สวรรค์ในอก - นรกในใจ (6)







หลังอาหารเช้าทนงชวนน่านออกไปเดินเล่นรอบหมู่บ้าน ด้วยเจตนาที่จะให้เขาเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของผู้คนในหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งแห่งนี้ ซึ่งแตกต่างจากคนในพื้นราบ เพื่อจะได้ทำตัวให้กลมกลืนกันไป ไม่เป็นที่เพ่งเล็งหรือสงสัยของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่นานๆจะขึ้นมา ‘สังเกตการณ์’ บนสันเขาแห่งนี้สักครั้ง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าไม่เพียงแต่ชาวบ้านจะต้องต้อนรับขับสู้อย่างดีแล้ว ยังจะต้องส่งส่วยเป็นของแถมให้ด้วย ถ้าไม่อยากมีปัญหา การลักลอบปลูกฝิ่นยังมีอยู่ในแถบนี้ ซึ่งแม้จะผิดกฏหมายก็ยังสามารถทำกันได้ โดยเจ้าหน้าที่หลายคนที่ได้รับประโยชน์จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ประเภทเอาหูไปนาเอาต่าไปไร่ ถ้ามีการร้องเรียนเกิดขึ้นก็จะมีการกวาดล้างกันพอเป็นพิธีเสียครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม

ไร่ฝิ่นขนาดเล็กๆ อาจจะเป็นของขาวเขาบางคน แต่การปลูกฝิ่นด้วยการเผาหรือหักร้างถางพง ทำลายป่าเป็นบริเวณกว้างกินเนื้อที่ป่าหลายร้อยหลายพันไร่ จะมีนายทุนใหญ่จากพื้นล่างเป็นเจ้าของ โดยลงทุนให้แล้วจ้างชาวเขาให้ปลูกและดูแล ซึ่งจะมีผู้ได้รับประโยชน์กันเป็นทอดๆ ทั้งเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ผู้มีอิทธิพลซึ่งอาจจะเป็นนักการเมือง หรือผู้ยิ่งใหญ่ในท้องถิ่น ที่แม้จะรู้ก็ไม่มีใครกล้าแตะ เพราะถ้าไม่ถูกเด็ดหัวก็อาจจะถูกอิทธิพลมืดเตะโด่งออกไปจากพื้นที่ได้ง่ายๆ

น่านฟังสิ่งที่ทนงพูดด้วยจิตใจที่ล่องลอย รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง เขาไม่ได้อยากรู้สักนิดว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร ไม่อยากรู้เรื่องปลูกฝิ่น เรื่องการบุกรุกหักร้างถางพง อะไรนั่น ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเขา สิ่งที่เขาอยากรู้มีเรื่องเดียว คืออนาคตของเขาที่บิดาน่าจะวางแผนเอาไว้บ้างแล้วหลังจากรู้เรื่องทั้งหมดจากทนงทางโทรศัพท์ หนุ่มใหญ่หน้าดุผู้นั้นเพิ่งจะบอกเขาเมื่อครู่นี้เองว่าจะเดินทางไปกรุงเทพฯ ในอีกสองวันข้างหน้า เพื่อไปรอพบคุณเลิศฤทธิ์ที่ใกล้จะเดินทางกลับมาเมืองไทย

ทนงไปกรุงเทพฯหลายวันแล้ว น่านเฝ้าคอยการกลับมาของเขาอย่างใจจรดใจจ่อ หนุ่มใหญ่คนนั้นบอกว่าจะไปไม่เกินสามสี่วัน แต่นี่ก็เจ็ดวันเข้าไปแล้ว เด็กหนุ่มได้แต่นั่งคิดนอนคิดอย่างกลัดกลุ้ม บิดามารดาของเขาคงเดินทางกลับมาจากอเมริกาแล้ว ทำไมไม่สั่งทนงให้พาเขากลับไปบ้าน ไปหาท่าน แม้เล่าสือ เจ้าของบ้านที่ทนงออกปากฝากฝังเขาเอาไว้จะดูแลเขาดีพอสมควร เขามีที่พัก มีอาหารกิน แม้จะเป็นอาหารแบบชาวเขาที่ไม่คุ้นชิน แต่เขาก็ต้องพยายามกลืนมันลงคอ โดยทั่วไปแล้วน่านก็คิดว่าเขาพอจะทนอยู่ได้ แต่ที่ทนแทบไม่ได้เลยคือเจ้าสอน มันกวนประสาทเขาอยู่ตลอดเวลา คอยสอดส่องตามเขาแจ ไม่ว่าเขาจะออกไปเดินเล่นรอบๆหมู่บ้าน หรือไปพูดคุยกับพวกเด็กๆชาวเขา แม้จะฟังกันไม่ค่อยรู้เรื่อง

ตอนนี้สอนย้ายมานอนใกล้ๆเขาแล้ว ทำท่าเหมือนเป็นผู้คุมเขาไม่มีผิด กิริยาวาจาที่ก้าวร้าวสามหาว ไร้มารยาทและไม่รู้กาละเทศะของมัน ยิ่งทำให้น่านผะอืดผะอมมากขึ้น สอนพูดจาหยาบคาย บางครั้งก็เหมือนสำราก น่านไม่เคยติดต่อข้องแวะกับคนแบบนี้มาก่อน ชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโตแวดล้อมไปด้วยผู้คนในอีกระดับชั้นหนึ่ง เขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างคุณหนู โดยมารดาที่มีกิริยาวาจาที่อ่อนโยน ทุ่มเทความรักให้เขาเต็มที่ คอยปกป้องเขาจากบิดาผู้แม้จะรักเขา แต่ก็หมั่นไส้อยู่บ่อยๆ ถ้าเห็นเขาได้รับการ ‘โอ๋’ มากเกินไป

วันหนึ่งระหว่างที่รอคอยการกลับมาของทะนงด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น ระทดท้อต่อชะตากรรม น่านก็ออกไปเดินเล่นใกล้หมู่บ้าน นึกดีใจที่เจ้าสอนไม่ได้ตามมาด้วย แต่ขณะที่เขากำลังเหม่อมองไปยังเทือกเขาลิบๆที่อยู่ตรงหน้าอย่างใจลอย เด็กหนุ่มร่างกำยำล่ำสันผู้นั้นก็ปรากฏตัวขึ้น ในเครื่องแต่งกายรัดกุมพร้อมเป้เก่าๆบนบ่า ทำท่าเหมือนกำลังจะไปที่ไหนสักแห่ง

