“หน้านางร้าย.....แต่ใจนางงาม ”
 
มิถุนายน 2549
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
28 มิถุนายน 2549
 
 
เรื่องเล่าจากเลซองส่วนพระองค์ของเจ้าชายจิกมีฯและราชอาคันตุกะทุกพระองค์ (ต่อ2)

พระราชกิจวันนี้(18 มิ.ย) ของเจ้าชายเคเซอร์ เดิมมีหมายกำหนดการในช่วงเช้า ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับมายังกรุงเทพฯ ไปยังบ้านแหลมไทร ต.เกาะยาวน้อย อ.เกาะยาว จ.พังงา เพื่อทอดพระเนตรกระชังเลี้ยงปลาของชาวบ้านที่ประสบภัยสึนามิจำนวน 50 ราย ที่ได้รับพระราชทานวัสดุสร้างกระชังจากสมเด็จพระเทพฯ

แต่มีการเปลี่ยนแปลงหมายกำหนดการค่ะ โดยตลอดวันนี้ทรงประทับอยู่ที่ จ.ภูเก็ต (ซึ่งทรงประทับอยู่ตลอด 3 วันค่ะ) และเมื่อ 18.55 น. เสด็จพระราชดำเนินกลับมายังกรุงเทพฯ ด้วยสายการบินไทย TG 212 แล้วค่ะ

ประมาณ 18.30 น. เจ้าชายเคเซอร์ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากโรงแรมอมันบุรี ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต มายังห้องรับรองพิเศษของท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เพื่อเสด็จกลับกรุงเทพฯ ด้วยสายการบินไทย TG 218 ด้วยฉลองพระองค์ด้วยเสื้อสีเหลือง และกางเกงสีขาว

โดยมีท่านผู้ว่าฯภูเก็ต ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเก็ต ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักเรียนผู้พิการทางหู (หูหนวก) จากโรงเรียนภูเก็ตปัญญานุกุล และประชาชนจากจังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียงจำนวนหนึ่งมาส่งเสด็จ

ในระหว่างที่เสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องพักรับรองพิเศษ ได้ทรงรับของที่ระลึกจากผู้มาส่งเสด็จ โดยเฉพาะของที่ระลึกจากตัวแทนนักเรียนผู้พิการทางหู (หูหนวก) ซึ่งเป็นช่อดอกไม้และผ้าทอซาโอริ โดยผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตปัญญานุกูล ได้ถวายรายงานต่อเจ้าชายเคเซอร์ว่า

นักเรียนดังกล่าวเป็นนักเรียนพิการทางหู ซึ่งเป็นตัวแทนของทางมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระราชินูปถัมภ์ และมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิตมาส่งเสด็จ เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้มีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิตเคยเดินทางไปยังภูฏานเพื่อสอนภาษามือให้กับคนหูหนวกที่นั่น และในอนาคตจะมีความร่วมกันในการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาเกี่ยวกับคนพิการต่อกัน

เมื่อพระองค์ได้ทรงรับฟังแล้ว ก็ได้มีพระปฎิสัณฐานด้วยความสนพระทัย และพระองค์ทรงขอถ่ายรูปกับคุณครูและนักเรียนที่มาส่งเสด็จฯ ด้วย

และที่เป็นที่ประทับใจอย่างมากคือ ทรงยกพระหัตถ์แสดงสัญลักษณ์ว่า “ฉันรักเธอ”เช่นเดียวกับที่เด็กๆ แสดงสัญลักษณ์ดังกล่าวต่อพระองค์ ทำเอาผู้มาส่งเสด็จปลาบปลื้มและประทับใจอย่างมาก

และระหว่างที่เจ้าชายได้เข้าไปประทับในห้องรับรองพิเศษ เพื่อรอขึ้นขึ้นเครื่อง ก็ได้ทรงพระราชทานของที่ระลึกให้กับท่านผู้ว่าฯภูเก็ตด้วยค่ะ

จากคุณ : nipp (nipp) - [ 18 มิ.ย. 49 21:44:11 ]






ความคิดเห็นที่ 28

ตอนนี้สื่อบ้านเราเกาะติด อยากจะขอสัมภาษณ์พระองค์อย่างมาก แต่เมื่อวานที่พระองค์ออกเป็นแถลงการณ์สั้นๆ ถึงความประทับพระทัยต่อการต้อนรับอย่างอบอุ่นของคนไทยเพราะทรงทราบว่าประชาชนไทยอยากทราบความรู้สึกของพระองค์ แต่สิ่งหนึ่งที่ทราบจากผู้ใกล้ชิดมาว่า พระองค์เห็นว่าเป็นการไม่เหมาะสมที่จะให้สัมภาษณ์เรื่องใดๆ ส่วนพระองค์ เนื่องจากทรงเป็นพระราชอาคันตุกะ

