ตุลาคม 2560

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
หนีลูกบุกเดี่ยวมะนาลี อินเดีย


Smileyวันนี้ขอเข้ามาทำตัวให้เป็นประโยชน์ซักหน่อย ไปเที่ยวมาแล้วก็มารีวิวให้คนที่อยากไปเค้าดูกันบ้าง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เดินทางไปที่ๆ ไม่เคยไปในอินเดียคนเดียวโดยรถโดยสารในวัยนี้ 555

เรื่องมันมีอยู่ว่า พวกเราเดินทางไปเยี่ยมพ่อแม่และครอบครัวสามีที่เดลี คืนนั้นหลังอาหารเย็น เราก็นั่งคุยกันกับพี่ๆ น้องๆ หลานๆ ซึ่งลูกพี่ลูกน้องสามี (ชื่อมานิช) เพิ่งจะไปเที่ยวมะนาลีมา ฮีเล่าให้ฟังว่าประทับใจมาก สนุกมาก เลิศเลอเพอร์เฟค อินี่ก็ฟังมั่งไม่ฟังมั่ง แต่พอได้ยินว่าอาหารอร่อยมาก เราก็เลยเริ่มสนใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังไม่คิดว่าอยากจะไป เพราะประสบการณ์ของคนรอบข้าง เค้าว่าการเดินทางไปมะนาลีมันต้องขึ้นเขาลงเขาลดเลี้ยวเคี้ยวคด ซึ่งเราเป็นคนเมารถอยู่แล้ว และเมื่อหลายปีก่อน มีเพื่อนตีตั๋วจากไทยและเดินทางจากเดลีไปมะนาลี คือชีไปได้แค่ครึ่งทางก็ไม่ไหวหนีกลับไทยเลย เพราะชีอ้วกทุกๆ ห้ากิโล เราเลยกะว่าจะรอให้มีสายการบินไหนซักที่นึงเปิดจากกรุงเทพฯ ไปมะนาลีก่อน แล้วค่อยว่ากัน 555 



ทีนี้พี่ๆ น้องๆ และสามีก็คุยกันไป ไม่รู้ยังงัยมาลงที่ตรูนี่ บอกว่ายูนะ น่าจะหาเวลาไปเที่ยวคนเดียวบ้าง จะได้เป็นการพักจากการดูแลลูกไปด้วย เราก็แบบ อื้มมม จ้ะ เอาไว้จะหาเวลาไปนะ ว่าแล้วสามีอิฉันก็พูดขึ้นมาเลย บอก ชีไปได้แค่ช้อปปิ้งในห้าง ขึ้นขงขึ้นเขาอะไร ชีไปไม่ได้ร๊อกก หืมม อินี่ก็ของขึ้นเสะ บอกจองเลยๆ โห่ คิดว่าไปไม่ได้หรอ พอเราพูดเท่านั้นแหละ มานิชเปิดโน๊ตบุ้ค เข้าเวบจองตั๋วรถบัสในทันที พร้อมกับบอกว่าไปกี่วันดี เราก็ตอบแบบงงๆ สะ .. สามวันก็พอ พูดเสร็จเราเดินเข้าห้องน้ำ นี่ตรูพูดอะไรไป ออกมาปื๊บบ เฮียแกจองเรียบร้อยแล้วทั้งตั๋วรถบัสและที่พัก บอกว่าจองรถบัสไว้พรุ่งนี้เย็น ยูไปอยู่โฮสเทลแบบรวม จะได้เจอกับคนเยอะๆ และทำกิจกรรมร่วมกันกับพวกเค้า จะได้มีเพื่อนใหม่ๆ ด้วย เดินทางโดยรถบัสแค่สิบสี่ชม.เอง ไป กลับไปเตรียมตัว ..เอ๊ะ นี่เราไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย.. 

