ชีวิตก็คือละครหรือนิยายเรื่องหนึ่ง
|
|||||
วันวารฯ - บทที่ 1 ทิพย์สุรางค์พบว่าชีวิตแต่งงานของเธอกับคริสเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ถึงจะแต่งงานกันมาสองสามปีแล้วเขาก็ยังเสมอต้นเสมอปลาย ความรักของเขายังหวานไม่เปลี่ยนแปลง ที่เปลี่ยนไปคือความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ตอนนี้เมื่อแต่งงานกันแล้วเขายิ่งรู้สึกว่าเป็นเจ้าของเธอมากขึ้น เขาจะคอยสนใจไต่ถามทุกข์สุขของเธอ อนาทรร้อนใจไปกับเธอเสียทุกเรื่อง แม้บางเรื่องจะเป็นเรื่องเล็กๆ ที่เธอไม่ให้ความสนใจอะไรนัก โดยเฉพาะเรื่องลูกด้วยแล้วเขาจะเอาใจใส่ดูแลมาก เสียจนเด็กชายสิงห์ติดเขามากยิ่งขึ้นไปอีกสิงห์จะรอพ่อทุกเย็น ถ้าวันไหนคริสกลับบ้านช้าไปกว่าปกติแม้เพียงเล็กน้อย เด็กชายก็จะวิ่งไปวิ่งมาอยู่แถวประตูหน้า แล้วถามทิพย์สุรางค์เกือบทุกห้านาทีว่าทำไมพ่อยังไม่มา หญิงสาวไม่เคยนึกอิจฉาความรักความผูกพันของเด็กชายต่อคริสเลย เธอรู้ว่ายิ่งพ่อลูกรักกันมากเท่าไรก็เป็นผลดีต่อชีวิตครอบครัวของเธอมากเท่านั้น เธอยอมให้คริสเป็นผู้อบรมสั่งสอน กำหนดระเบียบวินัยให้ลูกอย่างที่เขาต้องการ แม้แต่การลงโทษลูกเมื่อเขาทำผิดทิพย์สุรางค์ก็จะไม่เข้าไปยุ่ง เธอปล่อยให้ผู้ชายสองคนเขาจัดการกันเอง เธอจะทำหน้าที่คอยปลอบโยนชี้แจงว่าทำไมเขาจึงถูกลงโทษ หลังจากที่เด็กชายถูกลงโทษแล้ววิ่งมาหา หรือมาฟ้องเธอ เธอยกให้คริสเป็นช้างเท้าหน้าไปแล้ว เธอเห็นแล้วว่าเขารักและห่วงใยลูกมาก ถึงบางครั้งหญิงสาวจะรู้สึกว่าเขาวุ่นวายมากไปหน่อย แต่เธอก็รู้ว่าเขาทำไปเพราะความรัก ความเป็นห่วงและจิตสำนึกของหัวหน้าครอบครัว ที่จะปกป้องคุ้มครองและนำแต่สิ่งดีๆมาให้เธอและลูกเท่านั้น คริสนั้นมีความสุขอย่างมาก เขาเห็นว่าหลังแต่งงานทิพย์สุรางค์เปลี่ยนไปมาก ไม่อารมณ์เสียเกรี้ยวกราดโดยไม่มีเหตุผลเหมือนก่อน เธอทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมีเหตุมีผลมากขึ้น เขาบอกอะไรก็ทำตาม เธอทำตัวเป็นช้างเท้าหลังที่น่ารัก มอบการเป็นผู้นำให้เขาอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้เขายิ่งรักเธอมากขึ้นจากที่รักมากอยู่แล้ว เธอปรนนิบัติดูแลเขาทุกอย่างจนคาดไม่ถึง แม้แต่เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องนอนที่เขามักจะชอบวุ่นวายอยู่กับเนื้อตัวเธอไม่ว่างเว้น เธอก็ปล่อยตามใจเขา