Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2565
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 ตุลาคม 2565
 
All Blogs
 
แสงสว่างแห่งธรรม - 3


                พระพุทธเจ้าจึงทรงห้ามไม่ให้พระรับเงินรับทอง ตอนหลังก็ทรงอนุโลมผ่อนผัน ถ้าจะถวายเงินให้กับพระก็ให้ฝากไว้กับไวยาวัจกร ถ้าต้องการอะไรก็สั่งให้เขาไปหามา จะเอาไปทำบุญทำทานก็สั่งให้เขาไปทำ ไม่ให้ยึดถือเป็นสมบัติของตนเอง เพราะไม่จำเป็น จะมีแต่ความทุกข์ตามมา ดีไม่ดีก็ถูกโจรผู้ร้ายมาปล้นมาฆ่า แต่ก็ยังอยากจะมีกัน พอโดนจี้โดนปล้นก็ร้องห่มร้องไห้ เสียใจ เพราะไม่ได้หัดอยู่แบบไม่ต้องใช้เงินใช้ทองกัน ชอบอยู่แบบใช้เงินใช้ทอง พอหามาได้แล้วก็ต้องเอาไปให้คนอื่นอยู่ดี จึงอย่าไปมีมัน เมื่อไม่มีก็ไม่ต้องทำทาน ไม่ต้องทำบุญ หมดภาระไป
 
มีไว้เพื่อใช้ตามความประสงค์ของเรา เช่นมีเงินไว้สักก้อนหนึ่งเพื่อจะได้ปฏิบัติธรรม จะได้ไม่ต้องทำงาน ตอนนี้ก็ต้องสะสมเงินก้อนนี้ไว้ก่อน เมื่อได้แล้วก็ออกจากงาน เปลี่ยนจากงานทางโลกมาเป็นงานทางธรรมะ มาภาวนาแทน อาศัยเงินก้อนนั้นมาใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าข้าว ค่าอาหารไป แต่อย่าเอาไปใช้จ่ายตามความอยากของกิเลส เดี๋ยวจะไม่พอ ต้องตัดหมดเรื่องกิเลสถ้าจะปฏิบัติธรรม ไม่เอาเงินไปดูหนังฟังเพลง ไปเที่ยวที่นู่นเที่ยวที่นี่ เลิกหมด อยู่ที่วัดอย่างเดียว ภาวนาอย่างเดียว อย่างนี้ก็จะเจริญมีความสุขไปเรื่อยๆ ที่พูดมานี่จะอยู่ไกลเกินเอื้อมไปหรือเปล่าก็ไม่รู้  ก็เพียงบอกให้รู้ว่าเป้าหมายเป็นอย่างไร ถ้าอยากจะเจริญก้าวหน้าก็ต้องไปทางนี้  ถ้ายังไปไม่ได้ก็รักษาศีลไว้ก็แล้วกัน อย่าไปผิดศีล ๕ มีเงินทองเหลือใช้ก็เอาไปทำบุญ จะทำในลักษณะไหนก็ได้ ทำกับพระก็ได้ ทำกับเด็กกำพร้าก็ได้  ทำกับขอทานก็ได้  ทำกับพ่อกับแม่ก็ได้ ทำกับญาติพี่น้องเพื่อนฝูงก็ได้ แล้วแต่ความจำเป็น แล้วแต่กรณี
 
ถาม  มันไม่เกี่ยวกับเนื้อนาบุญหรือคะ
 
ตอบ  ก็อย่างที่บอก ถ้าทำกับเนื้อนาบุญก็จะได้บุญเยอะกว่า เราจึงชอบไปทำบุญกับเนื้อนาบุญกัน แล้วก็มาบ่นว่าไม่มีมูลนิธิไว้คอยดูแลคนยากคนจน คนป่วย
 
ถาม  อย่างนี้เห็นแก่ตัวอยากได้บุญเยอะ
 
ตอบ  แต่ก็ไม่เป็นไร เราทำกับเนื้อนาบุญ เนื้อนาบุญท่านก็ไปทำแทนเรา ท่านก็ไม่ได้เก็บเงินเก็บทองไว้ ท่านก็เอาไปสงเคราะห์โลกต่อ
 
