สัตว์เล็กในป่าใหญ่ - บทที่ 17




จินจิเวียร์นั่งอยู่ตรงกำแพงห้องขัง แต่ทันทีที่ทหารยามกลับออกไปเขาก็เริ่มพยายามติดต่อสื่อสารกับเชลย ที่ถูกขังอยู่ในห้องที่กระหนาบข้างเขาทั้งซ้ายและขวา เขาสามารถแซะเอาหมุดที่มีวงแหวนติดอยู่เพื่อป้องกันนักโทษที่อาจคิดหลบหนี ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างปูนขาวที่เปียกชื้นกับกองหินในห้องขังของเขาหลุดออกมาได้ จินจิเวียร์ใช้หมุดใหญ่อันนั้นงัดฝาห้องที่ติดกับห้องขังข้างๆ เขาแซะเข้าไปตรงบริเวณปูนที่เปียกชื้นรอบๆเสาที่มีขนาดเล็กกว่าตรงอื่น ขุดไปโยกไป ทั้งดึงเข้าและผลักออกสลับกันไปจนในที่สุดก้อนหินที่ขวางอยู่ก็ขยับเขยื้อน โดยมีเชลยที่อยู่อีกด้านหนึ่งของผนังห้องร่วมมือด้วย จมูกเล็กๆเปียกๆจมูกหนึ่งโผล่ออกมาจากช่อง


“สวัสดี เฟอร์ดี้ ข้าค๊อกส์ไง”

จินจิเวียร์ยิ้มออกมาได้ รู้สึกดีใจที่ได้ยินเสียงที่เป็นมิตร เขาแตะเบาๆตรงปลายจมูกที่ยื่นออกมาอย่างให้กำลังใจ

“เสียใจด้วยนะ เกลอ ไม่ใช่ค๊อกส์หรอก ข้าชื่อจินจิเวียร์---เป็นเพื่อนของเจ้า ค๊อกส์ถูกขังอยู่อีกห้องหนึ่งด้านที่ติดกับห้องข้าเหมือนกัน อยู่เงียบๆนะ ข้าจะพยายามหาทางเจาะเข้าไปหาเขาเอง”
“ขอบคุณนะฮะ คุณจินจิเวียร์ คุณเป็นแมวป่าใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ข้าไม่ทำอันตรายเจ้าหรอก เงียบซะนะ ให้ข้าทำงานก่อน”

เฟอร์ดี้อยู่เงียบๆ จ้องมองออกไปตามช่องที่จินจิเวียร์กำลังใช้หมุดแงะเข้าไปที่ผนังด้านตรงข้ามอย่างใจเย็น อุ้งมือของเขาปวดแสบปวดร้อนจากการปลุกปล้ำกับก้อนหิน ฉีกปูนออกเป็นชิ้นๆ และโยกหินไปทางโน้นทีทางนี้ทีจนกระทั่งมันเคลื่อนออกจากที่ เมื่อทั้งจินจิเวียร์และค๊อกส์ช่วยกันทั้งดึงและผลัก ในที่สุดผนังหินก็ล้มลงมาบนพื้นห้อง

“สวัสดีครับ คุณจินจิเวียร์ ผมชื่อคอกส์ เฟอร์ดี้อยู่แถวนั้นหรือเปล่า?”
เจ้าแมวป่าสัมผัสอุ้งมือของค๊อกส์ที่ลอดเข้ามาทางช่อง
“อยู่ ถ้าเจ้ามองลอดช่องเข้ามาตรงๆเจ้าก็จะเห็นเขาตรงช่องบนผนังห้องขังของเขา”
ลูกเม่นทั้งสองมองเห็นกันพอดี
“ไฮ ค๊อกส์”
“ไฮ เฟอร์ดี้”
“พวกทหารยามใกล้จะมาแล้ว เขาจะเอาขนมปังกับน้ำมาให้ข้า” จินจิเวียร์กล่าวขัดขึ้น “ข้าจะแบ่งให้เจ้ากินบ้าง กลับเข้าไปอยู่เงียบๆในห้อง พรุ่งนี้ถ้าชิบบ์มาข้าจะบอกเขาว่าเจ้าทั้งสองถูกขังอยู่ที่นี่”