“มาทำอะไรอยู่แถวนี้วะ” มันส่งเสียงโหวกเหวกมาแต่ไกล

น่านเหลียวไปมองสอนอย่างเบื่อหน่าย รู้สึกจะไม่มีวันหนีมันพ้นเลย เมื่อครู่เขายังเห็นมันนอนเอกเขนกอย่างสุขารมย์อยู่บนแท่นนอนในกระท่อมหลังนั้นอยู่เลย

“มาทำอะไรตรงนี้วะ อาเขาสั่งแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ให้ไปไหน” สอนถามอีกทันทีที่เข้ามาถึงตัว

“ทำไมฉันจะต้องอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน” น่านโต้ด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง “ฉันไม่ได้เป็นนักโทษของใครสักหน่อย ว่าแต่นายเถอะ ทำไมต้องคอยตามประกบฉันอยู่เรื่อยแบบนี้”

สอนยักไหล่ กระชับเสื้อแจ็กเก็ตตัวหนาที่สวมอยู่ให้แนบตัวมากขึ้น เพราะความหนาวเย็นของอากาศบนยอดเขา “ก็อาเขาสั่งเอาไว้นี่หว่า ลำพังกูน่ะไม่สนจะตามมึงอยู่แล้วละ อาเนี่ยก็พิลึกคน สั่งอยู่ได้ ยังกะมึงเป็นเด็กห้าขวบงั้นแหละ”

น่านทำหน้านิ่วกับสรรพนามที่เจ้าสอนใช้ แต่ก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะท้วงติง

สอนมองตามสายตาของน่านที่จับนิ่งอยู่ที่อะไรบางอย่าง ที่อยู่ลิบๆออกไปตรงเชิงเขาลูกหนึ่งที่เมื่อประเมินด้วยสายตา อยู่ไม่ไกลจากจุดที่ยืนกันอยู่มากนัก

“ที่มึงกำลังเบิ่งเหมือนไอ้บ้าอยู่นั่นน่ะเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าอีก้อ วันนี้มีตลาดนัด มีของขายแยะเหมือนกัน” สอนพูดลอยๆ
น่านนิ่ง ไม่พยายามโต้ตอบด้วย แม้ใจจะเดือดปุดๆ
“กูกะว่าจะแว่บลงไปที่โน่นหน่อย มึงอย่าปากโป้งไปฟ้องอาล่ะ รู้เห็นอะไรก็หุบปากเอาไว้ให้แน่น ไม่งั้นมึงกับกูมีเรื่องกัน” สอนพล่ามต่อไป

แม้จะเซ็งกับคำพูดโอหังเหมือนนักเลงหัวไม้ของอีกฝ่าย แต่น่านก็ชักหูผึ่งเมื่อได้ยินว่าเจ้าสอนจะลงไปที่หมู่บ้านแห่งนั้น

“ไม่บอกก็ได้ แต่นายต้องพาฉันไปด้วย” เด็กหนุ่มต่อรอง
“มึงจะไปทำไม ไม่ได้มีธุระอะไรที่โน่นสักหน่อย”
“ก็อยากเที่ยวบ้างนี่ นั่งๆนอนๆอยู่ยังงี้ก็เบื่อเป็นเหมือนกัน”
สอนหัวเราะก้าก “พูดเป็นเหมือนกันนี่หว่า วันๆห็นเอาแต่เงียบกริบ กูนึกว่ามึงเป็นใบ้ซะอีก”
“ว่าไง จะลงไปที่โน่นหรือเปล่า”
“ถ้ามึงจะไปกับกูก็ต้องหุบปากให้สนิท อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาด”
“แล้วจะไปยังไงล่ะ ไกลจะตาย”

“เดินไปสิวะ ว่าแต่มึงแน่ใจหรือว่าเดินไหว ผอมแห้ง ท่าทางเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างมึงจะมีแรงหรือ ไม่ใช่ไปได้ครึ่งทางเสือกหมดแรงเดินไม่ไหว กูไม่แบกไม่หามมึงไปหรอกนะ ทิ้งไว้ข้างทางยังงั้นแหละ บอกไว้เสียก่อน”

“ไหวสิ”

น่านกัดฟันพูด ทั้งๆที่ไม่ค่อยแน่ใจนัก เพราะเท่าที่มองด้วยตาเปล่า หมู่บ้านที่ว่านั่นแม้จะไม่ไกลเกินไป แต่ก็ไกลพอสมควรสำหรับชาวกรุงอย่างเขา แต่เมื่อคิดว่าส่วนใหญ่เป็นการเดินลงเขา น่านก็ปลอบใจตัวเองว่าคงจะไม่ต้องใช้แรงมากนัก

“กูไปละ ถ้ามึงจะไปด้วยก็เดินตามมา แล้วก็ไม่ต้องพล่ามมากนัก ขี้เกียจฟัง”

เด็กหนุ่มทั้งสองเริ่มออกเดินลงเขาไปเรื่อยๆ ตามทางเดินเล็กๆที่ลัดเลาะไปตามความคดเคี้ยวของไหล่เขาสูงๆต่ำๆ ด้านหนึ่งของเส้นทางเป็นป่าโปร่ง อีกด้านหนึ่งอยู่ชิดริมเหวลึกที่มองลงไปเห็นยอดไม้ใหญ่น้อยอยู่ลิบๆ เป็นที่น่าหวาดเสียว
เดินตามหลังสอนไปได้พักใหญ่จนเหงื่อเริ่มซึม ก็ยังไม่มีทึท่าว่าจะถึงหมู่บ้านเล็กๆที่ว่า น่านก็เริ่มสงสัยจนต้องออกปากถาม

