เขาจากบ้านมานานถึงสิบปีแล้ว สิบปีที่นานเหมือนร้อยปีในนรกในความรู้สึกของเขา และคงจะต้องอยู่อย่างนี้ต่อไปอีกไม่ต่ำกว่าสิบปี!!! เขายังจำได้ถึงวันที่เกิดเหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตของหนุ่มน้อยวัยสิบเก้าปี ที่เรียนเก่งและกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์สาขาเครื่องกลปีที่สอง ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในต่างประเทศ ต้องมีอันผันแปรจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขากลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงปิดภาคเรียน แล้วผีห่าซาตานก็เข้ามาแทรกกลางชีวิตที่กำลังจะรุ่งโรจน์ของเขา บันดาลให้เกิดเรื่องร้ายแรงขั้นอุกฤษฎ์ที่ผันพลิกชีวิตของเขา พรากเขาไปเสียจากพ่อแม่พี่น้อง
กรรมหรือมารตัวใดที่บันดาลให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ที่ทำให้เขาต้องดั้นด้นหลบหนีชะตากรรมที่เกิดขึ้นไปตายเอาดาบหน้า ต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ต้องมีชิวิตอย่างอ้างว้างโดดเดี่ยว ต้องต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างๆทรหดอดทน หลายปีของการดิ้นรนต่อสู้เอาชีวิตรอดให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของกฏหมายบ้านเมือง ที่ตามไล่ล่าเพื่อเอาตัวเขากลับไปรับโทษทัณฑ์ที่เขาก่อขึ้นมาโดยไม่ได้เจตนา ความลำบากยากเข็ญที่ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนเพื่อการมีชีวิตอยู่ต่อไป ได้หล่อหลอมเขาจากเด็กหนุ่มสำอางค์รูปร่างผอมสูงสะโอดสะองอนาคตไกล ให้กลายเป็นหนุ่มฉกรรจ์ร่างบึกบึนสมบุกสมบันและแกร่งกร้าว มั่วสุมปะปนอยู่กับคนชั้นล่างของสังคมอย่างไร้อนาคตเพื่อให้กลมกลืนไปกับพวกเขา
เขายังจำได้ไม่มีทางลืมตลอดชีวิตว่าทันทีที่เกิดเรื่อง ทนงซึ่งเป็นคนสนิทผู้มีฝีมือเป็นที่เชื่อถือและไว้วางใจของคุณเลิศฤทธิ์บิดาของเขา ได้กระชากตัวเขาออกมาจากที่เกิดเหตุ ซึ่งตอนนั้นไฟดับมืดด้วยฝีมือใครเขาไม่รู้ เพราะขณะนั้นเขามีแต่ความกลัวและตระหนกตกใจจนเกือบเสียสติ เขาถูกพาไปขึ้นรถเก๋งติดฟิลม์สีดำมืดทึบ ออกไปจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครสังเกตเห็น ทนงนั่งข้างหลังคู่กับเขา ส่วนคนขับเป็นใครเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน รู้แต่ว่าเป็นเด็กหนุ่มอายุไล่เลี่ยกับเขา
พี่ทนง เราจะไปไหนกันหรือ?
เขาถามเมื่อรถแล่นมาได้กว่าหนึ่งชั่วโมง มุ่งหน้าไปในทิศทางที่ไม่ใช่ทางกลับบ้าน ปากคอยังสั่น หัวใจก็เต้นรัวจนกลัวว่ามันจะกระโดดหลุดออกมา เขาเสียขวัญมากและต้องการการปกป้องคุ้มครองจากบิดามารดา เขายังไม่ได้เป็นผู้ใหญ่สักเท่าไหร่ อายุเพิ่งจะครบสิบเก้าปีเต็มเมื่อไม่กี่วันนี้เอง
บอดี้การ์ดคนสนิทของบิดาเหลียวมามองเขาแวบหนึ่งก่อนตอบว่า ผมจะพาคุณไปหาที่ซ่อนตัวก่อน ป่านนี้ตำรวจคงไปถึงที่เกิดเหตุแล้ว เราจะรอช้าไม่ได้
ทำไมไม่พาผมกลับบ้าน ผมอยากกลับบ้าน
อย่าทำเป็นเด็ก เสียงของทนงแข็งอย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน คุณจะกลับไปที่บ้านทำไม ตอนนี้ท่านกับคุณหญิงก็ไม่อยู่ ใครจะช่วยคุณได้นอกจากผม
ตอนนั้นบิดามารดาของเขาไม่ได้อยู่ที่บ้าน ท่านทั้งสองเดินทางไปต่างประเทศด้วยกันตั้งแต่สองวันที่แล้ว คุณเลิศฤทธิ์ผู้เป็นบิดาต้องไปเข้าประชุมในฐานะตัวแทนของประเทศไทย ร่วมกับตัวแทนประเทศอื่นๆอีกหลายประเทศเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ส่วนคุณหญิงอรสาผู้มารดา ซึ่งเป็นคุณหญิงทั้งโดยกำเนิดที่เกิดเป็นหม่อมราชวงค์และโดยรับตราพระราชทาน ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากตำแหน่งรัฐมนตรีของสามี เดินทางติดตามไปด้วย โดยจะแยกกับสามีไปเยี่ยมและพักอยู่กับน้องสาวของเธอ ที่แต่งงานกับชายอเมริกันและตั้งครอบครัวอยู่ที่โน่นมาหลายปีแล้ว
เมื่อเห็นสีหน้าแววตาที่ตื่นกลัวของเขา หนุ่มใหญ่คนนั้นก็ลดน้ำเสียงลงอย่างปลอบโยน ผมจะพาคุณไปหาที่ซ่อนตัวที่จังหวัดใกล้ๆนี่แหละ ชั่วคราวเท่านั้น อย่ากลัวไปเลย
แต่เราต้องบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณพ่อคุณแม่ทราบไม่ใช่หรือ? ท่านจะได้ช่วยคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป เขาแย้งอย่างเริ่มมีสติ แม้จะกลัวจนถึงขีดสุดกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่ถึงชั่วโมงนี้ก็ตาม
เดี๋ยวส่งคุณเรียบร้อยแล้วผมจะติดต่อเรียนให้ท่านทราบและขอคำปรึกษาโดยเร็วที่สุด แววตาเหมือนสงสัยไม่แน่ใจของเด็กหนุ่มลูกชายเจ้านายที่มองสบเขาทำให้ทนงต้องถามว่า คุณไว้ใจผมหรือเปล่า? เชื่อหรือเปล่าว่าผมจงรักภักดีต่อท่านมาก ถ้าคุณไม่ไว้ใจผมๆก็คงไม่กล้าพาคุณไป ผมจะไปส่งคุณที่บ้านก็ได้ แต่ตำรวจก็อาจจะมาจับคุณ ไม่แน่..ป่านนี้ตำรวจอาจจะไปรออยู่ที่บ้านแล้วก็ได้
สีหน้าของเด็กหนุ่มซีดเผือดราวกับไม่มีเลือดเหลือสักหยด หันไปเขย่าแขนอีกฝ่ายอย่างร้อนใจ ตระหนักชัดเป็นครั้งแรกตั้งแต่หลังเกิดเหตุว่าตอนนี้มีทนงคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งของเขาได้
โธ่ พี่ทนง พี่ก็รู้ว่าผมรักและไว้ใจพี่มาก คุณพ่อก็เหมือนกัน พี่ทนงเท่ากับเป็นมือขวาคนสนิทของท่านอยู่แล้ว ผมรู้ว่าจะหาใครที่จงรักภักดีกับคุณพ่ออย่างพี่ทนงไม่ได้อีกแล้ว แม้ชีวิตพี่ก็คงสละให้ท่านได้ เอาเถอะ..พี่จะพาผมไปที่ไหนก็ได้ ขอเพียง..ขอเพียงอย่าให้ผมต้องติดคุกเท่านั้น
ไม่ต้องกลัวหรอกเรื่องนั้นน่ะ ถ้าคุณไว้ใจผมๆจะทำทุกอย่างไม่ให้คุณต้องติดคุก ผมสัญญา