คืนนั้นนอนไม่หลับ พยายามหาข้อมูลในกูเกิ้ล how to cancel bus ticket to Manali 555 คือ ต้องยกเลิกภายในหนึ่งวัน ถึงจะได้เงินคืน ถ้ายกเลิกก่อน 12 ชม. จะได้คืนครึ่งนึง หลังจากนั้นก็อย่าหวังว่าจะได้เงินคืน พยายามคิดแล้วคิดอีก ไปดีไม่ไปดี ในที่สุดก็ตัดสินใจ เอาก็เอาวะ ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ ชีวิตนึงควรต้องมีซักครั้ง เห็นน้องๆ ในกลุ่มภารตะฯ ไปเที่ยวคนเดียวที่อินเดียมาหลายคน บางคนอึดกว่าเราอีก แค่นี้จิ๊บๆ


วันรุ่งขึ้น ต้องเดินทางตอนเย็น เราไปขึ้นรถบัสที่จองไว้ ขึ้นที่ Mandi House / Himashal Bhawan ตรงนั้นรถจะออกหลายรอบอยู่ ส่วนเราขึ้นรอบห้าโมงครึ่งตอนเย็น อ้อ การจองก็เข้าไปจองที่เวบ HRTC ได้เลยหากมีบัตรเครดิต ค่าตั๋วอยู่ที่ 1,420 รูปีเที่ยวเดียว แต่ถือว่าเป็นรถที่นั่งสบายอยู่ เอนได้เยอะ 



คันนี้คือคันที่เรานั่งไป



อันนี้คือตั๋วรถบัสจากอีเมลที่เราได้หลังจากจองเสร็จ จองที่เวบไซต์ https://www.booking.hptdc.in/ โชว์ตั๋วนี้ให้เจ้าหน้าที่เลย อ้อ เวลาจองเค้าจะมีบอกด้วยว่าที่นั่งไหนเป็นผู้หญิงจอง เราจะได้เลือกได้ถูกว่าอยากนั่งกับผู้หญิง..หรือผู้ชาย 555 เพื่อความปลอดภัยก็เลือกคันที่มีผู้หญิงเยอะหน่อย

พอรถออกก็วิ่งไปซักพักจะมีจอดให้พักสองครั้ง ประมาณทุ่มนึงกับสามทุ่มถ้าจำไม่ผิด หลังจากนั้นก็ยาวเลย ใครหลับได้หลับ อย่าดื่มน้ำเยอะล่ะ ไม่งั้นจะปวดฉี่ เค้าไม่จอดให้บ่อยๆ และก็ไม่มีปั๊มข้างทางเยอะๆ ห้องน้ำสวยงาม มีอะเมซอนคอฟฟิี่รัยต่อรัยเหมือนบ้านเรานะยะขอบอก ไม่อยากพูดต่อเรืองห้องน้ำ Smiley


กำลังออกจากเดลี รถติดชะมัด



อันนี้เป็นจุดแวะพักที่ให้ลงไปกินอาหารเย็น เราก็มองหาข้าวต้มกุ๊ย แต่ไม่มีย่ะ เลยสั่งแซนวิชกับกาแฟรองท้องไป เสร็จแล้วก็รีบไปเข้าห้องน้ำ ไม่ปวดตรูก็จะเข้า 

หลังจากนั้นเราพยายามหลับยาวเพราะกลัวตอนขึ้นเขาจะเมา ตื่นมาอีกทีเช้ามึดเลย ใกล้ถึงมะนาลีแล้ว เพราะมองเห็นแม่น้ำ Bias River ข้างทาง พอเห็นครั้งแรกก็โหววว สวยอะ 



ตื่นมาปุ๊บเจอเจ้าฝูงนี้ก่อนเลย เป็นเจ้าถนน



Bias River ข้างทาง ที่พอตื่นมาเห็นแล้วรู้สึกประทับใจบอกไม่ถูก

พอถึงที่หมายแล้ว รถบัสจะจอดที่ท่ารถติดกับ Mall Road เลย แต่ตอนเช้าๆ ร้านจะยังไม่ค่อยเปิดกัน เราก็ลงรถแล้วเรียกออโต้ ที่มีอยู่แถวนั้นหลายคัน ไปยังโฮสเทลที่จองไว้