จินจิเวียร์นำก้อนหินที่หล่นลงมากลับไปเรียงเข้าที่ไว้เหมือนเดิมโดยไม่ยากลำบากแต่อย่างใด หลังจากนั้นเขานั่งรออาหารที่ทหารยามจะนำมาให้ และเพิ่งรู้สึกว่าเป็นครั้งแรกในระยะเวลาอันยาวนานที่ทุกข์ทรมาน ที่เขาเพิ่งจะยิ้มอย่างมีความสุขออกมาได้


พวกเพื่อนๆออกเดินทางไปแสวงหา
สหายผู้กล้าหาญและแกร่งกล้า
ผ่านเข้าไปยังป่า ทุ่งหญ้าและลำธารที่ไหลริน
ข้ามภูเขาที่ทั้งสูงตระหง่านและเก่าแก่
เหล่าผู้กล้าทั้งหลายก็ยังดั้นด้นไป
เดินไปด้วยกันตามเส้นทาง
ท่ามกลางเสียงเพลงเจื้อยแจ้วของนกตลอดฤดูใบไม้ผลิ
จนถึงอากาศในฤดูร้อน

“กอนฟฟ์ หยุดทำท่าหกคะเมนตีลังกาเดินเพ่นพ่านไปมาเสียทีได้ไหม? พวกเรากำลังพยายามไขปริศนาในแผ่นหนังนี่อยู่นะ ดินนี่ ช่วยหาอะไรขว้างไปที่เจ้าจอมวุ่นนั่นหน่อยเถอะ”

มาร์ตินเกาหัวแกรกๆแล้วทั้งเขาและเบลล่าก็หันไปวุ่นวายกับม้วนหนังสือนั่นต่อไป เจ้าตัวตุ่นหนุ่มน้อยทำตามคำสั่งของมาร์ติน โดยขว้างหมอนอิงที่อยู่บนเก้าอี้นวมไปโดนบั้นท้ายของกอนฟฟ์เข้าอย่างจัง

“สมน้ำหน้า นั่นจะทำให้เจ้าเงียบได้สักพัก เจ้าชอบทำเสียงดังน่ารำคาญอยู่เป็นประจำ ถ้าไปทำอย่างนี้ในอุโมงค์ของข้า เจ้าจะโดนยิ่งกว่านี้อีกนะ”

กอนฟฟ์นอนแผ่หราอยู่บนพื้นโดยใช้หมอนอิงที่โยนมาหนุนหัว แล้วก็ฮัมคำกลอนบางประโยคที่คิดขึ้นมาสดๆร้อนๆ มาร์ตินและเบลล่าชะโงกหน้าอยู่เหนือม้วนหนังสือ รวมรวมคำต่างๆมาเขียนลงบนแผนผังด้วยปากกาขนนก เนื่องจากภาษาที่ปรากฏอยู่ในโคลงเป็นภาษาโบราณของพวกแบดเจอร์ ซึ่งมีแต่เบลล่าเท่านั้นที่เข้าใจ นางจึงต้องทำหน้าที่แปลมันออกมาเป็นภาษาธรรมดา

ตัวตุ่นดินนี่ร้องถามออกมาจากเก้านวมของเบลล่าที่มันเข้าไปซุกอยู่อย่างสบายว่า “ตอนนี้ได้อะไรเพิ่มมาบ้างแล้วล่ะ คุณเบลล่า?”

