Bloggang.com : สายหมอกและก้อนเมฆ :

แอสโตรไฟตัม, เทอร์บินิคาร์ปัส

แคคตัส สกุลแอสโตรไฟตัม Astrophytum

ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก 2 คำ คือ คำว่า astro แปลว่า ดวงดาว และ phyton แปลว่า ต้นไม้ รวมหมายถึง ต้นไม้แห่งดวงดาว หมายถึงลวดลายที่ดูคล้ายกับดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า เดิมสกุลนี้แบ่งออกเป็นชนิด และชนิดย่อยตามลวดลายที่ไม่ซ้ำกัน แต่ปัจจุบันยุบเหลือเพียงแค่ 6 ชนิด นำไปปลูกเลี้ยงและพัฒนาพันธุ์นอกถิ่นฐานเดิมเป็นเวลานานนับร้อยปี ทำให้มีลูกผสมหน้าตาแปลก ๆ และสวยกว่าของเดิมมากมาย นับเป็นแคคตัสอีกสกุลหนึ่งที่ได้รับความนิยามในหมู่นักปลูกเลี้ยงไม้หนาม สกุลนี้มีกระจายพันธุ์อยู่ตามพื้นที่แห้งแล้งในเม็กซิโกและทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ปลูกเลี้ยงและให้ดอกง่าย แต่ใช้เวลานานกว่าจะออกดอก ในธรรมชาติขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดเพียงอย่งเดียว แต่สามารถใช้วิธีอื่นได้ เช่น การปาดยอดให้แตกต้นใหม่หรือต่อตอ เพื่อย่นระยะเวลาให้โตเร็วขึ้น

ลักษณะทั่วไป ส่วนใหญ่มีลำต้นเป็นทรงกลมหรือทรงกระบอก มีเพียงชนิดเดียวที่สร้างหัวใต้ดิน มีใบกลมยาวคล้ายเชือก ทุกชนิดไม่แตกหน่อด้านข้าง เว้นแต่ว่ายอดเสียหาย หรือถูกทำลายจึงจะให้หน่อใหม่จากตำแหน่งที่หยุดเจริญเติบโต มีทั้งชนิดที่มีหนามและไม่มีหนาม ดอกขนาดใหญ่สีเหลือง ส่วนใหญ่ให้ดอกบริเวณยอด เป็นสกุลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดชนิดหนึ่ง มีการปรับปรุงสายพันธุ์กันอย่างแพร่หลายจนมีรูปร่าง และลวดลายแตกต่างจากต้นเดิมในธรรมชาติ และเกิดดอกสีใหม่อีกมากมาย เช่นโอลด์โรส ชมพู ขาว และแดง เป็นต้น

ชอบที่เค้าไม่มีหนาม ดอกก็ใหญ่โตโอฬารดีค่ะ

แอสโตรไฟตัม ไมริโอสติกมา ออกดอกครั้งเดียว แล้วไม่เคยเห็นอีกเลยค่ะ

กว่าจะออกดอกแต่ละครั้งนานมากค่ะ ต้นนี้ ปี 2018

ต้นเดียวกัน เปลี่ยนกระถาง ปี 2021

แอสโตร ดอกชินโชวะ

บานขึ้นมาหน่อย

บานแฉ่งเต็มที่

ทยอยซื้อเรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม คงอีกนานกว่าจะโต กว่าจะให้ดอก

สกุลเทอร์บินิคาร์ปัส Turbinicarpus

ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก 2 คำ turbinatus และ carpos หมายถึง ผลที่มีลักษณะตั้งขึ้น เป็นแคคตัสขนาดเล็กถึงขนาดกลาง พบเฉพาะในเม็กซิโกตามชายทุ่งหรือเนินเขาที่มีพื้นที่เป็นกรวดหิน โดยซ่อนอยู่ตามพงหญ้าหรือพุ่มไม้เล็ก ๆ บางชนิดพบขึ้นอยู่บนผาหินในสภาพที่หลากหลาย มีทั้งหมด 15 ชนิด และชนิดย่อยมากมาย ส่วนใหญ่มีการกระจายพันธุ์แคบ และยังพบลูกผสมที่เกิดเองตามธรรมชาติในแหล่งที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่าง 2 ชนิด ปัจจุบันประชากรในธรรมชาติถูกลักลอบเก็บมาขายเป็นไม้ประดับ ปลูกเลี้ยงง่ายให้ดอกดก ต้นเล็ก ไม่เปลืองพื้นที่ จึงได้รับความนิยมจากนักปลูกเลี้ยง

ลักษณะทั่วไป มีรากเป็นโขดเล็ก ๆ ไว้สะสมอาหาร ส่วนใหญ่เป็นหัวเดี่ยว เนินหนามนูนออกจากลำต้น บางชนิดหนามโค้งงอขึ้น บางชนิดหนามขดหรือตรง ดอกค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับลำต้น สีขาว เหลือง หรือชมพู ออกจากยอด บานตอนกลางวันเพียง 1-2 วัน