮ้ย.......กูโดนหลอกอีกแล้วเหรอเนี่ย เบิ้มรำพันเสียงในลำคอด้วยอาการหมดอาลัยตายอยากขณะกำลังจ้องมองไปยังประตูเหล็กสีดำที่ปิดสนิทอยู่ที่ด้านหน้าของเขา มึงอย่าบอกกูนะว่าแป๋ม...... คานิซาว่าพูดจบก็จับแขนธนาที่เขาพยุงอยู่ที่ไหล่ออกและเดินไปที่ประตูห้องที่ตอนนี้ซึ่งปิดสนิทอยู่..... เขาพยายามดึงมือจับประตูที่เป็นเหล็กสีดำขนาดใหญ่และตะโกนเรียกชื่อหญิงสาว ... แป๋ม.. แป๋ม!!! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ แต่ดูเหมือนจะไม่มีการตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น... คานิซาว่าเริ่มถอดใจและใช้มือกระแทกที่ประตูอย่างแรง แต่ดูเหมือนจะไม่มีเสียงสะท้อนใดๆ เพราะความหนาและแข็งแกร่งของมัน พวกมึงอย่าบอกนะว่า โดนหลอกให้ลงมาในนี้ ธนาทำสีหน้าสิ้นหวังสุดขีดเมื่อเห็นสภาพของชายทั้งสองที่อยู่ในห้องลับใต้ดินนี้กับเขา อ่านต่อฉบับหน้า เอ๊า แล้วกัน ... จะเจอปัญหาถูกหลอกอีกแล้วเหรอค่ะเนี่ย ... แงๆ อยากรู้เพิ่ม จะมาแปะต่อเร็วหรือเปล่าค่ะตอนหน้า
โดย: JewNid วันที่: 1 มกราคม 2550 เวลา:23:41:04 น.
คงใกล้จะได้รู้กันแล้วสินะว่า "ตัวบงการนั่นใคร"
แต่จะเดาถูกอีกหรือเนี่ย ไม่น่าจะถูกนะ เพราะคุณเจ้าของเรื่องนี้ชอบพลิกอยู่เรื่อยเชียว ตอนต่อไปอย่านานนะคุณพี่ ใกล้จบแล้ว..อยากอ่านแบบต่อเนื่องๆ งานน้อยลงแล้วมาเขียนๆ ต่อๆ เลยนะฮ้า โดย: bilittle bigggg IP: 125.25.192.2 วันที่: 3 มกราคม 2550 เวลา:11:12:55 น.
อ้าวซะงั้น หักมุมไปมามากๆ เลย และแล้วก็ติดตามต่อ
โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 7 มกราคม 2550 เวลา:17:03:13 น.
|
my everyday life on EARTH
Group Blog All Blog
Friends Blog
Link
|
|
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
leave the tear,
Think of joy,
forget the fear...
Hold the laugh,
leave the pain,
Be joyous ,
Coz its new year!
HAPPY NEW YEAR 2007