มาร์ตินอ่านข้อความที่เขียนไว้ออกมาดังๆ

มอบให้แก่เลดี้เซเบิล บร็อค โดยห่านป่าโอลาฟ สกายเฟอร์โรว์
หลังจากที่นางพบข้าบาดเจ็บอยู่ในป่ามอสฟลาวเวอร์และนำมารักษา
กระโจมไฟที่ทำให้ข้าพบหนทางออกสู่ทะเลมีชื่อว่าภูเขาประหลาดของพวกกิ้งก่าไฟ (ตอนนี้มาร์ตินใส่เครื่องหมายดาวพร้อมด้วยคำว่าซาลามานดาสตรอนเอาไว้ด้วย)

พวกเราซึ่งมีอิสระเหนือท้องฟ้าใช้ปีกพาตัวเองไปที่นั่น
แต่ถ้าเจ้าเป็นสัตว์เดินดินก็จะต้องใช้เวลายาวนาน
ข้ากำลังจะบอกทางให้แก่เจ้า
ข้าขอเริ่มต้นตอนที่ข้าบินอยู่เหนือบร็อคฮอลล์
ตรงจุดกลางระหว่างพื้นดินและท้องฟ้าที่พวกนกสามารถบินได้
ข้ามองต่ำลงไปและได้เห็นสถานที่ที่เป็นป่าและขนนกสีเขียว
ซึ่งพริ้วไหวไปมาคล้ายท้องทะเล
เบื้องหลังข้ารุ่งอรุณกำลังเยี่ยมกรายมา
นกพิราบป่าตื่นขึ้นมาแล้ว
มองเห็นม้วนสีน้ำตาล ตรงกลางมีสีเขียวและสีทอง
คลายตัวออกคล้ายกับงู
บินไปแล้วก็ร้องเพลง ราชาแห่งนกพิราบป่า
อยู่เหนือพื้นดินสีทองกว้างใหญ่ที่อยู่ต่ำลงไปลิบๆ
ปีกของเราตีอากาศพึ่บพั่บอย่างแรง
ทั้งลึกและเปียกไหลริน
งูสีฟ้าอีกตัวหนึ่ง
พาดผ่านไปตามพื้นดินแล้วเปลี่ยนแปลงไป
ทั้งรูปร่างและสีสันที่เข้มข้น
ฟันของผืนดินชูตัวขึ้นมาเห็นอยู่ไกลๆ ไปกัดขนแกะ
บินไปแล้วก็ร้องเพลง ราชาแห่งนกพิราบป่า
ไกลกว่านี้เลือนหายไปในหมอก
แต่ข้าก็ยังเห็นโน่นบ้างนี่บ้าง
การทรยศหักหลังของโคลนสีเทา
ไม่ใช่สถานที่ของผู้รักอิสระ
โอ้ สหายผู้มีขนอย่างนก
บินตรงไปอย่าให้ตกลงมา
บินข้ามที่ราบสีทองเปียกชื้นไปเรื่อยๆ
ตรงที่พวกนกทะเลบินวนเวียนและส่งเสียงร้อง
บินไปแล้วก็ร้องเพลง ราชาแห่งนกพิราบป่า
ท้องฟ้ากำลังเริ่มมืดลงแล้ว
กระโจมไฟของเราส่องแสงสุกสว่าง
บินให้สูงขึ้นไปเหนือเขี้ยวอันเดียวนั้น
ที่ซึ่งส่องสว่างเข้าไปในความมืด
เรากำลังจะบินจากเจ้าไปแล้ว
เราจะต้องเดินทางไป
ยังที่ซึ่งท้องฟ้ามาบรรจบกับทะเลเป็นเส้นตรง
และดวงอาทิตย์จมลงในทะเล
บินไปแล้วก็ร้องเพลง ราชาแห่งนกพิราบป่า


กอนฟฟ์เดินเข้ามาจ้องมองที่ม้วนหนังสือ “ดูเหมือนว่าผู้ที่ชื่อสกายเฟอร์โรว์จะแต่งโคลงกลอนได้เก่งพอๆกับข้าแลยนะ แต่ข้าพนันได้เลยว่าเขาคงไม่เป็นขโมยที่เก่งกาจเหมือนกับข้าหรอก”

มาร์ตินโคลงหัวไปมา “เส้นทางที่บรรยายออกมาในรูปบทเพลงของพวกห่านป่านี่ ช่างเป็นเส้นทางที่แปลกประหลาดที่ทำตามได้ยาก แถมยังเขียนเป็นภาษาโบราณของพวกแบดเจอร์ที่ต้องเอามาแปลเป็นภาษาธรรมดาของพวกสัตว์บกอีกต่างหาก ท่านคิดว่ามองข้ามอะไรไปบ้างหรือเปล่า เบลล่า?”

