สัตว์เล็กในป่าใหญ่ - บทที่ 16




ตัวตุ่นหนุ่มน้อยที่ชื่อดินนี่เคาะประตูห้องทำงานของเบลล่าด้วยอุ้งมือหนักๆ
“สวัสดี ใครน่ะ?” เสียงของกอนฟฟ์ถามออกมาจากในห้อง
“เอ้อ…ข้าคือดินนี่ คุณกู๊ดดี้ให้ข้านำอาหารมาให้”

มาร์ตินเปิดประตูให้เจ้าตัวตุ่นแบกถาดอาหารเข้าไป ดินนี่กระพริบตาปริบๆ ห้องทำงานเต็มไปด้วยฝุ่น และรกไปด้วยม้วนกระดาษ ลิ้นชักหลายลิ้นชักถูกเปิดอ้าเอาไว้ สัมภารกอย่างอื่นๆระเกะระกะไปทั่ว ทันทีที่เบลล่ารับถาดอาหารไป กอนฟฟ์ก็กระโดดพรวดจากโต๊ะเขียนหนังสือเข้าใส่ดินนี่โดยแรง ทั้งสองล้มกลิ้งลงไปด้วยกันบนพื้นห้อง กอดปล้ำกันไปมา กอนฟฟ์หัวเราะอย่างดีอกดีใจ

“เจ้าดินน้อย หายหัวไปอยู่ที่ไหนมา?
เจ้าตุ่นดินพลิกตัวขึ้นมาอยู่ข้างบนได้แล้ว มันนั่งลงบนตัวของกอนฟฟ์ “แล้วเจ้าล่ะไปอยู่ไหนมา กอนฟฟ์จอมอ้วนเทอะทะ?”
กอนฟฟ์พยายามผลักใสเจ้าตัวตุ่นให้ลงไปจากตัวพร้อมๆกับแนะนำเพื่อนตุ่นของมันให้รู้จักกับมาร์ติน “สหาย นี่คือเจ้าดิน ตุ่นที่แข็งแรงที่สุดในมอสส์ฟลาวเวอร์”

เจ้าดินยอมปล่อยเจ้ากอนฟฟ์ในที่สุด แล้วจับมือทักทายกับมาร์ตินอย่างเหนียมอาย “ไม่ใช่หรอก ข้าไม่ใช่ตุ่นตัวที่แข็งแรงที่สุดหรอก ปู่ของข้าต่างหากที่แข็งแรงที่สุดถึงแม้จะอายุมากแล้วก็เถอะ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รู้จักท่าน”

มาร์ตินรู้สึกถูกชะตากับตุ่นท่าทางเป็นมิตรผู้นี้มาก ทั้งหมดร่วมกินอาหารด้วยกันในขณะที่เบลล่าอธิบายถึงลักษณะของสิ่งที่กำลังค้นหาอยู่
ดินนี่มองไปรอบๆห้องที่เต็มไปด้วยม้วนกระดาษเขรอะฝุ่น “ข้าควรจะช่วยหา ไม่งั้นกว่าพวกท่านจะหาเจอก็คงถึงฤดูหนาวโน่นแล้ว”

การค้นหาใช้เวลาเนิ่นนานแถมยังไม่ได้ผลอีกต่างหาก ตู้ถูกรื้อค้นทุกซอกทุกมุม ของบนโต๊ะถูกรื้อลงมาจนหมด รวมทั้งชั้นต่างๆ แต่ก็ยังหาสิ่งที่ต้องการไม่พบ ม้วนกระดาษส่วนใหญ่เป็นบันทึกเก่าๆของบร็อคฮอลล์ บางม้วนก็เป็นสูตรอาหารของเบลล่า บางม้วนก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับตำนานเก่าแก่ของป่ามอสส์ฟลาวเวอร์ ทุกเรื่องเก็บไว้รวมๆกันโดยไม่มีระบบการจัดเก็บที่เป็นเรื่องเป็นราว เบลล่าปัดฝุ่นออกจากเสื้อคลุมพร้อมกับถอนหายใจยาว

“ข้ากลัวว่ามันจะปะปนกันจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ข้าเคยตั้งใจจะจัดเอกสารพวกนี้ให้เป็นระเบียบ เรียบร้อยมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่มีเวลาสักที”
มาร์ตินฟาดอุ้งมือลงบนพื้นโต๊ะอย่างผิดหวังดังโครม “ถ้าเพียงแต่เรารู้ว่า..โอ๊ะ!”