แต่งงานกันมาสองสามปีแล้วแต่คริสก็ยังไม่รู้สึกชาชินกับเธอเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความปั่นป่วนรัญจวนใจทุกครั้งเมื่อได้แตะต้องเธอ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเธอนึกอย่างไรกับความพิศวาสที่เขามีให้เธอจนล้นเหลือ แต่เขาก็เห็นเธอยินยอมพร้อมใจและมีความสุขดีทุกครั้ง คริสนั้นรู้สึกภูมิใจในตัวเองว่าสามารถทำให้ทิพย์สุรางค์ เปลี่ยนจากนางเสือดาวมาเป็นลูกแมวตัวน้อยๆที่น่ารักน่าเอ็นดูได้ แต่เขาไม่รู้ว่าทิพย์สุรางค์นั้นมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้สมกับบทบาทใหม่ของการเป็นภรรยา เธอตั้งใจที่จะไม่กราดเกรี้ยวหรือแผลงฤทธิ์กับเขาโดยไม่มีเหตุผลเหมือนแต่ก่อน เธอให้สัญญากับตัวเองว่าจะให้เกียรติยกย่องและเชื่อฟังเขา โดยมีข้อแม้ส่วนตัวที่ไม่เคยบอกใคร ว่าเธอจะทำทั้งหมดนี้ตราบที่คริสยังเป็นสามีที่ดี รักและมั่นคงต่อเธอ นอกจากนี้หญิงสาวยังค้นพบจากชีวิตแต่งงานว่าผู้ชายนั้น เป็นเพศที่ต้องการความเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆจากผู้หญิงที่เป็นภรรยา แม้ว่าก่อนแต่งงานเขาจะเคยทำอะไรได้ทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่พอแต่งงานแล้วเขาก็ต้องการให้ภรรยาดูแลเขาบ้าง ทิพย์สุรางค์ยังจำได้ถึงเรื่องเล็กๆบางเรื่อง วันหนึ่งหลังจากแต่งงานกันได้ไม่กี่เดือน เธอเห็นคริสนั่งก้มหน้าก้มตาตัดเล็บอยู่อย่างขะมักเขม้น หญิงสาวสังเกตเห็นมานานแล้วว่า นอกจากจะเป็นผู้ชายที่มีระเบียบวินัยกับตัวเองคริสยังเป็นคนสะอาดอีกด้วย เขาไม่เคยเข้านอนโดยไม่อาบน้ำไม่ว่าจะกลับบ้านดึกขนาดไหน ไม่เคยปล่อยเล็บมือเล็บเท้าให้สกปรกมีขี้เล็บดำปี๋เหมือนผู้ชายบางคน หญิงสาวเดินเข้าหาไปคริสซึ่งตอนนั้นตัดเล็บมือไปได้สองเล็บแล้ว “ตัดเล็บหรือคะ” เธอลงนั่งเคียงข้างเขา ฉวยมือข้างที่เขากำลังตัดเล็บอยู่ขึ้นมาดู “ฉันตัดให้เอาไหมคะ?” คริสเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสีหน้ายิ้มๆ “ตัดเป็นหรือ?” ทิพย์สุรางค์ค้อนเขาอย่างน่ารัก “เป็นสิคะ ให้ฉันตัดให้คุณดีกว่า จะได้ตัดหนังหนาๆข้างๆนี่ออกด้วย” แล้วเธอก็ตัดเล็บมือที่เหลือให้เขา ตัดแล้วก็ใช้ตะไบทำให้เรียบเสมอกันหมดทุกเล็บ หลังจากนั้นก็บอกเขาก่อนจะออกไปจากห้องว่า “รอสักครู่นะคะ” เมื่อกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง เธอวางอ่างใบเล็กที่มีน้ำอุ่นผสมน้ำสะบู่ที่ถือมาลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา จับมือทั้งสองข้างของเขาแช่ลงไปในอ่างใบนั้น