Group Blog
 
<<
เมษายน 2565
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
25 เมษายน 2565
 
All Blogs
 

วิหารพระมงคลบพิตร, วัดไชยวัฒนาราม, วัดโลกยสุธาราม

11.25 น. วันที่ 9 มีนาคม 2565 
จากวัดพระศรีสรรเพชญ์ เดินมาต่อที่วิหารพระมงคลบพิตรต่อเลยค่ะ


 

วิหารพระมงคลบพิตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปคุ้มขุนแผน วิหารพระมงคลบพิตรจะอยู่ถัดไปไม่ไกลนัก 

วิหารพระมงคลบพิตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นที่ประดิษฐานพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปบุสำริดปางมารวิชัย ที่สะท้อนภูมิปัญญาในศาสตร์แห่งโลหะและความชำนิชำนาญของช่างฝีมือไทยในหล่อโลหะโดยเฉพาะงานหล่อสำริดโลหะสำคัญในสมัยอยุธยา มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.55 เมตรและสูง 12.45 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากทิศตะวันออกนอกพระราชวังมาไว้ทางด้านทิศตะวันตกที่ประดิษฐานอยู่ในปัจจุบัน และโปรดเกล้าฯ ให้ก่อมณฑปสวมไว้ ทว่าในสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ เกิดฟ้าผ่ายอดมณฑปพระมงคลบพิตรเกิดไฟไหม้ทำให้ส่วนบนขององค์พระมงคลบพิตรเสียหาย จึงโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแซมใหม่ แปลงหลังคายอดมณฑปเป็นมหาวิหารและต่อพระเศียรพระมงคลบพิตรในสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ และในคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 วิหารพระมงคลบพิตรถูกข้าศึกเผาทำลายจนเสียหาย ครั้นเมื่อรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้การปฏิสังขรณ์ใหม่ ซึ่งยังคงเค้าความเป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยา และสามารถเป็นแบบอย่างของพระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนกลางได้อย่างดี สำหรับบริเวณข้างวิหารพระมงคลบพิตรทางด้านทิศตะวันออกแต่เดิมเป็นสนามหลวง ใช้เป็นที่สำหรับสร้างพระเมรุพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และเจ้านายเช่นเดียวกับท้องสนามหลวงของกรุงเทพฯ 

วันธรรมดาเปิดตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น.
วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เปิดเวลา 08.00-17.00 น.

จะเดินเท้าชมวัดมงคลบพิตรต่อด้วยวัดพระศรีสรรญเพชญ์ หรือขี่ช้างชมวัดที่วังช้างอยุธยา แลเพนียดเตรียมไว้ให้บริการก็ได้

แผนที่การเดินทางไปวิหารพระมงคลบพิตร https://www.tourismthailand.org/fileadmin/upload_img/Multimedia/Ebrochure/477/วิหารพระมงคลบพิตร.pdf
 



















พระพุทธรูปด้านข้างภายในพระวิหาร




























 



11 โมงกว่า เดินกลับมาเอารถจักรยานที่จอดไว้ที่วัดพระราม มีน้อง ๆ 3 คน กำลังถามทางไปวัดไชยวัฒนารามกับเจ้าหน้าที่ เราเลยมาพร้อมกับเด็ก ๆ 
ขี่มาได้ซักระยะ ไม่เห็นเด็ก ๆ แล้ว ทิ้งช่วงกันพอสมควร 

เราก็แวะถามทางคนแถวนั้นเป็นระยะ ถึงวัดไชยวัฒนารามประมาณเที่ยงกว่า หิวมากค่ะ เดินหาร้านอาหาร ส่วนมากปิดหมด เดินย้อนกลับมาร้านที่เราถามทางป้า (ป้าขายของชำ) ป้าบอกเดี๋ยวทำให้จะกินอะไร  เราเลยสั่งผัดกะเพรา ง่ายสุดละ...ป้าทำให้ค่ะ ข้าวเยอะมาก



ป้าคงใส่ทุกอย่างให้ที่มี แต่ไม่มีใบกะเพรา (ที่เห็นนั่น ใบโหระพา) อร่อยดีค่ะ แต่เรากินไม่หมด ป้าบ่นนิดหน่อย ทำไมกินข้าวไม่หมด 121  เราเลยรีบบอก อร่อยมาก อากาศร้อนกินได้ไม่เยอะ แล้วซื้อน้ำอัดลมป้าอีกขวด น้ำเปล่าอีกขวด ทั้งหมด 50 บาทถ้วน

เข้าชมวัดไชยวัฒนาราม  ใช้บัตรรวมได้ค่ะ 



12.33 น.