คำสัญญาของหนุ่มใหญ่มาดเข้มทำให้เด็กหนุ่มท่าทางเปราะบางถอนใจยาวอย่างโล่งอก รู้ว่าทนงเป็นคนที่ไม่เคยผิดคำพูด เขาเป็นคนพูดน้อย สุขุมรอบคอบ วัยวุฒิและสีหน้าที่เคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลาของเขา ทำให้เป็นที่ยำเกรงและศรัทธาของเด็กหนุ่มผู้มีอัธยาศัยอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว
รถไปถึงจังหวัดชัยนาทในอีกสามชั่วโมงต่อมา ทนงพาเขาไปที่บ้านเก่าๆหลังหนึ่งที่ชำรุดทรุดโทรมห่างไกลจากชุมชน แม้จะไม่มีใครอยู่บ้านหรือออกมาต้อนรับ แต่หนุ่มใหญ่ผู้นั้นก็มีท่าทางคุ้นกับบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี น่านเห็นเขาเดินไปที่กระถางต้นไม้ใบหนึ่งแถวนั้น ยกกระถางขึ้นแล้วหยิบกุญแจที่ซ่อนอยู่ออกมาไขแม่กุญแจที่คล้องอยู่บนสายยูออกได้อย่างสะดวกง่ายดาย
คืนนี้คุณพักอยู่ที่นี่ก่อน ผมจะเข้ากรุงเทพฯไปหาทางโทรศัพท์ติดต่อกับคุณพ่อคุณ ทนงบอกระหว่างเด็กหนุ่มคนขับรถยังทำอะไรอยู่นอกตัวบ้าน
พี่โทรศัพท์หาคุณพ่อผมจากที่นี่ก็ได้ไม่ใช่หรือ พี่มีมือถือนี่ เขาท้วง เพราะกลัวว่าทนงจะทิ้งเขาให้อยู่คนเดียวในบ้านเก่าๆ ห่างไกลผู้คนและในจังหวัดที่เขาไม่รู้จัก
ผมไม่มีเบอร์ติดต่อกับท่าน คิดว่าแม่บ้านคงจะมี ทนงอธิบาย
ทำไมพี่ไม่โทร.เข้ามือถือคุณพ่อล่ะ? เด็กหนุ่มยังซักต่อ
คุณก็รู้ไม่ใช่หรือว่าปกติคุณพ่อคุณไม่ใช้มือถือ ท่านไม่ต้องการให้ใครติดต่อถึงตัวท่านได้โดยง่าย
น่านนิ่งคิดก่อนจะพึมพำว่า ส่วนใหญ่ผมอยู่เมืองนอก ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับคุณพ่อเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าคุณแม่จะเคยบอกเหมือนกันว่าคุณพ่อไม่ใช้มือถือ
คุณแม่คุณก็เหมือนกัน ไม่ใช้มือถือเลยถ้าไม่จำเป็น ทนงเสริม ไปต่างประเทศก็ไม่เคยเอามือถือติดตัวไป
งั้นพี่ทนงจะติดต่อคุณพ่อได้ยังไงล่ะ
คงต้องถามแม่บ้าน ปกติคุณหญิงจะทิ้งเบอร์ติดต่อไว้กับเขา เผื่อมีอะไรฉุกเฉินทางนี้
โทร.ไปถามเบอร์ที่แม่บ้านไม่ได้หรือ พี่จะได้ไม่ต้องเข้ากรุงเทพฯ เขายังพยายามต่อรอง
ผมตั้งใจจะไปดูลาดเลาที่บ้านคุณด้วย ป่านนี้ไม่รู้ตำรวจไปวุ่นวายสอบถามอะไรบ้างหรือยัง แล้วยังต้องไปจัดเตรียมเรื่องการซ่อนตัวของคุณด้วย คุณจะอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ใกล้กรุงเทพฯเกินไป
เด็กหนุ่มนิ่งคิด แต่เมื่อมองไม่เห็นทางเลือกก็บอกอ่อยๆว่า แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน พี่ต้องพยายามติดต่อคุณพ่อให้ได้นะ บอกท่านด้วยว่าผมกลัวจนจะบ้าอยู่แล้ว
ทนงเหลือบมองเด็กหนุ่มที่พอพูดจบแล้วก็ซบหน้าลงบนฝ่ามือทั้งสองข้าง สะอื้นไห้ออกมาอย่างสุดจะทนกับความบีบคั้นของสถานการณ์ เขายื่นมือไปตบไหล่บอบบางเบาๆอย่างปลอบโยน
ทำใจดีๆไว้นะครับ อย่าเพิ่งท้อหรือหมดหวัง คุณต้องตั้งสติเอาไว้ให้ดี ท่านคงจะรีบเดินทางกลับมาทันทีที่รู้เรื่อง ระหว่างนี้คุณก็อยู่ที่นี่ไปก่อน อย่าออกไปนอกบ้านเป็นอันขาด ผมจะรีบกลับมาโดยเร็วที่สุด
เด็กหนุ่มที่เพิ่งพ้นวัยเด็กมาได้ไม่กี่ปี เงยหน้าที่เปื้อนน้ำตาขึ้นมองอีกฝ่าย ถามอย่างกังวลว่า จะให้ผมอยู่ที่นี่คนเดียวหรือ?