นางแบดเจอร์มองมาร์ตินอย่างเคืองๆ “ไม่มีอย่างแน่นอน เราเก็บมาได้ทั้งหมดทุกคำเลย ขอให้ท่านรู้ไว้ด้วยนะว่าพวกผู้หญิงแบดเจอร์ฉลาดหลักแหลมกันทั้งนั้น แต่ข้าก็ยอมรับนะว่าคำปริศนาเหล่านี้ดูลึกลับตีความค่อนข้างลำบาก”

หนุ่มน้อยดินนี่คลานลงจากเก้าอี้มาเหล่ตามองตัวหนังสือที่มาร์ตินเขียนไว้ด้วยลายมือปราณีตบรรจง
“อ้า แผนผังการเดินทาง อะไรนั่นน่ะ? ยืนอยู่ในอุโมงค์ของข้าแย่ยิ่งกว่าการพยายามเจาะรูในน้ำ โฮ่เฮ่อ”
กอนฟฟ์กลั้นหัวเราะ “เจ้าเก่งเรื่องคำจริงๆเลยนะ ดินเอ๋ย โอเค เรามาลองสมมุติว่าเราเป็นสกายเฟอร์โรว์กันดีกว่า”
มาร์ตินประสานอุ้งมือของเขาเข้าด้วยกันจนมีเสียงดังกริ๊ก “ดีเลย! นั่นแหละคือสิ่งที่เราควรทำ ลองจินตนาการตัวเราเองเป้นนกแล้วมองลงมาบนพื้นดิน”


ทซาร์มิน่ายืนอยู่ที่หน้าต่างห้องนอนเฝ้ามองอรุณรุ่งที่กำลังเยื้องกรายมาปกคลุมป่ามอสฟลาวเวอร์ ควันหมอกโรยตัวสูงขึ้นจากยอดหญ้าเมื่อดวงอาทิตย์ไต่สูงขึ้นไปในท้องฟ้าสีน้ำเงินจางๆที่ปราศจากก้อนเมฆ นางพญาแมวป่ากำลังชื่นชมกับแผนการล่าสุดของนาง พวกสัตว์บกในป่าคงจะรู้แล้วว่าเจ้าลูกเม่นน้อยสองตัวหายตัวไปและคงจะส่งหน่วยค้นหาออกมาตามหา นางวางแผนให้คลัดด์โดยมีเจ้าวีเซอร์อีกตัวที่ชื่อสแครทช์ทำหน้าที่ผู้ช่วย เลือกทหารประมาณยี่สิบนายออกไปลาดตระเวณในป่า พวกทหารไม่จำเป็นต้องนำเสื้อเกราะไปด้วยเหมือนทุกครั้งเพื่อที่จะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วขึ้น แล้วไปคอยซุ่มเพื่อดักจับพวกสัตว์ในป่าเหล่านั้นมาเป็นเชลย

นางทซาร์มิน่าเฝ้ามองดูทหารทั้งหมดเดินทางออกจากประตูไป แต่ละนายเลือกอาวุธตามใจชอบไปด้วยพร้อมทั้งถุงอาหาร นางแมวป่าขบริมฝีปากอย่างพออกพอใจ ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องนำเจ้าเชลยน้อยสองตัวมาสอบสวนต่อ ปล่อยให้มันหิวอยู่ในห้องขังอย่างนั้นแหละ การสอบสวนสัตว์ที่อดโซจะได้ผลดีกว่า เชอะ—ไอ้ลูกเม่นสองตัวอย่ามาทำอวดเก่งกับราชินีแห่งดวงตาพันดวงหน่อยเลย มันคิดว่ามันมีโอกาสรอดไปได้หรืออย่างไร?