ถาม  ต้องไปทำมาหากินที่อินโดฯค่ะ ต้องไปทุกเดือน ไม่รู้ว่าควรจะไปต่อไปเรื่อยๆหรือไม่เจ้าคะ ไปแล้วจะได้ตลาดไหมเจ้าคะ
 
ตอบ  นี่ไม่ใช่ปัญหาธรรมะ
 
ถาม  แต่มันก็เชื่อมกับธรรมะได้ เพราะถ้าเรามีปัจจัยเราก็สามารถนำมาทำบุญถวายได้
 
ตอบ  โลกนี้มันโลกไม่เที่ยง อาจจะดีไปเรื่อยๆก็ได้ หรืออาจจะอยู่คงที่ก็ได้ หรืออาจจะเสื่อมลงก็ได้ ต้องพิจารณาแบบนี้ ถึงจะเป็นปัญญา แต่ถ้าพิจารณาว่าจะต้องเจริญไปอย่างเดียว อย่างนี้เป็นกิเลส เป็นความโลภแล้ว เพราะความจริงมันไม่แน่เสมอไป เหตุการณ์ในโลกเราก็เห็นอยู่ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีก็มี ไปในทางที่เลวร้ายก็มี หรือไม่เลวร้ายแต่ไม่ดีก็มี นี่คือปัญญา เราต้องยอมรับความจริงอันนี้ เราต้องคิดเผื่อไว้ เราหวังว่ามันจะเจริญ แต่ถ้าไม่เจริญอย่างน้อยก็ขออย่าให้เสื่อมก็ยังดี ถ้าเสื่อมก็ขอให้เสื่อมน้อยๆ แต่ถ้าจะเสื่อมจริงๆก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นอนัตตา บังคับมันไม่ได้ เราก็อย่าไปหวัง อย่าไปพึ่งกับมันมากจนเกินไป พยายามใช้น้อยๆไว้ แล้วจะได้ไม่เดือดร้อนกับการแสวงหา  ถ้าใช้มากก็ต้องเดือดร้อนมากหน่อย กับการหาเงินหาทอง
 
 ถาม  แต่ว่าคนเราเวลาที่เกิดมาก็เกิดมาไม่เท่ากัน มีความคิดความอะไรไม่เท่ากัน เป็นเพราะบุญและการกระทำกรรมหนหลัง เพราะฉะนั้นเวลาที่หลวงตาท่านบอกจากการที่ท่านมอง ไม่ทราบว่าลูกเข้าใจตัวเองผิดหรือเปล่านะเจ้าคะ เหมือนกับว่ามองปั๊บท่านรู้ได้เลยว่าคนนี้มายังไงๆ แล้วจะไปยังไงต่อเจ้าคะ
 
ตอบ  ใช่ ท่านมีญาณ ท่านมีปัญญา ท่านมีประสบการณ์ ท่านเห็นคนแบบนี้ลักษณะนี้ ก็รู้เลยว่าจะไปทางไหน พวกเราก็พอจะรู้ เราเห็นคนขอทาน เราก็รู้ว่าเป็นคนขอทานใช่ไหม เราก็มีปัญญาในระดับหนึ่ง รู้ว่าอนาคตของคนขอทานคงไปไม่ถึงไหน เราก็มีเหมือนกัน เพียงแต่มีน้อย ต่างกับครูบาอาจารย์พระปฏิบัติเยอะท่านมีปัญญาเยอะ ท่านก็รู้เยอะ อย่างพระพุทธเจ้านี้รู้ไกล รู้เรื่องของศาสนาว่าจะอยู่ได้นานสักกี่ปี
 