อยุธยา มาหลายครั้งก็ยังชอบมา แต่อย่าถามหาความรู้ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี หรือวิชาการใด ๆ จากเรานะคะ  


 

วัดไชยวัฒนาราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกนอกเกาะเมือง เป็นวัดที่พระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์กรุงศรีอยุธยา องค์ที่ 24 ( พ.ศ. 2173-2198) โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2173 ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่งในกรุงศรีอยุธยา

วัดไชยวัฒนาราม ได้ชื่อว่าเป็นโบราณสถานที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่ง ความสำคัญอีกประการหนึ่งคือ วัดนี้เป็นที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) กวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลายกับเจ้าฟ้าสังวาลย์ซึ่งต้องพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์ในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ สิ่งที่น่าชมภายในวัดได้แก่ พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นปรางค์ประธานของวัดตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสและที่มุมฐานมีปรางค์ทิศประจำอยู่ทั้งสี่มุม การที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองซึ่งเป็นกษัตริย์สมัยอยุธยาตอนปลายทรงสร้างปรางค์ขนาดใหญ่เป็นประธานของวัด เท่ากับเป็นการรื้อฟื้นศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้นที่นิยมสร้างปรางค์เป็นประธานของวัด เช่น การสร้างปรางค์ที่วัดมหาธาตุและวัดราชบูรณะ เนื่องจากพระองค์ทรงได้เขมรมาอยู่ใต้อำนาจจึงมีการนำรูปแบบสถาปัตยกรรมเขมรเข้ามาใช้ในการก่อสร้างปรางค์อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีพระระเบียงรอบปรางค์ประธาน ภายในพระระเบียงมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ผนังระเบียงก่อด้วยอิฐถือปูน มีลูกกรงหลอกเป็นรูปลายกุดั่น พระอุโบสถ อยู่ด้านหน้าของวัดภายในมีซากพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสร้างด้วยหินทราย ใบเสมาของพระอุโบสถทำด้วยหินสีค่อนข้างเขียว จำหลักเป็นลายประจำยามและลายก้านขด และเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ทางด้านหน้าพระอุโบสถมีเจดีย์ 2 องค์ ฐานกว้าง 12 เมตร สูง 12 เมตร ซึ่งถือเป็นศิลปะที่เริ่มมีแพร่หลายตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง วัดไชยวัฒนารามได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 และกรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะตลอดมาจนปัจจุบันไม่มีสภาพรกร้างอยู่ในป่าอีกแล้ว และยังคงมองเห็นเค้าแห่งความสวยงามยิ่งใหญ่ตระการตา ซึ่งผู้ไปเยือนไม่ควรพลาดชมอย่างยิ่ง

เปิดทุกวันเวลา 08.00-18.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท หรือสามารถซื้อบัตรรวมได้ ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 220 บาท โดยบัตรนี้สามารถเข้าชมวัดและโบราณสถานบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ได้ ภายในระยะเวลา 30 วัน ได้แก่ วัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังหลวง วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดพระราม วัดไชยวัฒนาราม 

หมายเหตุ ตั้งแต่เวลาประมาณ 19.30- 21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยามีบริการเครื่องโสตทัศนาจร สามารถฟังข้อมูลการบรรยายวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดไชยวัฒนาราม และวัดมหาธาตุ เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สามารถเช่าได้ที่จุดบริการใกล้ป้อมจำหน่ายบัตรของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยคิดค่าบริการเครื่องละ 150 บาท สำหรับชม 3 วัดดังกล่าว (ราคาไม่รวมค่าบัตรเข้าชมโบราณสถาน)
 







อีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นพระตำหนักสิริยาลัยค่ะ







พนังกั้นน้ำริมน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น



ทางเข้าเดิม ริมน้ำ









มองเห็นพระปรางค์วัดพุทไธศวรรย์



พระตำหนักสิริยาลัย



























แหงนหน้ามองด้านบน เห็นค้างคาวเยอะเลย











ปรางค์ทิศทั้งสี่มุม











12.53 น. ยังมีนักท่องเที่ยวแต่งชุดไทย ถ่ายภาพที่วัดไชยวัฒนารามนะคะ กลางวันแดดร้อน แต่ตอนเย็นคนน่าจะเยอะกว่านี้