ลิ้นชับลับอันหนึ่งหลุดออกมาจากโต๊ะและกระแทกเข้าที่ท้องของเขาเต็มแรง มาร์ตินลงนั่งด้วยความประหลาดใจและมึนงง เบลล่าคว้าแผ่นหนังสีเหลืองแผ่นหนึ่งออกมาจากลิ้นชักและอ่านตัวหนังสือโบราณที่ปรากฏอยู่ด้วยเสียงอันดัง

ณ ภูเขาแห่งไฟที่พวกตัวนากไป
หนทางเต็มไปด้วยอันตราย
ทางไปไกลแสนไกล ยากลำบาก และ เสียเวลา
ผ่านเข้าไปในหมู่ศัตรูและคนแปลกหน้าผู้มุ่งร้าย
หัวใจของนักรบจะต้องเข้มแข็ง
ไม่เช่นนั้นการแสวงหาก็ล้มเหลว
ผู้ที่มีชีวิตรอดเพื่อบอกเล่า
จะต้องหมุนตราเสียก่อน

กอนฟฟ์ทำท่าน่าขัน “มีแค่นั้นเองหรือ?”
มาร์ตินฉวยแผ่นหนังมาสำรวจทั้งสองด้าน “คงจะมีแค่นั้นแหละ”
เบลล่าทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทางท้อแท้ “เฮ้อ.. ไม่มีเบาะแสอะไรเลย”
ดินนี่เคาะแผ่นหนังด้วยอุ้งมือ “เออรรร์—อย่างน้อยนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นนะ อาจจะเป็นเบาะแสก็ได้นะ”
มาร์ตินรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นโดยทันใด “ใช่แล้ว มันบอกว่าเราควรจะเริ่มที่ตรงไหน ฟังนี่สิ…’ผู้ที่มีชีวิตรอดเพื่อบอกเล่า จะต้องหมุนตราเสียก่อน’ เบลล่า ท่านคงรู้ใช่ไหมว่า ‘หมุนตรา’ หมายถึงอะไร?”

นางแบดเจอร์ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าคิดว่ามันคงหมายถึงโล่ห์ของบร็อคฮอลล์—มันเป็นตราประจำตระกูลของพวกนาก รูปร่างเหมือนโล่ห์ ครึ่งหนึ่งเป็นรูปต้นโอ๊คใหญ่ที่บร็อคฮอลล์ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นรูปลายทางบนตัวพวกแบดเจอร์ ข้างใต้เป็นธงจารึกสุภาษิตของครอบครัวข้าว่า ‘รับใช้ไม่ว่าที่บ้านหรือในดินแดนแสนไกล’”

“ตราที่ว่านี่อยู่ที่ไหน และเราจะหมุนมันได้อย่างไร?” กอนฟฟ์ตั้งคำถามขณะเกาหนวดตัวเองไปด้วย
เบลล่าลุกขึ้นยืน “มีอยู่อย่างน้อยสองแห่ง อันแรกอยู่ตรงห่วงเคาะประตูเข้าบร็อคฮอลล์ และอีกอันหนึ่งอยู่เหนือเตาผิงในห้องโถงใหญ่ ไปกันเลย ไปลองหมุนดูทั้งสองอัน”

สหายทั้งสี่เดินตามกันไปที่ประตูหน้า เบลล่าจับที่เคาะประตูซึ่งทำด้วยเหล็กสนิมเขรอะและบิดมันอย่างแรง เหล็กหลุดติดมือออกมาเพราะไม่อาจทานพละกำลังอันมหาศาลของนางแบดเจอร์ได้ เบลล่าถือมันไว้ในมือด้วยสีหน้าที่สำนึกผิด

“โอ..ข้าคงทำมันหักเสียแล้วละ!!”
หนุ่มน้อยดินนี่ยักไหล่ “ไม่เป็นไรหรอก คุณเบลล่า ปู่ของข้าซ่อมได้ ตราอีกอันอยู่ที่ไหนล่ะ?”

