สายวันพุธ.. ฤดูฝนชั่วคราวจางหายไป แดดร้อนๆ กลับมาเป็นครั้งคราว ณ เมืองหลวงของสยามประเทศแห่งนี้.. เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เข้าเรื่องโม้ประจำวันนี้เลยดีกว่า ด้วยเป็นคนชอบปล่อยของและเรื่องสมมติฐานต่างๆ ด้วยทฤษฎีสารพัดสารพันให้ขบคิดกันเล่นๆ เป็นกมลนิสัยสันดานอยู่แล้วนะครับ.. อ่านกันเพลินๆ
เคยเขียนในบล็อกเก่าๆ อยู่ครั้งนึงว่า คนเราอยู่ไม่ได้ถ้าขาดรัก และ
ความรักเป็นเหมือนความต้องการพื้นฐานของมนุษย์... เหมือนว่ามันเป็นสิ่งอะไรบางอย่างที่ถูกปลูกถ่ายเอาไว้ในตัวคนเราแต่กำเนิดมา...
ไอ้เรื่องกลไกแห่งการรักกันนั้น บางทีมันก็เหมือนว่าในตัวเรามีเครื่องกลบางอย่าง เหมือนในรถที่มีอุปกรณ์เสริมเช่นวิทยุหรือแอร์ติดรถยนตร์.. คือว่าแม้ไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้มันก็ยังวิ่งได้ปกติ แต่ถ้าไม่มีของเหล่านี้ การขับรถมันก็ช่างน่าเบื่อและทรมานเสียนี่กระไร..
กลไกแห่งรักในตัวคนก็เหมือนวิทยุหรือแอร์ที่ติดรถเรานี่แหละครับ มันทำให้ชีวิตมันเพลิดเพลินขึ้น ลองขับรถไม่เปิดแอร์ในกทม.ดูสิ.. มันแสนทรมานขนาดไหน... แล้วไอ้กลไกแห่งรักในตัวเราเนี่ย มันเริ่มแสดงอาการตั้งแต่เรายังเด็กยังเล็กอยู่แหละครับ แต่มันอาจแรงขึ้นเมื่อเราโตขึ้นเป็นวัยรุ่น และลดความรุนแรงลงเมื่อเราแก่ลง... ทฤษฎีนี้มันยังไง หลายคนเริ่มทำคิ้วผูกโบว์...
เหมือนกับว่าเครื่องกลแห่งรักในตัวเรานี้มันมีแบ๊ตเตอรี่อยู่ มันต้องคอยเพิ่มพลังไฟ แล้วคนเราก็จะต้องหาขั้วไฟฟ้าตรงข้าม (เพศตรงข้าม) มาคอยต่อพลังไฟให้เครื่องจักรตัวนี้ทำงาน. เช่นเราอาจเป็นขั้วบวก ส่วนหล่อนเป็นขั้วลบ.. พอมาอยู่ใกล้ๆ กันพลังงานมันก็ไหลเวียน เหมือนวงจรไฟฟ้าครบวงจร ชีวิตก็ดูมีความสดใสขึ้นราวกับต้นคริสต์มาสที่พันหลอดไฟสวยงามได้รับการเสียบปลั๊ก ต้นไม้นั้นก็สว่างไสวสวยงามได้ทันที.. โอ้ว.. เปรียบไปนั่น..
ตัวอย่างเช่น เวลาเราไปเริ่มปิ้งๆ ใครเข้า การได้อยู่ในรัศมีคลื่นไฟฟ้าของเธอหรือเขามันทำให้จิตใจเราตื่นเต้น มันเหมือนมีความสุข (เพราะเครื่องกลที่ว่ามันได้รับอิทธิพลแห่งคลื่นไฟฟ้าจากแหล่ง) พอเราได้สนิทกันมากขึ้น ได้จับมือกัน ไฟฟ้ามันก็เริ่มไหลเวียนจากขั้วหนึ่งสู่อีกขั้วหนึ่งเครื่องกลแห่งรักนี้ก็ยิ่งเดินเครื่องแรงขึ้นเหมือนได้ชาร์จไฟ พอได้จูบกันเครื่องยนต์นี้ยิ่งทำงานแรงขึ้นไปอีก.. โอ้ววว และต่อไปๆๆๆ (โปรดอย่าจินตนาการตาม)..
แล้วบางคนที่รักเพศเดียวกันเล่า วงจรมันจะทำงานได้อย่างไร.. อันนี้มันเนื่องจากว่าตอนเกิดมานั่น การติดตั้งอุปกรณ์แห่งรักตัวนี้วางวงจรมาไม่ตรงตามกฎเกณฑ์ทั่วไป คือมันอาจจะต่อสายสลับกัน ลองนึกถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่เรามักต้องใส่ถ่านไว้ด้านหลังเพื่อให้มันทำงาน ส่วนใหญ่เพื่อความง่าย ผู้ผลิตก็จะต่อวงจรง่ายๆ ให้เราวางถ่านไขว้กันให้วงจรมันทำงานตามปกติ แต่ก็มีบ้างที่เขาออกแบบให้มันซับซ้อนขึ้นเพื่อให้เราวางถ่านแบบตรงๆ.. คนรักเพศเดียวกันก็คงถูกวางระบบไฟฟ้าให้ไม่เหมือนคนทั้งๆ ไปแบบนี้ละมั้ง... โอ้วเดียร์!!!
ผลลัพธ์ของการทำงานของกลไลแห่งรักนี้ จะทำให้เกิดผลต่อระบบการทำงานหลายๆ อย่างของร่างกายที่เปลี่ยนไป เช่น การมองอะไรจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู น้ำต้มผักหวานขึ้น ข้าวใหม่ขึ้น ปลามันขึ้น ที่ทำงานดูสดใสขึ้น รถติดสบายขึ้น ดูหนังสนุกขึ้น น้ำมันแพงก็เฉยๆ เป็นต้น...
แต่กลไกนี้จะอยู่ได้ไม่นานมันจะเริ่มเสื่อมเหมือนแบ๊ตมือถือ.. บางคนพอแบ๊ตเสื่อมก็ต้องหาแบ๊ตใหม่เพื่อชาร์ตให้วงจรไฟฟ้าแห่งรักนี้ทำงานรุนแรงเหมือนเดิม..
บางคนก็แค่ไปหาร้านซ่อม แล้วใช้ของเก่าไปเรื่อยๆ.. แสดงว่าเป็นคนมองข้ามความตื่นเต้นและรุนแรงของคลื่นเหล่านี้... อนุรักษ์นิยมนั่นเอง...
จบข่าว.... ซะงั้น