เบื้องหลังออโต้เราก็ถ่าย อิอิ



ออโต้จะจอดให้เราลงแล้วบอกว่า เดินเข้าไปทางเน้ เราเดินเข้ามาอีกหน่อย ในนี้เหมือนเป็นหมู่บ้าน และมีที่พักอยู่ย่านนี้สองสามที่ เราก็ตามป้ายไปเรื่อยๆ



ถึงแว้ววว



เดินเข้ามาก็รู้สึกถึงความน่ารักและความสดใสของที่นี่เลย มีลายเซ็นและข้อความของคนที่เคยมาพักที่นี่ฝากไว้ตามเสา กำแพง เราคิดไว้ละ ว่าจะเขียนว่าอะไร "รักติ๋มคนเดียว" อิอิ




เคาน์เตอร์เช็คอินคร้าบบ น่ารักเนอะ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ตื่น 555 เราไปถึงประมาณแปดโมงเช้า เค้าให้เช็คอินได้เที่ยง เอิ่มมม หลังเคาน์เตอร์มีห้อง เค้าเขียนหน้าห้องว่าให้เคาะประตูถ้าไม่มีใครอยู่ เราเลยเคาะ เจ้าหน้าที่งัวเงียออกมาเลย บอกว่าไปเดินเล่นก่อน เอากระเป๋าทิ้งไว้นี่แหละ เดี๋ยวจะเคลียร์ห้องให้เร็วที่สุด พอดีคนที่อยู่ก่อนหน้านี้เค้ายังไม่ได้เช็คเอ้าท์



ที่นี่เค้ามีกิจกรรมด้วยนะ เช่นพาไปเดินป่า ทัวร์หมู่บ้าน ปีนเขา ฯลฯ แล้วแต่เราจะสนใจ แต่ก็ต้องสามสี่คนขึ้นไปเค้าถึงจะพาไป


ต้องรอเช็คอินถึงเที่ยง ตอนนั้นหิวมว้ากก ที่นี่เค้าก็มีอาหารเช้าเสริฟนะ แต่เก้าโมงเช้า ตอนนั้นแปดโมงครึ่งละ 


ทางเข้าโฮสเทลที่เป็นหมู่บ้าน ชอบอะ





ทันใดนั้น เจ้ามานิชก็ส่งข้อความมา "ถึงยาง ไม่ต้องกินอาหารเช้าที่โฮสเทลนะ ให้เดินไปร้านนี้..." มานรู้ได้งัยฟระ อะ ฮีแนะนำร้านที่บรรยากาศเริศ อาหารอร่อย ไม่ไกลจากโฮสเทลเท่าไร คือถ้าเดินไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ไกล เราเลยเดินออกมา ไปทางวัด Manu temple แล้วเลยไปหน่อย ร้านนี้ชื่อ The rock 



เดินออกมาแล้วก็เลี้ยวซ้ายไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นป้าย ทางนี้เป็นทางที่เค้าขึ้นไปเดินป่ากันด้วย



ก่อนถึงหน้าวัดก็มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เราก็ไม่รู้รายละเอียดว่าพิเศษยังงัย



หน้าวัด เป็นวัดเล็กๆ



เราไม่ได้เข้าไปด้านใน ได้แต่มองคนเข้าไปบูชากราบไหว้ (จริงๆ ขี้เกียจถอดรองเท้า)



อะ เกือบถึงละ ตึกนี้แหละ เดินสุ่มมาเรื่อยๆ ไม่หลงแฮะ



บรรยากาศในร้าน เริศ



วิวสวยยย



เลือกที่นั่งอยู่นาน จะนั่งตรงไหนดีน๊าาา จนเจ้าของร้านมองหน้า เมื่อไรเมิงจะนั่งSmiley



