ได้เวลาไปหาข้าวเย็นค่ะ ร้านส่วนมากปิดหมด แต่ โรงเตี๊ยม ภูทับเบิก ร้านดังของภูทับเบิกยังเปิดอยู่ค่ะ โรงเตี๊ยมภูทับเบิกขับรถลงไปจากจุดชมวิวไปตามทางเรื่อยๆ ไม่ไกลค่ะ
ที่โรงเตี๊ยมนอกจากจะเป็นร้านอาหารแล้ว ยังมีที่พักด้วยนะคะ สำหรับช่วง Low season แบบนี้ ราคา 800 บาทค่ะ เป็นทรงบ้านไม้หลังเล็กๆ ใกล้ๆกับร้านอาหารนี่หละค่ะ
ณ โรงเตี๊ยมภูทับเบิก น้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้กำลังรอต้อนรับลูกค้าอยู่บนลังน้ำแข็งพร้อมกับกัดที่จับฝาลังอย่างเมามัน เราและคุณแฟนเดินเข้าไปนั่งเรียบร้อย พนง.เดินนำเมนูมาให้
เรามองไปที่เมนู ....ไม่มีอาหารจานเดียว เงินในกระเป๋าก็น้อยจะสั่งอะไรดีหละ...ขาหมูหมั่นโถวน่ากินจัง แต่ราคานี้ปริมาณแค่ไหนไม่รู้ จะอิ่มไหม อย่ากระนั้นเลย สั่งกับข้าวมาทานกับข้าวเปล่าก็แล้วกัน
เรา : กะหล่ำผัดน้ำปลาค่ะ ... แล้วก็ไก่ทอดสมุนไพร ...ข้าวเปล่า 2 จาน (กะหล่ำ 90 บาท ไก่ 150 บาทพอจ่ายไหวๆ)
แม่ครัว : ไก่หมดค่ะ
เรา : .....(แย่แล้ว เอาไงดี..เลื่นสายตามองหาเมนูที่ต่อไป จะกินยำยอดมะระ 150 บาทคู่กับผักก็ยังไงอยู่)....ต้มยำกุ้งแล้วกันค่ะ... (220บาท)
กะหล่ำทอดมาแบบเรียบง่ายมาก รสชาติขื่นเบาๆ ทนกินไป...ต้มยำกุ้งมาแบบหม้อไฟ ใส่กุ้งมาเยอะเลย ก็พอใช้ได้สำหรับราคานี้ ถึงจะสูงไปนิดแต่เข้าใจได้ ว่าค่าขนส่งขึ้นภูคงแพง
|
กะหล่ำผัดน้ำปลา 90 บาท |
|
ต้มยำกุ้ง 220 บาท กุ้งเยอะค่ะ อร่อยดี |
กลางคืนของภูทับเบิก มืดลงอย่างรวดเร็ว ไม่มีแสงสีอะไร สิ่งที่ทำได้มีเพียงนอนดูทีวีในห้องค่ะ เปิดไฟล่อแมลงไว้หน้าห้องด้วย แมลงเยอะจัง นั่งกินเสบียงซาลาเปาที่ซื้อมาตอนแรกนึกว่าจะแข็งแล้วเพราะอากาศเย็นและโดนลม ปรากฏว่านุ่มอร่อย จนอยากจะไปซื้อมาเพิ่ม ฟินกว่ากินที่ร้านโรงเตี๊ยมเยอะเลย วันนี้สารภาพว่าไมได้อาบน้ำค่ะ ไม่ใช่เพราะหนาว
แต่เพราะน้ำไม่ไหลค่ะ เดาเอาเองว่าเค้าลืมเปิดน้ำให้ จะไปตามมาเปิดก็ไม่รู้จะตามที่ไหน กลับบ้านกันไปหมดแล้ว เลยเอาน้ำขวดที่มีให้ 2 ขวดมาล้างหน้าล้างตาแปรงฟันไป
|
ถนนเส้นเล็กๆบนภูทับเบิกค่ะ ไม่มีไฟถนนนะ มีแต่ไฟรีสอร์ท แต่ภาพนี้รถวิ่งมาพอดี เลยมีแสงจากไฟรถ ^^
ทะเลหมอกยามเช้าที่ภูทับเบิก เช้าวันรุ่งขึ้น...รีบตื่นมารอดูพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่จุดชมวิวภูทับเบิกค่ะ ทางจากห้องพักค่อนข้างชัน ผนวกกับอากาศยามเช้าที่เบาบาง หายใจไม่ออกแทบแย่เลย ผลของการเป็นคนไม่ออกกำลังกายปรากฏให้เห็นชัดเชียว พระอาทิตย์ขึ้นอยู่ไกลลิบๆ หมอกก็หนาแน่นอยู่ไกลๆ มองไปตรงที่น่าจะเป็นหมู่บ้านไกลออกไปมีหมอกปกคลุมทั่วเลย นึกในใจ..มาไม่หาข้อมูลก็งี้แหละ อดได้สัมผัสหมอกเลยเห็นไหม