เจ้าสอนที่ขับรถให้เราจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ จะได้ช่วยดูแลหาข้าวหาปลาให้คุณด้วย คุณต้องอยู่เงียบๆ ปิดปากให้สนิท อย่าออกจากบ้าน อย่าพยายามติดต่อใครแม้แต่ผม
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับรู้ เขาเป็นใครล่ะ พี่ทนง ผมไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย
ทนงยิ้มนิดๆ ทำให้สีหน้าที่เคร่งขรึมของเขาอ่อนโยนลงเล็กน้อย "หลานห่างๆของผมเอง ไว้ใจได้ แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องคุยกับมัน ไม่อยากให้มันรู้อะไรมากนัก มันไม่ค่อยเข้าใจภาษาทางนี้หรอก เจ้านี่เป็นชาวเขา แต่มันซื่อและอยู่กับผมมานาน
เขารู้หรือเปล่าว่าผมเป็นใคร เด็กหนุ่มซักอย่างรอบคอบ
ทนงส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่รู้หรอก ผมบอกมันแต่ว่าคุณชื่อน่าน เป็นลูกของเพื่อนที่มีบุญคุณต่อผม มีปัญหาที่ขอให้ผมช่วย คุณไม่ต้องเล่าอะไรให้มันฟัง ถึงจะไว้ใจได้แต่เราก็ไม่ควรประมาท อย่างช้าพรุ่งนี้หนังสือพิมพ์ก็คงตีข่าวเรื่องนั้นกันเกรียวกราว โชคของคุณยังดีที่ผมพาคุณหลบออกมาได้เสียก่อน
ก่อนจะออกจากบ้านทนงกำชับอีกว่า คุณอยู่ได้ใช่ไหม เดี๋ยวก็อาบน้ำอาบท่าเข้านอนได้แล้ว ในห้องนอนโน่นน่าจะมีเสื้อผ้าเก่าของใครทิ้งไว้บ้าง คุณลองหาดูแล้วกัน
นี่บ้านใครหรือ พี่ทนง
บ้านเพื่อนผม แต่มันไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก อยู่กรุงเทพฯ เดือนสองเดือนถึงจะมาดูบ้านเสียที ไม่ต้องห่วง ผมกับเพื่อนคนนี้สนิทสนมตายแทนกันได้ แล้วเหมือนนึกขึ้นได้ทนงถามว่า คุณเอามือถือมาด้วยหรือเปล่า?
เปล่า ไม่ได้เอามา
ทนงขมวดคิ้วถามทันทีอย่างกังวลว่า คุณทำตกไว้ที่โน่นหรือเปล่า?
อีกฝ่ายรู้ว่าเขาหมายถึงสถานที่เกิดเหตุ เปล่า ผมลืมทิ้งไว้ที่บ้าน ไม่ได้เอาติดตัวไปที่..เอ้อ..ที่โน่นหรอก ทำไม? มีอะไรหรือ?
