อย่ากลัวว่าความทุกข์นั้นจะมีตลอดไป...
อย่าคิดว่าไม่มีทางแก้ไข... หนทางที่
เร็วที่สุดคือเปลี่ยนอารมณ์... ท่านใดมีทุกข์
ขอให้มันผ่านไปโดยไวครับ.....
เมื่อเราเกิดมาย่อมได้รับ ทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไปอยู่แล้ว
แต่เมื่อทุกข์ที่สุดเราควรจะทำอย่างไร ?
การฆ่าตัวตายเป็นสิ่งที่ถูกต้องควรกระทำหรือไม่
และเราควรจะทำอย่างไรดี ?
บทความนี้จะไม่สนใจว่าการกระทำอย่างนั้น
จะมีผลในอนาคตอย่างไรทำลายตนเองจะ
บาปมากแค่ไหน ต้องเกิดมาฆ่าตัวตายใช้กรรมอีก 500 ชาติ
จริงหรือเพราะถ้าบอกไปต้องใช้ความเชื่อและศรัทธา
ในตัวศาสนามาพูดคุยกันแต่ต้องการจะบอกว่า การทำลาย
ตนเอง เป็นสิ่งที่น่าเสียดายนัก เสียดายโอกาสที่จะได้รับสิ่งที่ดี
อีกมากที่จะตามมาและเสียดายแทนญาติมิตรที่เกี่ยวข้อง
ที่จะต้องได้รับผลกระทบกายและใจตลอดไป
ในเรื่องความทุกข์ที่สุดนี้ธรรมะในพระพุทธศาสนาสอน
ให้เราแก้เรื่องนี้ได้ทันที ด้วยความเข้าใจ ด้วยความรู้ที่เรา
ไตร่ตรองเองได้และด้วยประสบการณ์ในอดีตของเราทุก
คน ในกาลามสูตรพระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้เชื่อ
ด้วยเหตุ 10 อย่าง เช่นด้วยเหตุผลว่าผู้สอนเป็นครูของเรา
และอื่นๆ รวมสิบประการแต่จะให้เชื่อก็ต่อเมื่อไตร่ตรองรู้ได้ด้วย
ตนเองจึงเชื่อ การจะไตร่ตรองให้รู้ได้ด้วยตนเองจะมีได้ก็ต่อเมื่อ
เรามีประสบการณ์ในเรื่องนั้นมาแล้ว ดังนั้นประสบการณ์ในอดีต
จึงเป็นธรรมะที่เราตรึกตรองได้เช่นกัน
เมื่อความทุกข์ที่สุดมาถึง สิ่งที่ควรระลึกถึงมีสองสามอย่างคือ...
หนึ่ง อย่ากลัวว่าความทุกข์นั้นจะมีตลอดไปเพราะ
มันจะไม่คงอยู่ตลอดไป เดี๋ยวมันก็จางไป
สอง อย่าคิดว่าไม่มีทางแก้ไขให้ดีขึ้นได้ เพราะ
จะมีทางแก้ไขเสมอ เพียงแต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออกเท่านั้น
สาม อย่านึกว่าต่อไปนี้เราจะไม่ได้รับสิ่งดีๆ อีก เพราะ
เมื่อทุกข์ผ่านไป เราจะยังมีความสุข สนุกสนาน
ได้อย่างเดิมแน่นอน และ
สุดท้าย คือ ให้นึกถึงคนข้างหลัง ที่เขาจะต้องเศร้า ได้รับ
การกระทบกระเทือนจากการกระทำด้วยอารมณ์ของเรา
เมื่อทุกข์ที่สุดมาถึงสิ่งที่เราต้องทำทันที
ในขณะที่ยังตั้งตัวปรับใจไม่ทันก็คือ
รีบหาทางเปลี่ยนอารมณ์เมื่อเราไปเจอคนอื่น
ทุกข์สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือช่วย
เปลี่ยนอารมณ์เขาก่อน จากนั้นสติจึงจะตามมา
ความทุกข์ที่มากสุดจะแก้ได้เร็วและง่ายที่สุดด้วยการ
เปลี่ยนอารมณ์ ดึงอารมณ์ออกจากสถานการณ์นั้นก่อน
อาจง่ายๆ เพียงแค่ทำอะไรที่ชอบ ฟังเพลงดูหนัง หาของ
อร่อยกิน ชวนเพื่อนไปเที่ยว ชวนคุยเรื่องอื่นลืมเรื่องทุกข์ไป
ชั่วคราวก่อน บางทีก็เบาบางได้เอง ที่สำคัญถ้ามีเพื่อนดี
จะเบาบางไปได้มากที่สุดที่ไม่ควรทำคือดื่มสุรา หรือ
พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ควรหันไปดื่มเหล้าเบียร์เพราะการกินเหล้า
ก็ดับทุกข์ได้ระดับหนึ่งเท่านั้น แต่จะมีข้อเสียกว่าคือ
จะยิ่งโกรธง่ายน้อยใจง่ายและโมโหง่ายกว่าเดิม และไม่
มีสติยับยั้งความโกรธ หรืออารมณ์ที่รุนแรงเหล่านั้น
เมื่อเปลี่ยนอารมณ์ได้ ใจจะเข็มแข็งมากพอที่จะแก้ในขั้นต่อไป
ขั้นต่อไปคือพยายามตั้งใจใช้สติคิดว่าจะแก้ได้อย่างไร
อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นผล สายไปแค่ไหนแล้ว
และแก้ได้หรือไม่ ทำให้ดีขึ้นได้หรือไม่ถ้าแก้ไม่ได้
ขั้นสุดท้ายคือ ทำให้ใจของเรายอมรับสิ่งนั้นให้ ได้
ใจของเราจะยอมรับได้ คิดได้
ปลงตกได้ต้องมีสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ
ท่านพุทธทาสภิกขุ สอนว่าโดยสรุปรวมในธรรมะของ
พระพุทธเจ้า อาจสรุปเป็นแบบหนึ่งได้ว่า
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
นั่นเป็นเพราะในความเป็นจริง สิ่งทั้งหลายย่อมไม่ได้ดั่งใจเรา
มีความไม่เที่ยงแปรเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา
ด้วยเหตุและปัจจัย จึงไม่สมควรที่จะไปหลงยึดมั่น
หมายว่าเป็นเรา เป็นตัวเราหรือเป็นของของเรา
สิ่งทั้งหลายไม่ได้ดั่งใจทั้งนั้น ไม่ว่าเราจะเป็นใคร
รวยเพียงใด อำนาจล้นฟ้าขนาดไหน
ต่างก็มีความทุกข์ประจำตัวประจำอยู่ทุกคนทั้งสิ้น
และเมื่อมองย้อนไป ความทุกข์เหล่านั้นมันก็เท่านั้นเอง
เมื่อเราอ่านมาถึงตอนนี้ ก็ขอให้ลองใช้เวลานี้
นึกถึงอดีตที่มีทั้งทุกข์และสุขของเราดูอดีตนั่นแหละ
ที่จะสอนตัวเราในความจริงแห่งธรรมะ
ในกาลามสูตรพระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้เชื่ออะไรง่ายๆ
แต่สอนว่าเมื่อเราพิจารณาได้เองว่านี้เป็นสิ่งดีหรือไม่ดี
แก่จิตใจจึงค่อยเชื่อ การจะพิจารณาได้อย่างนั้น
จะต้องมีประสบการณ์ในความรู้สึกแบบนั้นในอดีตมาก่อน
อดีตจึงเป็นธรรมะที่สอนใจได้เป็นอย่างดี
ทุกข์ที่สุดจะเกิดจากความยึดมั่นถือมั่นที่สุด
สิ่งใดที่เรารักมากยึดมากว่าเป็นตัวเราหรือ
ของเราสิ่งนั้นถ้าขาดหายไปจะทำให้ทุกข์ถึงที่สุด
ถ้าเรารักความสวยงาม เมื่อเสียโฉมจะทุกข์ที่สุดถ้าเรารักสามี
หรือภรรยา เมื่อเขานอกใจ หรือเสียเขาไปจะทุกข์ที่สุด ถ้ารัก
ลูกลูกหายหรือพิการหรือตายจะทุกข์ที่สุด ถ้ารักยศถาบรรดาศักดิ์
เมื่อสูญเสียจะทุกข์ที่สุดถ้ารักตนเอง เมื่อทราบว่าตนป่วย
เป็นมะเร็ง เป็นเอดส์ หรือโรคที่รักษาไม่หายก็จะทุกข์ที่สุด
แต่ถ้าเราไม่มีสิ่งนั้นเลยก็ไม่มีอะไรจะทุกข์กับสิ่งนั้น
ไม่มีลูกก็ไม่ทุกข์กับลูก ไม่มีแฟนก็ไม่มีทุกข์จากแฟน
ไม่มีทรัพย์สิน ก็ไม่ทุกข์กับทรัพย์สิน หรือถ้าเรามีแต่ทำใจไว้
เสมือนไม่มีหรือทำใจไว้ว่าของที่มีมันไม่เที่ยงย่อมแปรปรวนไป
ก็จะทุกข์น้อยลง ยิ่งยึดมั่นได้น้อยลงเท่าไรก็ทุกข์น้อยลงเท่านั้น
เป็นสัดส่วนไปเมื่อไม่ยึดมั่นก็ไม่ทุกข์เลย หมายความ
ว่าไม่มีอะไรทำให้ทุกข์ใจได้อีกเลยแต่ความเจ็บปวดยังมีตราบ
เท่าที่มีสังขารร่างกายอยู่เพียงแต่ความทุกข์กายอันนั้น
จะไม่สามารถมากินใจให้ทุกข์ใจได้เลย
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นมักเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนคิด
จะทำความดี เพราะธรรมชาติของเราจะหลงลืม
และเพลินในสุขซึ่งความสุขส่วนมากที่เราชอบ
มักจะตั้งอยู่บนความไม่เที่ยงทั้งสิ้น
พระพุทธองค์เห็นข้อนี้จึงสละทุกสิ่งออกบวชแสวงหาธรรมะ
แต่อย่างเราๆ มักจะไม่คิดเรื่องนี้จนกว่าจะทุกข์เสียก่อน
เราจึงพบว่าคนจำนวนมาก ได้ประพฤติธรรมะ ได้ทำ
สิ่งดีๆแก่ตนและผู้อื่นเพราะประสพกับความทุกข์มาแล้ว
ดังนั้นเมื่อมีทุกข์นั่นคือเราได้อยู่ใกล้ธรรมะแล้ว
ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ก็มักจะมีสิ่งดีโอกาสดี และเราเอง
ก็จะดำรงอยู่ในความดีมากขึ้น
ความทุกข์และความสุขเป็นของคู่โลกเช่นนี้มาตลอด
เมื่อเราทุกข์หรือพบคนที่ทุกข์อย่าลืมเปลี่ยนอารมณ์
ตั้งสติหาทางแก้ไข ใช้ความดีเอาชนะสิ่งไม่ดี
ทุกข์ย่อมไม่เที่ยงย่อมผ่านไป เป็นธรรมดา และเราก็มี
โอกาสที่จะได้รับสิ่งที่ดีได้ปรับปรุงตนเป็นคนดีเสมอ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่าน
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
**mp5** Dharma Blog ดู Blog