บ่ายโมงกว่า เรามาแวะพระนอนวัดโลกยสุธาราม (เห็นป้ายบอกทาง ตอนจะเข้ามาวัดไชยวัฒนาราม)




 

วัดโลกยสุธาราม ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ใกล้กับพระราชหลวงและวัดพระศรีสรรเพชญ์ อันเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรอยุธยา จึงอาจกล่าวได้ว่าที่นี่เป็นหนึ่งในวัดสำคัญภายในเกาะเมืองอยุธยา วัดโลกยสุธาราม มีอีกชื่อหนึ่งคือ วัดพระนอน ภายในวัดประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา มีประวัติเก่าแก่ และถูกกล่าวถึงในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาว่าเป็นเส้นทางนมัสการพระนอนของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ลักษณะเป็นพระพุทธรูปนอนกลางแจ้งสีขาว ก่ออิฐถือปูน องค์พระมีความยาว 42 เมตร สูง 8 เมตร แม้จะมีอายุเก่าแก่แล้ว แต่ยังคงรายละเอียดค่อนข้างสมบูรณ์ สีพระพักตร์อิ่มเอิบ ปิติ เปี่ยมด้วยเมตตาบารมี พระเศียรมีฐานบัวรองรับอย่างสวยงาม พระพุทธไสยาสน์องค์นี้นับเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของอยุธยาที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

นอกจากนี้ วัดพระนอนยังมีร่องรอยของอาคารขนาดใหญ่ และระเบียงคดหลงเหลืออยู่ให้เห็น มีพระปรางค์สูงราว 30 เมตรโดดเด่นเป็นสง่าเป็นองค์ประธานของวัด ด้วยเหตุนี้วัดพระนอน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดีไม่แพ้วัดอื่น ๆ ในเกาะเมืองอยุธยา พระนอนเป็นหนึ่งในมรดกแห่งอยุธยาที่ไม่มอดไหม้ไปพร้อมไฟสงคราม และเป็นความภูมิใจของอยุธยาในฐานะเมืองมรดกโลก ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม

ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามสถาบันอยุธยาศึกษา หรือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพระนครศรีอยุธยา ได้ที่ โทร. 0 3524 6076
 














วัดวรเชษฐาราม เป็นวัดสำคัญที่สุดวัดหนึ่งในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ทางทิตะวันตกของพระราชวังโบราณโบราณในเขตกำแพงเมืองพระนครศรีอยุธยาในสมัยอยุธยา

ชื่ออารามหลวงเก่าแก่อายุหลายร้อยปีแห่งนี้แปลได้ว่า พี่ชายผู้เป็นที่รัก จึงสันนิษฐานตามหลักฐานได้ว่าเป็นวัดที่สมเด็จพระเอกาทศรถโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2136 ณ บริเวณที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้ทรงเป็นพระเชษฐา และได้สร้างพระเจดีย์ประธานเพื่อประดิษฐานพระบรมอัฐิของอดีตพระมหากษัตริย์ไว้ด้วย สิ่งที่สร้างความสับสนเนื่องจากที่อยุธยามีวัดวรเชษฐ์ 2 แห่งคือ วัดภายในเกาะเมือง ระหว่างวัดโลกยสุธารามและวัดวรโพธิ์ซึ่งเคยเป็นเขตพระราชวังหลัง ที่เรียกว่า สวนกระต่าย และวัดวรเชษฐ์นอกเกาะเมืองหรือวัดประเชด แต่วัดวรเชษฐ์ที่กล่าวถึงนี้อยู่ในเกาะเมือง ซึ่งเคยมีผู้ลักลอบเข้าไปขุดหาโบราณวัตถุ พบกรุเจดีย์ประธานมีผอบบรรจุอัฐิซึ่งมีพระพุทธรูปนาคปรกล้อมซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำวันเสาร์ อันเป็นพระราชสมภพของสมเด็จพระนเรศวรเป็นหลักฐานหนึ่งที่บ่งชี้ว่าวัดนี้คือวัดที่สมเด็จพระเอกาทศรถโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น หรือนักวิชาการบางคนชี้ว่าที่ตั้งของวัดอาจเป็นที่ตั้งพระตำหนักเดิมของสมเด็จพระเอกาทศรถซึ่งได้ทรงสร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเชษฐา แม้ไม่อาจชี้ชัดได้มากกว่านี้ แต่สิ่งก่อสร้างที่ยังหลงเหลืออยู่ก็เพียงพอจะดึงดูดให้ผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ได้เข้าไป ชมวัดวรเชษฐารามนั่นคือพระเจดีย์ประธานก่ออิฐถือปูนทรงระฆังคว่ำศิลปะแบบสุโขทัยที่มีขนาดใหญ่โตมาก หน้าบันประดับลวดลายจากเครื่องถ้วยเช่นเดียวกับศิลปะที่ซุ้มประตูวัดมหาธาตุ ปรากฎลวดลายชั้นมาลัยเถา บัลลังก์และเสาหานรอบก้านฉัตรที่ยังสมบูรณ์และพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย พระประธานในพระวิหารก่ออิฐถือปูนที่ยังมีผู้ศรัทธานำมาลัยดอกไม้มากราบไหว้ทุกวัน และสภาพโดยรอบ สังเกตได้ว่าที่นี่เป็นวัดเดียวในอยุธยาที่มีคูน้ำล้อมรอบ ตามรูปแบบวัดในเมืองสุโขทัย