“ถามจริงๆ นายรู้จักทางหรือเปล่า”
“ทำไมจะไม่รู้ กูเพิ่งลงไปกับอาหยกๆ ก่อนเขาจะไปกรุงเทพฯ นี่เอง” สอนทำท่ายโส
น่านขมวดคิ้ว “อาของนายเขาไปทำอะไรที่หมู่บ้านโน่น?”
“ไม่รู้ แต่ถึงรู้เรื่องอะไรจะต้องบอกมึงด้วยล่ะ” สอนเหลียวมามองเพื่อนร่วมทาง แล้วก็อดแสดงความเป็นผู้รู้ออกมาไม่ได้ “เขาจะไปทำอะไรหรือไปพบใครกูไม่รู้ รู้แต่ว่าเขามีธุระกับหัวหน้าหมู่บ้านโน่น อย่าเสือกถามล่ะว่าธุระอะไร”
“ไม่ถามหรอก ไม่ใช่เรื่องของฉัน ว่าแต่นายเถอะ มีธุระที่โน่นเหมือนกันหรือไง” น่านถามเยาะๆอย่างหมั่นไส้กับท่าทางยะโสของมัน
“กูจะไปซื้อของ”
“ของอะไร?”
“ไม่ต้องรู้หรอกวะ ไม่ใช่เรื่องของมึง” สอนทำเสียงแข็งๆก่อนจะถ่มน้ำลายลงไปบนพื้นดิน พร้อมด้วยเสียง ‘ถุย’ เหมือนจะข่มอีกฝ่ายอยู่ในที

ระหว่างเดินตามกันไปตามทางเดินรกๆที่เลาะเลียบไปตามไหล่เขา ต่ำลงไปเรื่อยๆ น่านก็ชวนคุยหาความรู้จากอีกฝ่าย เพราะอย่างน้อยเจ้าสอนนอกจากจะวัยไล่เลี่ยกันแล้ว ยังพูดภาษาที่เขาเข้าใจ ไม่เหมือนคนอื่นๆในหมู่บ้านบนเขา ที่พูดกันไม่รู้เรื่อง

“พี่ทนงเขารู้จักคนแถวนี้แยะจังเลยนะ”

“อาเขาเป็นคนกว้างขวาง เขารู้จักพื้นที่แถบนี้ทะลุปรุโปร่ง จังหวัดในเขตพม่าโน่นเขาก็รู้ ไม่ใช่แค่รู้นะเว้ย เขาข้ามไปทางโน้นบ่อยๆ ก็เขาไม่ใช่คนไทยร้อยเปอเซ็นต์นี่หว่า เรื่องนี้มึงเองก็คงรู้”

เด็กหนุ่มชาวกรุงฟังแล้วก็รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่รู้หรอก”

“อย่ามาหลอกดีกว่า ก็ไหนอาเขาบอกว่ามึงเป็นลูกของเพื่อนเขาไง พ่อมึงต้องรู้เรื่องของอาดีแน่ ก่อนจะส่งมึงมาให้อาช่วย พ่อมึงไม่ได้เล่าแจ้งแถลงไขอะไรบ้างเลยหรือวะ”

น่านส่ายหน้าอีกอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ “เปล่า ไม่มีใครบอก เพิ่งได้ยินจากนายนี่แหละ ว่าแต่พี่..เอ้อ..ถ้าอาทนงเขาไม่ได้เป็นคนไทยแท้ๆ แปลว่าเขาเป็นพม่า หรือคนสองสัญชาติงั้นหรือ”

คราวนี้เจ้าสอนซึ่งคงจะรู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว รีบส่งเสียงเอ็ดตะโรข่มขวัญอีกฝ่ายขึ้นมาทันที “ไม่รู้โว๊ย อย่ามาทำหน้าตายซักโน่นถามนี่ กูไม่รู้อะไรทั้งนั้น”

น่านจำเป็นต้องเงียบ เพราะไม่อยากมีปัญหากับเจ้าสอนมากไปกว่านั้น

ในที่สุดหลังจากเดินลงเขากันไปประมาณสองชั่วโมง ชายวัยรุ่นทั้งสองก็มาถึงหมู่บ้านชาวเขาเผ่าอาข่า หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ อีก้อ ที่เป็นจุดหมายปลายทาง หมู่บ้านแห่งนั้นมีขนาดใหญ่กว่าหมู่บ้านชาวม้งที่ตั้งอยู่บนยอดเขา เด็กๆในชุดชาวเขา แก้มแดงใสเพราะความเย็นของอากาศ วิ่งเล่นกันพลุกพล่าน

น่านเดินตามสอนที่เลี้ยวเข้าไปตรงลานกว้างกลางหมู่บ้านที่มีผู้คนเดินกันขวักไข่ว่ เลือกดูสินค้าที่วางเรียงรายอยู่บนแผ่นพลาสติกที่กางอยู่บนดิน สิ่งของที่วางขายมีหลากหลายประเภท ที่มีมากที่สุดคือผักและผลไม้ ทั้งสตรอเบอรี่ แอปเปิล สาลี ลูกท้อ ฯลฯ ผักสดสีเขียวขจีหน้าตาแปลกๆมีวางขายอยู่ทั่วไป นอกจากนี้ก็มีสิ่งของเครื่องใช้ที่ประดิษฐ์ด้วยฝีมือของชาวเขา เช่นหมวก เครื่องประดับแบบชาวเขา สายสร้อยที่ทำจากลูกปัดม์หลากสี มีแม้กระทั่งหนังสัตว์

น่านมองไปรอบๆ แล้วก็นึกขึ้นมาได้ถึงสิ่งที่อยากรู้ แม้จะครึ่งกล้าครึ่งกลัวกับความจริงที่อาจจะได้รู้ก็ตาม

“หมู่บ้านนี้มีร้านขายหนังสือไหม?”