ตราที่อยู่เหนือเตาผิงติดฝังเข้าไปตรงขื่อประตูด้านบนของเตาผิงขนาดใหญ่

มาร์ตินหันไปพูดกับนางเบลล่าว่า “ข้าจะลองหมุนตราอันนี้เอง มือของข้าคงไม่หนักเท่าท่าน ช่วยส่งตัวข้าขึ้นไปหน่อยได้ไหม?”
เบลล่าทำตามคำขอร้อง นางยกตัวเข้าขึ้นไปวางไว้บนขอบประตูได้อย่างง่ายดายราวกับยกขนนก

มาร์ตินย่อตัวลงจับส่วนที่โผล่ยื่นออกมาของตราอันนั้น ซึ่งสลักติดไว้กับคานที่ทำจากรากไม้โอ๊ค ซึ่งขณะนี้กลายเป็นสีดำจากเขม่าไฟ เขาพยายามขยับตราให้หมุนแต่ไม่สำเร็จ กอนฟฟ์ไต่ขึ้นไปยืนข้างมาร์ตินอย่างแคล่วคล่องว่องไว

“ไหน ให้ข้าลองบ้างซิ ท่านอาจจะไม่มีสัมผัสวิเศษก็ได้นะ” เจ้าหนูจอมขโมยควักเนยออกมาจากถุงแล้วถูลงไปรอบๆขอบตรา
“รอให้เนยละลายลงไปตามรอยแตกก่อน—คงไม่นานหรอกเพราะเตาผิงนี่ยังอุ่นๆอยู่เลย”

ทักษะเฉพาะตัวของกอนฟฟ์ไม่เคยพลาด อีกครู่เดียวต่อมามันก็เอาอุ้งมือเช็ดกับเสื้อรัดรูปที่สวมอยู่แล้วลงมือหมุนตราอย่างชำนิชำนาญจนเริ่มเขยื้อน

“เฮ้ สหาย ช่วยหน่อย ใช้มือหมุนตรานี้ขึ้นๆลงๆพร้อมๆกับข้า แบบนั้นแหละ แล้วดึงมันออกมา”

มาร์ตินทำตามที่กอนฟฟ์สอน ตราเริ่มค่อยๆโผล่ออกมาจากที่ ขณะที่เบลล่าเตรียมพร้อมที่จะรับวัสดุรูปทรงกระบอกที่ทำด้วยไม้—ในที่สุดมันก็ตกลงในมือของนาง

มาร์ตินแลกอนฟฟ์กระโดดลงมาจากขื่ออย่างว่องไว
ดินนี่หมุนไปหมุนมาอย่างตื่นเต้น “เออรรรรรรรร…เร็วๆเข้า แผนที่ของซัมเมอร์แลนเดอร์สตอร์มใช่ไหม มิสเบลล่า?”
เบลล่ามองเจ้าตัวตุ่นอย่างเคร่งขรึม “ไม่ต้องรีบเร่งนักหรอก ดินนี่ ความรีบร้อนอาจทำให้เราไปผิดทางได้ เราต้องค่อยๆพิจารณาแต่ละขั้นตอนอย่างละเอียดละออ”
เบลล่าหงายท่อรูปทรงกระบอกขึ้น แล้วมองลงไปข้างใน “มีม้วนหนังอยู่ในนี้แน่ะ กอนฟฟ์ มือของเจ้าว่องไวกว่าข้า ลองดูซิว่าเจ้าจะหยิบมันออกมาได้โดยไม่บุบสลายหรือไม่”

เจ้าหนูแสนฉลาดเอาแผ่นหนังออกมาได้ภายในชั่วพริบตา ทั้งหมดช่วยกันอ่านตัวหนังสือที่ปรากฏอยู่ซึ่งเป็นตัวหนังสือแบบโบราณที่หนาและมีขนาดใหญ่ เบลล่ายิ้มออกมา

“นี่เป็นลายมือของลอร์ดบร็อคทรี ปู่ของข้า พวกท่านต้องเข้าใจว่าเฉพาะนากตัวผู้เท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ไปที่ซาลามานดาสตรอน และเมื่อไปแล้วก็จะต้องทิ้งเบาะแสบางอย่างไว้ให้ลูกชาย นี่คือเบาะแสที่ทำไว้เพื่อให้นักรบโบอาร์ พ่อของข้าตีความ แต่โชคร้ายที่นักรบโนอาร์ไม่มีลูกผู้ชาย ที่จสามารถทิ้งแผนที่ไว้ให้ หลังจากตีความเบาะแสของลอร์บร็อคทรีได้แล้ว เขาก็รวบรวมเก็บมันไว้โดยหวังว่าสักวันหนึ่งลูกหลานผู้ชายสักคนในครอบครัวของเราจะค้นพบและสานมันต่อ”