เป็นร้านอาหารเล็กๆ น่ารักๆ สีสันสดใส อยากมีแบบนี้บ้างจังงง



วิวเดี๋ยวค่อยดู ตอนนี้หิวโคตร กินอารัยดีน้ออออ มานิชบอกว่าให้ลองน้ำขิงใส่น้ำผึ้งที่นี่อร่อยมาก แต่เราทาสกาแฟ เลยสั่งกาแฟแทน กับ set breakfast



รอหว่างรออาหารก็นั่งดูวิวไป ถ่ายรูปไป ย้ายไปนั่งมันทุกโต๊ะ เอาตูดแตะๆ แล้วก็ย้ายกลับมาที่เดิม ตอนนั้นยังไม่มีลูกค้าคนอื่นมา อยากทำรัยทำ



เย้ มาแล้วววว หน้าตาดูดีเชียวถึงแม้แบบนี้ทำเองที่บ้านก็ได้ แต่มันไม่ได้อารมณ์แบบนี้



ชอบอันนี้อะ มันฝรั่งผัดคลุกกับมาซาล่า อร่อยดี หมดเกลี้ยงไม่เหลือจานไม่ต้องล้าง



หลังจากกินเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินกลับมาที่โฮสเทล ก็ยังไม่ถึงเวลาเช็คอินอยู่ดี เค้ามีห้อง Common Room เหมือนห้องกิจกรรมและห้องรับแขกนั่งพบปะสังสรรค์กันที่ส่วนมากในทุกโฮสเทลจะต้องมี เราก็ไปรอในห้องนี้ก่อน เลื้อยไปก็เลื้อยมา เค้าก็เรียกบอกเช็คอินได้ค่า การเช็คอินที่นี่เราใช้ใบขับขี่ของอินเดีย คือถ้าไม่มีก็ต้องใช้พาสปอร์ต เราจองเป็นห้องรวมผู้หญิง เตียงสองชั้น ห้องนึงนอนกันสี่คน 500 รูปีเท่าน้านนนนน




เราได้ขึ้นมานอนชั้นบนของเตียงสองชั้น มองไปอีกด้านก็มีเตียงอีกฝั่ง ที่มีสาวอินเดียสามนางเค้านอนกันเพิ่งตื่น 



ส่วนตรงนี้ เตียงของเค้าเอ้งงงง มีแค่นี้ก็นอนได้แล้ว มีปลั๊กให้หนึ่ง และไฟอ่านหนังสือ (กระเป๋าเค้าสีสวยมะ ขโมยลูกมา)

เราก็พักผ่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าฯลฯ พักนึง มานิชส่งมาอีกละ บอกว่า เดี๋ยวเค้าจะเช็คว่าวันนี้มีไปเดินขึ้นเขากันหรือเปล่า ให้เราตามไปกับเค้าด้วย แต่เราขี้เกียจรอ เลยไปเดินเองดีกว่า กะว่าจะเดินชมมะนาลีที่อยู่โซนนี้ คือ Old manali ก็ออกเริ่มเดินทางเลย ข้อดีของการไปเที่ยวคนเดียวคือ อยากจะไปไหนก็ไปเลยไม่ต้องรอ 555



จุดหมายของเราคือ Hadimba temple วัดฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดของที่นี่




เราก็เดินตาม GPS เราไปเรื่อยๆ แล้วก็ถามทางชาวบ้าน คนที่นี่น่ารักนะ ให้ความช่วยเหลือเต็มที่เลยอะ



จากที่พักประมาณสองกิโล ในที่สุดก็ใกล้ถึงละ สังเกตุเห็นจากนายคนนี้กำลังขายอุปกรณ์ที่ไว้บูชาในวัดอยู่ข้างทาง