สิ่งที่เด็กหนุ่มชาวกรุงต้องการจริงๆ คือหนังสือพิมพ์รายวันที่เสนอข่าวต่างๆที่เกิดขึ้นแต่ละวันสักฉบับ ยิ่งเป็นฉบันเก่าที่ย้อนหลังไปหลายวันยิ่งดี

สอนหันมามองหน้าคนถามอย่างแปลกใจ แล้วในที่สุดก็หัวเราะก้ากออกมา

“ไอ้บ้าเอ๊ย โง่หรือเปล่าวะ หมู่บ้านชาวเขาเนี่ยนะจะมีร้านขายหนังสือ ถ้ามีจริงใครจะซื้ออ่านพวกชาวเขาทั้งนั้น อย่าว่าแต่จะอ่านภาษาไทยรู้เรื่องเลย พูดก็ยังไม่เป็น เอาสมองส่วนไหนคิดวะ”

หน้าของน่านร่อนผ่าว แดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งอายกับคำถามที่เหมือนงี่เง่าของตัวเอง

แล้วเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ เจ้าสอนก็หรี่ตาทำท่าสงสัยขึ้นมาทันที “มึงถามหาร้านขายหนังสือทำไม หรือมึงอยากรู้ข่าวอะไรบางอย่าง”

เด็กหนุ่มรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “เปล่า ไม่มีอะไร แค่เบื่อ ไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่นั่งๆนอนๆรอพี่ทนง ก็เลยอยากหาหนังสือมาอ่านแก้เบื่อสักเล่มเท่านั้น ไม่มีก็แล้วไป”

หลังจากเดินดูของในตลาดนัดอยู่พักใหญ่ สอนก็เดินนำหน้าพาน่านไปนั่งที่ม้ายาวโกโรโกโสตัวหนึ่งที่วางอยู่โคนต้นไม้ใหญ่ ไม่ไกลจากบริเวณที่ขายของ แล้วอยู่ๆก็มีกริ่งสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้น สอนล้วงมือเข้าไปในย่าม หยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กๆออกมา เมื่อรู้ว่าเสียงเรียกนั้นมาจากใคร เด็กหนุ่มร่างกำยำก็เหลือบมองน่านแวบหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นจากม้านั่ง เดินเลี่ยงไปทางหนึ่ง หันหลังให้ผู้ที่ยังนั่งอยู่ตรงที่เดิม น่านมองตามหลังสอนไปอย่างสงสัย เมื่อได้ยินเสียงตอบโต้ของสอนในภาษาที่เขาไม่เข้าใจ

อีกห้านาทีต่อมาสอนก็เดินกลับมาหาน่าน ใส่โทรศัพท์ลงไปในย่ามที่วางอยู่บนม้านั่ง “กูจะไปห้องน้ำ ปวดท้องตั้งแต่เช้าแล้ว สงสัยจะท้องเสีย มึงรอกูอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหนล่ะ อ้อ..ฝากย่ามด้วย”

สองสามนาทีต่อมา น่านก็ได้ยินเสียงกริ่งโทรศัพท์อีกครั้ง เด็กหนุ่มชะเง้อมองไปตามทิศทางที่เห็นสอนเดินหายไป แต่ก็ไม่เห็นวี่แวว ลังเลอยู่อึดใจหนึ่งเขาก็ตัดสินใจจะรับโทรศัพท์ให้สอน น่านล้วงมือลงไปในย่าม หยิบโทรศัพท์ออกมากดรับสัญญาณ แต่เมื่อเขาส่งเสียงตอบรับออกไป ปลายสัญญาณอีกด้านหนึ่งก็รัวคำพูดในภาษาที่น่านไม่รู้เรื่องออกมาเร็วปรื๋อ หลังจากนั้นก็ตัดสัญญาณทันที
เด็กหนุ่มขยับจะยัดโทรศัพท์เครื่องนั้นกลับลงไปในย่ามของสอนตามเดิม แต่แล้วก็ชะงัก เมื่อนึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกระทันหัน มือที่สั่นเทาของเขากดตัวเลขที่จำขึ้นใจแล้วรอสัญญาณตอบรับ ด้วยใจที่เต้นโครมคราม

“บ้านพักท่านรัฐมนตรีฯ ค่ะ”

ขณะที่ปากอันสั่นระริกเพราะความตื่นเต้นของน่านกำลังเผยอออกเพื่อแสดงตัวแก้มซีกหนึ่งของเขาก็ถูกกระแทกอย่างแรงด้วยอะไรอย่างหนึ่งที่ทั้งแข็งและหนัก จนโทรศัพท์มือถือที่แนบอยู่ระหว่างหูและปากกระเด็นตกลงไปบนพื้นดินใกล้ม้านั่ง ร่างของเขาเองก็ซวนเซแทบจะตกจากม้ายาวที่นั่งอยู่

“ไอ้เหี้ยน่าน!” เสียงสำรากอย่างโกรธจัดของจ้าสอนนั่นเอง “ไอ้ส้นตีน อาเขาสั่งมึงแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามติดต่อใครทั้งนั้น มึงขัดคำสั่งเขาได้ยังไง มึงนี่วอนเสียแล้ว”

น่านยกมือขึ้นกุมแก้มซีกที่ถูกกำปั้นของเจ้าสอนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว มีเลือดไหลออกมาจากรอยแตกเปรอะอยู่ตามซอกนิ้วของเขา เด็กหนุ่มจ้องมองหน้าผู้ทำร้ายเขาอย่างโกรธจัด อยากจะชกมันสักหมัดเป็นการเอาคืนก็ทำไม่เป็น ชีวิตที่ผ่านมาของเขาไม่เคยต้องใช้กำลังกับใคร แม้ใจจะฮึดสู้ แต่ก็สุดปัญญา เมื่อคำนึงถึงร่างกายที่บอบบางของตัวเอง ได้แต่กลืนความแค้นลงไว้ในอก

“มึงโทรไปหาใคร?” สอนคาดคั้นถามด้วยสีหน้าถมึงทึง
น่านนิ่ง
“หรือโทรไปอ้อนแม่ ท่าทางอย่างมึงคงติดแม่น่าดู จะมาอยู่ป่าอยู่เขาได้หรือวะ” สอนทำเสียงเยาะเย้ย “กลับโว้ย มึงทำเสียฤกษ์ซะแล้ว กูไม่มีอารมณ์จะดูจะซื้ออะไรแล้ว"

น่านเดินตามหลังสอนไปเงียบๆ อย่างหมดอาลัยตายอยาก

“มะรืนนี้อาเขาก็จะกลับมาแล้ว อย่าทะลึ่งไปฟ้องเขาล่ะว่ากูพามึงไปที่หมู่บ้านนั่น ถ้ามึงปากสว่ง กูก็จะบอกเขาว่ามึงขัดคำสั่งเขา พยายามจะโทรศัพท์ไปหาใครก็ไม่รู้”