สแครทช์เป็นตัววีเซอร์ที่ช่างสังเกต มันใช้กริชที่พกมาชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า
“เห็นไอ้นกโรบินตัวนั้นไหม คลัดด์?”
คลัดด์สังเกตได้ว่าสแครทช์พยายามหลีกเลี่ยงที่จะเรียกมันว่ากัปตัน มันแหงนหน้าขึ้นมองแต่เจ้าชิบบ์บินพ้นสายตาไปแล้ว
“นกโรบินอะไร? ไหน?”
สแครทช์เก็บกริชเข้าฝัก “เจ้าพลาดโอกาสที่จะเห็นมันแล้วละ ข้าแทบจะสาบานได้เลยว่ามันเป็นนกตัวเดียวกับที่ไปเกาะอยู่แถวค่ายทหารสองสามครั้งแล้ว มักจะบินลงไปที่ใกล้ๆพื้นดินเป็นประจำ คงไปซ่อนตัว”
คลัดด์ไม่ค่อยอยากจะยอมรับเลยว่าสแครทช์ช่างสังเกตมากกว่าตัวมันเอง
“อืมม์ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ พวกสัตว์ในป่ากับนกไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกันนัก แต่เพื่อความปลอดภัย เฮ้ย..ทิคเทล กลับไปที่โกตีร์ไปบอกราชินีเรื่องนกโรบินตัวนั้น ห้ามบอกคนอื่นล่ะ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าแอชเลคหรือนางหมาจิ้งจอกนั่นขโมยผลงานของข้าไป”
ทิคเทลทำความเคารพแล้ววิ่งออกไปในทิศทางที่นำกลับไปโกตีร์
สแครทช์มองไปที่บริเวณป่าที่รกทึบที่พวกทหารยืนอยู่ “เราน่าจะหยุดพักที่นี่แล้วเปิดหูเปิดตาเอาไว้ตลอดเวลา คิดว่าไง คลัดด์”
คลัดด์เห็นด้วยว่าข้อเสนอของสแครทช์เข้าท่า แต่สแครทช์เริ่มทำให้มันไม่พอใจกับท่าทางที่ไม่ยอมลงให้ของมัน
“อืมม์ ข้าก็กำลังคิดอย่างนั้นเหมือนกันแหละ โอเค เจ้าหนุ่มทั้งหลาย เลือกที่ซ่อนตัวที่เหมาะๆแล้วลืมหูลืมตาเอาไว้ด้วย ถ้าข้าจับได้ว่าใครหลับข้าจะตัดหางเอาไปทำเชือกผูกรองเท้าทันทีเลย ส่วนเจ้า สแครทช์ ถ้านอนหลับจะถูกลงโทษสองเท่าเลย”
ขณะที่พวกทหารกระจายตัวกันออกไปหลบอยู่ตามใต้ต้นไม้ สแครทช์แอบแลบลิ้นให้เจ้าคลัดด์พร้อมกับบ่นพึมพำค่อยๆว่า “ไอ้จอมงี่เง่าคลัดด์”

ทิคเทลไม่ชอบการที่ต้องออกมาเดินอยู่ในป่ามอสฟลาวเวอร์ตามลำพังเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นตอนกลางวันที่แดดแจ๋เช่นนี้ก็เถอะ เจ้าตัวสโต๊ทรีบรุดไปตามต้นไม้ เหลียวซ้ายแลขวาล่อกแล่กไปตลอดทาง ระหว่างเดินมันก็พึมพำทบทวนคำสั่งของคลัดด์ไปด้วย “บอกราชินีว่ามีนกโรบินอกแดงตัวหนึ่งเกาะอยู่แถวพื้นดินในโกตีร์ มันบินลงต่ำแล้วหายตัวไปใกล้ๆพื้นดิน คลัดด์สงสัยว่ามันจะมีอะไรเกี่ยวพันกับสัตว์ในป่าพวกนั้น และข้าต้องไม่อ้าปากบอกอะไรแก่แอชเลคและนางหมาจิ้งจอกเป็นอันขาด ฮ่า ถ้าพวกมันถามว่ากลับมาทำไม ข้าต้องบอกว่าข้าถูกส่งกลับมาเพราะอุ้งเท้าแพลง ถ้าอย่างนั้นข้าต้องลองซ้อมเดินกระโผลกกระเผลกสักหน่อยแล้ว เผื่อถูกสงสัย”