หนุ่มใหญ่ถอนใจยาวเหมือนโล่งอก ผมนึกว่าคุณลืมหรือทำตกไว้ที่โน่นน่ะสิ ถ้าเป็นแบบนั้นละก็แย่เลย ตำรวจเขาจะรู้ว่าเจ้าของโทรศัพท์เป็นใคร คุณก็คงรู้ว่ามันเป็นหลักฐานสำคัญที่จะเป็นเบาะแสนำไปสู่ตัวคุณและทางบ้าน
แล้วเขาก็ตะโกนเรียกเจ้าสอน ซึ่งตอนนี้นั่งกระดิกเท้าสูบบุหรี่พ่นควันปุ๋ยอยู่ที่แคร่ยาวนอกบ้าน ให้เข้ามาในบ้าน
สอน กูจะเข้ากรุงเทพฯ มึงช่วยดูแลลูกเพื่อนกูด้วย พรุ่งนี้ก็หาข้าวหาปลาให้เขากินด้วย เขาควักเงินจำนวนหนึ่งส่งให้สอน
อาจะไปกี่วัน
วันเดียวแหละ พรุ่งนี้บ่ายๆก็กลับแล้ว มึงอย่าออกไปไหนล่ะ อยู่เป็นเพื่อนคุณ..เอ้อ.เจ้าน่าน เข้าใจไหม
เจ้าสอนพยักหน้ารับคำสั่ง ส่งกุญแจรถที่ถืออยู่ในมือให้ทนงแล้วเดินเลี่ยงออกไปหน้าบ้าน
ทนงเข้ากรุงเทพพฯคืนนั้นและกลับมาในบ่ายวันรุ่งขึ้น มีของหอบใหญ่ติดตัวมาด้วย สอนที่นั่งเล่นอยู่หน้าบ้านลุกมาช่วยหอบเข้ามาให้ในบ้าน ทนงตอบคำซักถามด้วยความอยากรู้ของสอนว่าเป็นเสื้อผ้าเครื่องใช้สำหรับน่าน
เด็กหนุ่มที่รีบออกมาต้อนรับอย่างดีใจที่เห็นเขากลับมามองของพวกนั้นอย่างสงสัย แต่คำถามแรกของเขาคือ พี่ทนงเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณพ่อทราบแล้วใช่ไหม? ท่านว่าอย่างไรบ้าง จะรีบกลับมาจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทันทีหรือเปล่ร?
ทนงยังไม่ตอบคำถามของเด็กหนุ่ม เขาหันไปทางสอนที่หลังจากวางของที่หอบเข้ามาลงบนพื้นแล้วยังยืนรีรออยู่ เฮ้ย ไอ้สอน มีน้ำแข็งกินไหมวะ ถ้ามีเอาใส่น้ำมาให้กินสักแก้ว
ไม่มีหรอกอา จะเอาหรือเปล่าล่ะ ถ้าเอาจะได้ออกไปซื้อให้
เออ ออกไปซื้อมาหน่อย อยู่กันยังไงวะ น้ำขงน้ำแข็งก็ไม่ยักซื้อมา เขาบ่นแล้วควักเงินออกส่งให้ มึงจะไปซื้อที่ไหน แถวนี้ไม่เห็นมีอะไรขาย
ทางโน้นมีร้านขายของชำเล็กๆ ไม่ไกลเท่าไหร่
แล้วมึงจะไปยังไง?
เดี๋ยวผมเอาจักรยานไป มีจักรยานเก่าๆพอใช้ได้อยู่ตรงโน้นคัน เมื่อเช้าผมก็ขี่ไปซื้อข้าวเช้ากับข้าวเที่ยงให้นายน่านทีนึงแล้ว
เออ..ดี มึงรีบไปรีบมาแล้วกัน เช้ามืดพรุ่งนี้เราต้องเดินทางต่อ
เดินทางอีกแล้วหรืออา?
เออ..มึงมีปัญหาหรือไง?