นางนากเบลล่าทำจมูกฟุดฟิดแล้วทอดสายตาไปทางอื่น “ถ้าซันแฟลชลูกชายของข้ายังอยู่ที่นี่ เขาคงจะออกติดตามเบาะแสพวกนี้ไปแล้ว”
ดินนี่ เจ้าตัวตุ่นหนุ่มน้อยใช้หลังมือที่นุ่มเหมือนกำมะหยี่ของมันลูบเสื้อคลุมของนางเบลล่า “เอ้อ..อย่าคิดมากไปเลย มิสเบลล่า เราคงจะค้นพบเบาะแสจากที่นี่แหละ”

มาร์ตินยังง่วนอยู่กับกล่องไม้รูปทรงกระบอก เขาเขย่ามันอย่างแรงและเคาะด้านข้างทุกด้าน จนกระทั่งมีใบไม้สองสามใบร่วงออกมา
“ดูนี่ซิ เบลล่า ท่านคิดว่ามันหมายถึงอะไรหรือ?”
นางแบดเจอร์ยักไหล่ “ก็คงแค่ใบไม้เก่าๆเท่านั้นแหละ มาดูแผ่นหนังนั่นกันดีกว่าว่ามันเขียนอะไรไว้”

โบอาร์คือแบดเจอร์ ตั้งตามชื่อไม้
ไม่ใช่ป่า แต่มันคือต้นไม้
ท่านไปเล่นตรงไหนเวลาฝนตก?
ข้ากินขนมปังและเนยแข็งที่ตรงไหน?
ค้นหาข้างใน จงอยู่แต่ในบ้าน
แหงนมองขึ้นไปก็จะพบความลับของท่าน
ปราสาทของท่านคือป้อมปราการของท่าน
ท่านคงคิดเช่นนั้น
หนทางซ่อนอยู่ระหว่างต้นไม้สี่ต้น
หนทางอยู่กับโบอาร์แห่งบร็อคฮอลล์
อยู่ใต้เหล้าหมัก ใต้ขนมปัง ใต้เนยแข็ง

มาร์ตินเอนกายลงพิงเตาผิง “พิวสสสส์!! นี่คือคำปริศนาเก่าแก่อย่างแน่นอน ข้าคิดไม่ผิดหรอก”

สหายทั้งสี่กลับเข้ามาในห้องทำงานของเบลล่าอีกครั้งหนึ่งและช่วยกันตีความปริศนาที่ได้มา แม้เวลาจะผ่านไปอีกนานพวกเขาก็ยังไม่สามารถไขปริศนาที่ซับซ้อนจากโตลงบทนั้นได้ กอนฟฟ์เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ มันลงนอนแผ่อยู่บนพื้น พลางใช้อุ้งมือเคาะเก้าอี้นวมไปมา

“เฮอะ ป่าและต้นไม้ ขนมปังและเนยแข็ง วันที่ฝนตก ปราสาทและป้อมปราการ เรื่องเหลวไหลทั้งเพ!”
ดินนี่เข้ายึดครองเก้าอี้นวมอีกครั้งหนึ่ง มันนั่งพิงพนักเก้าอี้หลับตาพริ้มราวกับกำลังนอนหลับพักผ่อน “อยู่นิ่งๆมั่งนะ กอนฟฟ์ ข้ากำลังใช้ความคิด”
เบลล่าขบริมฝีปากและทำคิ้วย่นไปพร้อมๆกัน “ ‘โบอาร์เป็นตัวแบดเจอร์ที่ตั้งชื่อตามไม้” ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชื่อของเขาเอามาจากชื่อต้นไม้”
กอนฟฟ์พลิกตัวนอนหงาย “ถ้าตั้งตามชื่อต้นไม้ เขาก็น่าจะชื่อโบอาร์ต้นมอส หรือดอกโบอาร์ หรือไม่ก็โบอาร์ดอกมอส…”

มาร์ตินมองหน้ากอนฟฟ์ด้วยสายตาเคร่งเครียด ที่ทำให้มันหยุดพูด “ได้โปรดเถอะ กอนฟฟ์ เรากำลังพยายามไขปริศนากันอยู่ ไม่ใช่เวลามาพูดเล่น โคลงบันทัดที่สองอธิบายต่อว่าชื่อโบอาร์ไม่ได้ตั้งตามชื่อป่าแต่ตั้งตามชื่อต้นไม้”

“ข้าไม่เคยได้ยินต้นไม้ชื่อต้นโบอาร์ ปู่ข้าก็คงไม่เคยได้ยินเหมือนกัน” ดินนี่หัวเราะกิ๊กกั๊ก
เบลล่าเห็นด้วย “ข้าก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน ต้นเอล์ม ต้นบีช ต้นยิว และต้นอะไรอีกเยอะแยะ แต่ไม่มีต้นโบอาร์ หรือมันจะเป็นชื่อเล่นของต้นไม้บางชนิด?”
กอนฟฟ์ผลุดลุกขึ้นนั่ง “พูดอีกทีสิ เบลล่า”
นางแบดเจอร์เงยหน้ามองกอนฟฟ์อย่างพิศวง “อะไรหรือ เจ้าหมายถึงที่ข้าพูดว่าโบอาร์เป็นชื่อเล่นของต้นไม้บางชนิดน่ะหรือ?”