สอนหันมาขู่เด็กหนุ่มชาวกรุงที่เดินตามหลังมาห่างๆ ระหว่างเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เพื่อกลับไปหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งที่ทนงพามาพักอยู่ชั่วคราว

น่านเงียบกริบด้วยความหวาดหวั่น แม้จะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงจะโทรศัพท์ไปบ้านไม่ได้ เมื่อกี้เขาเกือบจะได้พูดโทรศัพท์กับแม่บ้านอยู่แล้ว แต่เจ้าสอนเข้ามาขัดขวางเสียก่อน หัวใจที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ของน่านเฝ้าแต่คร่ำครวญถึงมารดา และสภาพการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน แต่อย่างน้อยก็พอจะใจชื้นบ้าง เพราะรู้จากสอนว่าทนงกำลังจะกลับมา หลังจากนั้นเขาก็คงได้กลับบ้าน บ้านที่มีมารดาผู้รักเขาสุดชีวิตรออยู่

“หน้าคุณไปโดนอะไรมา เหมือนถูกต่อย” ทนงถามทันทีที่เห็นหน้าน่านที่รีบรุดออกมารับหน้าเขา มีเจ้าสอนเดินตามมาติดๆ

เมื่อเด็กหนุ่มไม่ตอบ เอาแต่ยืนเม้มปาก ไม่ยอมสบตาเขา ทนงก็มองหน้าสอนเป็นเชิงถาม

“ไม่มีอะไรหรอก อา” สอนตอบไม่เต็มปากเต็มคำ “มันกับผมทะเลาะกันนิดหน่อย ผมโมโหที่มันชอบทำท่าอวดดี บอกอะไรก็ไม่ยอมฟัง ผมโมโหก็เลยสั่งสอนมันนิดหน่อยเท่านั้น”

ทนงเหลือบดูแก้มข้างที่ฟกช้ำและมีรอยแตกของน่านแว่บหนึ่ง ก่อนจะถามด้วยเสียงเรียบๆว่า “จริงอย่างที่เจ้าสอนบอกหรือเปล่า?”

เด็กหนุ่มร่างสูงผอมนิ่งเงียบ ได้แต่พยักหน้าเหมือนรับรองคำพูดของสอน

“ความจริงคุณควรจะหัดชกมวยเอาไว้บ้าง อย่างน้อยก็เพื่อเอาไว้ป้องกันตัว ลูกผู้ชายมันต้องแกร่ง เรื่องชกต่อย มีด ปืน ก็ต้องรู้จัก ไม่งั้นจะกลายเป็นลูกแหง่ไม่รู้จักโต”

น่านฟังคำพูดของทนงอย่างแปลกใจ ทนงพูดราวกับว่าเขาจะต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนานอย่างนั้นแหละ แต่ก่อนที่เขาจะแย้งอะไรออกไป ทนงก็หันไปพูดกับสอนโดยตรง

“มึงกลับเข้าบ้านไปก่อน กูมีเรื่องส่วนตัวจะคุยกับเจ้าน่าน”

สอนหันมามองน่านด้วยแววตาขวางๆ ก่อนจะเดินออกจากที่ตรงนั้นไปอย่างไม่เต็มใจนัก

ใจของน่านเต้นรัวขึ้นมาทันทีด้วยความคาดหวัง “คุณพ่อคุณแม่ผมกลับมาแล้วใช่ไหม?”
หนุ่มใหญ่พยักหน้า “คุณพ่อคุณกลับมาแล้ว คุยกันแล้วด้วย ส่วนคุณแม่ยังไม่กลับ จะตามมาทีหลัง”
“งั้นเมื่อไหร่พี่จะพาผมกลับบ้าน พรุ่งนี้ได้ไหม?”
“คงยังไม่ได้” ทนงตอบด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
“อ้าว ทำไมล่ะ? ทำไมผมยังกลับบ้านไม่ได้?” เด็กหนุ่มร้องเสียงดังออกมาอย่างตกใจและผิดหวัง
“คุณคงต้องอยู่กับผมต่อไปอีกพักนึง”
“อีกพักนึง? ทำไม?” น่านถามเสียงแข็ง คิ้วขมวดมุ่น สีหน้าก็เผือดขาวไป
“เดี๋ยวคุณอ่านเอาเองแล้วกัน คุณพ่อคุณฝากจดหมายมาให้คุณ ท่านคงอธิบายเรื่องทั้งหมดไว้ในจดหมายแล้ว”

ทนงควักจดหมายจากกระเป๋าเสื้อวอร์มออกมาส่งให้น่าน “ผมจะเข้าไปในบ้านก่อน เคุณจะได้อ่านจดหมายตามสบาย อ่านจบแล้วตามเข้าไปก็แล้วกีน”

น่านมองตามหลังทนงที่เดินหายเข้าบ้านไป ก้มลงมองจดหมายซองสีฟ้าอ่อนในมือ ลังเลอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะค่อยๆคลี่ออกดู จดหมายฉบับนั้นมาจากบิดาของเขาอย่างไม่มีอะไรต้องสงสัย เขาจำลายมือเส้นใหญ่หนาหนักนั้นได้แม่นยำ เพราะคุณเลิศฤทธ์ถือเป็นกฏเกณฑ์ส่วนตัวที่จะเขียนจดหมายถึงบุตรชายที่กำลังศึกษาอยู่ในต่างประเทศ อย่างน้อยเดือนละฉบับ ซึ่งไม่ได้เขียนเพราะความคิดถึง แต่เป็นคำสั่งสอนและคำสั่งที่น่านมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวา เมื่อตระหนักว่าที่ที่เขายืนอยู่ๆห่างจากบ้านหรือกระท่อมที่พักเพียงเล็กน้อย ซึ่งไมมีความเป็นส่วนตัวมากนัก เขาก็เลยออกเดินไปเรื่อยๆจนออกมานอกหมู่บ้าน ซึ่งไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมา เขาเลือกได้ที่นั่งบนก้อนหินใหญ่ที่อยู่ลึกจากทางเดินเข้าไปในความรกทึบของต้นไม้ใหญ่ ที่ช่วยบังเขาไว้จากสายตาของใครก็ตามที่ใช้ทางเดินเท้าเส้นนี้ แล้วเปิดจดหมายออกอ่าน หลังจากสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆหลายครั้ง