สอนสบตาดุๆของผู้เป็นอาแล้วทำหน้าแหยๆ ไม่มีหรอก ถามไปยังงั้นเอง อาก็รู้นี่นาว่าผมน่ะถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว
หลังจากที่สอนขี่จักรยานหายไปทนงก็ลงนั่งบนพื้นห้องเพราะบ้านหลังนั้นค่อนข้างว่างเปล่า ไม่มีเก้าอี้แม้แต่ตัวเดียว เขาพยักหน้าให้น่านนั่งลงตรงข้าม
อย่าถามอะไรต่อหน้าเจ้าสอน ผมไม่อยากให้มันรู้มากนัก มันเกี่ยวกับความปลอดภัยของคุณ
พี่ได้คุยกับพ่อผมแล้วใช่ไหม? เด็กหนุ่มยังย้ำคำถามเดิมอย่างใจจรดใจจ่อ
อีกฝ่ายยังไม่ตอบทันที แต่กลับถามว่า ได้หลับมั่งหรือเปล่าเมื่อคืนน่ะ หน้าตาซีดเซียวเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืน
เด็กหนุ่มยิ้มแห้งๆ สารภาพว่า นอนไม่หลับหรอก หลับตาทีไรก็เห็นแต่ภาพนั้นทุกที กลัวตำรวจจะตามมาถูกด้วย
ทนงมองสบตาคู่ที่มองเขาอย่างมีความหวังก่อนจะเล่าว่า ผมเล่าให้ท่านฟังแล้วละ ตอนนี้ท่านเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว แต่ผมไม่มีโอกาสได้พูดกับคุณแม่คุณ ท่านไม่อยู่ ไปพักที่บ้านน้าคุณ
นั่นสิ แล้วคุณพ่อว่ายังไง จะกลับมาทันทีใช่ไหม คำถามนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
ท่านยังกลับไม่ได้ จะต้องเข้าประชุมอีกสองวัน วันนี้เพิ่งเป็นวันแรก แต่ท่านสั่งมาว่าให้ผมจัดการทุกอย่างแทนท่านไปก่อน อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด คนที่บ้านก็ให้รู้ไม่ได้
ตกลงคุณพ่อจะให้พี่ทนงจัดการยังไง?เด็กหนุ่มถามขัดขึ้นมาอย่างร้อนใจ
ผมเสนอท่านว่าจะพาคุณไปซ่อนตัวอยู่แถวบ้านญาติผมทางเหนือ จนกว่าท่านกับคุณหญิงจะกลับมาจัดการเองต่อไป ซึ่งท่านก็เห็นด้วยเพราะไม่ต้องการให้เรื่องเอิกเกริก คุณก็รู้ว่าตำแหน่งท่านใหญ่โต ถ้าตำรวจจับตัวคุณได้ ลงหนังสือพิมพ์พาดหัวหน้าหนึ่ง ท่านจะต้องเสียหายอย่างหนัก จนอาจจะหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรีก็ได้
น่านมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง เรื่องส่วนตัวของผมจะทำให้คุณพ่อต้องหลุดจากตำแหน่งเชียวหรือ?
คุณก็น่าจะเข้าใจนี่ว่าท่านเป็นนักการเมืองใหญ่ มีทั้งคนชอบและคนเกลียด หนังสือพิมพ์ชอบนักละข่าวแบบนี้ ผมถึงบอกคุณไม่ให้พูดอะไรกับใครไง คุณต้องช่วยปกป้องชื่อเสียงของท่านด้วย คุณพ่อคุณยังไม่อยากให้คุณหญิงรู้เรื่องนี้ เขาหมายถึงมารดาของน่าน กลัวจะช็อค คุณก็รู้ว่าคุณแม่คุณมีโรคประจำตัวหลายโรค แล้วยังท่านตาของคุณอีกล่ะ ถ้าเรื่องแพร่ออกไปท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อีกอย่างท่านก็อายุมากแล้ว
เด็กหนุ่มหน้าเสียเมื่อรู้ว่าบิดาของเขาจะยังไม่เดินทางมา แล้วเราจะทำยังไงต่อไป อ้อ..แล้วพี่ไปที่บ้านผมหรือเปล่า มีอะไรผิดปกติไหม?
ตอนที่ผมไปก็ไม่มีอะไรนะ แต่แม่บ้านบอกว่ามีตำรวจโทรศัพท์มาถามถึงคุณ
ถามถึงผม? หน้าของเขาสลดหมดสีเลือดลงไปอีก ทำไมเขารู้ว่าผมอยู่ในที่เกิดเหตุ? แล้วคนอื่นๆล่ะที่อยู่ด้วยกันน่ะ ตำรวจไปตามหาพวกเขาบ้างหรือเปล่า?
ทนงทำท่าครุ่นคิด คนอื่นน่ะผมไม่รู้ ตำรวจอาจจะไปตามหาตัวเพื่อสอบปากคำเหมือนกันก็ได้ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดไปถึงคนอื่นเลย เอาเรื่องของคุณให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า คุณพ่อคุณฝากผมมาบอกคุณว่าให้อยู่เงียบๆ ไม่ต้องพบต้องติดต่อกับใครเลย นอกจากจะไม่ปลอดภัยแล้วยังอาจจะทำให้เสียรูปคดีได้..
