Mooton
แดนภารตะ อินเดีย/ Incredible India
Books
Funny Retail
Beauty Recipes...สูตรความงามฉบับ Homemade
Happy Time
ไพ่ยิปซี
Mini Review
<<
ธันวาคม 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
18 ธันวาคม 2554
How to read English Book
ยามซากุระร่วงโรย / 5 Centimeters Per Second
Cat Study / วิชาแนะแมว
Salaryman's Diary / บันทึกความปวดเจ็บของเหล่ามนุษย์เงินเดือน
Summer with Love / ฤดูร้อนแห่งรัก
The Team / แม่หมอตาทิพย์กับภารกิจลับ (หลัง)
A Practical Guide to the Runes / วิธีง่ายๆ กับการทำนายด้วยอักษรรูน
งานไม่ประจำทำเงินกว่า..กับ 50 ข้อคิดดีๆ ค่ะ
หนังสือไพ่ทาโรต์ / ไพ่ยิปซี
Twilight Saga
Cosmetic / สงครามความงาม
A Carrie Diaries Novel /เกมรัก ฤดูร้อน
สุข สวย และรวยโคตร / กาละแมร์
Calling Romeo / ตามหา Romeo
รูปร่างสวยด้วยโยคะภายใน 30 วัน / เบญจามณี คำเมือง (ครูมด)
Why Men want Sex & Women need Love / ผู้ชายติดเซ้กซ์ & ผู้หญิงติดรัก
Eat Pray Love / อิ่ม มนต์ รัก สุดขอบฟ้า
One Day / หนึ่งวัน นิรันดร์รัก
Waiter Rant / เสริ์ฟมันฮา ประสาบริกร
He's just not that into you / หนุ่มกิ๊กสาวกั๊ก สมการรักไม่ลงตัว
Marley & Me / จอมป่วนหน้าซื่อ
Bridget Jones's Diary & The Edge of Reason
Safe Haven
The Reader / ในอ้อมกอดรักไม่ลืมเลือน
How to read English Book
Something borrowed / ขอได้ไหม ผู้ชายของเธอ
Why men Love & Marry Bitches
Can you keep a secret? คุณเก็บความลับได้ไหม
P.S. I love you / รักนี้ไม่มีวันลืมเลือน
How to read English Book
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ฉันแวะกินข้าวร้านตึกแถวก่อนนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างกลับบ้าน เป็นร้านที่ฉันมากินค่อนข้างบ่อยเพราะทำยำไวไวได้อร่อยมาก พี่ผู้ชายเจ้าของร้านและเด้กในร้านก็คุ้นหน้าฉันพอสมควร แต่เราไม่เคยคุยอะไรไปมากกว่าสั่ง order วันนั้นฉันก็เข้าไปกินปกติเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ปกติตรงที่เด็กที่ร้านมาพูดกับฉันตอนเอายำไวไวมาให้ว่า
"พี่คะ พี่รับสอนภาษาอังกฤษหรือเปล่าคะ"
ฉันเงยจากหนังสือแทบไม่ทัน ยังไม่ทันคิดว่าจะตอบอะไร น้องก็พูดต่อไปว่า
"หนูเห็นพี่อ่านหนังสือนิยายเป็นภาษาอังกฤษทุกครั้งที่พี่มาที่ร้าน พี่เรียนจากที่ไหนมาคะ หนูจะไปเรียนบ้าง อยากได้ภาษาอังกฤษจริงๆ ค่ะพี่"