คริสมองอย่างไม่เข้าใจ “ทำอะไรน่ะ?” “ต้องแช่ก่อน ให้หนังข้างๆเล็บนิ่มลง จะได้ตัดออกได้ง่ายไงคะ” แช่ได้พักหนึ่งหญิงสาวก็ใช้แปรงสำหรับทำความสะอาดเล็บอันเล็กๆ จุ่มลงไปในน้ำสะบู่แล้วนำมาขัดเล็บเขาจนสะอาด ล้างน้ำอีกครั้งแล้วซับด้วยผ้าขนมหนูผืนเล็กๆจนแห้ง ลงมือตัดเล็มหนังข้างๆเล็บออกทีละนิดด้วยกรรไกรตัดเล็บ หลังเสร็จจากเล็บมือทิพย์สุรางค์ก็จัดการกับเล็บเท้าของเขาจนสะอาดด้วยวิธีเดียวกัน ตลอดเวลานั้นคริสจ้องมองทุกขั้นตอนด้วยความสนใจ “ไม่ยักรู้ว่าแค่ตัดเล็บก็มีกรรมวิธีมากมายแบบนี้ ปกติเวลาเล็บยาวขึ้นมาผมก็แค่ตัดให้มันสั้นเท่านั้น ไม่เคยทำอะไรเยอะแยะอย่างนี้หรอก” ชายหนุ่มสำรวจผลงานของเธออย่างพอใจ ให้รางวัลด้วยการจูบแก้มหนึ่งที แล้วนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็เลิกตัดเล็บเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นว่าเล็บยาวขึ้นกว่าเดิม เขาก็จะยื่นมือเข้ามาตรงหน้าเธอ “ได้เวลาตัดเล็บให้ผมแล้ว” ความจริงมันเป็นเรื่องเล็กๆที่ไม่สำคัญที่เธอก็รู้ว่าเขาทำได้ด้วยตัวเอง แต่ทิพย์สุรางค์ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะดูแลเขาทุกเรื่อง ไม่ใช่เพราะคิดว่าเขาทำไม่ได้ แต่เป็นเพราะคิดว่าความเอาใจใส่ดูแลกันในเรื่องเล็กๆน้อยๆนี้เป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้เขารู้ว่าเธอสนใจให้ความสำคัญกับเขาทุกเรื่อง อันที่จริงแล้วหญิงสาวรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำอะไรเล็กๆน้อยๆให้ผู้ชายคนที่ทำให้เธอได้ทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องเล็กๆไปจนถึงเรื่องใหญ่ แล้วทำไมเธอจะตอบแทนเขาบ้างไม่ได้ ก็แค่ช่วยตัดเล็บให้เท่านั้น เรื่องอาหารการกินก็เหมือนกัน โชคดีที่ทิพย์สุรางค์เรียนวิชาแม่บ้านการเรือนมา ทำให้เธอรู้หลักโภชนาการ สามารถเลือกสรรปรุงอาหารที่ทั้งอร่อยและถูกหลักโภชนาการ มาปรนเปรอให้เขาและลูกได้ทุกมื้อ เป็นที่พออกพอใจทั้งพ่อและลูก แม้จะเป็นอาหารคนละสูตรกันก็ตาม ความจริงหลักสูตรที่เธอเรียนจากสวิสเซอร์แลนด์นี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ผู้เรียน ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในสังคมระดับสูงและคงไม่ต้องลงมือทำอะไรเอง ให้มีความรู้ในทุกด้านที่เกี่ยวกับการบ้านการเรือน เพื่อควบคุมดูแลให้คนอื่นทำให้ได้อย่างถูกต้อง เพราะผู้ควบคุมก็ต้องรู้ทุกขั้นตอนเหมือนลงมือทำเองด้วย