ด้านใต้ติดกับวัดโลกยสุธาราม ด้านตะวันออกติดกับวัดวรโพธิ์ อยู่ใกล้กับถนนสาย 347 ตัดกับถนนสาย 3263 ที่แยกวรเชฐษ์ หรือสามารถเดินทางไปตามแผนที่นี้ https://www.tourismthailand.org/fileadmin/upload_img/Multimedia/Ebrochure/470/วัดวรเชษฐาราม.pdf
 



จอดจักรยานถ่ายรูประหว่างทาง ไม่ได้เข้าไปด้านในค่ะ



ศาลหลักเมือง



มาแวะร้านบุษาคาเฟ่ ... มาตามรีวิวที่เค้าแนะนำว่าควรมา







เลือกบุษบาลาเต้ (ซิกเนเจอร์ของร้าน) กับขนมอีกชิ้น



ลาเต้เย็นท็อปด้วยสายไหม 



ขออนุญาตถ่ายภาพขนมในตู้ค่ะ







มีที่นั่งชั้นบนด้วยค่ะ แต่ร้อนมาก เราเลยลงมานั่งข้างล่าง





ร้านบุษบาคาเฟ๋ อยู่หน้าวัดราชบูรณะค่ะ .... กลับละ ไปคืนรถจักรยานค่ะ



สามารถคืนรถจักรยานได้ถึง 6 โมงเย็น แต่เราคืนก่อน ไม่อยากกลับบ้านค่ำมาก

ช่วงบ่ายไม่มีเรือข้ามฟาก มีแค่ช่วงเช้า- เย็น นั่งพี่วินตรงตลาดเจ้าพรหม มาสถานีรถไฟ 25 บาท

ขามาซื้อตั๋ว เค้าขอบัตรประชาชน ขากลับไม่ได้ขอบัตร เลยออกตั๋วให้เราเป็นผู้ชายซะงั้น 😅



15.11 น.



รถไฟไทยบ้านเรา มาตรงเวลาบ้าง ไม่ตรงบ้าง 
 แต่โดยรวมก็ยังอยากใช้บริการอยู่ค่ะ



391  ความเดิม  391

นั่งรถไฟเที่ยวอยุธยา > วัดราชบูรณะ
วัดมหาธาตุ
วัดพระราม
วัดพระศรีสรรเพชญ์

 




 

Create Date : 25 เมษายน 2565
0 comments
Last Update : 25 เมษายน 2565 10:38:30 น.
Counter : 1529 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณทนายอ้วน, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณtoor36, คุณThe Kop Civil, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณตะลีกีปัส, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณSleepless Sea, คุณmcayenne94, คุณปรศุราม, คุณสองแผ่นดิน, คุณKavanich96, คุณกะว่าก๋า, คุณหอมกร, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณtuk-tuk@korat, คุณtanjira, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณSweet_pills, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณInsignia_Museum


สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.