ธันวาคม 2557

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
"กลับมาเขียนอะไรกันดีมั้ย"




ฟังเพลงนี้แล้วอยากกลับมาเขียนหนังสือ
เขียนจดหมาย เขียนบันทึก เขียนอะไรๆ 
ส่งให้ใครๆ เพื่อลดความรวดเร็วของชีวิต
ที่ติดกับอยู่กับมือถือ ไอแพด ไอโฟน
และคอมพิวเตอร์ขนาดต่างๆ .



ปกติเป็นคนชอบบันทึกไดอารี่นะ
พอบันทึกเสร็จกลับมาอ่าน
แล้วมันย้อนเรื่องราวในช่วงเวลานั้น
ทำให้ระลึกและนึกถึงได้ด้วยจินตภาพ
ว่า ณ เวลานั้น มีอะไรเกิดกับชีวิตเราบ้าง.




ส่วนใหญ่ที่บันทึกไว้ก็น่าจะเป็นเรื่องดีๆ ที่เราอยากเก็บไว้อ่าน
หรือเรื่องราวที่อยากระบายเพื่อปลดปล่อยความรู้สึก
ความอึดอัด ความโกรธ สารพัดความรู้สึก
เพื่อให้สมุดไดอารี่ช่วยเก็บรักษาไว้
โดยเฉพาะในเวลาที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีใคร
สมุดบันทึกหรือไดอารี่ 
น่าจะเป็น "เพื่อนแท้" ที่ดีที่สุด



ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา
ได้บันทึกไดอารี่ไว้เล่มหนึ่ง
เป็นเรื่องของคนคนหนึ่งที่กลับเข้ามาในชีวิต
บันทึกตามอารมณ์ความรู้สึกตอนนั้น
พอย้อนกลับไปอ่านอีกครั้ง
มันมีแต่ข้อความที่สับสน
ทั้งเล่มหาอะไรแน่นอนไม่ได้เลย
สลับไปสลับมากับหลากหลายอารมณ์
แต่ส่วนมากคือ...ไม่เข้าใจ...ว่า
ที่เป็นอยู่นี้คืออะไร??



จะปีใหม่แล้วอยากเปลี่ยนตัวเองเสียที
ไม่อยากเดินวนเวียนไปในความรู้สึกที่สับสน
จะกลับมาเขียนจดหมาย 
กลับมาบันทึกไดอารี่
กลับมาส่ง ส.ค.ส. 
และกลับมาทำอะไรๆ 
ที่เคยทำและไม่ได้ทำมา...นานมาก

กลับมาเขียน....ด้วยกันมั้ย
แต่คงไม่ต้องเขียนข้ามมิติ
แบบหนังเรื่องนี้่นะ...
เคยดูกันเปล่าคะ...





Create Date : 11 ธันวาคม 2557
Last Update : 11 ธันวาคม 2557 11:19:13 น.
Counter : 12787 Pageviews.

9 comments
  

Like ให้เป็นคนที่ 1
เริ่มต้นส่งมาให้พี่อุ้มเลยก็ได้นะจ๊ะน้องอิ๋ว
ไม่รีบแต่รออยู่ อิอิอิ
โดย: อุ้มสี วันที่: 11 ธันวาคม 2557 เวลา:14:39:47 น.
  
อ้าว จากกลายเป็น Like ให้เป็นคนที่ 5
โดย: อุ้มสี วันที่: 11 ธันวาคม 2557 เวลา:14:40:36 น.
  

รอแป๊ปนะพี่อุ้ม
ไปเดินหา ส.ค.ส.ก่อนนะ
จัดไป...
โดย: sunny-low วันที่: 11 ธันวาคม 2557 เวลา:15:38:36 น.
  