มิฉะนั้นจะไม่สามารถสั่งให้ผู้อื่นทำตามที่ต้องการได้เลย แต่เมื่อต้องมาเป็นแม่บ้านอยู่อเมริกา มีผู้ช่วยเพียงคนเดียวคือแสงดาว ทิพย์สุรางค์ก็ต้องลงมือทำหลายอย่างด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ตอนอยู่ที่เวียงพุกามเธอแทบจะไม่ได้ทำอะไรเองเลย แล้วหญิงสาวก็พบว่ามีความสุขกับการได้นำความรู้ที่ได้เล่าเรียนมาๆทำให้คนที่เธอรักทุกคนได้อยู่ดีกินดี การดูแลรักษาความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยของอพาร์ตเมนท์ ก็เป็นงานที่เธอมีความสุขที่จะได้ควบคุมดูแลให้แสงดาวทำ บางอย่างเธอก็ลงมือทำด้วยตัวเอง เช่นห้องนอนของคริสกับเธอ ทิพย์สุรางค์เองก็คิดเหมือนเขาว่าไม่ต้องการให้คนอื่นเข้ามาวุ่นวายในห้องนอน ซึ่งถือเป็นที่รโหฐานของคนสองคน ความเป็นแม่บ้านแม่เรือนของทิพย์สุรางค์ในเรื่องต่างๆทำให้คริสรู้สึกทึ่ง เขาอดแอบยิ้มคนเดียวไม่ได้ เมื่อนำภาพผู้หญิงที่กำลังง่วนอยู่กับการทำงานบ้านอยู่ตรงหน้าเขาคนนี้ไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงที่เวียงพุกาม คนที่วันๆไม่เคยเห็นทำอะไรนอกจากทำท่าหยิ่งยโส ปรายตามองเขาและกรอย่างหมั่นไส้อยากหาเรื่อง เขาไม่รู้หรอกว่าเธอทำเพราะความรักและเจตนารมณ์แน่วแน่ ที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองในฐานะเมียและแม่ อีกเรื่องหนึ่งที่คริสอดนึกชื่นชมทิพย์สุรางค์ไม่ได้ คือเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวของเขา หญิงสาวผู้นั้นรู้หน้าที่ของสะใภ้เป็นอย่างดี เธอให้เกียรติยกย่องพ่อแม่ของเขารวมทั้งป้านวลด้วย คุณนวลละออนั้นชอบทิพย์สุรางค์มาก ชมไม่ขาดปาก ทั้งนี้เพราะในฐานะญาติห่างๆฐานะไม่ค่อยดีของคุณธัญญาที่มาช่วยเลี้ยงคริสตั้งแต่เล็กๆ เธอก็มีสถานะกึ่งญาติกึ่งลูกจ้าง ลลิตานั้นประจบเอาใจเธอก็จริง แต่คุณนวลละออก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของหญิงสาวผู้นั้น ที่ดูแคลนเธออยู่ลึกๆที่คล้ายๆต้องมาพึ่งใบบุญของคุณธัญญา ลลิตาคงจะเห็นว่าหน้าที่ของคุณนวลละออต่อคริส หมดไปนานแล้วตั้งแต่ตอนที่เขาเติบโตเป็นหนุ่ม เธอจึงไม่มีความจำเป็นสำหรับครอบครัวนี้อีกต่อไป ในขณะที่คริสไม่ได้คิดเช่นนั้น คุณนวลละออเป็นเหมือนมารดาคนที่สองของเขา คริสรักเธอรองจากบิดามารดาเพียงนิดเดียวเท่านั้น เพราะในช่วงที่เขายังเล็กๆ คุณนวลละออดูแลเขามากกว่าคุณธัญญาเสียอีก ช่วงนั้นมารดาของเขาต้องออกงานคู่กับบิดาอยู่บ่อยๆ และมีกิจกรรมส่วนตัวอีกมากมาย ดังนั้นอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับคริสก็กลายเป็นหน้าที่ของคุณนวลละออไปโดยปริยาย ไม่ว่าเขาจะเจ็บไข้ได้ป่วย ซนจนเจ็บตัวแข้งขาหัก ก็เป็นหน้าที่ของคุณนวลละออทั้งสิ้นที่จะเรียกหมอหรือนำเขาส่งโรงพยาบาล คริสจึงรู้สึกผูกพันกับเธอมาก เมื่อทิพย์สุรางค์ปฏิบัติต่อป้านวลของเขาอย่างเดียวกับที่ปฏิบัติต่อคุณธัญญา เขาก็รู้สึกขอบใจและซาบซึ้งกับการกะทำของเธอ ทิพย์สุรางค์นั้นพยายามทำทุกอย่างในฐานะสะใภ้ เธอรู้ว่าบิดามารดาของคริสรักหลานมาก แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสพบสิงห์มากนักเพราะอยู่กันคนละรัฐ ดังนั้นนานๆทีเธอก็เอาลูกพร้อมด้วยแสงดาวไปฝากไว้ที่บ้านคุณธัญญาครั้งละหลายวัน เพื่อให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนได้มีโอกาสอุ้มชูดูแลเขาบ้าง ตอนนี้สิงห์ยังเล็กเกินกว่าจะเข้าโรงเรียน จึงเป็นการสะดวกที่จะให้เขาอยู่กับปู่กับย่าของเขาและย่านวลครั้งละหลายวันได้โดยไม่มีปัญหา หลังจากแต่งงานได้หกเดือน คริสก็เริ่มวุ่นวายเรื่องลูกคนใหม่ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะมาเกิดสักที เขาพูดกับเธอหลายครั้งแล้ว แต่หญิงสาวทำไม่รู้ไม่ชี้ “เมื่อไรจะมีน้องให้นายสิงห์เสียที เขาเกือบสองขวบแล้วนะ” คริสถามทิพย์สุรางค์ในคืนหนึ่ง “อย่าเพิ่งเลยค่ะ เอาไว้อีกสักปีดีกว่า” “ทำไมล่ะ ผมอยากมีลูกหลายๆคน เป็นลูกคนเดียวไม่สนุกเลย นายสิงห์ก็คงจะอยากมีน้องมาเป็นเพื่อนเล่นเหมือนกัน ทำไมต้องรออีกตั้งปี?” ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าทำไมเธอไม่ท้องสักที ทั้งๆที่เขาก็รักเธอไม่ได้ว่างเว้นแบบนี้ แต่ทิพย์สุรางค์รู้ดีว่าทำไม ตอนนี้เธอยังไม่อยากมีลูกเพิ่ม เธอยังต้องการใช้ชีวิตตามลำพังกับเขาอีกสักพัก ยังไม่ต้องการภาระที่จะทำให้เธอไม่ค่อยมีเวลาให้เขา แค่สิงห์คนเดียวเเธอก็รู้สึกเหนื่อยที่จะต้องคอยวิ่งตามเขาอยู่แล้ว ถึงจะมีแสงดาวคอยช่วยอยู่ก็ตาม หญิงสาวเริ่มกินยาคุมกำเนิดโดยที่คริสไม่รู้หลังจากแต่งงานได้สามเดือน แล้วเขาก็สงสัย “หรือว่าคุณหนูกินยาคุมกำเนิด?” ทิพย์สุรางค์ไม่อยากจะโกหกเขา แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากบอกเขา เพราะรู้ว่าเขาจะต้องคัดค้านไม่เห็นด้วย เธอทำให้เขาเลิกสนใจที่จะเอาคำตอบโดยโอบคอเขาให้โน้มลงมาหาเธอ จนริมฝีปากประกบกันแบบที่เธอไม่ค่อยจะได้ทำบ่อยนัก แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามวิถีทางของมันอย่างอ่อนหวานซาบซ่านจนคริสลืมคาดคั้นเอาคำตอบไปเลย เกี่ยวกับเรื่องนี้ทิพย์สุรางค์เคยคุยกับเจนนิเฟอร์ครั้งหนึ่งหลังจากแต่งงานได้ไม่กี่เดือน ความจริงเธอสงสัยอยากรู้มานานแล้วแต่ไม่กล้าถามใครเพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป แต่ความสงสัยนี้ก็ยังคงอยู่ จนถึงวันหนึ่งที่เจนนิเฟอร์ ซึ่งตอนนั้นท้องลูกคนแรกได้หลายเดือนแล้วมาเยี่ยมที่อพาร์ตเมนท์ในวอชิงตัน ดี.ซี.ในขณะที่คริสไปทำงานตามปกติที่กระทรวงกลาโหม หลังจากซักถามทุกข์สุขและคุยกันเรื่องสัพเพเหระอยู่พักหนึ่งแล้ว เจนนิเฟอร์ก็ถามว่า “เธอท้องหรือเปล่าเนี่ย?” ทิพย์สุรางค์ทำหน้าตกใจ “เปล่าหรอก ทำไมเหรอ?” เจนนิเฟอร์มองสำรวจรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายอย่างพินิจพิจารณา “ฉันเห็นเธอเปล่งปลั่งสดใสกว่าเมื่อก่อนตั้งแยะ เลยสงสัยว่ากำลังจะมีน้องให้นายสิงห์น่ะสิ ถ้าไม่ท้องก็แปลว่าชีวิตแต่งงานเหมาะกับเธอดี ใช่ไหมล่ะ?” เมื่อได้โอกาสทิพย์สุรางค์ก็สลัดความอายออกไป เจนนิเฟอร์นี่แล้วที่น่าจะไขปัญหาให้เธอได้ เพราะอย่างน้อยบ็อบสามีของเธอก็เป็นหมอ ที่น่าจะช่วยให้ความกระจ่างได้ “เจนนี่ ฉันมีเรื่องอยากถามเธอหน่อย คิดมานานแล้วละแต่ไม่กล้าถาม” “ทำไมไม่กล้าถามล่ะ? เธอก็รู้ว่าถามฉันได้ทุกเรื่อง” หญิงสาวอึกอัก “เอ้อ..มันค่อนข้างเป็นเรื่องส่วนตัวหน่อย ฉันก็เลย..” พูดยังไม่ทันจบสาวอเมริกันก็ทำหน้ายิ้มๆ “เรื่องบนเตียง ว่างั้นเถอะ” “เอ้อ..ก็ทำนองนั้น” ทิพย์สุรางค์ทำหน้าเก้อๆ กลัวเพื่อนจะเข้าใจผิดว่าเธอหมกมุ่นแต่เรื่องนั้น เจนนิเฟอร์หัวเราะคิกอย่างเข้าใจดี “ไม่ต้องอายหรอกน่า มีอะไรก็ว่ามา ถ้าตอบได้ฉันก็จะตอบ ว่าไงมีอะไรหรือ?” ทิพย์สุรางค์อึกอักก่อนจะกล้าเปิดเผยออกมา “ฉันไม่รู้ว่าคริสเขามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เขา..เขา” “เขาทำไม? ไม่ค่อยทำการบ้านหรือไง?” อีกฝ่ายหน้าแดงแล้วตอบแบบอุบๆอิบๆว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ นี่เจนนี่ เธอรู้ไหมว่าปกติแล้วเรื่องแบบนั้นมันควรจะมากน้อยแค่ไหน?” “สำหรับคู่อื่นฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ฉันกับบ็อบน่ะอย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้ง คู่เธอล่ะมากหรือน้อยกว่านั้น” เมื่อเห็นอีกฝ่ายอ้ำอึ้งเหมือนยังอายอยู่ เจนนิเฟอร์ก็กระตุ้นว่า “บอกมาเถอะน่า ไม่ต้องอายหรอก เรื่องแบบนี้มันเป็นธรรมชาติ ไม่มีอะไรน่าอาย พวกเธอก็แต่งงานกันแล้วนี่ ว่าไง ทิปปี้ อยากจะเล่าให้ฟังหรือเปล่า?” “เอ้อ..