| แปลงกะหล่ำในตอนนี้ค่ะ ยังไม่โตเลย |
| น้องหมาตัวเดิม ตื่นมาดูแลกันแต่เช้า |
ว่าแล้วก็ไปอาบน้ำแล้วหาข้าวเช้าทานพร้อมวางแผนการท่องเที่ยววันนี้ดีกว่าค่ะ เช้านี้น้ำก็ยังไม่ไหลนะ ต้องบอกคนงานก่อสร้างแถวนั้นเปิดให้ (บอกแล้วว่าที่พักใหม่ค่ะ ยังสร้างกันไม่เสร็จเลย) น้ำอุ่นระบบแก๊สนี่อุ่นไวดีค่ะ
เราเดินกลับมาที่ร้านชำ มีขายอาหารจานเดียวง่ายๆจานละ 50 บาทอยู่ด้วย ที่นั่งก็เป็นแบบเปิดโล่งให้ดูวิว ระหว่างนั่งรออาหารซักพักหมอกก็เริ่มลอยมาปกคลุมจนขาวไปหมดทั้งบริเวณค่ะ ดีใจจัง^^ มโนไปว่าตัวเองอยู่ใน The Mist หรือ Silent hill (แต่อย่างหลังนี่ต้องเป็นเมืองขี้เถ้าเนอะ) | ร้านชำและร้านอาหารตรงทับเบิกรีสอร์ท อยู่ก่อนทางลงไปที่พักเราพอดี |
| 50 บาทให้เยอะมากเลย กินไปดูหมอกไป ฟิน |
มองทางที่เราขับรถขึ้นภูทับเบิกมากันเมื่อวานตอนนี้ขาวโพลนไปหมดค่ะ ขับลงไปอันตรายแน่ๆ เลยตัดสินใจไปภูหินร่องกล้าแทน ไหนๆก็มาถึงนี่แล้วด้วย
มุ่งหน้าไปภูหินร่องกล้า หลังจากที่ตัดสินใจไปภูหินร่องกล้าแล้ว ก็ขับรถย้อนมาทางเดิมที่เมื่อวานผ่านมาค่ะ ตรงทางแยกไปตามป้ายภูหินร่องกล้าเลย จะเจอด่านตั้งแต่จุดนี้เลยค่ะ จ่ายค่าเข้าภูกันไปคนละ 40 บาท รถคันละ30 ทางของภูหินร่องกล้านี่ไม่หฤโหดเท่าทางขึ้นภูทับเบิกค่ะ โค้งน้อยกว่าชันน้อยกว่า แต่พื้นผิวไม่ค่อยดีในบางจุด ส่วนหมอกมาไม่ถึงตรงนี้ ไม่มีอะไรมาบดบังทัศนวิสัยค่ะ ขับไปไกลพอควรก็เจอน้ำตกห้วยขมิ้นน้อยอยู่ทางซ้ายมือเป็นน้ำตกเล็กๆที่ทางเข้าไม่ไกลค่ะ แค่ 50 เมตร ลงมาเดินเล่นได้แบบไม่เสียเวลามาก
| น้ำตกห้วยขมิ้นน้อย | ณ ภูหินร่องกล้า...หินซ้อน....ลานหินปุ่ม....ผาชูธง ที่ภูหินร่องกล้านี่ ทางเข้าก็มีเพิงขายของอยู่เยอะ แต่วันนี้ก็ร้างอีกเช่นเดิมค่ะเปิดอยุ่แค่ร้านเดียวเอง มาหน้านี้แอบเหงาเหมือนกันนะ พี่สาวที่ทำงานบอกว่าในหน้าท่องเที่ยวตรงนี้จะมีกล้วยไม้และของอื่นๆมาขายเยอะแยะเลยค่ะ เราเดินไปดูแผนที่แวปนึงจนรู้ว่าเดินเวียนทางขวาแล้วจะเจอลานหินปุ่มแล้วก็เข้าไปเลย
| แผนที่ภายในภูหินร่องกล้า | ภูหินร่องกล้า เป็นอีกหนึ่งสมรภูมิแห่งความขัดแย้งเมื่อครั้งอดีตระหว่าง รัฐบาล ในยุคสมัยนั้น กับ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ด้วยลักษณะภูมิประเทศของภูหินร่องกล้าซึ่งประกอบไปด้วยแนวภูผาหินอันสลับซับซ้อนและผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ทำให้ พคท.เลือกใช้สถานที่แห่งนี้เป็นฐานที่มั่นใหญ่.....ภายหลังเมื่อความขัดแย้งระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่าย พคท.