“ข้ารู้แล้วว่ากอนฟฟ์หมายถึงอะไร” มาร์ตินพูดขัดขึ้นมาโดยเร็ว “ท่านพูดว่ามีต้นไม้เยอะแยะ เช่นต้นเอล์ม บีช ยิว และอื่นๆ เฮ้ ดินนี่ เจ้ากำลังจะไปไหนหรือ? ข้าคิดว่าเจ้าจะช่วยเราไขปริศนานี่เสียอีก”

เจ้าตุ่นหนุ่มน้อยกลิ้งตัวลงจากเก้าอี้นวม “เบอรรร์ ข้าก็ช่วยน่ะซี ข้ากำลังจะไปเอาใบไม้ที่ท่านพบเมื่อตะกี๊”
“ใบไม้! ใช่แล้ว! “ กอนฟฟ์กระโดดแบบกบข้ามหลังเจ้าตัวตุ่นที่กำลังจะออกประตูไป เมื่อกลับเข้าไปถึงห้องโถงใหญ่มันก็เที่ยวตะกุยตะกายรวมรวมใบไม้ ในขณะที่ดินนี่ซึ่งตามหลังมาบ่นพึมพำด่า
“เยอรรร์ ความคิดของข้าแท้ๆ ไอ้หนูเจ้าเล่ห์”

ทั้งสองถือใบไม้กลับเข้ามาในห้องทำงาน แล้วสหายทั้งสี่ก็มานั่งมองใบไม้ทั้งหมดด้วยกันอย่างหมดหวัง ใบไม้พวกนั้นเหี่ยวแห้งโรยราไปหมดแล้ว

“ก็แค่ใบไม้ที่ตายมาหลายปีแล้ว ว่าแต่ว่าใบไม้พวกนี้มีความหมายอะไรหรือ?”
เบลล่าใช้อุ้งมือของนางสัมผัสใบไม้อย่างนุ่มนวล “ไหนลองมาวิเคราะะห์กันดูซิ มีใบไม้สี่ใบด้วยกัน—ใบโอ๊ค ใบแอช ใบโรแวน และบีช ไม่มีข้อความหรือรูปอะไรเขียนไว้เลย ท่านตีความว่าอย่างไรบ้างล่ะ มาร์ติน?”

นักรบหนูสำรวจใบไม้เหล่านั้น เขาจัดวางมันให้วางเรียงกันแล้ว พลิกด้านหลังออก แล้วจัดเรียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นเขาส่ายศรีษะ “ยังไม่รู้เลย แอช บีช โรแวน โอ๊ค แล้วก้อ โรแวน โอ๊ค บีช แอช อืมม์”
กอนฟฟ์ยิ้มแบบผู้ถือไพ่เหนือกว่า “ฟังนะ สหาย ข้าคือเจ้าชายผู้เปรื่องปราดในการไขปริศนาที่เกี่ยวกับใบไม้ ท่านลองเรียงดูอีกทีสิ บีช โอ๊ค แอช แล้วก้อ โรแวน!!”
“กลตลกๆของเจ้าอีกแล้วหรือไง?” เบลล่ากล่าวหาพร้อมกับจ้องมองมันอย่างเคร่งเครียด

กอนฟฟ์จับใบไม้มาเรียงกันในแบบที่มันแนะไปแล้วด้วยใบหน้าที่ยังมีรอยยิ้มค้างอยู่ “ถ้าท่านคิดว่าเป็นเรื่องตลก ก็ต้องถือว่าเป็นตลกที่หลักแหลม เราเรียงมันจากใบบีช ใบโอ๊ค ใบแอช ไปจนถึงใบโรแวน ท่านเห็นอักษรตัวแรกของใบไม้เหล่านี้ไหม บีช—อักษรตัวแรกคือ บ โอ๊ค—อักษรตัวแรกคือ สระโอ แอชคือ เอ และโรแวนคืออาร์ รวมเข้าด้วยกันก็กลายเป็น โบอาร์”