ฉันกลัวว่าเขาจะผิดปกติ เขายุ่งกับฉันมากเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้” “หมายความว่าเขายุ่งกับเธอมากกว่าอาทิตย์ละครั้งหรือ?” ทิพย์สุรางค์พยักหน้ารับ ถึงอยากจะพูดมากกว่านั้นก็ยังรีรออยู่เพราะความจริงเธอค่อนข้างหัวโบราณ โดยเฉพาะในเรื่องแบบนี้ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจเล่าให้เพื่อนฟังเพื่อความกระจ่าง “เอ้อ ฉันรู้สึกว่ามันบ่อยเกินไป ไม่รู้ว่าเขาผิดปกติหรือเปล่า?” เจนนิเฟอร์หัวเราะกิ๊ก “แล้วยังไง? เธอรำคาญหรือไม่มีความสุขหรือเปล่าล่ะ?” “ก็ไม่เชิงรำคาญ” เธออึกอักอีก “แล้วมีความสุขหรือเปล่าล่ะ” อีกฝ่ายคาดคั้นจะเอาคำตอบ “เรื่องนี้สำคัญนะ ถ้าเขามีความสุขอยู่ฝ่ายเดียวในขณะที่เธอไม่มี มันก็เป็นเรื่องน่าคิด เรื่องแบบนี้มันต้องยินยอมพร้อมใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย และควรจะมีความสุขเหมือนกันด้วย ว่าไงเธอแฮปปี้หรือเปล่าล่ะ?” ทิพย์สุรางค์หน้าแดงแล้วแดงอีกก่อนตอบเลี่ยงๆว่า “ก็ทำนองนั้น” “อ้าว ก็ดีแล้วนี่ งั้นทำไมคิดว่าคริสผิดปกติล่ะ ถ้าถามฉันๆก็ตอบได้ว่าเขาคงไม่ได้ผิดปกติหรอก อย่าคิดมากไปเลย เธอน่ะโชคดีเท่าไรแล้วรู้บ้างไหม ผู้ชายบางคนแต่งงานได้ไม่นานก็ขี้เกียจทำการบ้านแล้ว ปล่อยเมียให้ว้าเหว่อยู่คนเดียว นี่เธอแต่งงานกันมาตั้งเกือบปีแล้วเขายังสม่ำเสมอกับเธอ เธอก็ควรจะพอใจแล้ว” “แต่เจนนี่ เขาเป็นอะไรก็ไม่รู้ ฉันสังเกตว่าแค่ถูกเนื้อต้องตัวกันเล็กๆน้อยๆเขาก็มีอารมณ์แล้ว อย่างนี้เธอยังว่าเขาไม่ผิดปกติอีกหรือ?” ท่าทางของเพื่อนทำให้หญิงสาวกล้าถามต่อไป “เป็นไปได้ไหมว่าเขาเป็นคนมีความรู้สึกไว? เอาอย่างนี้ดีกว่า เธอจะยอมให้ฉันถามบ็อบให้ไหมล่ะ? เขาเป็นหมอนี่ น่าจะตอบคำถามพวกนี้ได้ดีกว่าฉัน” ทิพย์สุรางค์ลังเลอยู่อึดใจหนึ่งก่อนตอบตกลง เมื่อพยายามมองสถานภาพของบ็อบตามความเป็นจริงของเขา คือถึงจะเป็นผู้ชายแต่เขาก็เป็นหมอด้วย “นี่ ทิปปี้ ถ้าถามฉันที่ไม่ได้เป็นหมอนะ เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ฉันก็คิดว่าคงเป็นเพราะเขารักเธอมากนั่นเอง" “เธอว่างั้นเหรอ” หญิงสาวยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไร “แต่ช่วยถามบ็อบให้หน่อยก็ดี ถ้าคริสไม่ได้ผิดปกติก็แล้วไป ฉันจะได้สบายใจขึ้น” “โอเค