ทันทีที่อ่านข้อความในจดหมายมาจนถึงบันทัดสุดท้าย เด็กหนุ่มก็ปล่อยให้กระดาษสีฟ้าอ่อนแผ่นนั้นหลุดออกจากมือ ปลิวไปตามลมอย่างสิ้นเรี่ยวแรง ยกมือสองข้างขึ้นปิดหน้า น้ำตาของความเสียใจ สิ้นหวังและเคียดแค้นโชตชะตาหลั่งไหลพร่างพรูออกมาไม่ขาดสาย เสียงคร่ำครวญราวสัตว์ป่าที่ต้องกระสุนปืนของนายพรานเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัส แทบดับดิ้นสิ้นใจ หลุดออกมาจากปาก เขา ดังก้องไปทั่วบริเวณนั้น โดยไม่รู้ตัว !!




Create Date : 25 กันยายน 2555
Last Update : 16 มกราคม 2558 16:58:58 น.
Counter : 2068 Pageviews.

50 comments
  
กิตฺติญฺจ ปปฺโปติ อธิจฺจ เวเท สนฺตึ ปุเณติ จรเณน ทนฺโต

เล่าเรียนสำเร็จวิทยา ก็ย่อมได้เกียรติ
แต่ฝึกอบรมด้วยจริยธรรมแล้วต่างหาก จึงจะสบสันติสุข

มีสติและสมาธิในการดำรงชีวิต ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 25 กันยายน 2555 เวลา:14:03:28 น.
  
ตามมาอ่านสวรรค์ในอกฯ ต่อค่ะพี่ตุ้ย
หนุ่มน้อยน่านต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงในอดีตเยอะจริงๆ
รอลุ้นอ่านตอนต่อไปค่ะ

เพิ่งทราบว่าพี่ตุ้ยไม่สบายก่อนหน้านี้
ขอส่งกำลังใจให้หายป่วยไวๆ มีสุขภาพแข็งแรงดีทุกวันนะคะ

วันนี้มีอาหารอิตาเลี่ยนมาฝากค่ะ ^.^



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: diamondsky วันที่: 25 กันยายน 2555 เวลา:14:35:30 น.
  
น่านกำลังมืดมน
และประสบชะตาอยู่กับคนแปลกหน้า
น่าสงสาร
แต่แล้วเขาจะเข้มแข็งในวันหน้าอิอิ
โดย: gymstek วันที่: 25 กันยายน 2555 เวลา:16:34:12 น.
  
รออ่านต่อค่ะ
โดย: ปุญชรัสมิ์ IP: 124.122.169.136 วันที่: 25 กันยายน 2555 เวลา:17:39:26 น.
  

รออ่านตอนต่อค่ะ จะเป็นยังไงนะเนี่ย สงสัยคุณหนูต้องลำบากอีกนาน...

newyorknurse

โดย: newyorknurse วันที่: 25 กันยายน 2555 เวลา:18:23:35 น.
  
สพฺพทา เว สุขํ เสติ พฺราหฺมโณ ปรินิพฺพุโต
โย น ลิปฺปติ กาเมสุ สีติภูโต นิรูปธิ

ผู้ใดเป็นผู้เยือกเย็น ไม่มีอุปธิ ไม่ติดในกาม
ผู้นั้นเป็นพราหมณ์ เป็นผู้ดับแล้ว อยู่เป็นสุขทุกเมื่อ

มีสติรู้เท่าทันทุกสภาวะธรรมที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 27 กันยายน 2555 เวลา:10:26:27 น.
  
จองเล่มนึงค่ะ รอตั้งนาน เด๋วไม่ครบชุด อิอิ

โดย: น้องปลาดาว IP: 125.24.131.198 วันที่: 27 กันยายน 2555 เวลา:12:18:47 น.
  
สวัสดีค่ะพี่ตุ้ย ดีใจที่เห็นพี่ค่ะ เงียบไปนานเลย
คิดถึงอยู่ค่ะ

ยกฝรั่งกับน้ำฝรั่งมาฝากด้วยค่ะ จะได้สดชื่น




เด๋วกลับมาอ่านนะคะ งานเข้านิดหน่อยค่ะ
พรุ่งนี้มาส่งกำลังใจนะคะ

ขอบคุณที่พี่โหวตให้ค่ะ
โดย: mambymam วันที่: 27 กันยายน 2555 เวลา:12:31:13 น.
  
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: Opey วันที่: 27 กันยายน 2555 เวลา:17:35:08 น.
  



More Sweet Comments

----------------------
แวะมาทักทายหลังฝนตกค่ะ อ่างทองเย็นฉ่ำทุกวันเลย น้ำในแม่น้ำก็ขึ้นดี๊ดี คิดถึงค่ะ ช่วงนี้ใกล้ปิดภาคเรียนยุ่งนิดหน่อย แต่พยายามแวปไปแวปมาเหมือนเดิม ระลึกถึงเสมอนะคะคุณตุ้ย
โดย: เกศสุริยง วันที่: 27 กันยายน 2555 เวลา:19:05:17 น.
  
สวัสดีค่ะพี่ตุ้ย
ขอบคุณสำหรับกำลังใจ พรุ่งนี้มาโหวตให้นะคะ

วันนี้มีมาม่าผัดมาฝาก

โดย: pantawan วันที่: 27 กันยายน 2555 เวลา:20:31:55 น.
  






อ่านแล้วค่ะพี่ตุ้ย
รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ อิอิ
อยากรู้น่านจะเป็นยังไง
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 28 กันยายน 2555 เวลา:4:55:11 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
โดย: เวียงแว่นฟ้า วันที่: 28 กันยายน 2555 เวลา:9:28:27 น.
  
สุสฺสูสา สุตวฑฺฒนี สุตํ ปญฺญาย วฑฺฒนํ
ปญฺญาย อตฺถํ ชานาติ ญาโต อตฺโถ สุขาวโห

ความใฝ่สดับเรียน เป็นเครื่องพัฒนาความรู้
ความรู้จากการเรียนสดับนั้น เป็นเครื่องพัฒนาปัญญา
บุคคลที่อยู่ด้วยปัญญา ก็รู้จักสิ่งที่เป็นประโยชน์
ประโยชน์ที่รู้จักแล้ว ก็นำสุขมาให้

มีความสุขกับการเรียนรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์ ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 28 กันยายน 2555 เวลา:9:56:27 น.
  
