Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
15 สิงหาคม 2567
 
All Blogs
 
งานโคมแสนดวง วัดพระธาตุหริภุญชัย

เที่ยวลำปาง นอนลำพูน 2 วัน 1 คืน

วันที่ 27 - 29 ตุลาคม 2566

ออกจากอุทยาานแห่งชาติแจ้ซ้อน (หนีฝน) พวกเราเข้าที่พักเลยค่ะ
โรงแรมแกรนด์ ปา แอนด์ รีสอร์ท ลำพูน (โรงแรม 4 ดาว)



ห้องพักกว้างขวาง ดีเลยค่ะ เป็นเตียง 5 ฟุต 2 เตียง





ห้องน้ำแยกส่วนเปียก ส่วนแห้ง 



เห็นน้องอ้น - ไปป่ะตุ๊ดพาเที่ยว บอกว่าจองผ่าน booking.com ค่ะ



20.29 น. วันที่ 28 ตุลาคม 2566



ทริปนี้จุดประสงค์หลัก อยากมางานโคมแสนดวงค่ะ ยังไม่เคยมาเลย


 
เทศกาลโคมแสนดวงที่เมืองลำพูน ชมโคมหลากสีสันประดับไฟสว่างไสว
ระหว่างวันที่ 4 ตุลาคม - 27 พฤศจิกายน 2566
ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหารวิหาร


การถวายโคมแสนดวงจัดทำขึ้น เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาต่อองค์พระธาตุเจ้าหริภุญชัย และเพื่อเคารพสักการะพระนางจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งเมืองลำพูน เมื่อถึงงานเทศกาลยี่เป็ง ชาวล้านนาจะนิยมประดับประดาตกแต่งบ้านเรือนให้สวยงามด้วยการจุดผางประทีปหรือประดับโคมไฟให้สว่างสดใสตลอดช่วงเทศกาล ชาวล้านนาเชื่อว่าการทำโคม เป็นการบูชาพระพุทธเจ้าที่ประทับ บนสรวงสวรรค์ และแสงประทีปจากโคมจะช่วยส่องประกายให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง อยู่เย็นเป็นสุข







สวยทุกสีค่ะ เพราะเป็นกลางคืนด้วยแหละ



ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ









พระธาตุหริภุญชัย งามมาก เหลืองทองอร่ามทั้งองค์ กลางวันก็สวยค่ะ


















 

วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร เป็นปูชนียสถานสำคัญในภาคเหนือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่เมืองลำพูนมาอย่างยาวนานตั้งอดีตนับเวลามากกว่าพันปี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 150 เมตร มีถนนล้อมรอบสี่ด้าน คือ ถนนอัฏฐารสทางทิศเหนือ ถนนชัยมงคลทางทิศใต้ ถนนรอบเมืองทางทิศตะวันออก นอกจากนั้นยังเป็นองค์พระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีระกาพระบรมธาตุหริภุญชัย ภายในบรรจุพระเกศบรมธาตุบรรจุในโกศทองคำ ประดิษฐานในพระเจดีย์ ประกอบด้วยฐานปัทม์ แบบฐานบัวลูกแก้ว ย่อเก็จ ต่อจากฐานบัวลูกแก้วเป็นฐานเขียงกลมสามชั้น ตั้งรับองค์ระฆังกลม บัลลังก์ย่อเหลี่ยม สูง 25 วา 2 ศอก ฐานกว้าง 12 วา 2 ศอก 1 คืบ มีสัตติ- บัญชร (รั้วเหล็กและทองเหลือง) 2 ชั้น สำเภาทอง ประดิษฐานอยู่ประจำรั้วชั้นนอกทั้งทิศเหนือ และทิศใต้ มีซุ้มกุมภัณฑ์ และฉัตรประจำสี่มุม และหอคอยประจำทุกด้านรวม 4 หอ บรรจุพระพุทธรูป นั่งทุกหอ นอกจากนี้ยังมีโคมประทีป และแท่นบูชาก่อประจำไว้เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป
 
























วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร เดิมทีเป็นพระราชวังของพระเจ้าอาทิตยราชกษัตริย์ผู้ครอง
นครหริภุญชัย องค์ที่ 33 ต่อจาก พระนางจามเทวี ปฐมบรมกษัตริย์ของเมืองหริภุญชัย บริเวณกำแพงพระราชวังของพระเจ้าอาทิตยราชได้แบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือ ชั้นนอกและชั้นใน ในกาลต่อมาภายหลังพระเจ้าอาทิตยราช ได้ถวายราชวังของพระองค์ให้เป็นสังฆารามไว้กับทางพระพุทธศาสนาเมื่อถวายเป็นสังฆารามแล้ว ได้รื้อกำแพงชั้นนอกออกแล้วปั้นสิงห์คู่หนึ่งไว้ที่ซุ้มประตูด้านทิศตะวันออก เป็นสิงห์ขนาดใหญ่ประดับเครื่องทรงยืนอ้าปากประดิษฐานไว้แทน ตามคติโบราณทางเหนือซึ่งนิยมสร้างสิงห์เฝ้าวัด วัดพระธาตุหริภุญชัย จึงมีกำแพงสองชั้นตามรูปลักษณ์ของพระราชวังเดิมของพระเจ้าอาทิตยราช คือ รอบบริเวณวัดชั้นนอกชั้นหนึ่ง และก่อกำแพงเป็นศาลาบาตรรอบองค์พระธาตุหริภุญชัยเป็นกำแพงชั้นในอีกชั้นหนึ่ง

วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูนมีถนนล้อมรอบสี่ด้าน สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1651 มีสิ่งที่น่าสนใจคือ ซุ้มประตู ก่อนที่จะเข้าไปในบริเวณวัด ต้องผ่านซุ้มประตูก่ออิฐถือปูนประดับลวดลายวิจิตรพิสดาร เป็นฝีมือโบราณสมัยศรีวิชัย ประกอบด้วยซุ้มยอดเป็น ชั้น ๆ เบื้องหน้าซุ้มประตูมีสิงห์ใหญ่คู่หนึ่งยืนเป็นสง่าบนแท่นสูงประมาณ 1 เมตร สิงห์คู่นี้ปั้นขึ้นในสมัยพระเจ้าอาทิตยราชเมื่อทรงถวายวังให้เป็นสังฆารามวิหารหลวง เมื่อผ่านซุ้มประตูเข้าไปแล้วจะเห็นวิหารหลังใหญ่ เรียกว่า วิหารหลวง เป็นวิหารหลังใหญ่มีพระระเบียงรอบด้านและมีมุขออกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เป็นวิหารที่สร้างขึ้นใหม่แทนวิหารหลังเก่า ซึ่งถูกพายุพัดพังทลายไปเมื่อ พ.ศ. 2466
 













มีตลาดนัด มีของขาย เราก็ฝากท้องมื้อเย็นที่นี่ค่ะ



8 โมงกว่า เช้าวันที่ 29 ตุลาคม 2566



ประตูท่านางจามเทวี หรือ ประตูท่านาง ซึ่งนับได้ว่ามีความสำคัญต่อเมืองลำพูนมาแต่อดีตกาล ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นชุมชนมั่งคั่งเป็นแหล่งการค้าขายที่สำคัญและยังเป็นการย้อนอดีตแห่งความรุ่งเรืองของประตูแห่งนี้ 

แนวกำแพงและประตูเมืองโบราณ นับว่าเป็นโบราณสถานที่มีคุณค่าในทางโบราณคดีและประวัติของท้องถิ่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานอย่างนครหริภุญชัย หรือเมืองลำพูน ที่เคยเหลือร่องรอยของอดีตแห่งความรุ่งเรืองอยู่บ้าง 





ในอดีตกล่าวว่าเป็นประตูท่าน้ำที่เจ้าแม่จามเทวีใช้เสด็จลงเรือ นอกจากนั้นยังเป็นประตูสำหรับการค้าทางเรือระหว่างเมืองต่าง ๆ ต่อมาบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองขึ้นก็มีกลุ่มคนจากเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ไกลออกไป ได้เข้ามาทำการค้ากับเมืองหริภุญชัยก็รู้จักท่าน้ำแห่งนี้ สมัยก่อนคนจีนรู้จักเมืองหริภุญชัยและท่านางเป็นอย่างดี บริเวณบ้านช่างฆ้องแต่เดิมจะมีพ่อค้าวานิชที่เป็นคนจีนมาอาศัยอยู่มากมาย



สะพานท่านาง ข้ามแม่น้ำกวง









วัดช้างรอง อยู่ใกล้ประตูเมืองค่ะ











วัดช้างรอง
สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1542 ตามประวัติเล่าว่า เมื่อช้างของพระนางจามเทวีชื่อว่า “ผู้ก่ำงาเขียว” ควาญช้างได้นำมาอาบน้ำที่แม่น้ำกวงตรงบริเวณประตูท่านางแล้วควาญช้างก็นำช้างมาอาบน้ำสะอาดที่บ่อน้ำบริเวณที่สร้างวัดในปัจจุบัน และช้างก็ได้แผดเสียงร้องขึ้น ต่อมาพวกราชตระกูลที่เป็นเชื้อสายของเจ้าผู้ครองนครลำพูน ร่วมกับประชาชนจึงได้สร้างวัดขึ้นตั้งชื่อว่า “วัดช้างร้อง” เมื่อกาลเวลาเนิ่นนานไป ชื่อวัดได้เพี้ยนไปจากวัดช้างร้องกลายเป็น “วัดช้างรอง” ซึ่งอาจหมายถึงช้างทรงหรือช้างพระที่นั่งของพระนางจามเทวีที่มาแผดเสียงร้องเวลาควาญช้างนำมาอาบน้ำก็ได้













08.29 น. ลาแล้วค่ะ

 



Create Date : 15 สิงหาคม 2567
Last Update : 15 สิงหาคม 2567 17:58:05 น. 0 comments
Counter : 1099 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณmcayenne94, คุณเนินน้ำ, คุณกะว่าก๋า, คุณปรศุราม, คุณtoor36, คุณปัญญา Dh, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณThe Kop Civil, คุณmultiple, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณtuk-tuk@korat, คุณSweet_pills, คุณร่มไม้เย็น, คุณหอมกร, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณeternalyrs, คุณnewyorknurse


สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 170 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.