วันนี้นั่งหาข้อมูลสองอย่าง

อย่างแรกการทำอาหารกับเจ้านี่



ซื้อมาเพราะอยากทำพิซซ่าให้ลูกชายกิน
แล้วก็ทำได้อย่างเดียว
เสียดายตังค์น่ะ
เลยลองค้นข้อมูลและได้ข้อสรุปว่า
คงต้องแวะเข้าซีเอ็ดและหาตำรา
มาเปิดอ่านแล้วลองทำตามเขาดูเสียแล้ว
น่าสนุกนะคะ

ข้อมูลอันที่สองอันนี้มาจากการถามคนบางคน
แล้วเขาตอบแบบไม่รู้ว่าเต็มใจตอบหรือไม่
แต่ปรากฎว่าคำตอบที่เขาให้มา
อ่านแล้วออกกวนอารมณ์นิดๆ
แต่มันดีคือ
ทำให้เราได้เห็นข้อมูลต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
นั่นคือ อยากรู้ว่าสีอะไรใช้ทาบนขวดแก้วน่ะค่ะ

file.siam2web.com/cooppb/product/201481_40931.jpg>

ตอนนี้ที่บ้านมีขวดน้ำเฮลบลูบอยน่าจะ 5 ขวดได้แล้ว
ก็เลยเอามาใส่น้ำแช่ตู้เย็นไว้กิน
และเริ่มสะสมโหลกาแฟมาอีก
คราวนี้รู้สึกว่า ขวดมันว่างเปล่าจัง
แล้วลูกชายก็ค่อนข้างวาดอะไรเก่ง
เลยอยากหาอะไรให้เขาทำ
แล้วเป็นฝีมือเขาเองด้วย จึงเกิดไอเดีย
อยากเพนท์หรือลงสีบนขวดเหล่านั้น
ข้อสรุปที่ได้คือ เข้าร้านเครื่องเขียน
แล้วไปเดินหาสีเพนท์แก้วและอะไร
ที่เกี่ยวกับการตบแต่งพวกนี้
การค้นข้อมูลด้วยตนเอง
นอกจากการรอคำตอบจากบางคน
มันทำให้เราได้รับรู้อะไรมากมายจริงๆ


ต้องขอบคุณคนคนนั้น...
สิ่งที่เขาตอบมา
มันคือประโยชน์สำหรับเรา
แต่สิ่งที่เราตอบเขาไป
มันอาจทำให้เขาเกิดอารมณ์ขุ่นๆ
ได้เหมือนกันอ่ะ
อิอิ...



และมักจะเป็นแบบนี้เสมอๆ ระหว่างเรา
ไม่รู้ทำไม...เหมือนกัน

โดย: sunny-low วันที่: 12 ธันวาคม 2557 เวลา:15:54:35 น.
  


เมื่อเช้าเปิดดูตอนฟังธรรมบรรยาย
เหมือนจะแค่ 92 เองนี่นา
ทำไมก้าวกระโดดไวจริงๆ

เหมือนจะเริ่มปลงๆ กับบางเรื่องแล้ว
ฟังธรรมบรรยายมากๆ ก็ดี
คิดอะไรได้มากมาย
แค่มองเห็นความจริง
แล้วคิดว่า นั่นคือความจริง
เลิกคิดอะไรที่ไม่ใช่ความจริง
เราก็คงจะ..อยู่กับความจริง
ได้เสียที...เนอะ
งง "ความจริง" ดีเปล่า




เคยดูหนังเรื่องนี้...นานมากมาย
คงจะนานอยู่แหล่ะ
เพราะเหมือนจะเริ่มฉายปี 2552




จนป่านนี้ ยังจำเนื้อเรื่อง
และแววตาหวาดกลัวของนางเอก
ซึ่งแสดงโดย จูเลีย โรเบิร์ต ได้เป็นอย่างดี
เธอเล่นเรื่องนี้เก่งมากมาย
ถ่ายทอดอารมณ์ความหวาดกลัว
ออกมาทางสายตาได้เป็นอย่างดี

ทุกๆ ฉากที่เธอกลัวอดีตสามีของเธอ
มันสื่อมาถึงคนดูอย่างชัดเจนว่า
เขาสร้างความหวาดกลัวไว้ให้เธอมากมายเพียงใด

