สำหรับแฟนบอล AC Milan แล้ว การได้เข้าสนาม San Siro คงถือความฝันอันสูงสุดของเหล่าสาวกปีศาจแดงดำแห่งเมืองมิลานความฝันได้เข้าซานซิโร่ก็ถือเป็นความตั้งใจของผมเช่นกัน ยิ่งได้เข้าชมเกมดาร์บี้แมทช์ประจำเมืองระหว่างคู่อริที่แข่งขันชิงดีชิงเด่นกันมาตลอดประวัติศาสตร์สโมสรอย่างมิลานกับอินเตอร์แล้วย่อมเป็นอะไรที่สุดยอดมาก
สังเวียนแข้งประจำเมืองมิลานที่มิลานและอินเตอร์ใช้ร่วมกันมา photo credit : siriwan
ปฐมบทแห่งการเดินทาง
เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นจากความที่ผมมีแผนการที่จะเดินทางไปยุโรปในช่วงปีนี้อยู่แล้วน้องๆ หลายคนก็มักจะพูดกับผมเสมอว่าเราจะต้องไปซานซิโร่กันนะพี่อย่าลืมนะพี่... จนเมื่อมีตั๋วโปรของ QatarAir ช่วงเดือนม.ค.ในราคาที่พอรับกันได้ที่ 2.7 หมื่น ผมจึงเริ่มชักชวนทีมงานตั๋วนี้เป็นการจ่ายเงินไปเลยไม่ใช่การจอง ดังนั้นมันจึงถือเป็นการเดิมพันกลายๆว่าเราต้องได้วีซ่าในการเข้ายุโรป (ไม่งั้นก็ไม่รู้จะยังไงกับตั๋วเครื่องบินที่ซื้อมาแล้วละครับ) แต่ไหนๆ ก็จะไปอิตาลีแล้วทำไมเราไม่ไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ด้วยละก็ประเทศนี้มันแหล่งอารยธรรมและศิลปะวิทยาการดีๆ นี่เองประวัติศาสตร์พี่แกก็เยอะแยะมากมายและยังมีให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ดังนั้นแผนการเดินทางของเราจึงเป็นเส้นทางมาตรฐานของเหล่านักท่องเที่ยวชาวไทยคือ เส้นทางระหว่าง Rome และ Milan
จังหวะต่อมาคือดูว่ามิลานทีมรักจะเตะวันไหน ซึ่งนับเป็นโชคของพวกเราที่ในช่วงสงกรานต์นี้ยังมีกัลโช่เตะอยู่ตามปกติและยิ่งเป็นโชคอีกชั้นที่ตามตารางจะมีแมทช์ดีๆ ให้ได้ดูคือเปิดบ้านเจอลาซามพ์ และดาร์บี้แมทช์เยือนอินเตอร์(ก็ไม่ได้ไปไหนหรอก เมืองเดียวกัน) ดังนั้นแผนจึงว่าจะไปลงมิลานแล้วกลับโรมหรือลงโรมแล้วกลับมิลาน ถ้าลงมิลานก่อนก็ได้ดูลาซามพ์ลงโรมก่อนก็จะไปกลับที่มิลานและได้ดูดาร์บี้แมทช์...คงคิดไม่ยากหรอกนะครับว่าเราเลือกเส้นทางไหนสรุปผู้ร่วมเดินทางไปกับผมก็จะมีน้องอีก 2 คนและจะมีแฟนผมบินมาสมทบจากฮอลแลนด์ (นี่แหละเป้าหมายหลัก)ดังนั้นเราจึงจองตั๋วเครื่องบินผ่านเวปของสายการบิน
เมื่อได้ตั๋วแล้วต่อมาจึงเป็นการเตรียมการเพื่อไปทำวีซ่าวางแผนการท่องเที่ยวระหว่างเมืองต่างๆ ตามเส้นทางและซื้อตั๋วต่างๆในระหว่างการเดินทาง (จองโรงแรม ตั๋วรถไฟ ตั๋วพิพิธภัณฑ์ และตั๋วเข้าไปดูบอล)แต่เบื้องต้นคือการเตรียมตัวเพื่อไปทำวีซ่าซึ่งจะต้องมีการเตรียมเอกสารต่างๆเตรียมแผนการท่องเที่ยว และจองโรงแรม ดังนั้นเราจึงตั้งเป้าเพื่อไปทำวีซ่าซึ่งตกลงกันไว้ว่าจะไปทำกันปลายเดือน ก.พ.ให้ทุกคนมีเวลาเตรียมเอกสารกันเดือนกว่าๆในระหว่างนั้นจากที่ได้ไปศึกษาเส้นทางท่องเที่ยวของหลายๆคนที่โพสไว้ตามเวปก็ได้บทสรุปมาว่าเราจะเที่ยวโรม ฟลอเร้นซ์ เวนิส และไปจบที่มิลาน