คลี่คลายลง..... ภูหินร่องกล้า ก็ได้รับการจัดตั้งให้กลายเป็นเขตอุทยานแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. 2526 ในท้ายที่สุด ที่อุทยานนี้ยังคงความเป็นธรรมชาติมากๆค่ะ ไม่ค่อยมีสิ่งก่อสร้างรกสายตาเท่าไหร่ แม้แต่ทางเดินหรือป้ายบอกทางก็ทำเท่าที่จำเป็น เพราะงั้นตอนเดินก็ต้องดูไลน์ให้ดีว่าควรเดินต่อไปตรงจุดไหนนะคะ (ก็คือจุดที่ดูเรียบที่สุดหรือไม่ช่องทางพอเดินนั่นแหละค่ะ ไม่ต้องบุกป่าฝ่าดง ถางทางกันเองนะ) ที่นี่จะเป็นหินขนาดใหญ่มากๆ กับมีต้นไม้ดอกไม้เล็กๆแซมอยู่ค่ะ ต้นไม้สูงๆก็พอมีแต่ใบไม่หนามาก
เดินทวนเข็มนาฬิกาไปเรื่อยๆ จะเจอหินซ้อนอยู่ ไปอีกหน่อยจะเจอลานหินปุ่มค่ะ สภาพหินแบบไม่น่าเชื่อว่าธรรมชาติจะสร้างออกมาได้สวยและแปลกแบบนี้ ตรงจุดชมวิวลานหินปุ่มนี่ปลายๆ เหมือนเป็นผาแยกออกไปเลยค่ะ มีช่องกว้างประมาณ 1 เมตรกั้นอยู่ แล้วก็สูงจนไม่กล้ามองข้างล่าง คุณแฟนกระโดดข้ามไป..ห๊ะ!! อันตรายนะนั่น เรายอมแพ้นั่งยองๆอยู่ตรงนั้นแหละค่ะ แต่พอกวาดตามองไปทางขวา มีสะพานไม้เล็กๆให้เดินข้าม แถมมีพุ่มไม้บังไม่ให้หวิวมากด้วย ก็เลยได้เดินข้ามไปตรงส่วนปลายซะที (ฝากถึงทุกคนเลยค่ะ อย่ากระโดดข้ามแบบแฟนเรานะ ถึงจะขายาวยังไง ปลอดภัยไว้ก่อนเถอะ คนยืนดูหัวใจจะวาย) | หินซ้อน |
| ใกล้ลานหินปุ่มแล้วค่ะ | | ถึงแล้ว ลานหินปุ่ม | | ช่องว่างระหว่างลาน ทั้งกว้างและลึก | | ตรงต้นไม้ด้านขวาของภาพ มีสะพานไม้เล็กๆอยู่ค่ะ |
ณ จุดนี้วิวสวยจริงๆค่ะ มองไปได้ไกลมากๆ และวิวที่เห็นคือภูเขาหลายๆลูกที่ยังเขียวขจีไม่ใช่ภูเขาหัวโล้น แถมยังมีเมฆหมอกปกคลุมหลายๆยอดเขาเลยด้วย ดูแล้วสดชื่นจริงๆ (เดินดูด้วยความระมัดระวังนะคะ ขอย้ำเลย พื้นไม่เรียบ พลาดสะดุดทีร่วงไปศพหาไม่เจอเลยนะ) กำลังดูวิวเพลินๆ ฝนเริ่มลงเม็ดค่ะ ภาวนาให้มันไม่ตกหนัก แต่การภาวนานี้ไม่สำเร็จค่ะ ระหว่างเดินออกจากลานหินปุ่มมุ่งหน้าไปผาชูธง ฝนก็เทลงมาอย่างหนักเรียกได้ว่าพายุเลย เพราะลงเม็ดทั้งใหญ่เล็กถี่ยิบ ต้นไม้ที่นี่ก็ช่างโปร่งบางไม่ช่วยกันอะไรเลย ทั้งกล้องและมือถือของเรายัดใส่ไว้ในกระเป๋ากล้องหมดแล้วตั้งแต่ฝนเริ่มลงเม็ดค่ะ เอามาอุ้มไว้ข้างหน้าใช้แจ๊คเก็ตยีนส์ห่ออีก แต่ด้วยความแรงขนาดนี้ถ้าเดินต่อไปคงไม่รอดพักหมดทุกชิ้นแน่ๆ โชคยังดีที่วิ่งไปซักพักก็เจอหินก้อนใหญ่ที่มีเวิ่งเหมือนถ้ำตื้นๆอยู่ เลยได้เข้าไปหลบฝนกันค่ะ | ถ่ายจากที่หลบฝนค่ะ | บล๊อคหน้าเดินทางหลังฝนซาจากภูหินร่องกล้าสู้ Blue Sky resort ค่า |
กว่าจะจบทริปนี้สงสัยจะทะลุ 6 บทความ
ฝากติดตามด้วยนะค๊าาาา