เบลล่าเขย่ามือกอนฟฟ์อย่างดีใจ “ถูกเผ็งเลย กอนฟฟ์ โบอาร์คือตัวแบดเจอร์ที่ตั้งชื่อตามต้นไม้ แล้วลองอ่านข้อความต่อไปสิ มันเขียนไว้ว่า ‘หนทางซ่อนอยู่ระหว่างต้นไม้สี่ต้น’ “
ดินนี่ตบมืออย่างดีอกดีใจ “โอ้ ดีจังเลย ในที่สุดเราก็ได้อะไรบ้างแล้ว ต้องช่วยกันคิดต่อไปอีก”
“ใช่แล้ว ลองดูบันทัดนี้สิ ‘ค้นหาข้างใน อยู่แต่ในบ้าน’ อย่างน้อยเราก็รู้แล้วละว่าแผนที่นั่นต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งในบร็อคฮอลล์ เราไม่ต้องไปเที่ยวค้นหาในป่าหรอก”
“อยู่ในบ้านตรงไหนล่ะ?”
“ก็ตรงที่โบอาร์ชอบไปเล่นในวันที่ฝนตกไง”
“นักรบโบอาร์นี่นะไปเล่น?”
“ถูกแล้ว ‘เขาจะต้องไปเล่นตอนที่ยังเป็นเด็กเล็กๆ’ ไง”
“เก่งมาก ดิน!!”
“แล้วบันทัดนี้ล่ะ ‘ข้ากินขนมปังและเนยแข็งที่ไหน?’ ท่านคิดว่ามันหมายถึงนักรบโบอาร์จะกินอาหารกลางวันที่ไหนใช่ไหม?”
“ไม่ใช่โบอาร์หรอก ข้าคิดว่าน่าจะหมายถึงปู่ของท่านมากกว่า มิสเบลล่า”
“ถูกเผงเลย โบอาร์ใกล้ชิดกับลอร์ดบร็อคทรี บิดาของเขามาก เป็นไปได้ว่าเขาคงไปเล่นอยู่ใกล้ๆเวลาที่ท่านลอร์ดกินอาหาร”
“ใช่แล้วละ แต่ลองอ่านต่อสิ อันนี้ยากเหมือนกันนะ ‘ปราสาทของท่านก็คือป้อมปราการของท่าน มีปราสาทหรือป้อมอะไรอยู่ที่ไหนในบร็อคฮอลล์นี้บ้างไหม?”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ลองดูบันทัดต่อไปนี่สิ ‘ท่านคงคิดเช่นนั้น’ พวกท่านเคยเล่นเกมเรื่องสมมุติบ้างไหมล่ะตอนเด็กๆน่ะ?”
“ฮ่ะฮ่ะ ตอนนี้ข้าก็ยังเล่นอยู่เลย เพื่อนยาก”
“เฮ้อ เรารู้อยู่แล้วละกอนฟฟ์ มิสเบลล่า ลองนึกดูสิว่าโบอาร์จะไปเล่นที่ไหนตอนเป็นเด็ก”

สหายทั้งสี่เดินออกจากห้องโน้นไปห้องนี้โดยปราศจากจุดหมายที่แน่นอน บ่อยครั้งที่นางเบลล่าหยุดเดิน มองไปรอบๆแล้วก็ส่ายหัว พึมพำว่า “ข้าไม่แน่ใจนักหรอก พ่อข้าไม่ค่อยพูดถึงการเล่นสมัยที่เขายังเล็กๆมากนัก แล้วตอนนั้นข้าก็ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ”
มาร์ตินหยุดอยู่ระหว่างทางเดินกับห้องโถงใหญ่ “ลองคิดดูสักนิดสิว่าพ่อของท่านเคยเล่าไหมว่าลอร์ดบร็อคฮอลล์กินขนมปังและเนยแข็งที่ตรงไหน?”
“อืมม์ ก็ไม่เชิง ข้าคิดว่าเขาคงกินที่โต๊ะอาหารเหมือนคนที่เจริญแล้วทั้งหลายน่ะแหละเวลาอยู่ที่บ้านน่ะ”
“โต๊ะอาหาร!!”

ทั้งหมดรีบเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ซึ่งมีโต๊ะอาหารขนาดยักษ์ตั้งอยู่
กอนฟฟ์ใช้มือเคาะลงไปบนโต๊ะ “โต๊ะตัวนี้แน่นหนาแข็งแรงดีมาก น่าจะทำมาจากไม้เอล์ม ทีนี้ทำอย่างไรกันต่อไปล่ะ?”