เมื่อได้กำหนดแผนการคร่าวๆ แล้วเราก็เริ่มวางแผนการท่องเที่ยวโดยแบ่งเมืองกันทำคนละเมือง ในส่วนของที่พักก็ได้เวปจองโรงแรม booking.comซึ่งเมื่อพบว่าที่มิลานในช่วงดังกล่าวจะมีงาน Milan Fair และในเดือนพ.ค.จะมี Expo ทำให้เกิดความกังวลว่าที่พักจะเต็ม ดังนั้นการจองโรงแรมต่างๆ จึงเกิดขึ้นในไม่ช้าเพื่อเป็นหลักประกันว่าเราจะมีที่ซุกหัวนอนในประเทศที่ห่างไกลและอาจไม่ปลอดภัย(จากที่ได้อ่านจากหลายแหล่ง)
ปลายเดือน ก.พ.เราก็ไปทำวีซ่ากันในเช้าวันทำงานวันหนึ่งแนะนำว่าช่วงเวลานี้ของปีคนจะเยอะมาก ดังนั้นก็ไปให้มันเช้าๆ หน่อยนะครับเพราะพวกเราเสียเวลาไปครึ่งวันหิวเหลือเกินกว่าจะได้หลุดออกมาจากที่แห่งนั้นอีกอย่างคือมันจะอะไรนักหนากับรูปถ่ายที่พื้นหลังต้องขาวจั๊ว เกือบขาวไม่ยอมขาวอมฟ้าก็ไม่ให้ สัส ผ่านไป 5 วันจึงมีการแจ้งมาทาง smsว่าผ่านเรียบร้อยให้ไปรับได้ ทีมงานถึงกับโล่งอกที่ผ่านได้เพราะมีน้องคนนึงทำธุรกิจส่วนตัวเลยกลัวว่าจะติดขัด
หลังจากนั้นเราก็นัดเจอกันอีก 2-3หนเพื่อหาบทสรุปในเรื่องตั๋วรถไฟและตั๋วดูมิลาน โดยเรื่องตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์นั้นฝากให้แฟนผมช่วยจัดการให้ทุกอย่างก็เรียบร้อยก่อนเดินทางเหลือแค่แลกเงินสดติดตัวไปและทำรายการว่าจะเตรียมอะไรไปบ้าง อากาศเป็นยังไงซึ่งในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนออกก็ต้องวางแผนทั้งเร่งทำงานและจัดข้าวของให้ครบ
และวันที่ 9 เม.ย.เราจึงตื่นแต่เช้าและไปพร้อมหน้าพร้อมตากันที่สนามบินและมุ่งหน้าสู่กรุงโรมโดยไปแวะต่อเครื่องที่โดฮา
สนามบินเมืองโดฮาระหว่างต่อเครื่อง wifi แรงมากไม่มีเม้ม แขกใจดี สวยหรูดูดีไฮโซ
ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม
ใกล้ถึงกรุงโรมผมและน้องๆอีก 2 ก็เมื่อยและอึดอัดในเครื่องบินชั้นประหยัดตอนออกจากสุวรรณภูมิก็เครื่องใหญ่ดีหรอก แต่พอมาต่อเครื่องที่โดฮากลายเป็นเครื่องขนาดเล็กลงนั่งกัน 6 ชม.เลยอึดอัดเป็นพิเศษเมื่อใกล้ถึงในใจผมก็นึกถึงเพลงที่ฟังตั้งแต่บอลโลกปี 90 ที่อิตาลีคือเพลง SempreRoma ( AlwaysRome) ขับร้องโดย BelenThomas - Udo Jürgens ที่เปิดตอนเยอรมันตะวันตกได้แชมป์บอลโลกที่อิตาลี
VIDEO
MV Sempre Roma สังเกตด้านหลังจะเห็นทีมชาติเยอรมันชุดแชมป์โลกร้องประสาน โฮ่โฮโฮ้โฮโห่ เชยระเบิด
