10 วัน 7 คืน วันที่ 13 มิถนายน ถึง 22 มิถุนายน 2561
รอบนี้ใช้บริการ QE tours ราคา 73,900+visa3,500 รวม 77,400 บาท ค่าทิป คนขับ+ไกด์ 47 ยูโร ประมาณ 2,000 บาท

เงินที่ใช้ต่อ 1 โครนสวีเดน 3.71 บาท,โครนนอร์เวย์ 4บาท และโครนเดนมาร์ค 5.1 บาท เป็นโซค่าครองชีพสูงอันดับต้น ๆ ของโลก น้ำดื่มขวดใหญ่ 100-200 บาทแพงกว่ายุโรปอีก(1-2 ยูโร) แต่เข้าห้องน้ำไม่เสียตังส์ อุณหภูมิ นอร์เวย์ จะเย็นประมาณ 18-22 องศา ส่วน สวีเดน กับ เดนมาร์ค ประมาณ 25-28 องศา

ไกด์ไทยคุณบอย เข้มงวด เสียงดัง แต่ทุกอย่างเป็นไปตาม plan แก้ไขปัญหาได้เร็วมาก ชอบ ใน trip มีคนถูกขโมยกระเป๋าที่ นอร์เวย์ Passportหาย (ฝากเพื่อนแล้วไปถ่ายรูป กลับมากระเป๋าหาย ขโมยเยอะคอยจ้องตอนเผลอ) แต่ก็สามารถกลับพร้อมกันได้ การขอจดหมายรับรอง visa ยุ่งยากมาก ๆ หลังจากนี้จะไม่ทิ้งกระเป๋าแล้ววิ่งไปถ่ายรูป จะอดได้มั้ยเนี่ย 555

วันที่แรก13 มิถุนายน 2561 ไกด์นัด 10.30 น. เครื่องออก 1.35 น. ของอีกวันนึง ต่อเครื่องที่ดูไบโดยสายการบิน Emirate EK385 ถึง ดูไบ ตี 4.45 น.(ช้ากว่าไทย 3 ชั่วโมง) ออกจากดูไบ 8.45 น EK157

13.10 ถึง Sweden(Stockholm-Arlanda Airport) (ช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง) กว่าจะผ่าน ตม. สวีเดน มาได้ นานมาก ๆ จนไป cityhall ไม่ทัน

Scandinaviaคือกลุ่มประเทศยุโรปเหนือ ประกอบด้วยประเทศสวีเดน นอร์เวย์และเดนมาร์ก ถ้ารวมประเทศฟินแลนด์และไอซ์แลนด์ เราจะเรียกกลุ่มประเทศนี้ว่า “Nordic”

วันที่สอง 14 มิถุนายน 2561 กรุงสตอกโฮล์ม สวีเดนชมพิพิธภัณเรือวาซา (Vasa Museum)

Vasa เป็นเรือที่ถูกกู้ขึ้นมาในศตวรรษที่ 17 เนื่องจากสามารถรักษาชิ้นส่วนเดิมของเรือไว้กิ้ง ได้กว่า 95 เปอร์เซ็นต์และตกแต่งประดับประดาด้วยรูปแกะสลักนับร้อยชิ้น เรือ Vasa เป็นทรัพย์สมบัติทางศิลปะที่โดดเด่นและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

เมื่อเรือรบหลวง Vasa จมลงใต้ท้องทะเล เวลาก็แช่ค้างไว้เช่นนั้น สิ่งที่ถูกกู้ขึ้นมาในปี 2504คือชิ้นส่วนที่ไม่สามารถจับต้องได้แห่งศตวรรษที่ 17 ชิ้นส่วนที่กู้คืนมาได้นับพันชิ้น แต่ละชิ้นมีเรื่องราวที่จะเล่าท่ามกลางสิ่งเหล่านั้นคือกระดูกของลูกเรือ รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้และอุปกรณ์ต่างๆของเรือ