ในเวลาเดียวกันนั้น เจ้าอากูเลอร์กำลังบินกวาดเป็นวงกว้างมาจากบริเวณป่าเหนือโกตีร์ มันคิดว่าด้วยวิธีนี้มันคงหลอกพวกทหารที่โกตีร์ได้ว่ามันบินออกจากโกตีร์ไปแล้ว ขณะที่กำลังเตรียมจะบินวนกลับมันก็ได้ยินเสียงเบื้องล่างและเห็นตัวสโต๊ทตัวหนึ่งเดินกระโผลกกระเผลกอยู่ใต้ต้นไม้

“ข้าต้องบอกราชินีว่านกโรบินมองเห็นคลัดด์เกาะอยู่ ไม่ใช่ ไม่ใช่ ข้าต้องบอกนกโรบินว่าคลัดด์กำลังแขวนพระราชินีอยู่…..”

อากูเลอร์ไม่จำเป็นต้องอาศัยสายตาดีที่จะช่วยให้มันเห็นเหยื่อที่กำลังส่งเสียงอยู่นั่นเลย มันบินโฉบลงอย่างรวดเร็วเหมือนก้อนหินที่ตกลงสู่ผืนป่าเบื้องล่าง
หินก้อนที่มีทั้งกรงเล็บและจะงอยปากโค้งแหลม

ห้องทำงานของเบลล่ายังคงเต็มไปด้วยม้วนเอกสารเก่าๆ ทั้งหมดเลื่อนตัวออกจากโต๊ะที่ยังมีลิ้นชักลับเปิดห้อยอยู่ ถาดอาหารหลายถาดวางอยู่ตรงนี้บ้างตรงโน้นบ้างท่ามกลางฝุ่น ม้วนเอกสารและใบไม้สี่ใบที่จะชื้เบาะแสเส้นทางวางอยู่บนแขนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ที่เจ้าดินนี่ยังนั่งอยู่อย่างสุขสบาย เบลล่านั่งพิงเก้าอี้นวมตัวนั้น นางไม่ขัดข้องที่เจ้าตุ่นยังยึดครองเก้าอี้ตัวโปรดของนางอยู่และมีทีท่าว่าจะไม่ยอมลุกง่ายๆ ส่วนมาร์ดินเดินพล่านไปรอบๆ และบางครั้งสะดุดไปบนร่างของเจ้ากอนฟฟ์ที่นอนเหยียดยาวอยู่บนพรมที่ปูเต็มห้อง มาร์ตินรู้สึกไม่ถนัดที่จะสมมุติตัวเองเป็นนก แต่สำหรับเจ้าตัวตุ่น แค่ได้ยินใครพูดถึงความสูงก็ทำให้มันรู้สึกปั่นป่วนวิงเวียนเสียแล้ว ส่วนเจ้ากอนฟฟ์กำลังแสดงความสามารถพิเศษด้วยการสมมุติตัวเองเป็นหนูมีปีกอยู่

“ฮ่า ‘ข้ามองลงไปเห็นสถานที่ที่เป็นป่าและขนนกสีเขียวที่พริ้วไหวราวกับทะเล’ มันเห็นได้ชัดเจนเหมือนหนวดบนหน้าของท่านน่ะแหละ สหาย เขาหมายถึงป่ามอสฟลาวเวอร์ไงล่ะ ตรงที่เราอยู่นี่แหละ”

เบลล่าหลับตาลงแล้วพยายามจินตนาการว่ากำลังบินอยู่ “อืมม์ ถ้ามองลงมาจากท้องฟ้า ป่าของเราคงดูเหมือนกระแสน้ำที่กำลังไหลรินอยู่ ว่าต่อไปสิ กอนฟฟ์ มีอะไรอีก?”