สวัสดีค่ะพี่ตุ้ย เมื่อวานว่าจะมา งานเข้า เลยไม่ได้มา
เช้านี้ก็เข้าอีก แว่บมาโหวตก่อนค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog

เด๋วมาใหม่นะคะ วันนี้มาจริงค่ะ อิอิ

ฝนตกรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
โดย: mambymam วันที่: 28 กันยายน 2555 เวลา:10:12:54 น.
  
วีตามมาอ่านทันทีที่ว่างค่ะ
โดย: โสดในซอย วันที่: 28 กันยายน 2555 เวลา:13:55:02 น.
  
มาอ่านละค่ะ อยากรู้ในจม.ที่น่านอ่านเขียนว่างัยจังค่ะ
ถึงได้สิ้นหวังและโมโหขนาดนั้น
รออ่านตอนต่อไปนะคะ

โดย: mambymam วันที่: 28 กันยายน 2555 เวลา:14:50:22 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
หอมกร Movie Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
กิ่งฟ้า Diarist ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
-----------------------------
แวะมาส่งกำลังใจให้คุณตุ้ยค่ะ
โดย: เกศสุริยง วันที่: 28 กันยายน 2555 เวลา:20:05:53 น.
  


วันหยุดแล้วพักผ่อนเยอะๆนะขอรับ
โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 29 กันยายน 2555 เวลา:5:08:50 น.
  
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 29 กันยายน 2555 เวลา:5:09:53 น.
  
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog

มารออ่านตอนต่อไปค่ะ อิอิ

สุขสันต์วันหยุดค่ะพี่ตุ้ย
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 30 กันยายน 2555 เวลา:0:34:18 น.
  



More Flower Bouquet Comments

-------------------------
เก็บดอกไม้แห่งความสุขมาฝากค่ะ หวังอย่างยิ่งว่าคุณตุ้ย คงสบายดีนะคะ
โดย: เกศสุริยง วันที่: 1 ตุลาคม 2555 เวลา:15:16:02 น.
  
สวัสดีค่า พี่ตุ้ย
ขอโทษนะค่าที่มาช้า เพราะไม่สบายกันทั้งบ้านเลยค่า

พี่ตุ้ย หายไปนาน เด๊ยวค่อย ๆ อ่านนะค่า
โหวตก่อนนะค่า


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 2 ตุลาคม 2555 เวลา:10:00:04 น.
  
โย จาปิ สีเต อถวาปิ อุณฺเห วาตาตเป ฑํสสิรึสเป จ
ขุทฺทํ ปิปาสํ อภิภุยฺย สพฺพํ รตฺตินฺทิวํ โย สตตํ นิยุตฺโต
กาลาคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ โส เม มนาโป นิวิเส วตมฺหิ

คนใด ไม่ว่าจะหนาวหรือร้อน มีลมแดด เหลือบยุงก็ไม่พรั่น
ทนหิวทนกระหายได้ทั้งนั้น ทำงานต่อเนื่องไปไม่ขาด ทั้งคืนวัน
สิ่งที่เป็นประโยชน์มาถึงตามกาล ก็ไม่ปล่อยให้สูญเสียไป
คนนั้นย่อมเป็นที่ชอบใจของสิริโชค สิริโชคขอพักพิงอยู่กับเขา

มีความสุขกับการทำกิจการงานที่ดีมีประโยชน์ ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 2 ตุลาคม 2555 เวลา:13:50:46 น.
  





แวะมาเยี่ยมค่าพี่ตุ้ย
ไม่หายไปไหนนานแล้วค่ะ

มีความสุขกับทุกๆวันนะคะ
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 3 ตุลาคม 2555 เวลา:1:37:41 น.
  



More Smile Comments

--------------------------------
สวัสดียามเช้าค่ะ คุณตุ้ย
โดย: เกศสุริยง วันที่: 3 ตุลาคม 2555 เวลา:7:10:30 น.
  
สวัสดีค่ะแม่ตุ้ย
อ่านดูแล้วรู้สึกว่าลึกลับซับซ้อนจังเลยค่ะ อยากรู้เร็ว ๆ จังว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเด็กหนุ่มคนนี้หนอ
แม่ตุ้ยคะ email ของแม่ตุ้ยโดน hack หรือป่าวคะ เพราะมีส่งมาให้หลินแบบแปลก ๆ หลายครั้งค่ะ เลยไม่กล้าเปิด เพราะดูแล้วไม่เหมือนทุกครั้งที่แม่ส่งมาค่ะ
รักษาสุขภาพนะคะ
โดย: หลิน IP: 125.25.172.90 วันที่: 3 ตุลาคม 2555 เวลา:11:20:08 น.
  
น วิสฺสเส อิตฺตรทสฺสเนน

ไม่ควรไว้วางใจ เพียงด้วยพบเห็นกันนิดหน่อย

ดำเนินชีวิตด้วยความมีสติรอบคอบในทุกเรื่อง ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 3 ตุลาคม 2555 เวลา:13:43:26 น.
  

ลัลล้าที่ซาฟารีเวิลด์
-----------------------------
เมื่อวานนำเด็กนักเรียนไปทัศนศึกษาที่ซาฟารีเวิลด์ เดินเสียจนขาบวมเลย นานๆจะเดินไกลเสียที อรุณสวัสดิ์นะคะ ขอให้มีความสุขตลอดวันเลยค่ะคุณตุ้ย
โดย: เกศสุริยง วันที่: 6 ตุลาคม 2555 เวลา:7:47:07 น.
  
สวัสดีค่ะพี่ตุ้ย
แวะมาเยี่ยมค่ะ
พักผ่อนในวันหยุดอย่างมีความสุขนะคะ
โดย: pantawan วันที่: 6 ตุลาคม 2555 เวลา:13:48:08 น.
  
แวะมาเยี่ยมยามเย็น...สวัสดีครับ
โดย: **mp5** วันที่: 7 ตุลาคม 2555 เวลา:18:25:17 น.
  