ในโคลนที่อยู่ก้นเรือVasa นักกอบกู้เรือพบใบเรือหกใบที่ยังไม่ได้ขึงณ เวลาแห่งความพินาศครานั้นใบเรือดังกล่าวเป็นใบเรือที่เก่าที่สุดในโลกที่กู้ขึ้นมาได้และเปราะบางเหมือนใยแมงมุมก่อนที่จะนำมาปฏิสังขรณ์การ วิจัยสิ่งที่ค้นพบยังคงดำเนินการอยู่มีสิ่งของดังกล่าวมากมายหลายชิ้นถูกนำมาจัดแสดงในนิทรรศการทำให้ช่วงเวลาที่ผ่านไปแล้วและผู้คนในช่วงนั้นกลับมีชีวิตอีกครั้ง

รูปวาดในอดีตมีเรือมากมาย

ลิฟท์ ค่าตอนแรกนึกว่า ระฆัง

เริ่ดมากรถสองล้อ

เมืองคาร์ลสตัท เมืองสวยริมทะเลสาบแวเนิร์นอันงดงามของประเทศสวีเดนจนได้รับการขนานนามว่า ไวกิ้งแห่งสแกนดิเนเวีย

เมืองนี้ ผู้ชายหน้าตาดีมาก

คืนนี้พักที่ QUALITY HOTEL FRIENDS ที่Sweden(Stockholm) วิวสวยบรรยากาศดี อาหารอร่อย ถูกใจมาก

วันที่สาม15 มิถุนายน 2561 สต็อคโฮลม์ – คาลสตัท – ออสโล

หลังจากพลาดcity hall ก็ซ่อมได้ โชคดีที่ทัวร์สามารถจองทดแทนได้ ยังไม่เต็ม ไม่งั้นเสียดาย

The City HallStockholm นอกจากจะมีสถาปัตยกรรมของตัวอาคารที่สวยงามแล้วยังมีวิวทิวทัศน์บรรยากาศโดยรอบสวยงามไม่แพ้กัน ใช้เวลาสร้างถึง 12 ปีใช้เป็นสถานที่ในการมอบรางวัลโนเบล รางวัลอันทรงเกียรติและทรงคุณค่าของโลก

ห้องโถง(BlueRoom) ตกแต่งประดับประดาสวยงามด้วยศิลปะใหม่ในศตวรรษที่20 โดยใช้วัตถุ หินอ่อน อิฐในสวีเดน ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงหลังพิธีมอบรางวัลโนเบล สามารถเช่าจัดงานได้

ห้องทองคำ(GoldenRoom) ที่ตกแต่งด้วยทองคำที่เป็นโมเสคถึง18 ล้านชิ้น!นอกจากนี้ยังประดับเสริมด้วยกระจก แก้ว เพิ่มลงไปห้องนี้ได้รับการออกแบบโดยนักออกแบบที่มีอายุน้อยประมาณ 25-26 ปี และใช้เวลาเนรมิตสร้างถึง 2 ปีผลงานศิลปะในห้องนี้จะแสดงถึงประวัติศาสตร์และบุคคลสำคัญของสวีเดนรวมไปถึงเทพธิดาแม่น้ำ และห้องทองคำนี้ใช้สำหรับจัดงานเต้นรำและงานรื่นเริงหลังจากรับประทานอาหารในงานเลี้ยงเสร็จแล้ว

ห้อง CityCouncil Chamber ที่นักการเมืองสตอกโฮล์มจะมาประชุมทุกวันพฤหัสที่สามของเดือน มีสมาชิกทั้งหมด 101 นั่งรวมกันที่นี่ร่วมกันตัดสินใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสตอกโฮล์มเหล่าสมาชิกปฏิบัติอย่างนี้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1921 การตกแต่งเพิ่มเติมเกิดขึ้นในปี ค.ส.1923 นอกจากนี้ยังมีโซนที่นั่ง สื่อมวลชนที่สามารถเข้ามานั่งได้และสามารถบันทึกภาพการประชุมส่วนห้องตรงข้ามจะเป็นห้องที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาเพื่อฟังการประชุมได้

สิ่งพิเศษของห้องนี้คือเพดานซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงศิลปะแบบสวีเดน ซึ่งศิลปินชาวสวีเดนวาดด้วยมือ

