Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 ธันวาคม 2564
 
All Blogs
 
เชียงใหม่ เมื่อปลายฝน 2564 - วัดโลกโมฬี, เฟิร์น ฟอเรส คาเฟ่

เร่งอัปบล็อกจะให้จบทริปนี้ก่อนสิ้นปี ไม่รู้จะทันมั้ย
ยังมีทริปเชียงราย 21-26 พฤศจิกายน 2564
ทริปเชียงดาว เชียงใหม่ 5-10 ธันวาคม 2564
อัปบล็อกข้ามปีข้ามชาติกันไปเลยค่ะ

... จากวัดสวนดอก เรานั่งรถแดงมาวัดโลกโมฬี (คนละ 20 บาท) 
ชอบเชียงใหม่ตรงนี้ล่ะค่ะ ไม่มีรถก็เที่ยวได้สะดวกสบาย 
ที่พักที่กินเยอะ เลือกเลยค่ะ มีทุกระดับ ทุกราคา



วัดโลกโมฬี พี่สาวยังไม่เคยมา เราเคยมาแล้วมาอีกได้ค่ะ พูดซ้ำ ๆ วัดเชียงใหม่ สวยแทบทุกวัด 



ประวัติของ วัดโลกโมฬี

เป็นพระอารามหลวงนอกกำแพงเมืองด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ปัจจุบันเป็นวัดร้าง วัดนี้ปรากฏชื่อครั้งแรกในรัชสมัยพระเจ้ากือนา เมื่อคราวที่พระองค์โปรดฯ ให้ไปอาราธนาพระอุทุมพรบุปผา มหาสวามีจากเมืองพันให้มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่เมืองเชียงใหม่ แต่พระอุทุมพรบุปผามหาสวามีส่งคณะสงฆ์ 10 รูปมาแทน พระเจ้ากือนาจึงโปรดฯ ให้คณะสงฆ์ดังกล่าวไปจำพรรษา ณ วัดโลก

ต่อมาในรัชสมัยพระเมืองแก้ว ปี พ.ศ. 2070 โปรดฯ ให้สร้างวิหารและพระเจดีย์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2088 พระเมืองเกษเกล้าถูกปลงพระชนม์ พระมหาเทวีจิรประภาทรงนำพระอัฐิมาประดิษฐาน ณ เจดีย์วัดโลก และในปีเดียวกันนี้ พระไชยราชาแห่งกรุงศรีอยุธยาได้ยกกองทัพขึ้นมาตีเมืองเชียงใหม่ พระมหาเทวีจิระประภาได้ยินยอมเป็นไมตรีด้วย พระไชยราชาทรงเสด็จเข้าเมืองเชียงใหม่และได้เสด็จมาบูชา พระอัฐิของพระเมืองเกศเกล้าด้วย

ต่อมาในปี พ.ศ. 2121 พระนางวิสุทธิราชเทวีผู้ครองนครเชียงใหม่ทิวงคต ได้ทำการถวายพระเพลิง ณ ทุ่งวัดโลก และ บรรจุอิฐไว้ในเจดีย์วัดโลกด้วย

ยุคอาณาจักรล้านนา

ในปี พ.ศ. 1910 พญากือนา ทรงให้ราชบุรุษไปนิมนต์พระมหาเถระเจ้ามาสืบศาสนาในล้านนา แต่พระมหาเถระทรงชราภาพมาก จึงให้พระอนันทะเถระและพระเถระที่เป็นศิษย์อีก 10 รูป มาสืบทอดพระพุทธศาสนาในดินแดนล้านนาซึ่งคณะสงฆ์เหล่านั้นได้จำพรรษาที่วัดโลกโมฬี อันเป็นสถานที่ใช้ในการต้อนรับพระราชอาคันตุกะจากต่างเมือง

ต่อมาในปี พ.ศ. 2070 พญาเมืองเกศเกล้า ได้ถวายบ้านหัวเวียงให้เป็นอารามวัดโมฬี และใน พ.ศ. 2071 ได้ทรงให้สร้างมหาเจดีย์และวิหารโลกโมฬี ต่อมาเมื่อพญาเกศเกล้าถูกลอบปลงพระชนม์ในปี พ.ศ. 2088 เหล่าข้าราชการ ขุนนาง ได้ทำพิธีที่วัดแสนนอก นำพระบรมอัฐิมาบรรจุไว้ที่วัดโลกโมฬีนอกกำแพงเมืองเชียงใหม่ด้านเหนือของพระอาราม ซึ่งเป็นพระอารามหลวงประจำพระองค์ จากนั้นเสนาอำมาตย์จึงได้ทูลเชิญพระนางจิรประภามหาเทวี พระอัครมเหสี ขึ้นครองราชสมบัติ ขณะนั้นล้านนากำลังอ่อนแอ สมเด็จพระไชยราชาธิราช กษัตริย์อยุธยา จึงยกทัพมาตีล้านนา แต่ด้วยพระนางจิรประภาได้ถวายเครื่องบรรณาการไปถวายขอเป็นมิตร พร้อมทูลเชิญสมเด็จพระไชยราชาธิราชเสด็จมาทำบุญที่กู่พญาเมืองเกศเกล้า วัดโลกโมฬี

