♥ กินอย่างไร ไม่อ้วน ไม่แก่ แบบชาวญี่ปุ่น ♥
หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า คนญี่ปุ่นนั้นสามารถครองแชมป์อายุยืนยาวที่สุดในโลกนานถึง 20 ปี คนอ้วนก็มีน้อยมาก ทั้งที่เป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องของการทานอาหาร จนเกิดความสงสัยว่าทำไมคน ในประเทศนี้ถึงสุขภาพดี จนมีผลงานวิจัยออกมาว่าเป็นเพราะการทานอาหารนั่นเอง
อาหารญี่ปุ่นไม่ผ่านการปรุงมาก คนญี่ปุ่นนั้นชอบทานอาหารรสชาติที่เป็นธรรมชาติ ชอบมานอาหารสด เฃ่น ปลาดิบ สาหร่ายคอมบุ และสาหร่ายโนริ ซึ่งมีโอดีนสูงมา และทำในแต่ละมื้อเพียงเล็กน้อยแค่พอทานเท่านั้น โดยจะใช้วิธีการนึ่ง ย่างบนกระทะ ต้มหรือ ผัดแบบเร็วๆ ด้วยความร้อนสูง ซึ่งวิธีการเหล่านี้ สามารถช่วยรักษาคุณค่าสารอาหารไว้ได้มากที่สุด
-> มีพื้นฐานอาหารอยู่ 5 อย่าง อาหารที่ทานในชีวิตประจำวัน ได้แก่ ข้าว ปลา ถั่วเหลือง ผักและผลไม้ คนญี่ปุ่นนั้นจะชอบทานปลา หัวไวเท้า และสาหร่าย นอกจากนี้ยังชอบทานเต้าหู้ที่แปรรูปมาจากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นอาหารที่มีคลอเลสตอรอลต่ำ และปราศจากไขมันอิ่มตัว ไม่เหมือนในเนื้อแดง ผลิตภัณฑ์จากนมและเนย
-> ทานอาหารหลากหลายพร้อมกับข้าว ตัวอย่างชัดๆ คือ ข้าวกล่องแบบญี่ปุ่นที่มีอาหารหลายช่องอย่างละเล็กน้อย จะช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานแบบเผาผลาญได้มากขึ้นเนื่องจากความหลากหลายของอาหาร ซึ่งเป็นการกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานตลอดเวลา ทำให้ไม่มีไขมันสะสมในร่างกายซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ
-> ใช้ตะเกียบในการทานอาหาร วิธีนี้ได้ผ่านการทดสอบแล้วว่าทำให้ทานอาหารได้น้อยลงกว่าปกติ เนื่องจากสมองสามารถรับรู้ความอิ่มหลังจากที่ร่างกายอิ่มไปแล้วประมาร 10 นาที เมื่อเราทานอาหารช้าลงก็จะอิ่มเร็วขึ้น ทำให้ไม่ต้องทานอาหารจนเกินความต้องการของร่างกาย -ใช้ภาชนะใส่อาหารขนาดเล็ก คนญี่ปุ่นนั้นมีจิตวิทยาที่ว่า ถ้าเห็นอาหารเต็มชาม แม้ว่าจานชามจะมีขนาดเล็กว่าปกติ ก็สามารถทำให้อิ่มเร็วขึ้น เพราะฉะนั้น อาหารญี่ปุ่น มักจะเสิร์ฟเป็นจานเล็กๆ และคุ้นเคยกับอาหารปริมาณ น้อยที่อยู่ในจาน มักทานอาหารอย่างช้าๆ ค่อยๆ ลิ้มรสชาติอาหารนั้น
-> คนญี่ปุ่นเป็นราชาแห่งอาหารเช้า อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ ซึ่งคนญี่ปุ่นจะไม่ทานขนมปังแทนข้าวเช้า ไม่นิยมทานเบคอน หรือซีเรียลที่มีน้ำตาลสูง อาหารเช้าของชาวญี่ปุ่นนั้นจะประกอบด้วย ข้าว ไข่ ปลาย่าง เต้าหู้ มิโซะซุป สาหร่ายและชาเขียว
-> ทานขนมหวานอย่างถูกวิธี แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่มีร้านเบเกอรี่อยู่มากมาย และวัยรุ่นญี่ปุ่นก็ชื่นชอบการทานช็อกดกแลต ไอศกรีม คุกกี้และเค้กต่างๆ แต่จะทานในช่วงเทศกาลเท่านั้น โดยทานเป็นชิ้นเล็กๆ สังเกตว่าเค้กญี่ปุ่นจะชิ้นเล็กกว่าเค้กยุโรปมาก ทำให้ในแต่ละวันร่างกายได้รับของหวานเพียงเล็กน้อย
-> ดื่มชาเขียวไร้น้ำตาลแบบอุ่นๆ ปัจจุบันคนญี่ปุ่นเปลี่ยนจากการดื่มชาดั้งเดิมมาดื่มชาเขียวกันมากขึ้น เพราะมีการศึกษาพบว่า ชาเขียวมีสารเคทชินโพลิฟีนอล ซึ่งเป็นสารที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเผาผลาญแคลอรี่ นอกจากนี้ชาเขียวยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยชะลอความแก่ และทำให้สุขภาพดีขึ้นอีกด้วย
ที่มา : หนังสือสุขภาพดี
Create Date : 01 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 1 กรกฎาคม 2553 19:51:37 น. |
|
1 comments
|
Counter : 826 Pageviews. |
|
|
|