การแต่งงาน หากผิดพลาดแล้ว
มันก็ไม่ต่างจากการตกนรกขุมใดสักขุม
ชีวิตแต่งงานของเธอ ภายนอกดูสมบูรณ์มากมาย
คนภายนอกต่างพากินอิจฉาความสุขที่สามีให้เธอ
ความร่ำรวย ความสุขสบาย
แต่แท้จริงนั้น
มันมีอะไรอีกมากที่คนภายนอกไม่อาจรู้

คนเราจะทนอยู่กับความทุกข์ทรมานกายและใจ
ท่ามกลางความสุขของเปลือกนอกกันได้เชียวเหรอ
นางเอกก็คงเช่นเดียวกัน จากผู้หญิงที่เหมือน
ว่านอนสอนง่าย สามีบอกอะไรเชื่อหมด
ทุกอย่างในบ้านเป็นระเบียบเป๊ะๆ
แม้แต่ผ้าขนหนูที่ใช้อาบน้ำก็ต้องวางเท่ากัน
โอ้โห..ชีวิตอะไรจะต้องเพอร์เฟคขนาดนั้น

เมื่อความอดทนถึงที่สุด
ความดิ้นรนต่างๆ จึงตามมา
เธอไปหัดเรียนว่ายน้ำโดยสามีไม่รู้
และเมื่อสามีพาไปล่องเรือแล้วมีพายุ
จึงแกล้งว่าตัวเองจมน้ำตาย
และไปเริ่มชีวิตใหม่ในสถานที่แห่งใหม่

ถ้ามันจบแบบนี้ก็คงดีสิเนอะ
แต่เพราะสามีเขาก็รักเธอมาก
แต่รักเธอแบบสัตว์เลี้ยงหรือเปล่าหว่า
ถึงได้กะเกณฑ์ชีวิตเธอมากมาย
และเมื่อสืบรู้ว่าเธอยังไม่ตายและไปอยู่ที่ไหน
การตามล่ากระชากรัก จึงเกิดขึ้น

สนุกดี..เห็นเปล่า จำได้จริงๆ แหล่ะ
แทนที่จะจำหนังรักๆ ใสๆ ที่ตัวเองชอบ
กลับจำเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
แปลกดี ฉัน...

ฉันเอง....มานั่งคิด
ความผิดผลาดกับความรักครั้งแรก
มันมีผลสะท้อนกับชีวิตมากมายจริงๆ
เหมือนฉันเข้มแข็งและปล่อยวางมันได้

แต่แท้จริง...
มันไม่ใช่เลย
ฉันยังอยากมีใครสักคน
เป็นเพื่อน เป็นคนรัก
เป็นคนดูแลชีวิตที่เหลือ
แต่กลับกลายเป็นว่า
ทำชีวัตตัวเองพลาดเป็นครั้งที่สอง



และไม่อยากทำชีวิตให้ผิดพลาดเป็นครั้งที่สาม
เพราะตอนนี้ ชีวิตที่เหลือไม่ได้มีแค่ฉัน
แต่ยังมีอีกชีวิตหนึ่งที่ต้องอยู่กับฉัน
และก้อรู้ตัวเองดีว่า
คงอยู่กับใครเขาไม่ได้อีกแล้ว
นิสัยตัวเองเปลี่ยนไปมาก
จากบทเรียนชีวิตที่ผ่านมา
ไม่เหมาะจะไปอยู่กับใครๆ เขาอีกแล้วล่ะ



โดย: sunny-low วันที่: 15 ธันวาคม 2557 เวลา:12:56:47 น.
  