ส่วนฉันก็ยังอึ้งอยู่ ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เพระาชีวิตนี้ไม่เคยรับสอนเป็นกิจลักษณะสักที มีแต่บรรดาู้ผู้ปกครองของน้องๆ มาให้ฉันสอน (ฟรี) ตั้งแต่สมัยฉันเรียนอยู่เมืองนอก แล้วเป็นอะไรที่ฉันขยาดมาก น้องก็ถามฉันมาอีก
"ตกลงพี่รับสอนไหมคะ หนูไม่เป็นเลยนะคะพี่ เริ่มจากศูนย์เลย เวลาเห็นฝรั่งก้อยากจะเข้าไปทักแต่ไม่กล้า กลัวพูดกับเขาไม่รู้เรื่อง พี่จะสอนหนูได้ไหม หรือแนะนำก้ได้ว่าไปเรียนที่ไหนดี ถึงจะเป็นได้อย่างพี่"
ฉันได้แต่ยิ้มและคำตอบที่ดีที่สุด คือ
"พี่เรียนเมืองนอกค่ะ"
เป็นอันจบข่าว มาคิดๆ ดูแล้ว ฉันก็น่าจะรับสอนน้องเค้าไป แต่มันกะทันหันจนฉันตั้งตัวไม่ทัน เลยทำให้น้องเข้าใจไปว่าฉันได้ภาษาเพราะไปเรียนเมืองนอก แต่จริงๆ แล้วฉันอ่านนิยายฉบับภาษาอังกฤษได้ก่อนที่ฉันจะไปเสียอีก แล้วฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยมีหลายๆ คนถามเหมือนกันว่าจะทำอย่างไร ถึงจะอ่านหนังสือเป็นภาษาอังกฤษได้ อยากจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องไปเรียนถึงเมืองนอกหรอกค่ะ คุณสามารถทำได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย เพราะฉันเองก็ทำได้แต่มันอาจจะยากนิดนึง ต้องอาศัยความอดทนและพยายามมากๆ ฉันทำยังไงน่ะหรอ เอาตั้งแต่ beginner เลยดีกว่า
1. เลือกหนังสือที่อ่านง่าย บางๆ เล่มไม่หนามาก และเป็นเรื่องที่เราสนใจ วิธีนี้จะทำให้เราไม่ท้อเกินไป เพระาถ้าเลือกเล่มที่ใช้แสลงเยอะ และศัพท์ยาก รวมถึงหนาอีกต่างหาก กว่าจะจบได้คงตายกันไปเลย เผลอๆ ถึงขั้นเผาหนังสือด้วยความแค้น ฉันแนะนำเรื่อง The notebook, Tuesdays with Morrie, Harry Potter (อันนี้ง่าย) เล่มแรกๆ นะคะ เอาบางที่สุด Gossip Girls และหนังสือเด็กทุกชนิด หรือ Arabian nights ก็ไม่เลว อ่านง่ายดี ศัพท์ซ้ำไปซ้ำมา เรื่องสนุกด้วย เป็นต้น
2. พอได้หนังสือแล้ว ก็เตรียมที่เตรียมทางซะ เลือกมุมที่ตัวเองสบายที่สุด สำหรับฉัน ถ้าไม่อยู่บ้านก็นู่นเลย สตาร์บัค เงียบดีแถมที่นั่งก็สบาย นั่งได้ทั้งวันไม่มีใครมาไล่ เริ่มเปิดหน้าแรก ลองอ่านที่ละย่อหน้าโดยไม่เปิด dictionary นะคะ อ่านไปช้าๆ ไม่ต้องรีบ พอจบย่อหน้านึง ปิดหนังสือ แล้วดูซิว่าเราเข้าใจหรือไม่ ถ้ายังไม่เข้าใจให้กลับไปอ่านซ้ำ ไม่จำเป็นต้องแปลได้ทุกตัวนะคะ อ่านเพื่อความเข้าใจได้ความบันเทิง ไม่ใช่นักเรียนที่ต้องได้คะแนนเต็มเหมือนสมัยเรียน หวังผล entrance ไม่เอา ไม่ต้องขนาดนั้น เว้นแต่ว่าคุณอยากรู้ความหมายของศัพท์นั้นจิงๆ และขอเถอะนะ อย่าเปิดเพลงฟังไปด้วยเด็ดขาด คุณจะเสียสมาธิอย่างแรง แม้แต่ทุกวันนี้ฉันก็ทำแบบนั้นไม่ได้ ยิ่งเอาหูฟังใส่ด้วยแล้วกระเจิงเลย แต่ถ้าเปิดเพลงเบาๆ ตามร้านกาแฟอันนั้นโอเคค่ะ
3. ถ้าอ่านแล้วอ่านอีก ก็ยังไม่เข้าใจ ให้เปิด dictionary ตัวที่มันซ้ำๆ กัน เพราะนั่นแหละคือ keyword ของมันล่ะ เปิดจนกว่าเราจะจับความหมายของสิ่งที่อ่านได้ คุณก็จะได้รู้ความหมายและได้คำศัพท์มาบ้าง พอที่จะเข้าใจย่อหน้าถัดไปได้ กรณีนี้ให้เลือกเป็นทางสุดท้ายที่คุณไม่เข้าใจเลยนะคะ ไม่อย่างนั้นจะติดเปิด dictionary ตลอดและจะทำให้คุณไม่เข้าใจภาพรวมของเรื่องที่อ่าน จะเป็นประมาณว่าได้หน้าลืมหลังค่ะ เพราะฉันก็ทำอย่างนั้นตั้งแต่เริ่มอ่านใหม่ๆ
4. เมื่ออ่านย่อหน้าแรกได้แล้ว ค่อยอ่านย่อหน้าต่อๆ ไป เริ่มต้นอย่างช้าๆ บางทีกว่าจะจบหน้านึงอาจจะใช้เวลาเป็นชั่วโมง ถือเป็นเรื่องปกติค่ะ รุ้ไหมคะว่า ฉันอ่านครั้งแรกใช้เวลา 4 ชม. กว่าจะจบหนึ่งหน้าค่ะ ครั้งแรกย่อมใช้เวลาเสมอ ฉันนี่ถึงขนาดเลิกไปช่วงนึงเลยค่ะ กว่าจะกลับมาอ่านต่อได้นี่ใช้เวลาหลายเดือน
5. เมื่อผ่านมาถึงตรงนี้ ก็อ่านไปหลายหน้าแล้ว จะสังเกตเห็นได้ว่าศัพท์ที่คุณเจอจะเริ่มซ้ำๆ กัน มีศัพท์ใหม่เพิ่มมาแบบเจอแค่ครั้ง 2 ครั้งไม่กี่ตัวหรอก ตลอดทั้งเล่มอ่ะ แถมประโยคบางประโยคนี่ก็คุ้นๆ ว่าได้ยินมาจากในหนังบ่อยๆ ก็ยิ่งจำได้อีก เพราะมันเป็นนิยายและบทสนทนาทีใช้ก็ชีวิตประจำวันเรานี่แหละค่ะ พอมาถึงตรงนี้ คุณจะเริ่มอ่านเร็วขึ้น จากที่ใช้เวลา 6 ชม. ต่อหน้า เปิดดิกจนเมื่อยก้เริ่มเปิดน้อยลง เพระาเจอมันซ้ำๆ ก็เริ่มเป็น 5 ชม. ต่อหน้าและค่อยๆ น้อยลง จนจบเล่มบางๆ ภายใน 6 เดือน และเล่มต่อไปก็จะตามมาเรื่อยๆ และคุณก็เริ่มจะสนุกขึ้น และการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษก็จะไม่ยากอีกต่อไป
ขอยกตัวอย่างเรื่องของฉันนะคะ สมัยนั้นฉันเห็นคนอ่านภาษาอังกฤษแล้วมันเท่ห์มาก อยากอ่านได้อย่างนั้นบ้าง เลยไปซื้อหนังสือมือสองตรอกข้าวสาร ไปกับเพื่อนที่จบโทจากออสเตรเลีย ตอนนั้นภาษาฉันก็แค่งูๆ ปลาๆ เหมือนคนทั่วไป เพื่อนฉันเลือกซื้อ a walk to remember ของ Nicolas Spark และบอกว่ามันอ่านง่ายมาก เขียนภาษาได้สวย ส่วนฉันเลือกหนังสือจากปกที่คิดว่ามันน่าอ่านและสนุก ไม่ได้ดูเล๊ยว่าภาษามันยากไหม เนื้อเรื่องเป็นอย่างไร แค่อยากเก๋เหมือนเขาเท่านั้น สรุปฉันอ่านไม่รู้เรื่องสักตัว ได้แต่คิดว่าคนเขียนเขียนไม่ดี หลังจากนั้นมาหลายปี ฉันไปเรียนภาษาที่ AUA ก็ดีขึ้นมาหน่อย อ่ะ กลับไปอ่านหนังสือฉบับภาษาอังกฤษเหมือนเดิม แต่คราวนี้เลือกเรื่องที่อยากอ่านเพราะไปเจอเคล็ดลับในเน็ตเกี่ยวกับอ่านภาษาอังกฤษอย่างไรให้ด้ผล เล่มแรกในชีวิตที่อ่านคือ Bridget Jone's Diary โอ้โห..