Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
3 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
หิมะกลางฤดูร้อน (Snow in the Summer)

เป็นหนังสือเล่มโปรดอีกเล่มค่ะ พระโชติกะ เขียน คุณมณฑาทิพย์ คุณวัฒนา แปล คัดมาเพียงบางส่วนค่ะ

เพราะการชี้แนะจะต้องเริ่มต้นจากจุุุุุุุุดที่ผู้นั้นยืนอยู่ มิใช่เริ่มที่ปลายทางที่ต้องการจะไปถึง หน้า 38

หากคุณมองปัญหาโดยปราศจากความรู้สึกต่อต้าน คุณจะชนะมันได้ง่ายดาย และรวดเร็วด้วย หน้า 45

จงพยายามมีสติอยู่เสมอ แม้ในยามที่ทำได้ยาก ยามใดที่คุณคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีสติ ยามนั้นแหละ จำเป็นที่สุดที่คุณต้องมีสติให้ได้ หน้า 61

คนส่วนใหญ่มีชีิวิตอยู่กับเงื่อนไขมากมาย การจะเอาชนะเงื่อนไขเหล่านั้นได้ ต้องอาศัยทั้งการรับรู้อย่างจริงจัง และความซื่อสัตย์ต่อตนเอง หน้า 78

อย่าแบกความทรงจำในอดีต หรือความกังวลต่ออนาคตเอาไว้ พึงใช้ชีิวิตทุกๆ ขณะอย่างมีสติ ปล่อยอนาคตให้เป็นเรื่องของมัน หน้า 79

...ความคิดไม่มีทางช่วยให้จิตสงบได้ มีปัญหามากมายที่แก้ไขไม่ได้ทางเดียวที่พึงกระทำ คือหยุดนึกถึงมัน การคิดวนไปเวียนมาได้แต่ทำให้เราหมดแรง พวกคนที่เรียนมากอย่างเราๆ มักจะคิดมาก คงต้องยอมรับความจริงข้อนี้แล้วฝึกฝนตนเองใหม่ อย่าถลำลึกลงในความคิดมากเกินไป หน้า 80

เมื่อใดที่ว่าง คนเรามักจะรู้สึกไร้ค่า ก็เลยพยายามจะหาอะไรทำ พอมีอะไรให้ทำจนวุ่นวายก็รู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญขึ้นมา หน้า 82

เรื่องบางอย่างดูจะผิดเสมอในทุกสถานการณ์ แล้วผู้คนต่างก็สาดโคลนใส่กัน "ฉันเป็นทุกข์ เพราะความผิดของคนอื่น" แปลกจริงๆ ที่เรายังไม่เคยเห็นความผิดของตัวเองกันสักที หน้า 117

...ไม่มีแห่งใดสมบูรณ์แบบในโลกนี้ ไม่มีเพื่อนที่สมบูรณ์แบบ ครูที่สมบูรณ์แบบ และแม้แต่พระภิกษุที่สมบูรณ์แบบ อาตมาเองก็ไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ และจะไม่มีวันเป็นได้ หน้า 154

มีีอะไรบ้างที่คุณเคยมั่นใจได้ ชีวิตของเราเต็มไปด้วยการนึกเอาเอง และเรื่องที่เราหลอกตัวเอง เรายึดโยงอยู่กับสมมติฐานที่เราคาดการณ์เอาเองทั้งสิ้น หากเรายกสมมติฐานหมดทิ้งไป ก็ไม่เหลืออะไรไว้ให้ยึดได้อีกเลย คุณแน่ใจแล้วจริงๆ รึว่าต้องการอะไรในชีวิต ถ้าแน่ใจแล้วก็ลองตอบมา หน้า 154

ควรอยู่หรอกที่เราจะมีอุดมการณ์บางอย่างในชีวิต จะได้มีเป้าหมาย หรือทิศทางที่จะเดิน แต่อย่าถึงกับบ้าอุดมการณ์จนฟั่นเฟือน อุดมการณ์ที่ประเสริฐสุดคือ มีสติอยู่เสมอเป็นนิตย์ หน้า 157

ยากจริงๆ ที่จะดำรงชีวิตอยู่โดยไม่สนว่า คนอื่นเขาจะคิดถึงเราอย่างไรไม่จำเป็นเลยที่จะต้องใช้ชีวิตไปกับการหาเงิน แล้วก็ใช้เงิน แต่นั่นคือ วิถีชีวิตของคนส่วนใหญ่ หน้า 157

พวกเขาต่างก็พูดถึงอุดมการณ์ที่จะทำให้ทุกคนอยู่อย่างเป็นสุข แต่พวกเขาอีกนั่นแหละที่ก่อความลำเค็ญแสนสาหัส เขากล่าวถึงการแจกจ่ายความรัก แต่เขานั่นแหละทนเห็นหน้าฝ่ายตรงข้ามยังไม่ได้ เขากล่าวถึงการรวมพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่ก็เขาอีกนั่นแหละที่สร้างความแตกแยก แบ่งพรรคแบ่งพวก หน้า 158