“เอ้อ ‘เบื้องหลังข้ารุ่งอรุณกำลังเยี่ยมกรายมา นกพิราบป่า เจ้าห่านป่ากำลังบอกเราว่าให้เดินทางไปทางทิศตะวันตก” ดินนี่ส่งเสียงมาจากเก้าอี้นวม
มาร์ตินสั่นอุ้งมือดินนี่อย่างดีใจ “เก่งจริงๆ! ใช่แล้ว ถ้าดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และอรุณรุ่งอยู่ข้างหลังเขา ก็แปลว่าเขากำลังเดินทางมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก เก่งมาก ดินนี่”

เจ้าตุ่นหนุ่มน้อยฉีกยิ้มกว้างแล้วจมตัวให้ลึกลงไปในเก้าอี้มากยิ่งขึ้น “โฮะ เออร์ ตัวตุ่นอย่างข้าไม่ได้เก่งแค่ขุดดินเท่านั้นหรอกนะ ข้ารู้ว่านกพิราบจะตื่นตอนรุ่งอรุณ เออร์ มันส่งเสียงหนวกหูร้องคู๊ออน กู๊ออน อยู่นั่นแหละ โคลงต่อไปว่าอย่างไรล่ะ?”
กอนฟฟ์อ่านต่อไป “โคลงบอกว่า ‘มองเห็นม้วนสีน้ำตาล ตรงกลางมีสีเขียวและสีทองคลายตัวออก
คล้ายกับงู’ “
เบลล่าผงกหัวอย่างรู้ดี “อะฮ้า สหาย บทนี้ของโอลาฟง่ายมากสำหรับข้า ข้ารู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ระหว่างป่ากับพื้นที่ราบทางด้านใต้ของโกตีร์มีถนนเส้นหนึ่ง ข้าเคยเดินผ่านบริเวณนั้นหลายครั้งและยังเคยคิดว่ามันมีรูปร่างเหมือนงูที่กำลังจะลอกคราบ”

กอนฟฟ์ทำตัวแข็งเมื่อมีการเอ่ยถึงงู “ถ้างั้นเราก็เดินผ่านป่าเข้าไป มุ่งหน้าไปทางตะวันตก แล้วตัดผ่านไปทางใต้ของโกตีร์ ต่อจากนั้นก็มีเส้นทางเดียวที่เราต้องไป คือข้ามพื้นที่ราบและทุ่งหญ้าไป เหมือนที่โคลงบอกไว้ว่า ‘อยู่เหนือพื้นดินสีทองกว้างใหญ่ที่งูสีฟ้าทอดตัวอยู่’ บรื๊อว์ งู”

“ไม่ใช่งูจริงๆหรอก กอนฟฟ์” มาร์ตินอธิบาย “ก็เหมือนกับบทอื่นที่เบลล่าตีความแหละ มันหมายถึงแม่น้ำต่างหาก ไอ้ที่ข้ายังไม่กระจ่างก็ประโยคที่ว่าฟันของแผ่นดินกำลังกัดกินขนแกะอยู่นั่นแหละ”

นางแบดเจอร์บิดขี้เกียจพร้อมกับหาวหวอดๆไปด้วย “ว๊าวส์!! ข้าว่าพวกเรานั่งกันอยู่ในห้องเขรอะฝุ่นนี่จนเกือบจะขึ้นราอยู่แล้ว แกะกับผืนดิน ขนแกะกับฟัน ….แต่เราอาจจะไม่เห็นว่าป่าคือต้นไม้ก็ได้ แต่ช่างมันเถอะ ข้าคิดว่าเมื่อเราเจอมันเราก็จะรู้เองแหละว่ามันคืออะไร พวกท่านต้องการอะไร? นั่งจมกันอยู่ที่นี่ทั้งปีเพื่อไขคำปริศนา หรือใช้เบาะแสที่มีออกเดินทางไปก่อนแล้วค่อยๆไขปริศนาที่เหลือไปเรื่อยๆระหว่างเดินทาง? เสบียงอาหารก็พร้อมหมดแล้ว อาวุธ ความฉลาดหลักแหลมและความหนุ่มแน่นจะเป็นตัวช่วย –ท่านต้องการอะไรมากไปกว่านี้หรือ?”