การมีเคเบิลที่บ้านมันก็ดีนะคะ
มีอะไรให้ดูหลากหลายดี



นี่เป็นอีกรายการที่ชอบดู
ผู้หญิงคนนี้เป็นเหมือนแม่สื่อ
รับจ้างหาคู่ให้กับคนที่มาจ้างเธอ
ส่วนใหญ่จะเป็นคนมีเงินมากๆ ด้วยนะ
ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย


เธอจะคุยกับพวกเขา
และสอบถามลักษณะคนที่เขาต้องการ
บางทีก็แนะนำว่า
แบบเขาควรต้องเจอคนแบบไหน
เหมาะกับคนลักษณะอย่างไร
ลูกค้าเธอบางคนก็ฟังเธอ บางคนก็ไม่ฟังเธอ
แต่เธอก็จะเลือกคนทั้งสองแบบให้ลูกค้าเธอ



จากนั้นเธอจะเปิดรับสมัครคนที่มาในรายการ
และสัมภาษณ์คร่าวๆ ดูบุคลิกภาพ การศึกษา
การทำงาน ชีวิตส่วนตัวทั่วไป
โดยจะเลือกตามที่ลูกค้าเธอต้องการ
และคนที่เธอคิดว่าเหมาะกับลูกค้าเธอ



เรื่องแบบนี้เหมือนบุพเพสันนิวาสเนอะ
บางทีท่านบุพเพงานเยอะ หาคู่ไม่ทัน
ก็เลยต้องมีแม่สื่อมาช่วยท่านทำงาน
เธอคนนี้ก็ทำหน้าที่ของแม่สื่อค่อนข้างดีทีเดียว
คนที่เธอหมายตาว่าน่าจะเหมาะสมกับลูกค้าของเธอนั้น
ไม่เคยพลาดเลย และหลายๆ ครั้ง
เขาทั้งสองก็เหมาะสมกันจริง
มีบางคนไม่เลือกตามที่เธอแนะนำ
ก็ผิดหวังไปก็มี...

เรื่องแบบนี้ บางทีใครก็บอกไม่ได้
ว่าทำไมเขาสองคนถึงช่างเหมาะสมกัน
แล้วทำไมคนที่ลูกค้าเลือกเองถึงไม่เหมาะสม
เท่ากับคนที่แม่สื่อเลือกให้

นั่งดูแล้วก็แปลกใจเหมือนกัน
คนสองคน...
เพียงแค่ได้คุยกันไม่กี่นาที
เจอกันเพื่อไปเที่ยวครึ่งวัน
และกินอาหารค่ำหนึ่งมื้อ
ทำไมถึงทำให้เราเกิดความรู้สึกว่า
เขาสองคน
เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อนแล้ว

การแสดงออกทางแววตา
ท่าทาง และเวลาเขาไปเที่ยว
หรือกินอาหารกัน
แม้เจอกันไม่กี่ชั่วโมง
มันทำให้คนดูอย่างเราๆ รู้สึกว่า
เขาสองคนนี้แหล่ะ
คู่กัน..จริงๆ

ขณะที่บางคู่...ก็มองออกว่า
ไปไม่รอด...
แม้ว่าจะเลือกไว้แล้วก็ตาม

ครั้งสุดท้ายที่ดูคือ
ผู้ชายเป็นอดีตดาราตลกแต่ฐานะการเงินดี
การงานก็มั่นคง มีสตูดิโอทำการ์ตูนให้เด็กๆ
ผู้ชายมาขอแม่สื่อหาคู่ให้
แม่สื่อก็แนะนำเขาว่า ลดความตลกลงนิด
แล้วเขาจะเจอผู้หญิงดีๆ
เขาเป็นคนโสด ไม่เคยแต่งงาน
อายุเกือบ 50 ปี
และเมื่อแม่สื่อพาสาวๆ มาให้เลือก
เขาเลือกผู้หญิงมาคนหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้แต่งงานกับผู้ชายอายุ 57 แล้วแยกกัน
เธอเลี้ยงลูกตามลำพัง จำไม่ได้ว่าทำงานอะไร

