Mountain young ตอนที่ 2 . เดือนธันวาคม ปี ค.ศ 1999 , ปี พ.ศ 2542 ... ลมหนาวที่เหมือนดั่งเข็ม มาทิ่มแทง ตามนิ้วมือ ตามนิ้วเท้า ตามร่างกาย ... อากาศที่เหน็บหนาว ทำให้ผม ที่เพิ่งโดนพ่อ ไล่ออกจากบ้านมาหมาด ๆ ยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่ ... ค่ำคืนสุดท้ายก่อนที่จะออกมาจากบ้านพ่อ คืนนั้นผมหอบอุ้มเอาความรู้สึกที่หลากหลายฟิลลิ่ง เดินเท้าไปตามถนนเรื่อยเปื่อย ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บเสียบแทง ในเวียงสี่ป้อ ( Hsipaw ) ... พวกแม่ค้า ที่ขายข้าวหนึกงา ตามริมถนนก็ยังขายกันอยู่เหมือนเดิม ... คงมีแต่ผมที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นับจากวันพรุ่งที่จะมาถึงนี้ ... คืนนั้นผมกลับบ้านตอนตีสาม พ่อล็อคประตูบ้านทุกบาน เพื่อไม่ให้ผมได้เข้าบ้าน ... ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้นสามห้องนอน มีระเบียงใกล้รั้วหน้าบ้าน ที่เป็นรั้วใช้อิฐก่อเอาครับ ... ผมก็เลยปีนรั้วขึ้นไปจับราวระเบียง แล้วขึ้นไปบนบ้าน ... พ่อนอนในห้องนอนข้างล่างครับ ... ส่วนน้องสาวนอนห้องที่ติดกันกับห้องผม ชั้นบน ... คืนนั้น น้องสาวผมยังคงรอการกลับบ้านของผม ซึ่งเปิดกลอนประตูที่ระเบียงเอาไว้ พร้อมกับซื้อข้าวหนึกงา มาคล้องไว้ที่ลูกบิทประตูห้องนอนผม ... พอได้ยินเสียงผมเปิดประตูเท่านั้น น้องสาวก็ออกมาจากห้องนอนแก ตรงเข้ามากอดผมไว้แน่น พร้อมร่ำไห้เบา ๆ แบบกลั้นใจ เพราะกลัวพ่อจะตื่น ... ผมและน้องเดินเข้าห้อง ไปนั่งอยู่บนเตียงผม ที่กำลังจะกลายเป็นเตียงที่เคยนอน ... น้องสาวขอให้ผมดึ้ออยู่ที่บ้านต่อไป บอกว่าไม่นานพ่อก็ต้องให้อภัยผม ... แต่ผมไม่ได้อยู่ต่อไปตามที่น้องขอ ... ผมหยิบรูปถ่ายขึ้นมาใบนึง ( เป็นรูปผม ) และยื่นให้น้อง พร้อมบอกน้องว่า ถ้าคิดถึงพี่ ก็ดูรูปพี่นะ พี่ก็จะคิดถึงน้องเสมอครับ ... เราสองคนกอดกันร้องไห้ไปพักนึง ... ผมลุกขึ้น ไปเก็บเสื้อผ้า ยัดใส่กระเป๋าเป้ เขียนจดหมายฉบับนึงไว้ให้พ่อ เพื่อเป็นการกราบลา ... แล้วจูงมือน้องสาวลงมาชั้นล่างของบ้าน ... ผมมาหยุดอยู่ตรงหน้า ข้างนอกห้องนอนของพ่อ และคุกเข่ากราบลาพ่อ น้องสาวผมยืนน้ำตาไหลอยู่ ข้าง ๆ ผม ... แล้วเราสองคนก็เปิดประตูออกมายืนบนถนนหน้าบ้าน ... น้องบอก ขอไปส่งพี่หน่อย ... เราเดินมาสักพักนึง ไกลบ้านพอสมควรแล้ว ผมบอกให้น้องกลับบ้าน ... อากาศตอนตี 5 ของธันวาคม มันช่างหนาวแสบเลือเกิน ... ลูกลาก่อนครับพ่อ แล้วจะกลับมาหาพ่อในวันที่ฝันเป็นจริงครับ ... ผมเดินเท้าเข้ามาในตัวอำเภอ ( ซึ่งเป็นอำเภอเดียวกัน กับที่มีบ้านพ่ออยู่ ) และไปหยุดอยู่ที่หน้าร้านซ่อมมอเตอไซค์ร้านนึง ... ตอนนั้นประมาณ 6 โมงเช้า ... ผมนั่งอยู่ที่หน้าร้าน เพื่อรอเจ้าของมาเปิดร้าน หวังจะสมัครงานที่ร้านนี้ ... รอถึงประมาณ 7 โมงกว่า คนที่เหมือนเป็นเจ้าของร้าน ก็มาถึง และเห็นผม ... เขาถามว่า " มีอะไรเหรอน้อง " ... ผมตอบพี่เขาไปว่า " ผมมาสมัครงานครับ พี่จะรับคนงานไหม " ... พี่เขาตอบรับผมเป็นลูกน้อง และให้ผมกินอยู่ในร้าน