ดวงตาของเบลล่ามีร่องรอยของการจดจำรำลึกถึงอดีตที่ห่างไกล “เฮ้ ข้าจำได้แล้ว ลอร์ดบร็อคทรีเป็นคนสมัยเก่าที่มีอุปาทานความเชื่อถือเก่าแก่ พ่อข้าเคยเล่าว่าเขาไม่ยอมกินอาหารที่โต๊ะตัวนี้เพราะมันใหญ่เกินไป ทำให้เขาต้องใช้หอกเกี่ยวจานอาหารเข้ามาใกล้ตัว ดังนั้นวันหนึ่งเขาจึงต่อโต๊ะอาหารของเขาขึ้นมาเองอีกตัวหนึ่ง ซึ่งมีขนาดพอเหมาะสำหรับเขา และขนมปังกับเนยแข็งและเหล้าหมักก็อยู่ใกล้ในระยะที่เขาเอื้อมถึง โต๊ะตัวนี้ตั้งอยู่ในครัว เพราะปู่ของข้าชอบผิงไฟอุ่นๆจากเตาอบ และชอบจุ่มขนมปังลงไปในกะทะน้ำซอสที่ตั้งอยู่บนเตาที่มีไฟคุอยู่ เขาชอบอยู่ในครัวนั้นมาก”

โต๊ะตัวดังกล่าวตั้งอยู่ในครัว กอนฟฟ์ไต่ขึ้นไปยืนบนโต๊ะแล้วแหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบน

“ไม่เห็นมีอะไรเลย สหาย ข้าเห็นแต่เพดานห้องเท่านั้นแหละ คำปริศนาบอกว่า ‘มองขึ้นไปข้างบนแล้วเจ้าจะพบความลับ’ “
เบลล่านั่งบนเก้าอี้แล้ววางมือทั้งสองเหยียดยาวไปบนโต๊ะ “นี่แหละใช่แล้วละ คำตอบต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่งในโต๊ะตัวนี้ ปู่ข้าทำมันขึ้นมาจากไม้บีช โอ๊ค และแอช แล้วแต่งคิ้วมันด้วยไม้โรแวน ข้านึกเห็นภาพพ่อข้านั่งที่โต๊ะตัวนี้แล้วกินขนมปังกับเนยแข็งแล้วก็ดื่มเหล้าหมักเดือนตุลาคมเหมือนที่ปู่ข้าเคยทำมาก่อนได้ชัดเจนเลย”

มาร์ตินยังไม่ได้พูดอะไรเลย เขาจ้องมองเบลล่าซึ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว แล้วทันใดนั้นบางสิ่งบางอย่างวิ่งเข้ามาในสมองของเขาราวกับสายฟ้าแลบ

“ตอนที่ท่านเข้าไปเล่นอยู่ใต้โต๊ะ มันคงจะต้องมีผ้าปูอยู่บนโต๊ะ”
นางเบลล่าเมื่อรำลึกถึงความหลังที่เต็มไปด้วยความสุข “มีสิ เป็นผ้าปูโต๊ะสีขาวผืนใหญ่ ข้ามักจะสมมุติว่ามันเป็นเต๊นท์ของข้า”
นักรบหนูคลานเข้าไปใต้โต๊ะทันที
“แต่นักรบโบอาร์คงไม่ได้สมมุติอย่างนั้น เขาคงสมมุติว่ามันเป็นป้อมหรือปราสาทมากกว่า ฮ่า..ตรงนี้มีของแปลกๆ ตรงใต้โต๊ะนี่มีช่องปิดที่ทำจากเปลือกต้นเกาลัด กอนฟฟ์ช่วยส่งมีดของเจ้ามาให้ข้าทีซิ”

มาร์ตินเฉือนไม้เกาลัดแล้วโยนออกมาข้างนอก ทั้งสามช่วยกันสำรวจเศษไม้เกาลัดสองสามชิ้นนั้นทีละชิ้นอย่างพินิจพิเคราะห์เพื่อหาเบาะแสหรือร่องรอยที่อาจจะมี แต่ก็ไม่พบอะไรเลย เจ้าดินนี่หยิบเศษไม้ขึ้นมาดมแล้วใช้อุ้งมือฉีกออก

“โธ่เอ๊ย ไม่เห็นมีอะไรเลย!”
“เฮ้..มีอะไรบางอย่างตรงนี้ อู๊ววส์ แผนที่!!”