ผู้ชายอยากมีลูก พอรู้ว่าผู้หญิงมีลูกสาว
ของขวัญที่เธอทำให้ผู้หญิงคนนี้คือ
พาเธอไปทำการ์ตูนปลาให้ลูกสาวเธอ
ช่วยกันระบายสีและตกแต่ง
ผู้หญิงประทับใจมากที่เขาใส่ใจตรงนี้
นั่งดูแล้ว น่าประทับใจจริงๆ
ผู้ชายคนนี้น่ารักมาก อารมณ์ขันและสุภาพ
ที่สำคัญ..เอาใจใส่กับผู้หญิงที่เขาสนใจ
แม้จะเพิ่งพบกัน....ไม่กี่นาที

จากนั้น เขาทั้งสองก็คบหากันต่อไป
ไม่รู้ว่าจบรายการ
เขาทั้งคู่จะได้อยู่ด้วยกันหรือเปล่า
แอบเชียร์ให้ตกลงแต่งงานกันนะ...น่ารักดี



ชอบข้อความนี้จริงๆ เลย
นั่นสิ..ถ้าโลกมันกลม
ยังไงเราก็ต้องกลับมาเจอกัน
เนอะ....

อีกนานแค่ไหน....หนอ...
ขี้เกียจจะรอแล้ว...หนา..




โดย: sunny-low วันที่: 16 ธันวาคม 2557 เวลา:15:30:51 น.
  

เดี๋ยวก่อนนะคะ..
ทำไมตัวเลขไหลไวจังเลย
เมื่อวันก่อน 120 กว่า
เมื่อวาน 130 กว่า
เช้านี้ 140 กว่าเกือบ 150 แน่ะ

คือ คือ มั่นใจตัวเองว่า
เหลือเพื่อนที่เข้ามาอ่านบล็อก
ไม่น่าจะเกิน 5 คน
มันก็ไม่น่าจะเกินวันละ 10 สิ เนาะ
แต่นี่ปาเข้าไปวันละ 10 กว่า แน่ะ
อืม อืม..

ใครบ้างหว่า...หรือจะเป็นพี่อุ้มสี
เข้ามาวันละกี่รอบอ่ะ...

ไม่เป็นไร เป็นปริศนากันต่อไปก็ดีนะคะ
ชีวิตมีอะไรไม่รู้บ้าง..มันก็ดี เนาะ




เมื่อวานหลังจากอิ่มข้าวแล้วสักพักก็ชวนลูกชายนอน
ขณะที่กำลังจะหลับ สมองก็คิดอะไรเกี่ยวกับคำว่า "คู่"
สิ่งของบางอย่างมันจำเป็นต้องมีคู่
หรือต้องมาเป็นคู่ จึงจะใช้ได้และเกิดประโยชน์
พวกตะเกียบ รองเท้า ถุงเท้า ประมาณนี้
มีอะไรอีกเปล่านะ???
นึกได้เท่านี้เองตอนนี้

พวกนี้จำเป็นต้องมาเป็นคู่
และต้องมีลักษณะที่เหมือนกัน
อาจแบ่งซ้าย-ขวา แต่มันคือรูปร่างเดียวกัน
และถ้ามันมาเป็น "คี่"
ก็คงไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
หรืออาจไม่ได้ใช้งานตามหน้าที่ที่ควรเป็นของมัน

อ้าว...ใครจะว่าได้ เจอบางคนอาจแย้งว่า
ตะเกียบข้างเดียวก็เอาไปทำนั่นนี่โน่นได้
รองเท้า ถุงเท้า ข้างเดียวก็เอาไปดัดแปลงทำอะไรได้
เลยต้องบอกให้ชัดเจนว่า
ไม่ได้เอาไปใช้งานตามหน้าที่ที่ควรเป็นของมัน น่ะนะ

แต่สิ่งของเป็นคู่บางอย่าง
มันไม่ต้องเหมือนกัน
แยกจากกันก็ยังใช้ประโยชน์ได้อยู่
อย่างเช่น ช้อนกับส้อม



ลักษณะมันแตกต่างกันเลย
การใช้งานก็แตกต่างกัน
ช้อน เน้นไปในเรื่องของการตัก
ส้อม เน้นไปในเรื่องของการจิ้ม