ความจริงคุณพ่อก็รู้จักนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน ทำไมท่านไม่ติดต่อพวกเขาให้ช่วยดูแลผม ทำไมต้องให้ผมไปหลบซ่อนตัวที่อื่น ฝ่ายที่เด็กกว่าถามขัดขึ้นมา
ผมถามท่านเหมือนกัน แต่ท่านบอกว่ากลัวจะเป็นข่าว ไว้ให้ท่านกลับมาเสียก่อน จะติดต่อกับตำรวจเอง อาจจะให้คุณเข้ามอบตัวตอนนั้นมั้ง แล้วเขาก็ถามอย่างสงสัยว่า คุณจะยอมมอบตัวตอนนี้เลยหรือ ไม่คิดว่าควรรอให้ท่านกลับมาจัดการเองหรือ?
เด็กหนุ่มอ้อมแอ้มตอบว่า เปล่าหรอก พี่ทนง คุณพ่อสั่งมายังไงก็เอายังงั้นแหละ ท่านคงรู้ดีกว่าเรา ผมเพียงแต่คิดว่าการหนีไปจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่าเท่านั้น ผมอาจจะถูกข้อหาทำผิดแล้วหลบหนีคดีไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?
ทนงมองหน้าอีกฝ่ายอย่างชมเชยความหลักแหลมของเขา คุณนี่เก่งนะ รู้กฏหมายข้อนี้ด้วย ผมเองก็ห่วงเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ท่านสั่งมาอย่างนี้ผมก็มีหน้าที่ต้องทำตาม ถ้าคุณไม่อยากหนีหรือมีแผนอื่น ก็ลองพูดกับท่านดูอีกทีดีไหมล่ะ
น่านอึ้งไป ทำท่าคิดอยู่ครู่ใหญ่ก็ส่ายหน้าปฏิเสธ อย่าดีกว่า ถ้าคุณพ่อเห็นว่าวิธีนี้ดีที่สุดสำหรับตอนนี้ผมก็จะทำตาม ไม่อยากรบกวนท่านมากเกินไป ตอนนี้ก็ทำให้เดือดร้อนมากพอแล้ว ไว้คุณพ่อกลับมาแล้วคงจัดการได้เรียบร้อย
ดีแล้วที่คุณคิดยังงั้น เตรียมตัวไว้แล้วกัน พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันตั้งแต่ตีสี่เลย ต้องขับรถไกลมาก เสื้อผ้าเครื่องใช้คุณผมซื้อมาให้แล้ว
ทำไมต้องซื้อใหม่ล่ะ ทำไมพี่ไม่ให้แม่บ้านขึ้นไปเอาเสื้อผ้าที่ห้องผม ผมมีเสื้อผ้าอยู่เต็มตู้
ทนงส่ายหน้าอย่างเวทนาความซื่อของเด็กหนุ่ม อย่าลืมว่าคุณต้องไปแบบชาวบ้านธรรมดา เสื้อผ้าพวกนั้นหรูเกินไป สะดุดตาคนง่าย ที่ผมซื้อมาให้น่ะเป็นพวกเสื้อผ้ามือสองที่ไม่เก่าจนเกินไป จะได้ไม่เป็นที่สนใจของใคร อ้อ..ทางที่ดีต่อไปคุณควรเรียกผมว่า อา เหมือนเจ้าสอนด้วย แล้วก็อย่าลืมเป็นอันขาดว่าชื่อของคุณคือน่าน คำเดียวเท่านั้น ไม่ยาวไปกว่านั้น"
ผมจะต้องไปอยู่ที่โน่นนานหรือไง ถึงต้องเปลี่ยนทั้งชื่อทั้งต้องบอกว่าเป็นหลานพี่ด้วย เขาชักสงสัย
คงไม่นานหรอก ผมเพียงแต่เตรียมไว้เพื่อความปลอดภัยของคุณและชื่อเสียงคุณพ่อคุณแม่ของคุณเท่านั้น คุณจะอยู่ได้อย่างปลอดภัยที่โน่นถ้าไม่มีใครรู้ว่าคุณเป็นใคร เราจำเป็นต้องเล่นละคร แต่ก็คงพักเดียวเอง
เด็กหนุ่มทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะตั้งคำถามที่ข้องใจ ถ้าจำเป็นต้องใช้ชื่อใหม่ทำไมพี่ไม่ตั้งใหม่ไปซะเลยล่ะ ทำไมยังใช้ชื่อเดิมของผมอยู่ เพียงแต่ตัดพยางค์หลังทิ้งไปเท่านั้น ตำรวจอาจจะแกะรอยตามหาผมได้ง่ายนะ"
ความจริงก็ควรจะตั้งใหม่อย่างที่คุณว่า แต่ผมพลาดไปหน่อย ตอนที่เจ้าสอนถามถึงชื่อคุณผมไม่ได้เตรียมเอาไว้ก่อน ก็เลยบอกไปว่าคุณชื่อน่าน บอกไปแล้วก็คงต้องเลยตามเลย ขืนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมามันจะสงสัยเสียเปล่าๆ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก อีกไม่กี่วันเรื่องก็คงจะเรียบร้อย คุณเองก็ต้องระวัง อย่าเผลอไปบอกใครถึงชื่อเต็มและนามสกุลของคุณล่ะ เดี๋ยวจะเดือดร้อนไปตามๆกัน ทั้งผม คุณและคุณพ่อคุณแม่ของคุณ
น่านถอนใจยืดยาวอย่างอัดอั้นตันใจ เราจะไปถึงไหนกัน
ขึ้นเหนือสุด แถบชายแดน ถึงที่โน่นแล้วคุณจะปลอดภัยเพราะเป็นถิ่นเก่าของผม อ้อ..เกือบลืม คุณพ่อคุณสั่งว่าไม่ให้คุณติดต่อใครเลยแม้แต่คุณหญิง ถ้ามีอะไรสำคัญหรือเร่งด่วนท่านจะติดต่อมาเองหรือติดต่อผ่านผม
สีหน้าของน่านสลดลงไปทันที ทำไมคุณพ่อต้องห้ามไม่ให้ผมติดต่อใครเลยแม้แต่คุณแม่ อีกสองอาทิตย์ผมก็จะต้องกลับไปเรียนต่อ แล้วจะทำยังไง
แล้วเขาก็แว่บนึกเลยไปถึงนัดสำคัญทางโน้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากเดินทางกลับไป นัดที่เขาเฝ้ารอคอยอยากให้มาถึงเสียโดยเร็วแ ต่ถ้าเรื่องทางนี้ยังแก้ไขไม่ได้ เขาและคนที่เขานัดเอาไว้จะทำอย่างไรกันต่อไป ความจริงช่วงปิดภาคเรียนครั้งนี้น่านไม่ได้อยากมาเมืองไทยเลย แต่ก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของบิดาได้ เด็กหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขาไม่ได้มาเมืองไทย เขาก็คงไม่ต้องประสพกับชะตากรรมที่เลวร้ายแบบนี้
ถ้าคุณติดต่อทางบ้านหรือใครก็ตาม ที่อยู่ของคุณอาจจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป คุณจะมีอันตราย ทนงเตือนด้วยเสียงเรียบๆ ผมว่าคุณทนสักพักแล้วกัน คงไม่กี่วันหรอก ประชุมทางโน้นเสร็จคุณพ่อคุณก็ต้องรีบกลับมา ท่านห่วงคุณมาก สั่งมาด้วยว่าขอให้คุณอดทนและใจเย็นเอาไว้ เรื่องกลับไปที่โน่นผมไม่ทราบว่าท่านจะเอายังไง แต่ผมคิดว่าถ้าเรื่องทางนี้ยังไม่เรียบร้อย คุณก็คงยังไปไหนไม่ได้
แม้จะงุนงงกับคำสั่งของบิดาและน้อยใจที่ท่านไม่รีบเดินทางกลับมาทันทีเพื่อมาช่วยแก้ปัญหาใหญ่ให้เขา แต่เด็กหนุ่มก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าคุณเลิศฤทธิ์คงมีเหตุผลที่สั่งให้เขาทำเช่นนั้น และที่ผ่านมาตั้งแต่เล็กจนโตเขาก็ไม่เคยโต้แย้งคำสั่งของบิดา คำสั่งของบิดาคือประกาศิตสำหรับเขาและมารดา เขารู้ว่าเขาเป็นลูกที่บิดาไม่ค่อยภาคภูมิใจนัก มารดาของเขาถูกกล่าวหาบ่อยๆว่าโอ๋เขามากเกินไปจนจะเป็นตัวเมียอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุณเลิศฤทธิ์ตัดสินใจแยกเขาออกจากมารดา ด้วยการส่งเขาไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนประจำในต่างประเทศตั้งแต่แปดขวบ