กอนฟฟ์เป็นผู้ตอบ “เพื่อนดีๆที่จะอยู่เคียงข้างตลอดเวลาทั้งยามทุกข์และยามสุข”
“เจ้าคงไม่ทิ้งเพื่อนดีๆอย่างข้าไว้ข้างหลังหรอกนะ” เจ้าตุ่นว่า
ทั้งมาร์ตินและกอนฟฟ์หัวเราะออกมาดังลั่นพร้อมๆกัน ขณะที่เบลล่าโค้งหัวลงคำนับขอโทษเจ้าตัวตุ่น
“ยกโทษให้ข้าด้วยนะ ดินนี่ ข้าไม่รู้นี่ว่าเจ้าก็อยากเดิทางไปแสวงหาเหมือนกัน”
เจ้าตุ่นหนุ่มน้อยยืดตัวขึ้นยืนบนขาหลัง “เบรออออ อย่าหยุดยั้งข้าเลยนะ มิสเบลล่า ถึงแม้ว่าข้าจะไม่อยากอยู่ห่างจากเก้าอี้นวมของท่านเลยก็ตาม”











Create Date : 23 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2556 10:59:05 น.
Counter : 1459 Pageviews.

12 comments
  
เปิดบ้านให้พี่ตุ้ยค่ะ

โดย: mambymam วันที่: 24 พฤศจิกายน 2555 เวลา:12:27:38 น.
  
สวัสดีค่ะพี่ตุ้ย โหวตให้กับเรื่องสนุกๆค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog

มีความสุขในวันหยุดมากๆนะคะ
โดย: mambymam วันที่: 24 พฤศจิกายน 2555 เวลา:12:29:33 น.
  
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น



โดย: xx-xxx (Opey ) วันที่: 24 พฤศจิกายน 2555 เวลา:23:19:03 น.
  
สวัสดีค่าคุณตุ้ย

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
ALDI Food Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: Schnuggy ชนุ๊กกี้ วันที่: 25 พฤศจิกายน 2555 เวลา:0:18:00 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ตุ้ย








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 พฤศจิกายน 2555 เวลา:6:22:06 น.
  
แวะมาเยี่ยมยามค่ำคืน...สวัสดีครับ

ขอขอบคุณสำหรับโหวตให้ที่บล็อก นะครับ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
โดย: **mp5** วันที่: 25 พฤศจิกายน 2555 เวลา:21:15:09 น.
  
สวัสดีครับคุณตุ้ย เผลอนิดเดียว เขียนได้ไวจัง 17 บทแล้ว

อ่านเพลินดีครับ
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 26 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:29:16 น.
  
ตามมาอ่านงานเขียนของพี่ตุ้ยค่ะ
ปีหน้าตอนเอิงกลับเมืองไทย ขอจองหนังสือพี่ตุ้ยล่วงหน้าแน่นอน
ขอบคุณมากๆ ที่แวะไปทักทาย ระลึกถึงพี่ตุ้ยเสมอนะคะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

ปล.วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศ มีภาพดินเนอร์อาหารไทยมาฝาก


โดย: diamondsky วันที่: 27 พฤศจิกายน 2555 เวลา:5:22:24 น.
  
แวะมาเยี่ยม มาส่งกำลุังใจ มาอ่าน มาบอกว่าคิดถึงพี่ตุ้ยคร๊า

ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog

ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 27 พฤศจิกายน 2555 เวลา:23:22:06 น.
  

November full moon shine
Loy Krathong Loy Krathong

สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะคุณตุ้ย

โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 28 พฤศจิกายน 2555 เวลา:20:57:16 น.
  
ทุกฺขูปปนีโตปิ นโร สปญฺโญ อาสํ น ฉินฺเทยฺย สุขาคมาย

คนมีปัญญา ถึงเผชิญอยู่กับความทุกข์
ก็ไม่ยอมสิ้นหวังที่จะได้ประสบความสุข

ดำเนินชีวิตด้วยสติและปัญญา ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:13:26:28 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
โอน่าจอมซ่าส์ Travel Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
dawreung51 Business Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
-----------------------------------
มาส่งท้ายโหวตของเดือนนี้ให้ค่ะคุณตุ้ย
โดย: เกศสุริยง วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:18:47:06 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
พฤศจิกายน 2555

 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com