"การหมางเมินผู้คนไม่ช่วยอะไร" ข้อนี้จริงทีเดียว หน้า 159

พึงเมตตาผู้อื่น แต่ไม่ต้องพยายามทำให้เขาพึงพอใจ อย่าพยายามทำตัวเป็นเทวดา แค่เป็นคนดีที่น่านับถือก็ยากเย็นพออยู่แล้ว การพยายามเป็นคนดีจนเกินไป อาจจบลงด้วยความขมขื่น หน้า 164

จริงอยู่ คนเราต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ แต่การใช้ชีิวิตวิ่งวุ่นเหมือนคนบ้าทำงานร้อยกว่าอย่างที่ไม่จำเป็นเลยนั้นมันไร้สาระยิ่งนัก คุณไม่รู้จักตัวเองด้วยซ้ำไป ไม่เคยมีเวลาพอที่จะเหลียวดูตัวเองให้ลึกซึ้งเลย คุณมองออกข้างนอกตลอดเวลาจนติดเป็นนิสัย เพราะคิดว่านั่นสำคัญกว่า คุณไม่รู้จักแม้แต่คนที่คุณบอกว่ารักที่สุด หน้า 167

การทุ่มเทใช้ชีวิตอย่างลืมตาย คือสัญญาณของการขาดวุฒิภาวะพึงยอมรับในสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้จะดีกว่า หน้า 170

การแก่ลงไม่ได้เลวร้ายตราบใดที่คุณอยู่กับสติและปัญญา ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีๆ พักผ่อนก่อนที่จะเริ่มเหนื่อย คุณควรจะดูแลสุขภาพเพื่อจะได้มีชีวิตยืนยาวอย่างแข็งแรง เรายังมีอะไรต้องเล่าสู่กันฟังอีกมาก ตอนที่เราแก่ลงกว่านี้ หน้า 171

บางสิ่งบางอย่าง เราจะเรียนรู้ได้ก็ตอนชราภาพเท่านั้นแหละ หน้า 172

การปล่อยให้คนอื่นมีอิสระที่จะโง่งมบ้าง เป็นก้าวสำคัญ และยากที่สุดในการพัฒนาจิต หน้า 173

อยากทำอะไรก็ทำเถิด แต่พึงทำด้วยความระมัดระวังและตั้งใจทำทีละน้อย แต่ทำให้ดี หน้า 173

ผู้ใดมุ่งมั่นที่จะชักจูงคนให้คล้อยตามความคิดของตน ผู้นั้นคือคนโป้ปดมดเท็จ และน่ารำคาญของสังคม ผู้ใดดิ้นรนแสวงหาสานุศิษย์ ผู้นั้นคือ นักแสดงแห่งโลกมายา โลกนี้ช่างมากไปด้วยบรมครูที่ปรารถนาจะโอ้อวดอยู่มากมาย หน้า 182

มีสถานที่แห่งใดไหมที่ไปถึงได้โดยไม่ต้องเดินทาง หน้า 182

อย่าคาดหวังว่าเราจะเปลี่ยนแปลงโลกได้ พลังที่มืดบอดย่อมนำไปสู่การกระทำที่มืดบอด หน้า 186

คนเราเต็มไปด้วยความปรารถนา ทะยานอยาก อันขัดแย้ง ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยากทำอะไร เปลี่ยนใจกลับไปกลับมาเป็นร้อยเที่ยว ความไม่แน่นอนคือกฎทอง หน้า 193

รู้หรือไม่คุณเป็นคนอ่อนไหว รู้ไว้ด้วยว่าคนอ่อนไหวเป็นทุกข์ง่าย แต่เรียนรู้ได้ลึกซึ้งกว่าคนที่รู้สึกช้า หน้า 193

ถ้าเราไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์เก่าๆ ของตัวเอง คุณก็จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเรื่อยไป หน้า 195

เราอาจต้องถอยห่างออกมาเพื่อมองสิ่งต่างๆ ให้ชัดเจนขึ้น จึงจะซึมซับมันได้ยามใดที่เรากระโจนลงไปคลุกกับสิ่งที่ประสบอยู่โดยใช้แต่อารมณ์ คุณจะไม่มีทางเข้าใจมันได้เลย หน้า 196

การประณามผู้อื่นว่าชั่วร้ายก่อให้เกิดความรู้สึกว่า ตัวเองดีกว่าเหนือกว่าคนคนนั้นและเจ้าความรู้สึกว่าตนดีกว่า เหนือกว่านี่แหละที่ทำให้เข้าใจผิดไปว่าตนเองไม่มีความชั่วร้ายเอาเสียเลย หน้า 199