ยุคล้านนาของพม่า

ช่วงเวลาที่เชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2122 เป็นต้นมา วัดวาอารามต่าง ๆ ถูกเผาทำลายไปมากมายแต่วัดโลกโมฬีไม่ได้ถูกเผา เนื่องจากพระเจ้าสาวัตถีนรถามังคะยอ กษัตริย์แคว้นล้านนาได้ทรงเมตตาธรรมพระมหาสมเด็จวัดโลกโมฬีไว้กับวัดวิสุทธาราม และเป็นวัดสำคัญในพระราชสำนักมาโดยตลอด

ยุครัตนโกสินทร์

ในปีพ.ศ. 2440 วัดโลกโมฬีตั้งอยู่แขวงบ้านทับม่าน แคว้นเจ็ดยอด เจ้าอธิการชื่อ ตุ๊พวก รองอธิการชื่อ ตุ๊คำ เป็นนิกายเชียงใหม่ มีโฉนดออกเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2482 กระทั่งสงครามโลกครั้งที่สอง วัดโลกโมฬีถูกทิ้งให้ร้าง จนถึงปี พ.ศ. 2502 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนวัดโลกโมฬีเป็นโบราณสถานแห่งชาติ

9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 กรมการศาสนาได้อนุมัติให้ยกฐานะวัดโลกโมฬีจากวัดร้างให้เป็นพระอารามที่ถูกต้องตามกฎหมาย และได้แต่งตั้งให้พระญาณสมโพธิเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส และในปี พ.ศ. 2545 ได้มีการเททองรูปเหมือนพระนางจิรประภามหาเทวี ประดิษฐานภายในวัด



 

วิหารหลวงวัดโลกโมฬี

เป็นวิหารที่สร้างขึ้นภายหลังได้มีการบูรณะและยกฐานะจากวัดร้างเป็นวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา เป็นวิหารไม้สักศิลปะแบบล้านนา ลักษณะงดงาม ประณีต มีลวดลายแกะสลักอย่างสวยงาม ส่วนวิหารหลังเดิมนั้น ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ระบุว่าสร้างขึ้นพร้อมกับเจดีย์ เมื่อ พ.ศ. 2071

ที่แปลกตาและเด่นมากก็คือตรงหน้าบันรูปจั่วได้ประดับกระจกสี ซึ่งทำให้เกิดสีสันหลากสีบนหลังคาวิหารที่มีพื้นโทนสีดำ ซึ่งพื้นดำนี้มีส่วนช่วยขับกระจกสีแดง ขาว น้ำเงิน เขียว เหลือง จนดูระยิบระยับ

พระพุทธรูป พระประธานในวิหาร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร มีเพดานและต้นเสาแกะสลักลวดลายต่าง ๆ อย่างงดงาม พระพุทธรูปมีนามว่า “พระพุทธสันติจิรบรมโลกนาถ” และได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนพระเมาลี เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546

 























เดินมาด้านหลังองค์พระประธาน













นาทีทอง ไม่มีคน...

















หอระฆัง



เจดีย์วัดโลกโมฬี


 