พอไปถึงก็เห็นคนเยอะเลยทีเดียว ต่อแถวเข้าวัดกันยาวเหยียด... เราสังเกตุการณ์เหมือนเคย อิอิ



แถวๆ หน้าวัดก็จะมีให้ถ่ายรูปกับจามรี และมีให้แต่งตัวเป็นคนพื้นเมืองแล้วถ่ายรูปด้วย ไม่กี่สิบรูปีเอง



ตรงนี้คือต้นแถวที่เค้าต่อกันจะเข้าวัด



วัดนี้จะสร้างจากไม้อยู่ท่ามกลางป่าสน สวยงาม









หลังจากสังเกตุการณ์ถ่ายรูปรัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาจากวัด ตรงนี้ร้านหน้าวัด มีขายพวกของที่ระลึก ทองเหลือง ฯลฯ คนมุงเต็มเลอ



ณ ตอนนั้น ท้องก็เริ่มร้องละ หิวจังงง หาอะไรกินดีกว่า สายตาก็เหลือบไปเห็นร้านเน้ เหลืองๆ ตรงนั้น คือสิ่งที่เราคุ้นเคยยยย ว่าแล้วก็...




จัดซะ กับน้ำผลไม้หนึ่ง ไม่กล้ากินน้ำเปล่ากลัวรีไซเคิล แหะๆ




ร้านข้างๆ อยากจัดน้ำส้มเช้งหรือมอซัมบินะ แต่กลัวหาห้องน้ำไม่ทัน



หลังจากอิ่มหมีพีมันกับแม้กกี้ชามนึง เราก็ออกเดินทางต่อ จุดหมายต่อไปคือ Mall Road ประมาณสองกิโลจากตรงนั้น เอ้า เดินนนน



แพร้ฟเดียวถึงล้าว เห็นมั้ย ที่นี่คือ Mall Road ที่ใครมาก็ต้องมาเดิน แต่ทำไมเราเดินแล้วมันไม่เห็นมีอะไรน่าซื้อหว่า 



มีร้านนี้พอโอเคน่าซื้อหน่อย แต่ราคาไม่ปลื้มอะ สรุปไม่ได้ซื้ออะไรเลยซักกะอย่าง



ร้านอาหารก็มีเพียบเลย ไม่รู้จะเข้าร้านไหนดี ไม่กินมันละ



อันนี้วัดตรง Mall Road 

จาก Mall Road ก็เริ่มหิว ระหว่างทางเดินกลับ มานิชแนะนำร้านนี้ บอกว่าใช้ได้ ให้ไปนั่งจิบเบียร์เย็นๆ แหม่ จิบแล้วตรูจะเดินกลับที่พักถูกม้าย นี่ขนาดมีสติสัมปชัญญะยังเดินผิดๆ ถูกๆ เลย



ถึงละ บรรยากาศร้าน สบายๆ



ปลาเท้ราต์ ที่ทุกคนมามะลาลีจะต้องมากิน สดๆ อร่อยดี ร้านนี้ราคาอาหารค่อนข้างสูงนิดนึง จานนี้สนนราคาอยู่ที่หกร้อยรูปี เราก็นั่งตอดไปเรื่อยๆ หมดนะยะ กับกาแฟแก้วนึง รวม 780 รูปี อิ่มตัวเบาไป เอ้าเดินต่อ



ถนนที่เราเดินจะเป็นแบบนี้ มีรถผ่านเรื่อยๆ คนเดินเป็นเพื่อนก็มีบ้าง



เดินกลับที่พักถึงประมาณสี่โมงเย็น วันนี้เดินไปประมาณหกกิโล ถึงโฮสเทลขาเหมือนไร้ความรู้สึกไปเลย เดินจนตะคริวกิน นอนแผ่ยาวววว ขอพักอย่างเดียวไม่สนอะไรแร้ววว พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน

เดี๋ยวจะมาต่อของวันรุ่งขึ้นนะจ๊ะ ขอเวลานีสสสส Smiley





Create Date : 31 ตุลาคม 2560
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2560 21:06:52 น.
Counter : 4023 Pageviews.