เสียงของมาร์ตินเต็มไปด้วยความปิติยินดี เขาคลานออกมาพร้อมด้วยม้วนหนังสือที่ทำจากเปลือกไม้ “ม้วนหนังสือนี่วางอยู่ระหว่างเปลือกไม้กับโต๊ะ ดูสิ มีตัวหนังสือหน้าตาประหลาดเต็มไปหมดเลย”

เบลล่าหยิบม้วนหนังสือไปดู “ฮ่าฮ่า ตัวหนังสือพวกนี้เป็นภาษาโบราณของพวกแบดเจอร์ เร็ว กลับที่ห้องทำงานของข้ากันดีกว่า นี่คือเส้นทางไปซาลามานดาสตรอน ท่านต้องออกเดินทางเลยทันทีที่เราไขปริศนาสำเร็จ!!!”






Create Date : 10 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2556 10:59:37 น.
Counter : 1551 Pageviews.

12 comments
  
แวะมาทักทายค่ะคุณตุ้ย...ง่วงนอนจังเลยค่ะวันนี้ตื่นเช้าไปหน่อยทักทายแล้วจะกลับไปนอนต่อและค่ะ คิดถึงนะคะ..

โดย: deeplove วันที่: 11 พฤศจิกายน 2555 เวลา:11:35:24 น.
  



More Dream Catcher Comments

------------------------
ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณตุ้ย
โดย: เกศสุริยง วันที่: 13 พฤศจิกายน 2555 เวลา:22:51:11 น.
  
สํโวหาเรน โสเจยฺยํ เวทิตพฺพํ

ความบริสุทธิ์ พึงรู้ได้ด้วยถ้อยคำ

มีความสุขกับการพูดดี มีความไพเราะ และมีประโยชน์ ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 16 พฤศจิกายน 2555 เวลา:11:50:36 น.
  
สวัสดีค่ะพี่ตุ้ย
แวะมาเยี่ยมและโหวตให้
สบายดีหรือป่าวคะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
โอน่าจอมซ่าส์ Travel Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: pantawan วันที่: 18 พฤศจิกายน 2555 เวลา:22:20:13 น.
  
ส่งความคิดถึงค่ะคุณตุ้ย

วันนี้หมดงบแล้ว

จะย้อนมาใหม่ค่ะ
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 20 พฤศจิกายน 2555 เวลา:11:29:17 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
ลงสะพาน...เลี้ยวขวา Food Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
------------------------------
สวัสดีค่ะคุณตุ้ย วันนี้แวะมาทักทายและส่งกำลังใจให้ คุณตุ้ยสบายดีนะคะ
โดย: เกศสุริยง วันที่: 20 พฤศจิกายน 2555 เวลา:17:55:39 น.
  
ขโณ โว มา อุปจฺจคา

อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์

มีความสุขกับเวลาอันมีค่า ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 21 พฤศจิกายน 2555 เวลา:12:33:05 น.
  
ส่งความคิดถึง....ส่งโหวตค่ะคุณตุ้ย

ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 22 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:31:35 น.
  
สวัสดีค่ะพี่ตุ้ย
ไม่ได้มาหลายวัน คิดถึงค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

โดย: pantawan วันที่: 22 พฤศจิกายน 2555 เวลา:21:28:36 น.
  
มนาโป โหติ ขนฺติโก

ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น

ใช้ความอดทนให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชีวิต ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 23 พฤศจิกายน 2555 เวลา:11:21:53 น.
  
สวัสดีค่ะพี่ตุ้ย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ
พี่สบายดีมั๊ย แหม่มเองก็ไม่ได้แวะมาเลย

ขอบคุณที่พี่แวะไปและโหวตให้นะคะ
พรุ่งนี้มาใหม่ค่ะ

รักษาสุขภาพนะคะ

โดย: mambymam วันที่: 23 พฤศจิกายน 2555 เวลา:18:47:26 น.
  



More Great Time Comments

-----------------------------------
ช่วงนี้งานยุ่งมากกกกกกกกกกก ทั้งงานแสดง ทั้งแต่งหน้าทำผม ส่งเด้กรำแข่งขันระดับภาค มั่วไปหมดค่ะ ถ้าเห็นหายเงียบไปอย่าน้อยใจเคืองขุ่นกันนะคะ วันนี้แวะมาทักทายพร้อมดอกไม้แห่งความปราถนาดีค่ะคุณตุ้ย
โดย: เกศสุริยง วันที่: 23 พฤศจิกายน 2555 เวลา:18:57:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
พฤศจิกายน 2555

 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com