ห้อง Gallery of the Prince ซึ่งเป็นหนึ่งในห้องจัดแสดงที่สำคัญที่สุดของเราเป็นที่ที่เราจัดงานเลี้ยง ที่เรียกว่าห้อง Gallery of the Prince เนื่องจากเจ้าชายเป็นคนลงสีที่ผนังด้วยพระองค์เองพระองค์มีพระนามว่าเจ้าชายยูจีน ซึ่งเป็นพระอนุชาของพระมหากษัตริย์ในเวลานั้นพระองค์ตัดสินใจที่จะวาดภาพให้เป็นของขวัญแก่กษัตริย์ด้วยศิลปะแบบ Frisco บนกำแพงที่นี่ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของวิวที่มองออกไปนอกหน้าต่างโดยทฤษฎีแล้วไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงฝั่งไหนของกำแพง ก็จะเห็นวิวที่สวยวิวเดียวกัน

เมืองหลวงของนอร์เวย์ คือ ออสโล อดีตเคยเป็นอาณานิคมของชาวไวกิ้งโบราณปัจจุบันเป็นแหล่งการค้าและเศรษฐกิจของนอร์เวย์ที่สำคัญออสโลยังถือเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปอีกด้วย พิพิธภัณฑ์ระดับโลกแกลอรี่ชื่อดัง หรือสวนประติมากรรมเจ๋งๆ มีตั้งอยู่ที่ออสโลมากมายแต่วันนี้จะพาไปเยือน “วิคเกอร์แลนด์พาร์ค” ณ กรุงออสโล

สร้างสรรค์โดยศิลปินนามว่า กุสตาฟ วิคเกอร์แลนด์ ศิลปินชื่อดังชาวนอร์เวย์เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้ทิ้งไว้และ ณปัจจุบันสวนประติมากรรมนี้ก็ยังถือเป็นสวนประติมากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกด้วย

วิคเกอร์พาร์ค ตั้งอยู่ในเขตสวนสาธารณะฟรอกเนอร์ เป็นสวนที่จัดแสดงงานประติมากรรมมนุษย์เปลือย ในหลากหลายอิริยาบถทั้งนั่งเดิน ยืน ทำกิจกรรมต่างๆ เป็นรูปแบบเสมือนจริงแต่เปลือยหมดไม่ว่าจะทั้งเด็กผู้ใหญ่ ชายหรือหญิง หนุ่มสาวหรือว่าแก่ชราประติมากรรมเหล่านี้ล้วนได้สิทธิ์เปลือยท้าพระอาทิตย์เที่ยงคืนกันถ้วนทั่วหน้า

มีการวิจารณ์ที่ศิลปินสร้างสรรค์แนวนี้ออกมาว่าลามก ส่อในทางเพศที่โจ่แจ้งเกินไป แต่พวกเขาลืมไปว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากธรรมชาติ แต่สิ่งที่มองเห็น และคิดว่าดีหรือไม่ดีนั่นเป็นสิ่งที่มนุษย์เป็นผู้กำหนดขึ้นมาเอง แต่สุดท้ายแล้วกายของคนเราต้องล้วนสลายไป เหลือแต่นามประธรรม ที่มนุษย์กำหนดตนเองตอนยังมีชีวิต ให้ผู้คนรุ่นต่อไปไว้จดจำเพียงเท่านั้น!

การจัดวางงานแต่ละชิ้นได้จัดแสดงไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วสวนอย่างมีเสน่ห์นักท่องเที่ยวสามารถเดินพักผ่อนหย่อนใจชมนกชมไม้พร้อมชมงานศิลป์ชิ้นเอกเรื่อยไปตามรายทางได้อย่างเพลิดเพลินจุดเด่นของสวนแห่งนี้เห็นทีจะเป็นเสาขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์เปลือยกำลังปีนป่าย มีความสูงของเสา 14 เมตร มีมนุษย์เปลือยปีนป่ายอยู่ 121 ร่าง แต่ละร่างพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะปีนไปให้ได้สูงที่สุดเสานี้มีชื่อว่า “เสาโมโนลิท”ซึ่งเฉพาะเสานี้เพียงเสาเดียวใช้เวลาสร้างถึง 22 ปี

วันที่สี่ 16 มิถุนายน 2561 ออสโล–เกียร์โล – เบอร์เก้น

นั่งรถไป เมืองเกียร์โล (Geilo)เมืองแห่งสกีรีสอร์ท ระยะทาง 210 ก.ม.3 ชม.