มาชวนไปขี่จักรยานค่ะ


โดย: Schnuggy ชนุ๊กกี้ วันที่: 9 ตุลาคม 2555 เวลา:1:08:14 น.
  



More All The Best Comments

--------------------------
ราตรีสวัสดิ์ หลับฝันดีนะคะคุณตุ้ย
โดย: เกศสุริยง วันที่: 10 ตุลาคม 2555 เวลา:23:27:52 น.
  
สวัสดีค่ะพี่ตุ้ย
รออ่านตอนต่อไปค่ะ
โหวตให้ค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: pantawan วันที่: 11 ตุลาคม 2555 เวลา:22:07:03 น.
  
อนุปาเยน โย อตฺถํ อิจฺฉติ โส วิหญฺญติ
ผู้ปรารถนาผลที่หมายด้วยวิธีการอันผิด จะต้องเดือดร้อน

มีสติระลึก ไม่ตกเป็นทาสของกิเลส ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 12 ตุลาคม 2555 เวลา:12:58:13 น.
  
ขอบคุณสำหรับโหวตค่า

มาชวนไปเที่ยวต่อค่ะ


โดย: Schnuggy ชนุ๊กกี้ วันที่: 13 ตุลาคม 2555 เวลา:3:16:24 น.
  
แม่คะ รถของแม่เป็น Rover รุ่นอะไรคะ
โดย: หลิน IP: 180.180.60.221 วันที่: 13 ตุลาคม 2555 เวลา:12:56:10 น.
  



More Good Luck Comments

-------------------------
โอยยยยยยยทำไมวันนี้ถึงร้อนได้เพียงนี้ ไปช่วยงานบวชมา ร้อนแทบจะขาดใจเลยค่ะ หนีกลับมาบ้านผึ่งแอร์เปิดคอมเล่น bloggang ให้สบายใจ ระลึกถึงเสมอค่ะคุณตุ้ย
โดย: เกศสุริยง วันที่: 13 ตุลาคม 2555 เวลา:16:56:11 น.
  
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
LoveParadise Food Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: Schnuggy ชนุ๊กกี้ วันที่: 14 ตุลาคม 2555 เวลา:4:04:52 น.
  
สวัสดียามเช้าจ้ะ....
โดย: Opey วันที่: 15 ตุลาคม 2555 เวลา:7:13:17 น.
  
สวัสดีค่ะพี่ตุ้ย
เทศกาลกินเจ
มาชวนทานข้าวผัดเจค่ะ

โดย: pantawan วันที่: 15 ตุลาคม 2555 เวลา:23:07:22 น.
  
อถ ปจฺฉา กุรุเต โยคํ กิจฺเจ อาวาสุ สีทติ

ถ้ามัวล่าช้าเพียรทำกิจล้าหลังไป จะจมลงในห้วงอันตราย

รีบทำการที่ควรรีบ แต่ไม่ควรเร่งร้อนจนเสียการ....นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 17 ตุลาคม 2555 เวลา:10:34:58 น.
  
Will I get paid for overtime? //tandimwines.com/about/ finpecia price It amounts to more than a day’s worth of calories for the average American woman, but it’s the salt that’s really shocking. These sliders are salted withย as much sodium as 35 servings of Kettle Sea Salt Potato Chips.
โดย: Bruce IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 สิงหาคม 2558 เวลา:0:43:41 น.
  
perfect design thanks //adgokc.com/our-work purchase flagyl 500mg online The views expressed in the following comments are not those of PharmaTimes or any connected third party and belong specifically to the individual who made that comment. We accept no liability for the comments made and always advise users to exercise caution.
โดย: Clint IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 สิงหาคม 2558 เวลา:0:43:42 น.
  
Have you read any good books lately? //cainawning.com/residential/ trazodone 200 mg While Britain has suffered here, Denmark have thrived under new coach Nick Juba. The 60-year-old Briton was interviewed by British Swimming before Bill Furniss filled the vacant head coaching role.
โดย: Thomas IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 สิงหาคม 2558 เวลา:0:43:43 น.
  
Why did you come to ? //www.cleansingwithfood.com/store/ methotrexate mtx Sept 17 (Reuters) - Microsoft Corp raised itsquarterly dividend by 22 percent and renewed its $40 billionshare buyback program, extending an olive branch to investorswho are expected to grill its outgoing CEO on Thursday about acostly foray into mobile devices.
โดย: Quintin IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 สิงหาคม 2558 เวลา:0:43:44 น.
  
I'm happy very good site //www.matrizdesenho.com.br/pt/matriz lasix renal Brand also noted that unlike most labor disputes, the managers -- the BART board -- are publicly elected officials. A strike now would hit BART at a time when rider counts are up 30 percent compared to the summer, and when freeway traffic peaks.
โดย: Janni IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 สิงหาคม 2558 เวลา:0:43:45 น.
  
I'd like to tell you about a change of address //sacraliturgia2013.com/program/ imovane 7 5 mg ulotka In the first full quarter under a new Chief Executive MichelCombes, the smaller competitor to Sweden's Ericsson and China's Huawei posted a quarterly sales rise of 1.9percent to 3.61 billion euros ($4.78 billion).
โดย: Odell IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 สิงหาคม 2558 เวลา:0:43:46 น.
  
Have you got any ? //denali2013.org/teachers-section/ buy motilium online In addition to the California lawsuit which the government had planned to file earlier this week, prosecutors in Philadelphia and New Jersey are also working on cases. The additional cases include probes of the mortgage businesses of Bear Stearns and Washington Mutual, two banks that JPMorgan bought when they collapsed in the financial crisis.
โดย: Emma IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 สิงหาคม 2558 เวลา:0:43:47 น.
  
Can you put it on the scales, please? //tandimwines.com/about/ finpecia tablets Apple, the only manufacturer protecting your hardware and software with an army of top tier IT staff. After the hint of attack, they dissemble their systems themselves, seems like from top to bottom, to make sure no residual malware remains. I am a very happy Apple user, and a not so happy Apple investor after the stock price was very publicly manipulated by hedge funders like Einhorn et al. I hope SEC gets around to investigating him soon.
โดย: DE IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 สิงหาคม 2558 เวลา:0:43:48 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
กันยายน 2555

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com