พร้อมเฝ้าร้านไปด้วย ... ผมอยู่ที่ร้านซ่อมมอเตอไซค์ ได้ประมาณสิบกว่าวัน ก็เกิดเรื่องสวย ๆ งาม ๆ ขึ้น ... วันนั้นเฒ่าแก่ผมลงไปซื้ออะไหล่เครื่องยนต์ ที่มันฑะเลย์ ( ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่สองของพม่า รองจากนครย่านกุ้ง สมัยนั้น ) ... มีพวกผมที่เป็นลูกน้องสองคนอยู่ที่ร้านครับ ... บ่ายวันนั้น มีวัยรุ่น รุ่นผมที่มาซ่อมมอเตอไซค์ พูดมาแปลก ๆ กับผมว่า อยากขอแว๊นประลองความเร็วกันกับผม ... การท้าทายเหรอ ผมชอบอยู่แล้ว ... วันนั้นเราแข่งความเร็วกัน โดยมีมอเตอไซค์สองคัน ... เอาตรงที่มีป้ายบอก ทางเข้าหมู่บ้าน " ดอยขอ " ซึ่งห่างไกลจากร้านซ่อมมอเตอไซค์ ประมาณ 20 กิโลเมตร มาตั้งเป็นเส้นชัย ... 5 4 3 2 1 ผมบิดมาสุดคันเร่ง จนน้ำลาย น้ำตา กระเซ็น ... ยังไม่ทันเข้าถึงเส้นชัย มาถึงทางโค้งตัว S ที่นึง ผมหักหลบรถพ่วงที่สวนทางมา ...ด้วยความเร็วของมอเตอไซค์ที่ผมขับมา เลยทำให้ผมเสียหลักไปพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าริมถนนอย่างจัง ( โต้มมม ๆๆๆ@#$&* ) ... ผมกระเด็นหลุดจากรถ ไปถูไถกับขี้ดินขี้ทราย ในบริเวณนั้น ... แน่นอน ตามใบหน้า หน้าอก ข้อศอก หัวเข่าผม ถลอกเป็นแผล ... ส่วนมอเตอไซค์ก็เรียบร้อย ล้อหน้าเป็นไข่เป็ดไปครับ ... ด้วยความตกใจ ผมทิ้งมอเตอไซค์ไว้ที่เกิดเหตุ และบกรถที่ผ่านทางมา ขออาศัยกลับมาที่ร้าน โดยที่ไม่รอคู่แข่งผมแล้ว ( ผมคิดว่าเขาก็คงผ่านไปเห็นสภาพรถ ที่ผมขับ ) ... เหตุการที่เกิดขึ้น ทำให้ผมเศร้ามากครับ ไม่รู้จะทำไงดี และเป็นมอเตอไซค์ที่ลูกค้าเอามาฝากซ่อมไว้ ลูกค้าจะมาเอาพรุ่งนี้ ... คืนนั้นผมอยู่ไม่เป็นสุขเลยครับ เครียดมาก ... หวังจะฆ่าตัวตาย เลยกินยานอนหลับเข้าไปหนึ่งกระปุก ( 100 เม็ด ) ... แต่ก็ไม่ทำให้ผมตาย ... ผมเบลอ ๆ เวียน ๆ อาเจียนอยู่หลายครั้ง ... และเช้าอีกวันนึง ผมเดินเกาะกำแพงรั้วบ้านในซอยเล็ก ๆ ข้างร้านออกไป เพื่อจะหนีออกจากร้านซ่อมมอเตอไซค์ ... ( ผมมีสมุดเพลงที่เขียนเองพกติดมาที่เอวด้านหลังด้วย พร้อมกับบัตรแสดงตนหนึ่งใบ และมีแต่เสื้อผ้าติดตัวมา ) ... เดิน ๆ คลาน ๆ มาถึงสถานีรถไฟ ที่ไม่ห่างไกลจากร้านซ่อมมอเตอไซค์มากนัก ... ผมคลานขึ้นขบวนรถไฟโดยที่ไม่ได้ซื้อตั๋ว เพราะไม่มีเงินติดตัวมาเลย ... พนักงานตรวจตั๋วเห็นผมเหมือนคนไม่สบาย ก็ไม่ว่าอะไร ... ผมนอนในขบวนรถไฟมาตลอดทาง มาถึงมันฑะเลย์ ... มืดแล้วครับ น่าจะราว ๆ สามทุ่ม ... พนักงานมาปลุกผมลงจากรถไฟ ... ผมไม่รู้จะไปไหนต่อ และจะไปพักที่ไหน ... เดินเท้ามาเรื่อย ๆ หิวก็หิว ปากก็แห้ง ... แสงไฟนีออน ตามข้างถนน ก็ยังสว่างอยู่ ... มีแต่เด็กชายคนนึง ที่รู้สึกโดดเดี่ยว และหวาดกลัวไปสารพัด ไม่รู้จะไปไหนต่อ ... สรุปคืนนั้น ผมนั่งหลับ ที่ใต้หอนาฬิกา ตรงข้ามกับตลาดขายส่ง เซโฉ่ ที่ใจกลางเมือง มันฑะเลย์ ...
( รออ่านบทต่อไปครับ )
Create Date : 13 เมษายน 2559 |
Last Update : 12 สิงหาคม 2560 8:24:07 น. |
|
3 comments
|
Counter : 571 Pageviews. |
|
|
มีความสุขมากๆนะค่ะ