ไป เมืองเบอร์เก้น(Bergen) ระยะทาง 244 ก.ม.3 ชม. วันนี้นั่งรถทั้งวัน

ระหว่างทาง จุดชมวิวเสียดายฟ้าไม่เปิด  

Eidfjord และที่ราบสูงHardangervidda ด้านล่างน่าจะเป็นล่องแก่ง

ระหว่างรอทานข้าวก็ถ่ายรูปกันต่อไป แต่ระวังกระเป๋าสตางค์กันให้ดีนะ ขโมยมีเยอะมาก

วันที่ห้า 17มิถุนายน 2561 เบอร์เก้น(Bergen)– รถรางไฟฟ้าชมวิวเมืองฟลัม– รถไฟสายโรแมนติก-ไมดรัล-วอส

Bryggen ที่ยังคงอนุรักษ์อาคารไม้ที่มีอายุเกือบ300 ปี ซึ่งเป็นตัวอย่างการก่อสร้างที่โดดเด่นจนได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนส ระหว่างซ่อมแซมอาคารเค้าก็ยังเอาผ้ามาทำเหมือนกับของเดิม เพื่อไม่ให้ ทัศนียภาพ เปลี่ยน 

ฝนตก พรำ ๆ แต่พวกเราก็ไม่แคร์ 

อาคารไม้ หน้าอ่าวของเบอร์เกน bryggen สวยงามมากด้วยเรือลำใหญ่น้อยที่จอดอยู่เรียงราย 

ช่วงกลางวันมีซุ้มขายอาหารทะเลสดและของที่ระลึกแบบพื้นเมืองใต้อาคารศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว มีร้านอาหารทะเลแบบปรุงตามสั่งเลือกกุ้งหอยปูปลาในตู้แช่เย็นโชว์ ไปทำอาหารจานต่าง ๆ ได้

ขึ้นรถรางไฟฟ้า Floibanen Funicular เพื่อชมความสวยงามของเมืองเบอร์เกนท่านจะได้เห็นทัศนียภาพที่งดงาม ดุจภาพวาดของเมืองแห่งนี้

เจ้าตัวนี้ มีให้เห็นทั่วไป  จำชื่อไม่ได้อ่ะ 

เมืองฟลัม นั่งรถไฟสายโรแมนติกฟลัม-ไมดรัล (The World famous flam-banen) Flamsbana – The Most Beautiful TrainJourney in The World ใช้เวลา 55 นาที

ไมดรัลเป็นศูนย์กลางของรถไฟสายโรแมนติก ตั้งอยู่บนความสูง857 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลใกล้กับฟยอร์ด Aurland ที่มีภูมิทัศน์งดงามสุดสายตาที่คุณจะได้ชมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติฟยอร์ด อันเกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งปกคลุมเหนือพื้นดินภาพของหิมะที่ปกคลุมอยู่บนยอดเขา

เส้นทางรถไฟจะผ่านอุโมงค์, ลอดภูเขา, สะพานข้ามหุบเขาและแม่น้ำ

จอดให้ถ่ายภาพกับน้ำตก Kjosfossen ที่งดงามตลอดฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูร้อนตลอดจนภูมิทัศน์อันงดงามของฟยอร์ด

ต่อรถไฟอีกขบวนนึงเข้าสู่เมือง วอส voss

เมืองสตัลไฮม์ ที่ตั้งของโรงแรม Fleischer ซึ่งล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จฯมาประทับโดยมีหลักฐานจากรูปภาพ และลายพระหัตถ์ ที่ทรงเขียนไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งทางโรงแรมได้นำมาใส่กรอบเป็นเกียรติเพื่อประดับฝาผนังของโรงแรม

คนขับใจดีแวะน้ำตกให้ถ่ายรูป  

มีต่อตอน 2 

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moon-ligh