ไม่มีช้อน ส้อมก็ยังใช้งานได้
ไม่ม่ส้อม ช้อนก็ยังใช้งานได้
แค่อาจไม่เหมาะกับการใช้งานบางอย่าง
เท่านั้นเอง

แต่เมื่อใดที่ช้อนกับส้อมจับคู่กัน
การใช้งานมันเกิดประโยชน์เพิ่มขึ้น
นอกจากการตัก การจิ้ม
มันยังช่วยกันประคองอาหาร
เพื่อให้เราได้กินอย่างเอร็ดอร่อยด้วย




นอนคิดแล้วก็วกมาถึงชีวิตคนชีวิตคู่
บางคู่เขามีก็อะไรคล้ายๆ กัน
และอยู่ด้วยกันเหมือนตะเกียบ
ขาดอีกคนแทบไม่ได้

แต่บางคู่เขาก็เหมือนช้อนกับส้อม
แตกต่างกันมากมาย
ให้อยู่คนเดียวก็อยู่ได้
แต่ถ้ามีอีกคนอยู่ด้วย
ความรู้สึกมันเหมือนการเติมเต็ม
ต่อให้ทะเลาะกันบ่อยๆ
แต่ก็ไม่ได้อยากแยกขาดจากกันไป
นี่แหล่ะหนอ...ชีวิตคนชีวิตคู่



ตัวเองก็เหมือนกัน
ถามว่าอยู่คนเดียวอยู่ได้มั้ย
อยู่ได้ค่ะ
ตัวเองอาจเป็นช้อน
ไม่ต้องมีส้อมก็อยู่ได้
แต่ถ้ามีส้อม
มันก็ทำให้รู้สึกว่า
ชีวิตตัวเองนั้นถูกเติมเต็ม
มันมีความสมบูรณ์
มันมีความสุข...มากกว่า
ก็เท่านั้นเอง...



ปล. หลังๆ ออกแนวหวานๆ เนอะ
เอ...ทำไมไม่รู้เหมือนกัน
ทั้งๆ ที่ก็ไม่มีใครมาเติมความหวานให้เลย
อาจคิดได้แล้วว่า

"ถ้าใช่...มันก็ใช่
ถ้าไม่ใช่...ก็ต้องปล่อยไป"
โดย: sunny-low วันที่: 17 ธันวาคม 2557 เวลา:12:34:21 น.
  

ลาพักผ่อน.... 3 วันนะคะ
ไปสัมมนาต่างจังหวัด
พักฟื้น...สมองนิดนึง
วันนี้ระเบิดหล่นมา
เลยปากลับไปทันที

เป็นคนแบบนี้
ยอมได้ก็จะยอม
แต่ถ้าไม่ยอมเมื่อไหร่
ก็พายุดีๆ นี่เอง...แล

โดย: sunny-low วันที่: 18 ธันวาคม 2557 เวลา:16:08:23 น.
  



อาการตอนนี้
คือ เหนื่อยและล้า
กับงาน กับคน
กับสิ่งรอบตัว

หรือเพราะว่า
อายุเพิ่มมากขึ้นหว่า

เร่งงานจนเพลีย
มาเจอแรงเสียดทาน
จากคนทำงาน
อยาก...



หรืออายุมากขึ้นหว่า
ร่างกายเพลียและล้าง่ายมากทีเดียว

ส่วนจิตใจก็พร้อมระเบิดอารมณ์ใส่ทุกคน
ถ้าพูดหรือทำอะไรให้ผิดหูผิดตา

ร่างกายกับใจ ตอนนี้
เหมือนจะแย่ๆ ชอบกล

อยากพักแต่คงพักไม่ได้อีกแล้ว
เป็นข้าราชการ หรือกรรมกร หนอ




โดย: sunny-low วันที่: 22 ธันวาคม 2557 เวลา:17:45:56 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sunny-low
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



ความทุกข์
สอนให้อดทน
ถ้าผ่านมันได้
ก็จะเจอความสุข...