ถาม  ท่านอาจารย์เห็นไหมคะ
 
ตอบ  ก็เห็นด้วย ๒ ตานี้แหละ เห็นตามฐานะของเรา ทุกคนก็มีความสามารถที่จะมองเห็นได้ เพียงแต่จะเห็นไกลหรือเห็นใกล้ คนที่มีสายตาไกลก็จะมองเห็นได้ไกล คนที่มีสายตาใกล้ก็มองเห็นใกล้  ขึ้นอยู่กับการพัฒนาทางด้านปัญญาเป็นหลัก  การทำบุญให้ทานรักษาศีลไม่ได้เกี่ยวกับปัญญา ที่จะต้องเกิดจากการศึกษา เกิดจากการได้ยิน เกิดจากการวิเคราะห์ เกิดจากการภาวนา จึงจะเกิดปัญญาขึ้นมา การได้ยินได้ฟังก็เป็นปัญญาระดับหนึ่ง วันนี้เราฟังเราก็ได้ความรู้ในระดับหนึ่ง  ถ้าเอาไปพัฒนาต่อ เอาไปคิดไปพิจารณา ก็จะขยับขึ้นไปอีก ถ้าเอาไปใช้ในการปฏิบัติ ก็จะเป็นปัญญาที่ลึกซึ้งขึ้นไปใหญ่  เพราะปัญญาที่เกิดจากประสบการณ์เป็นปัญญาที่แท้จริง  ปัญญาทางความคิดเป็นเพียงทฤษฎี  อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้  เช่นเราคิดว่าไปลงทุนที่อินโดฯปีหน้าจะต้องได้เพิ่มอีก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ยังไม่รู้ว่าจะได้จริงหรือไม่ ก็ต้องเอาไปปฏิบัติดู  ถ้าปฏิบัติแล้วก็ได้ตามที่คิด เราก็จะรู้ว่าทำอย่างนี้ ทำแบบนี้แล้วได้ผล  เป็นความรู้ที่ชัดเจนกว่า ปัญญาจึงมีหลายแบบ หลายระดับด้วยกัน
 
เบื้องต้นต้องอาศัยการได้ยินได้ฟังการศึกษาก่อน หรือคิดเอง คิดว่าทำโครงการนี้ดีไหม เช่นทำดาวเทียมดีไหม ถ้าคิดว่าดีก็ทำไป แล้วก็ได้ขายหุ้น ได้เงินตั้งเยอะแยะ พอมีประสบการณ์แล้วก็จะรู้ว่า ต่อไปจะทำอะไร  ทำแบบไหน ทำอย่างไรดี  ก็จะมีความมั่นใจ แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์เลย ก็จะไม่มั่นใจเท่าไร ปัญญาที่เกิดจากประสบการณ์จึงเป็นปัญญาที่มีความแน่วแน่มั่นใจ รู้จริงเห็นจริง  อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้  สามารถดับกิเลสได้หมด ก็ทรงมีความมั่นใจในการสั่งสอนวิธีดับกิเลสให้กับผู้อื่น สอนกี่ครั้งก็ไม่ผิดพลาด เพราะไม่ได้สอนจากความจำ ถ้าเป็นความจำก็จะสอนแบบผิดๆถูกๆ แต่ถ้าเป็นประสบการณ์ จะไม่ผิดพลาด เหมือนกับเคยเดินทางมาที่นี่แล้ว จะบอกใครกี่ร้อยครั้งก็จะบอกเขาถูก  ถ้ามาด้วยสติ ถ้ามาแบบไม่มีสติ นั่งหลับมาในรถ อย่างนี้ก็เหมือนกับไม่ได้มาเอง ไม่มีประสบการณ์ ถ้าไปบอกใครเขา ก็บอกแบบผิดๆถูกๆ  แต่ถ้าขับรถมาเอง หาทางเอง พอรู้จักทางแล้ว จะบอกใครกี่ครั้ง ก็จะบอกได้อย่างไม่ผิดพลาด เอาละนะสำหรับวันนี้

 

          จบเทศนาแสงสว่างแห่งธรรม         

......................................................


ขอขอบคุณที่มาจาก : 
 เว็บ พระธรรมเทศนา
 



Create Date : 10 ตุลาคม 2565
Last Update : 10 ตุลาคม 2565 8:41:42 น. 20 comments
Counter : 616 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร, คุณThe Kop Civil, คุณRain_sk, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณทนายอ้วน, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณปัญญา Dh, คุณSleepless Sea, คุณtoor36, คุณสองแผ่นดิน, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณจอมแก่นแสนซน, คุณSweet_pills, คุณeternalyrs, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณร่มไม้เย็น, คุณกิ่งฟ้า, คุณTui Laksi, คุณกะว่าก๋า, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณDeep Black Sea, คุณnewyorknurse, คุณJohnV, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณtanjira, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณInsignia_Museum, คุณkae+aoe


 
คนเข้าวัดบางคนนี่ก็ชอบเอา
เรื่องโลกๆ ไปบ่นให้พระฟังจ้า





โดย: หอมกร วันที่: 10 ตุลาคม 2565 เวลา:9:33:26 น.  