เรามาถึงโรมประมาณทุ่มหน่อยๆ หลังจากรอกระเป๋าตามสายพานและพบกับคุณแฟนที่เดินทางมาถึงก่อน1 ชม.แล้ว พวกเราทั้ง 4 ก็ออกมาที่ด้านนอกเพื่อนั่งรถบัสที่จะไปส่งเราที่สถานีรถไฟ Termini สถานีรถไฟใหญ่ใจกลางเมือง ซึ่งที่พักเราจะอยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟนี้แหละนั่งรถบัสท้องฟ้าเริ่มมืดก็มาถึง Termini และลากกระเป๋ากันไปตามหาโรงแรม
โรงแรมที่ไม่น่าเรียกว่าโรงแรม
ตามความคิดของพวกเรา โรงแรมต้องอย่างน้อยมีห้องมากมาย มี lobbyมีพนักงานที่พูดจาน่ารักแต่งตัวเรียบร้อย แต่โรงแรม EuroRoomแห่งนี้ที่เราจองกันมาจาก Booking.com มันช่างไม่เหมือนโรงแรมเสียเลย มันควรจะต่ำกว่า Hostel เสียอีก(ห้องเช่าดีไหม) ในตึกๆ นึงที่หน้าตาคล้ายๆ ตึกแถว มีโรงแรมอยู่หลายโรงแรมซะด้วย EuroRoom นี้อยู่ที่ชั้น 5ตึกนี้มีโถงบันไดล้อมลิฟท์ขนาดเล็กที่เกิดมาเพิ่งเคยเห็น จุคนได้ครั้งละ 2 คน แคบๆเมื่อลิฟท์มาถึงดันมาจอดที่ชานพักบันได ยังต้องหิ้วกระเป๋าขึ้นบันไดอีกกว่าจะเจอประตูของ EuroRoom มองเข้าไปไม่มีใครต้องกดปุ่มกริ่งเรียกพนักงาน (หรือเจ้าของบ้านวะ)ให้ออกมาต้องรับหลังจากเจรจากันจนรู้เรื่องเราก็ได้เข้ามาเจอห้องพักที่มโนภาพกันไว้ว่าเป็นห้องคู่แบบ2 ห้องเพื่อนอน 4 คน แต่มันดันกลายเป็นห้องนอนแบบมีเตียงเล็กๆ ข้างกำแพง 2ด้านและเตรียมคู่ตรงกลาง ห้องก็แคบนิดเดียว เราบอกว่าเราไม่ได้เลือกห้องนี้แต่พนักงานชายตัวใหญ่บอกว่า เราจองห้องนี้แหละ อ้าว นี่เราต้องแออัดกันในห้องนี้ 4คืนที่โรมเลยเหรอเนี่ย (อย่าเชื่อภาพใน booking.comซะทั้งหมดนะจ๊ะ)
หลังจากนั้นเราจึงเดินออกไปหาไรกินแถวสถานีรถไฟด้วยอาการงงๆแต่พอลงลิฟท์มาก็มีโรงแรมที่ชั้นล่าง จึงเดินเข้าไปถาม ได้ความว่า 60ยูโรต่อคืนเจ๊มันว่าลดแล้ว เราเลยยังไม่ได้จะเอา หลังจากนั้นจึงเดินไปตามทางก็เห็นมีอีกหลายโรงแรมระหว่างทางจนไปเจอโรงแรมนึงที่ดูท่าทางไม่แพงกดลิฟท์ (ลิฟท์เล็กและแคบขึ้นได้ทีละ 2คนเหมือนอีกที่) ขึ้นไปชั้นบนสุดก็ไปเจอโรงแรม Bruna Hotel ของป้า Bruna (เห็นคนเขาเรียกกัน) ป้าคิด 50 ยูโรพร้อมอาหารเช้าสภาพห้องยังดีกว่าที่ EuroRoom ซะอีกเราจึงตกลงเอาห้องนี้จะได้ไม่ต้องแออัดกันที่ห้องแคบๆ นั้น
สถานีรถไฟ Roma Termini (แตมินี่) ยามค่ำคืน
เบ็ดเสร็จเราเลยมาหาไรกินแถวสถานี Termini และพยายามหาซื้อ Sim เพื่อใส่โทรศัพท์ไว้ติดต่อกัน (และเล่นเน็ท) แต่มันปิดกันหมดแล้วจึงได้แค่กินพิซซ่าในร้านแถวสถานีและกลับมาขนกระเป๋าจาก EuroRoom โดยยังมี 2 หนุ่มนอนที่ EuroRoomต่อไป.... จบค่ำคืนแรกในกรุงโรมอันวุ่นวายไว้แต่เพียงเท่านี้เฮ้อ