คุณคิดว่า โลกนี้มีคนทีเถรตรงจนไม่ยอมเปลี่ยนแปลงใดๆ เลยหรือไม่ จริงหรือ ที่มนุษย์เราอ่อนแอจนไม่ยอม และไม่อาจเปลี่ยนตัวเองไปสู่สิ่งที่ดีกว่าได้ ยอมตกเป็นทาสของนิสัย และความเคยชินเก่าๆ อยู่อย่างนั้นเรื่อยไป

ไร้การเปลี่ยนแปลง ก็ย่อมไร้วันเติบโต หน้า 201

สังเกตหรือไม่ว่า การเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างมักจะยากเสมอ แต่เมื่อลองทำไปสักสองสามครั้ง มันจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ หน้า 202

ใครก็ตามที่ต่อสู้กับอสูรร้าย พึงระมัดระวังให้ดีด้วยว่า ในกระบวนการต่อสู้นั้น ตนมิได้กลายเป็นอสูรร้ายไปเสียเอง หน้า 209

เราอยากเปลี่ยนตัวเราให้แตกต่างยิ่งไปกว่านี้ เพราะเหตุใดรึ เพราะเรายังดีไม่พอ จนยอมรับไม่ได้ หรือเพราะหลงในอัตตาตัวตน หน้า 210

มนุษย์เราแก่ตัวลง แต่ไม่ได้เติบโตขึ้น "เชื่อมั่นศรัทธา แปลว่า ไม่ต้องการรับรู้ความจริง" หน้า 212

"ความตั้งใจที่อภิมหาประเสริฐ มักจบลงด้วยการกระทำที่อภิมหาเลว"

"คนที่ดี-เกิน-จริง เหล่านี้ บางคนก็เป็นทุกข์กับผลลัพธ์จากการกระทำอันโง่งมของตนจนต้องพึ่งจิตแพทย์" หน้า 219

เรามีชีวิตที่สุขสงบได้ หากมีปัญญาและความชัดเจนพอ ไยคุณจะต้องไปสนใจคนอื่นให้มากมายนัก คุณคิดว่าจะต้องรับผิดชอบพวกเขาด้วยอย่างนั้นรึ หน้า 233

ไม่ว่าจะทุกข์ใจด้วยเรื่องอะไรก็ไม่คุ้มค่าทั้งนั้น หน้า 234

เมื่อใดที่มีการเอา "ตัวกู" เข้าไปพัวพันกับเรื่องใดล่ะก็ ที่นั่นย่อมมีทุกข์เสมอ หน้า 234

มิตรที่ดีคือสิ่งประเสริฐ หากไร้กัลยาณมิตร ชีวิตคงจะจืดสนิททีเดียว

มิตรภาพของเราไม่เคยจำกัดด้วยกาลเวลา หรือสถานที่ใดๆ หน้า 240

ไม่มีมนุษย์สมบูรณ์แบบสักคนเดียวในโลกนี้ การมองเห็น และยอมรับความบกพร่องของตัวเองได้ คือ หัวใจของความสุข และความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม ถ้ายอมรับข้อบกพร่องของตนเองยังไม่ได้ แล้วจะยอมรับ ความบกพร่องของผู้อื่นได้อย่างไร หน้า 248

"คุณไม่มีวันทำร้ายผู้ือื่นได้โดยไม่ทำร้ายตนเอง" หน้า 249

ทุกคนล้วนมีความเลว หากยอมรับความจริงข้อนี้ได้ เราจะชื่นชมได้จริงๆ เมื่อเห็นข้อดีของแต่ละคน หน้า 260

สิ่งเลวร้ายที่สุดสำหรับคนคนหนึ่ง ก็คือ การสูญเสียความนับถือตนเอง หน้า 261

สิ่งที่เราปรารถนาจริงๆ ก็คือ มีคนรักเราอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่เราล่ะรักตนเองได้อย่างไร้เงื่อนไขหรือเปล่า หน้า 261

มิตรแท้ คือ ผู้ที่จะไม่ครอบงำเรา มีเวลาเหลือเฟือที่จะตั้งใจฟังเราโดยไม่ชัดคอ รับรู้ความรู้สึกของเราด้วยความเข้าใจ หน้า 263

เมื่อใดที่เราละวางภาพพจน์ของตนเองลงได้ ถอดเกราะที่กำบังตนเองออก เราจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเรา หน้า 268






Create Date : 03 ธันวาคม 2552
Last Update : 28 มกราคม 2553 16:14:44 น. 3 comments
Counter : 1146 Pageviews.

 
ยังมีอีก เดี๋ยวจะเข้ามาเขียนต่อนะคะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:16:00:27 น.  

 
อ่านแล้วน่าจะได้ข้อคิดดี ๆ เยอะเลยค่ะ


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:11:23:13 น.  

 
ขอบคุณค่ะ คุณหวานเย็นผสมโซดา


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:15:32:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.