 


โดย: The Kop Civil วันที่: 10 ตุลาคม 2565 เวลา:9:45:55 น.  

 
วันพระสวัสดีค่ะ


โดย: sawkitty วันที่: 10 ตุลาคม 2565 เวลา:11:12:44 น.  

 
สวัสดีครับ

ประสบการณ์สำคัญในชีวิตจริงๆ ครับ


โดย: ปัญญา Dh วันที่: 10 ตุลาคม 2565 เวลา:11:33:39 น.  

 
สาธุ เข้ากับวันพระ~


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 10 ตุลาคม 2565 เวลา:13:16:16 น.  

 
โลกเราไม่เที่ยงวจริงๆ แหละครับ เจริญได้ ก็เสื่อมได้


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 10 ตุลาคม 2565 เวลา:14:38:13 น.  

 
สาธุครับ
ขอบคุณนะครับ



โดย: Sleepless Sea วันที่: 10 ตุลาคม 2565 เวลา:16:48:58 น.  

 
สาธุ


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 10 ตุลาคม 2565 เวลา:22:42:56 น.  

 

สาธุ จ้า

ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามกรรมของแต่ละคน

ใช่เรื่องเดียวกันมั้ยอะเนี่ย


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 10 ตุลาคม 2565 เวลา:23:40:18 น.  

 


สาธุค่ะ

ขอบคุณค่ะคุณพี


โดย: Sweet_pills วันที่: 11 ตุลาคม 2565 เวลา:0:32:25 น.  

 
สาธุธรรมครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 ตุลาคม 2565 เวลา:13:43:11 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องเอ็ม
มารับข้อคิดดี ๆ จากธรรมะที่เธอหามาให้เพื่อน
ชาวบล็อกแกงค์อ่าน ได้ประโยชน์ เดือนสติและ
นำไปประยุต์ใช้กันชีวิตประจำวันได้ดี จ้ะ

โหวดหมวด ข้อคิดและธรรมะ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 11 ตุลาคม 2565 เวลา:15:15:00 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณพี ขอบคุณที่ไปให้กำลังใจที่บล็อกตะพาบนะคะ

มาอ่านข้อคิดธรรมมะดีๆค่ะขออนุโมทนาบุญด้วยที่เผยแผ่ธรรมมะ

โหวต Dharma Blog



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 11 ตุลาคม 2565 เวลา:22:10:23 น.  

 
ขอบคุณคุณพีสำหรับกำลังใจนะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 12 ตุลาคม 2565 เวลา:0:42:01 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 ตุลาคม 2565 เวลา:6:02:07 น.  

 
ตามมาอ่านเรื่องราวดีๆสอนใจค่ะ
ขอบคุณนะคะ



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 12 ตุลาคม 2565 เวลา:14:48:20 น.  

 
แวะมาทักทายครับ


โดย: navagan วันที่: 13 ตุลาคม 2565 เวลา:1:54:04 น.  

 
สาธุค่ะ
อ่านได้เเล้วความรู้ดีมากเลยค่ะ


โดย: 3661152 (สมาชิกหมายเลข 3661152 ) วันที่: 13 ตุลาคม 2565 เวลา:9:19:08 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณเอ็ม

สาธุธรรมค่ะ


ขอให้สุขกายสบายใจนะคะ


โดย: tanjira วันที่: 14 ตุลาคม 2565 เวลา:6:46:16 น.  

 
สาธุ


โดย: อุ้มสี วันที่: 16 ตุลาคม 2565 เวลา:16:38:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

**mp5**
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 88 คน [?]




สวัสดีครับ

ขอส่งความสุขให้กับทุกคน




New Comments
Friends' blogs
[Add **mp5**'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.