ได้เรื่องอย่างไรฉันจะโทรมาบอกเธอก็แล้วกัน” เจนนิเฟอร์โทรศัพท์มาหาทิพย์สุรางค์อีกสองวันต่อมา ประโยคแรกของเธอคือ “ทิปปี้ ฉันคุยกับบ็อบแล้วนะ เขาหัวเราะขำเธอใหญ่เลย” “เขามีความห็นว่าอย่างไรล่ะ เจนนี่?” ทิพย์สุรางค์รีบถาม “เขาบอกว่าเป็นเรื่องปกติ เขาแจงมาเป็นข้อๆเลยนะ เขาบอกว่าข้อที่หนึ่งคือคริสคงรักเธอมาก ข้อที่สองคือเธอเป็นตัวกระตุ้นเขา ข้อที่สาม...” “บ็อบคิดว่าฉันเป็นฝ่ายยั่วยวนเขางั้นหรือ?” หญิงสาวรีบขัดขึ้นมาด้วยความตกใจ ไม่เชื่อหูตัวเอง “ไม่ใช่อย่างนั้น บ็อบเขาอธิบายว่าเสน่ห์ของเธอนั่นแหละ ที่กระตุ้นเขา ไม่ได้หมายความว่าเธอไปยั่วยวนเขา หรืออะไรทำนองนั้นหรอกน่า เข้าใจหรือยัง?” “แล้วไงต่อ?” ทิพย์สุรางค์ซักต่อ “ข้อสามก็คือคริสเป็นคนแข็งแรง ก็เขาเป็นทหารนี่ คงต้องมีการฝึกทุกวันละมัง ถึงได้แข็งแรงกว่าคนทั่วไป เขาก็เลยต้องการเธอมากกว่าคนทั่วไปก็ได้” “แปลว่านี่เป็นเรื่องปกติหรือ?” “ใช่ บ็อบเขายังบอกเลยว่าตราบใดที่เธอมีความรู้สึกร่วมกับเขา ไม่ได้ฝืนใจ ก็ถือว่าทุกอย่างปกติและเป็นไปในทางดี” ฟังแล้วทิพย์สุรางค์ก็ลอบถอนใจยาวอย่างโล่งอก เจนนิเฟอร์สัพยอกก่อนที่จะวางหูโทรศัพท์ว่า “ฉันอยากให้บ็อบเป็นเหมือนคริสจังเลย อิจฉาเธอจริงๆ บาย..แล้ววันหลังค่อยคุยกันใหม่นะ” นิยายเก่่าเอามาปัดฝุนค่ะ เป้นภาคตอของทิพย์สุรางค์กับคริส หลายตนคงไม่เคยอ่าน ตอนนั้นผู้เขียนถูกแฟนคลับหเข้ามาต่อว่ามากมาย บางคนก็เลิกอ่านไปเลย เพราะความเครียดค่ะ
โดย: ดอยสะเก็ด
![]() ![]() ตอนนี้มีเริ่องที่ตัองทำมากมาย ไม่่มีเวลาเขึยนนิยายใหม่เลยค่ะ อ่านเรื่องเก่าไปพลางๆก่อนนะคะ
โดย: ดอยสะเก็ด
![]() ![]() สมกับเป็นมือวางอันดับหนึ่งค่ะคุณตุ้ย
ลงรายละเอียดละเมียดละไมแบบเอเชีย อ้าวมีภาคต่อด้วยเหรอคะเนี่ยไม่รู้มาก่อนเลย นี่ขนาดพี่ไวน์ยังสู้คุณคุ้ยไม่ได้เลยค่ะปีนี้ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() โดย: หอมกร
![]() ![]() สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด
นึกว่า เป็นเรื่องใหม่ เอ๊ะ ทำไมชื่อตัวละครมันตัวที่เคยอ่าน นี่ เอ้า! ภาคต่อจากเรื่องที่แล้วนี่นา อิอิ ดีจ้ะ เอาเรื่องเก่ามาลงต่อ ก็ดีจ้ะ ครูยังไม่เคยอ่าน จะตามมาอ่าน ทุกตอน จ้ะ โหวดหมวด งานเขียน ฯ โดย: อาจารย์สุวิมล
![]() ![]() |
ดอยสะเก็ด
![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
Group Blog
All Blog Friends Blog
|
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |