แม่ฮ่องสอน - เดินเที่ยวในเมือง
วัดหัวเวียง ตั้งอยู่ที่ถนนสีหนาทบำรุง ตำบลจองคำ (อยู่ติดกับตลาดเช้าบริเวณสี่แยกไฟแดง) เป็นวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2406 เป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าพาราละแข่ง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องประจำเมืองที่งดงามมาก
วัดหัวเวียงเป็นวัดหลังที่สองของเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งคำว่า หัวเวียง ก็คือหัวเมืองนั่นเอง กล่าวกันว่า วัดหัวเวียงหลังแรกสร้างขึ้นมามีศาลาการเปรียญถึง 7 หลัง แต่พอถึง พ.ศ. 2515 ศาลาทั้ง 7 หลังนี้ ได้ถูกรื้อถอนทั้งหมด และได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้นใหม่ที่ใช้กันจนถึงปัจจุบันขึ้นมาแทน วิหารพลาละแข่ง สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพลาละแข่งที่จำลองมาจากเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ โดยลุงจองโพหย่าและลุงจองหวุ่นนะ ได้เดินทางไปนิมนต์มาพระเจ้าพลาละแข่งองค์นี้ และหล่อเป็นท่อน ๆ ทั้งหมด 9 ท่อน บรรทุกเรือมาตามแม่น้ำปาย แล้วมาประกอบที่วัดพระนอน ก่อนนำมาประดิษฐานที่วัดหัวเวียง ซึ่งชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าพระเจ้าพลาละแข่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของแม่ฮ่องสอนอีกองค์หนึ่งวิหารทรงปราสาท 2 องค์ โดยองค์ใหญ่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีความกว้างและยาวเท่ากัน คือ 1,850 เมตร สูงจากพื้นประมาณ 15 เมตร ตัวอาคารสร้างด้วยไม้ พื้นล่างเป็นคอนกรีต เฉพาะพื้นด้านในปูด้วยกระเบื้องลายต่าง ๆ ผนังคอนกรีตขึ้นรับกับฝาลูกกรงไม้ หลังคาเป็นชั้น ๆ รวมสามชั้น ส่วนยอดเป็นยอดโดม มุงด้วยสังกะสี และสลักลวดลายสังกะสีประกอบทุกชั้น สำหรับวิหารหลังเล็กซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกนั้น ก่อสร้างแบบเดียวกับวิหารหลังใหญ่ และสันนิษฐานว่าคงจะสร้างขึ้นพร้อมกันแต่มีความละเอียดกว่า โดยมีหลังคา 5 ชั้น ไม่รวมยอดโดมและฉัตร ตัววิหารมีความกว้าง 6.40 เมตร ยาว 8.30 เมตร ภาษาไทใหญ่เรียกวิหารเล็กนี้ว่า "อะโหย่งข่าม" ซึ่งหมายถึงที่รับแขก วิหารหลังนี้ใช้เวลาในการก่อสร้าง 2 ปี จึงเสร็จเรียบร้อย โดยนำวัสดุในการก่อสร้างจำพวกสังกะสีกระจกสีและกระเบื้องปูพื้นมาจากเมียนมาร์ ศาลาจำศีล อาคารไม้หลังคามุงสังกะสีแห่งนี้ ประดับลายเจาะสังกะสี มีรูปทรงสวยงาม เป็นศาลาไม้แบบไทใหญ่ซึ่งสร้างขึ้นสมัยรัตนโกสินทร์ และได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรแล้วอุโบสถหลังใหม่ สร้างตามแบบอย่างสถาปัตยกรรมไทใหญ่ผสมผสานพม่า เป็นอาคารคอนกรีตหลังคายกชั้นสูงเป็นชั้น ๆ มุงกระเบื้องประดับลายเจาะสังกะสี
เช้า ๆ เห็นสายหมอกระเรื่อยคลุมเขา
07.56 น. วันที่ 23 มกราคม 2565
ถั่วพูอุ่น มีถั่วเหลืองทอดด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายมา
กินเสร็จแล้วเดินต่อเลยค่ะ วัดม่วยต่อ > วัดก้ำก่อ กำลังบูรณะ สียังไม่แห้ง เข้าไม่ได้ เช้าด้วยแหละ > วัดพระนอน
วัดม่วยต่อ
วัดม่วยต่อ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2432 โดยเจ้านางเมียะ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนในสมัยนั้น ชื่อวัดนี้ได้มาจากเจ้าอาวาสรูปแรกย้ายมาจากวัดม่วยต่อ อำเภอหมอกใหม่ รัฐฉาน ในประเทศเมียนมา และท่านได้นำชื่อวัดม่วยต่อมาใช้ด้วย ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า "จองหม่วยต่อ" และเรียกกันมาจนถึงปัจจุบัน วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายเมื่อปี พ.ศ. 2466 ครั้นในปี พ.ศ. 2498 พระราชวีรกรเจ้าอาวาสวัดม่วยต่อ และเจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สร้างศาลาการเปรียญทรงไทใหญ่ขึ้นใหม่ เป็นศาลาการเปรียญในสถาปัตยกรรมแบบไทใหญ่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันวัดม่วยต่อแห่งนี้มีความสำคัญยิ่งสำหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพราะไม่เพียงสะท้อนวัฒนธรรมไทใหญ่ผ่านสถาปัตยกรรมล้ำค่าและประเพณีต่าง ๆ เช่น ประเพณีต่างซอมต่อโหลง (ถวายข้าวมธุปายาส) เทศกาลเข้าพรรษา เทศกาลออกพรรษา งานสงกรานต์ที่จัดขึ้นเป็นประจำภายในวัดเท่านั้น หากยังมีสิ่งสำคัญที่น่าชมมากมาย วัดม่วยต่อจัดงานประเพณีเขาวงกตทุกวันขึ้น 10-15 ค่ำ เดือน 12 ไฮไลต์น่าชม พระประธานในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปทองเหลือง นำมาจากประเทศพม่าในปี พ.ศ. 2466 พระประธานในศาลาการเปรียญ เป็นพระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์ ศิลปะแบบพม่า พระพุทธรูปสิงห์ 1 สิงห์ 3 ภายในวัด ประดิษฐานอยู่หน้าพระประธานในศาลาการเปรียญ งาช้างแกะสลักเป็นพระพุทธรูป 2 คู่ อยู่ภายในศาลการเปรียญ นำมาจากประเทศพม่าในปี พ.ศ. 2466 แท่นพระแบบปราสาทยอดแหลม เจดีย์และระฆังแบบกระดิ่งรูปใหญ่ ซึ่งปัจจุบันค่อนข้างทรุดโทรม พระเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ ล้อมรอบด้วยพระเจดีย์บริวาร ยอดประดับด้วยฉัตรโลหะ แขวนกระดิ่งโดยรอบและจอง (ปราสาท) ซึ่งสร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2527
ตรงนี้มีป้ายบอกไว้ว่า เป็นหลุมหลบภัย สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางขึ้นลง อีกทางด้านหน้าวัดหน้าวัดวัดก้ำก่อเงียบ ๆ ดี ไม่ใช่เพราะเป็นเช้าวันอาทิตย์หรอกค่ะ เมืองแม่ฮ่องสอนประมาณนี้ล่ะค่ะวัดพระนอน
วัดพระนอน เป็นที่ประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่ สร้างด้วยศิลปะไทยใหญ่ และเป็นพระนอนองค์ขนาดยาว 12 เมตร ซึ่งมีพุทธลักษณะงดงามมาก
ชมสถาปัตยกรรมแบบพม่าที่ผสมผสานวัฒนธรรมชาวไทใหญ่ได้อย่างลงตัว ณ วัดพระนอน โดยรูปทรงหลังคาวัดแห่งนี้เป็นแบบสองคอสามชายและทรงปานซอยเหมือนวัดพระธาตุดอยกองมู สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดนี้ คือองค์พระนอนที่มีความยาว 11 เมตร 90 เซนติเมตร ตลอดทั้งมีพระพุทธรูปปางนั่งสมาธิและพระทรงเครื่องต่าง ๆ รวมถึงพระบัวเข็ม พระสิวลี รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม นอกจากนี้ภายในห้องเก็บของโบราณ ยังมีหนังสือพระไตรปิฎกและวัตถุโบราณ ถ้วยโถโอชามและของใช้สอยของชาวญี่ปุ่นสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนทางด้านหลังวัดมีสิงห์คู่สองตัวยืนคู่กัน เชื่อกันว่าชานกะเลและเจ้านางเมี๊ยะเป็นผู้สร้างและบริเวณฝั่งตรงกันข้ามจะมีเจดีย์ 2 หลังเป็นศิลปะแบบพม่าข้างในเจดีย์หลังแรกมีพระพุทธรูป 1 องค์ และเจดีย์หลังที่ 2 มีพระพุทธรูปแบบพม่า 4 องค์ ซึ่งด้านหน้าเจดีย์หลังที่ 2 นี้มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่นั่งสมาธิอยู่กลางแจ้งไร้ที่กำบังน่าสนใจยิ่งนัก วัดนี้จึงเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมดี ๆ ในแม่ฮ่องสอนที่นักเดินทางไม่ควรพลาดวัดพระนอน สร้างเมื่อขึ้นเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2418 โดยพญาสิงหนาทราชา (นามเดิมว่า ชานกะเล เป็นชาวไทใหญ่ ) เจ้าเมืององค์แรกของแม่ฮ่องสอน ซึ่งตรงกับรัชสมัยรัชกาลที่ 5 โดยมูลเหตุที่สร้างองค์พระนอนขึ้นมานั้น มี 2 ประการคือ 1.เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอน และได้รับพระราชทานนามว่า "พญาสิงหนาทราชา" เมื่อ พ.ศ. 2417 อีกทั้งเป็นการเฉลิมฉลองในวาระที่หมู่บ้านแม่ฮ่องสอนได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมือง และ 2.ท่านเป็นผู้เกิดวันอังคารจึงสร้างองค์ไสยาสน์ (พระนอน) ขึ้น ให้เป็นพระประธานคู่บ้านคู่เมือง และให้เป็นที่สักการะกราบไหว้บูชา ของชาวเมืองแม่ฮ่องสอน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหตุการณ์บ้านเมืองแถวชายแดนไม่คอยสงบ องค์พระนอนจึงสร้างไม่เสร็จ และท่านได้ถึงแก่กรรมไปเสียก่อนเมื่อ พ.ศ. 2427 ต่อมาเจ้านางเมี๊ยะ พระชายา ทรงขึ้นครองเมืองเป็นเจ้าเมืององค์ที่ 2 พระองค์ทรงสร้างองค์พระนอนยาว 11 เมตร 90 เซนติเมตร ต่อจนสำเร็จเรียบร้อย และจัดงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกับตั้งชื่อว่า วัดพระนอน ตามสถานที่ที่องค์พระนอนประดิษฐานไว้ก่อนแล้ว และได้นิมนต์ครูบาชมภูมาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดพระนอน
พระนอน ศิลปะไทใหญ่ ภายในพิพิธภัณฑ์09.38 น.ว่าจะเดินไปวัดจองคำ วัดจองกลางต่อ เห็นร้านกาแฟ น่ารัก แวะเติมคาเฟอีนก่อน ร้าน Mae Hong Sorn Coffee ร้านเล็ก ๆ หน้าหนองน้ำจองคำ ที่วันนี้ปรับปรุงสวนสาธารณะอยู่ เลยไม่มีภาพวัดจองคำจองกลางตอนกลางคืนกับเงาสะท้อนไฟในน้ำมาฝากร้าน Mae Hong Sorn Coffee วันที่เราไป รสชาติใช้ได้ ทั้งกาแฟ และอาหารแต่ออกช้า ไม่รู้ตอนนี้เป็นไงบ้างดูเวลาแล้ว คงเดินวัดไม่ทัน เราแวะกลับที่พักก่อน เพื่อเช็คเอาท์แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่บุญดีเฮาส์ แล้วค่อยมาเดินต่อ...วัดจองกลาง วัดจองคำ พระธาตุดอยกองมู, กะเหรี่ยงคอยาว บ้านห้วยเสือเฒ่าสะพานซูตองเป้ถ้ำปลา, พระตำหนักปางตองพักบ้านลุงปาละ ปางอุ๋งล่องแพไม้ไผ่ ที่ปางอุ๋งบ้านรักไทย พักที่ยูนานรักไทยรีสอร์ทบ้านรักไทย บรรยากาศยามเย็นยามเช้าที่บ้านรักไทย เดินทางไปบ้านจ่าโบ่ภูผาหมอก ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา บ้านจ่าโบ่กลับเข้าเมือง พักที่บุญดีเฮาส์