7 comments
  
เห็นบรรยากาศแล้วอยากกลับไปอีกครั้ง ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ
โดย: ฺBeewinny IP: 58.10.124.227 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2560 เวลา:12:54:27 น.
  
ว้าววววชอบมากค่ะ
โดย: together_ws วันที่: 20 พฤศจิกายน 2560 เวลา:20:05:42 น.
  
ขอชื่อที่พัก กับร้านอาหารหน่อยคับ
โดย: วิน IP: 223.24.183.38 วันที่: 10 ธันวาคม 2560 เวลา:20:28:37 น.
  
ตอบคุณวินค่ะ ที่พักชื่อ Zostel ค่ะ
ร้านอาหารตอนเช้าชื่อ The Rock ค่ะ
โดย: ปุ๊ก (Moti ) วันที่: 29 ธันวาคม 2560 เวลา:9:04:46 น.
  
รบกวนสอบถามค่ะ อ่านเจอ ทริปเดินขึ้นเขา แต่คุณโมติไม่ได้ร่วมด้วย (ไม่เจอลิงค์อ่านวันต่อไปค่ะ) ใช้เวลาเดินเที่ยวขึ้นลง
กี่ชั่วโมงคะ
**กำลังหาข้อมูลทริป อัมริตสา ธรรมศาลา มะนาลี
ชิมลา อยู่ค่ะ
โดย: มัย IP: 223.24.60.224 วันที่: 11 สิงหาคม 2562 เวลา:8:11:43 น.
  
ตอบคุณมัยนะคะ ขอโทษตอบช้าไปหน่อยไม่รู้ไปเที่ยวกลับมาหรือยัง
ทริปเดินขึ้นเขาของทางโฮสเทลพาไปอะค่ะ น่าจะประมาณครึ่งวัน
โดย: ปุ๊ก (Moti ) วันที่: 8 มกราคม 2563 เวลา:10:49:17 น.
  
รบกวนสอบถามค่ะ
ที่พักถ้าเราไม่จองไปจะได้มั้ยคะ

ร้านอาหารที่ทานปลาเทร้า ชื่อร้านอะไรคะ
ขอบคุณค่ะ
โดย: กานต์ IP: 101.108.110.24 วันที่: 8 มีนาคม 2565 เวลา:12:38:48 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Moti
Location :
Chandigarh  India

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 136 คน [?]



Moti เป็นภาษาฮินดี้ แปลว่าอ้วน ซึ่งตรงกับชื่อเล่นของเรา ปุ๊ก จากกรุงเทพ ไปตั้งรกรากอยู่บังกะลอร์เกือบเจ็ดปี ที่บังกาลอร์อยู่ลำพังกับลูก ๆ สองปีเพราะสามีย้ายไปทำงานดูไบ หลังจากนั้นก็ย้ายตามสามีไปดูไบได้สามปี ตอนนี้กลับมาตั้งหลักที่ไทยละจ้า

ขอเกร่นก่อนสำหรับคนที่เพิ่งเข้ามาอ่าน เรื่องราวและข้อความทั้งหมดใน Blog นี้มาจากความคิดเห็นและประสบการณ์ของเจ้าของ Blog ซึ่งอาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจบางคนที่เข้ามาอ่าน ถ้าหากอ่านแล้วรู้สึกไม่ชอบใจก็สามารถกดเครื่องหมาย x ที่มุมบนขวาได้ จะดีกว่าเข้ามาเม้นท์เพื่อก่อกวนนะจ๊ะที่รัก

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๙ งานเขียนและภาพประกอบในบล็อคนี้เป็นลิขสิทธิ์ตามกฏหมายนะคะ กรุณาอย่าลอกหรือก๊อปปี้ไปใช้ที่อื่นเลยนะค๊า
มาดามภารตะ - Motigang page

Instagram
New Comments