เจดีย์วัดโลกโมฬี

มีหลักฐานปรากฏอย่างชัดเจนว่า เจดีย์ของวัดโลกโมฬีในปัจจุบัน เป็นเจดีย์ที่สร้างปลาย พุทธศตวรรษที่ 21 ตำนานระบุว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลพระเมืองเกศเกล้า เมื่อ พ.ศ. 2071 เป็นเจดีย์ทรงปราสาท มีการพัฒนาของเจดีย์วัดโลกโมฬีอย่างต่อเนื่อง การพัฒนารูปแบบได้เพิ่มความสูงของเจดีย์คือ ส่วนฐาน ได้แก่ชุดฐานปัทม์ ลูกแก้ว อกไก่ เพิ่มเป็น 2 ชุดอย่างชัดเจนโดยฐานปัทม์ชั้นล่างไม่มียกเก็จ ที่ฐานปัทม์ชั้นที่สองมีจำนวนยกเก็จที่เพิ่มมากขึ้น และเป็นมุมที่มีขนาดเล็ก ส่วนกลาง ยังคงเป็นเรือนธาตุในผ้าสี่เหลี่ยมยกเก็จ ที่มีขนาดของมุมเล็กลง และจำนวนของมุมมากขึ้นเช่นเดียวกับฐานปัทม์ด้านล่าง ทั้งสี่ด้านของเรือนธาตุมีซุ้มจระนำ มีรูปแบบของซุ้มลดได้ กรอบซุ้มจระนำมีการผสมผสานกันทั้งกรอบแบบคดโค้ง และกรอบแบบวงโค้ง ตลอดจนแนวของลูกแก้ว อกไก่ที่ประดับเสารับซุ้มจระนำ ก็มีขนาดเด่นขึ้น กลายเป็นรูปงอนคล้ายบัวคว่ำที่เรียกกันว่า ปากแล ส่วนยอด เหนือเรือนธาตุ มีการพัฒนาความสูงโดยเพิ่มจำนวนของชั้นลดรูปฐานปัทม์ลูกแก้ว อกไก่ ยกเก็จซ้อนกันสามฐาน รับทรงระฆังและบัลลังก์สิบสองเหลี่ยม ปล้องไฉนและปลี ซึ่งองค์ระฆังและบัลลังค์นั้น เป็นลักษณะร่วมของเจดีย์ทรงระฆัง
 























หลบแดด




 

มณฑปพระนางจิรประภามหาเทวี

ภายในประดิษฐานพระรูปของพระนางจิระประภา มหาเทวี ซึ่งพระองค์ได้ทรงอุปถัมภ์วัดโลกโมฬีครั้งเสวยราชย์ครองเมืองเชียงใหม่ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ สักการะรำลึกถึงคุณความดีของพระองค์
 





เดินข้ามสะพานคูเมืองหน้าวัดโลกโมฬีไปค่ะ



คูเมือง



อีกฝั่งของสะพาน





ลงสะพานมา จะเจอวัดราชมณเฑียร 





วิหารลายคำวัดราชมณเฑียร



พระเจ้าหลวงทันใจ









มองกลับไปสะพานข้ามคูเมือง อีกฝั่งเป็นวัดโลกโมฬี



ออกจากวัดราชมณเฑียร เราเดินไปคาเฟ่ Fern forest cafe' นั่งพักร้อนกันอีกรอบค่ะ



 

Fern Forest Cafe' คาเฟ่แนวสวนนั่งสบาย มีที่นั่งทั้งด้านใน และด้านนอก



เรามา 2 ครั้ง นั่งด้านนอก ที่นั่งเดิม 2 รอบเลยค่ะ



เมนู บางส่วน









อาหาร เครื่องดื่ม ราคาพอรับได้ เครื่องดื่มรสชาติดี แก้วใหญ่สมราคา ภาพตรงปก มื้อนี้ 730 บาทค่ะ









สตรอเบอรี่โทสต์



คลับแซนวิช



นางแบบจำเป็นทริปนี้ พี่สาวเราเอง





 ความเดิม 

วัดเชียงมั่น - วัดดวงดี
วัดพันเตา วัดเจดีย์หลวง วัดชัยพระเกียรติ
วัดทุงยู - วัดพระสิงห์
พักที่เอื้องล้านนา
Travel Hub Mae Chaem, วัดพุทธเอ้น
วัดกองกาน, นาขั้นบันไดบ้านกองกาน
วัดป่าแดด แม่แจ่ม
นาขั้นบันไดระหว่างทาง วัดพระธาตุศรีจอมทอง
วัดอุโมงค์, กอดเชียงใหม่, ม่อนแจ่ม
สวนส้มยอดดอย, เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล
วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน
Rainbow Rice บ้านซาง
วัดพระเจ้าเม็งราย วัดพันแหวน วัดเจ็ดลิน วัดหมื่นตูม
วัดศรีสุพรรณ
วัดสวนดอก



Create Date : 26 ธันวาคม 2564
Last Update : 26 ธันวาคม 2564 13:42:25 น. 0 comments
Counter : 1429 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณtoor36, คุณmultiple, คุณกะว่าก๋า, คุณtuk-tuk@korat, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณhaiku, คุณเนินน้ำ, คุณmcayenne94, คุณปรศุราม, คุณหอมกร, คุณสองแผ่นดิน, คุณทนายอ้วน, คุณKavanich96, คุณkae+aoe, คุณตะลีกีปัส, คุณทูน่าค่ะ, คุณคนเคยผ่านมหาสมุทร, คุณnarellan, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse


สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.