ไม่อยากจะเซด แสลงโคตรเยอะ แถมมุกที่เล่นนี่ไม่ get เลย ฉันลองผิดลองถูก ปรับวิธีอ่านทุกอย่างจนอ่านจบเล่ม กินเวลา 6 เดือนพอดี ด้วยความเข้าใจแค่ครึ่งเดียว ฉันกลับไปอ่านฉบับแปล และกลับมาอ่านใหม่ก็เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม นับจากนั้นฉันก็พยายามอ่านเป็นภาษาอังกฤษตลอด และมันก็เริ่มอ่านเร็วขึ้นจากการที่ฉันทำตามวิธีที่ได้เอ่ยถึงไปแล้ว และพอได้มาอ่านของ Nicolas Spark หรือนักเขียนท่านอื่นๆ ที่เขียนภาษาค่อนข้างง่ายนี่ ฉันอ่านสบายไปเลย ฉันควรเริ่มจากง่ายๆ ก่อนจะได้ไม่เสียเวลาหลายเดือนขนาดนั้น แต่แปลกมาก เมื่อเดือนที่แล้วฉันเอา Bridget มาอ่านใหม่ ฉันกลับนั่งหัวเราะกับมุกตลกที่แต่ก่อนฉันไม่เข้าใจสักนิด ทำให้ฉันได้รู้ว่า ยิ่งอ่านเยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งพัฒนามากขึ้นเท่านั้น ก็การอ่านคือ skill อย่างนึงนี่นา
ฉันเริ่มซื้อหนังสือจริงๆ จังๆ ก็ 3-4 ปีมานี้เอง อ่านจบไปแล้วประมาณ 50 กว่าเล่มได้ นี่คือหนังสือบางส่วนที่ฉันมีค่ะ
ปัจจุบันนี้ฉันก็ยังซื้อหนังสืออยู่เรื่อยๆ เป็นสิ่งที่ฉันชอบมาก ยังไงเอาวิธีของฉันลองไปใช้ดูนะคะ รับรองว่าได้ผลแน่นอน แต่ตอนนี้ขอตัวไปคิดก่อนนะคะว่าจะสอนน้องคนนั้นยังไงดี ถ้าสิ่งที่ฉันคิดไว้ได้ผล จะเอามาแชร์กันวันหลังนะคะ ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ
อ้อ..ลืมบอกไป ถ้าอยากจะซื้อหนังสือต่างประเทศราคาถูกจริงๆ แนะนำให้ไปที่ Kinokuniya นะคะ หนังสือใหม่จะลดจากปก 20% ค่ะ บางเล่มลดแล้วไม่ถึง 200 ก็มี คุ้มมากๆ ตามปกติก็ถูกอยู่แล้ว เป็นร้านโปรดในใจฉันเลย ว่างๆ ลองแวะเข้าไปบ้างนะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังค่ะ
Create Date : 18 ธันวาคม 2554
Last Update : 19 ธันวาคม 2554 10:20:58 น.
3 comments
Counter : 980 Pageviews.
Share
Tweet
เยี่ยมเลยค่ะ
โดย: ริมตลิ่ง IP: 172.20.9.150, 58.137.148.35 วันที่: 19 ธันวาคม 2554 เวลา:14:20:04 น.
ชื่นชมครับ
โดย: superman IP: 110.164.114.146 วันที่: 12 มกราคม 2555 เวลา:16:07:59 น.
ขอบคุณค่าาาา....
โดย:
saranan
วันที่: 20 สิงหาคม 2556 เวลา:22:29:20 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
saranan
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [
?
]
ดูดวงเป็นอาชีพหลัก งานประจำเป็นงานอดิเรก
ID Line : mooton.banana
Webmaster - BlogGang
[Add saranan's blog to your web]
Bloggang.com