...เชื่อแล้วล่ะค่ะว่า ทรงวางพระองค์ได้อย่างเหมาะสมจริงๆ
แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 49 22:17:42




'#6666CC'>วงใน ว่ากันว่า เสด็จฯคราวนี้ ทรงมีผู้อยากเป็นพระสหายใหม่ ซึ่งเป็นลูกหลานไฮโซหลายตระกูล โดยเฉพาะสาวๆ รุ่นเดียวกัน เพียบค่ะ เพราะมีหลายตระกูลเข้าคิวขอถวายเลี้ยงพระกระยาหารอยู่หลายมื้อ หากทรงตอบรับ คงทรงรับถวายไม่ไหวแน่ๆ เพราะดูจากพระจริยวัตรแล้ว ที่ทรงว่ายน้ำแทบทุกวันในสระว่ายน้ำโรงแรมที่ประทับ (ยกเว้นวันที่ทรงเล่นน้ำในทะเล) เรียกได้ว่าทรงดูแลพระพลานามัยดีเหลือเกิน
จากคุณ : nipp (nipp) - [ 18 มิ.ย. 49 22:05:05 ]


มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตกับสมเด็จพระจักรพรรดินีมาฝากค่ะ
ก่อนรับเสด็จฯ ราชสำนักญี่ปุ่นได้ประสานแจ้งมาว่า พระองค์ท่านมีพระชนมายุมากแล้ว เพราะฉะนั้นกรุณาอย่าขับรถเร็วนัก
ทางเราก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะเสด็จฯ ไปอยุธยา นายตำรวจเกียรติยศ (พ.ต.อ. เชิดชายฯ) เห็นว่าจะไม่ทันกำหนดการ จึงได้สั่งให้เร่ง speed
ขณะกำลังรายงานทางวิทยุอยู่นั้น สมเด็จพระจักรพรรดิ ซึ่งประทับอยู่ด้านหลังได้เอื้อมพระหัตถ์มาจับที่ไหล่ของ พ.ต.อ. เชิดชายฯ ทำเอาสะดุ้งโหยง
รับสั่งเบา ๆ ว่า "slowly, please"
ด้วยความตกใจ คนขับเหยียบเบรค ทำเอาขบวนเสด็จกระจัดกระจาย เพราะไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน
พ.ต.อ.เชิดชายฯ ถึงกับหน้าถอดสี
แต่พระองค์ท่านทรงพระเมตตามาก ทรงขอโทษ พ.ต.อ.เชิดชายฯ ที่ทรงทำให้ตกใจ และทรงมีพระประสงค์ให้ขับช้า ๆ โดยเฉพาะเมื่อมีกลุ่มประชาชนคอยเฝ้ารับเสด็จฯ
และทุกที่ที่เสด็จฯ ไปนั้น หากพบว่ามีประชาชนอยู่ก็โปรดให้ขับช้า ๆ เพื่อจะทรงเปิดกระจกรถลงมาโบกพระหัตถ์ให้อย่างไม่ถือพระองค์
ความใกล้ชิดของพระองค์ท่านกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ไทยมีมากเหลือเกิน เพราะในวันที่ 14 ซึ่งเสด็จฯ อยุธยา นั้น สมเด็จพระเทพฯ ทรงยอมยกเลิกกำหนดการทุกอย่าง เพื่อตามเสด็จฯ อยุธยาด้วย และทรงเป็นไกด์ "กิตติมศักดิ์" ให้กับคณะอย่างเต็มพระทัย
คืนวันที่ 14 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานเลี้ยงเป็นการส่วนพระองค์แด่สมเด็จพระจักรพรรดิฯ และพระจักรพรรดินีที่พระตำหนัก สิริยาลัย ตรงข้ามวัดไชยวัฒนาราม อยุธยา
เก้าอี้ที่โต๊ะเสวยมีเพียง 6 พระองค์เท่านั้น คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระจักรพรรดิ พระจักรพรรดินี สมเด็จพระเทพฯ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ เท่านั้น
ระหว่างเสวย พระจักรพรรดิฯ ได้ย้อนรำลึกถึงอดีตเมื่อได้ทรงรู้จักกันใหม่ ๆ กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ตอนนั้นพระชนมายุเพียง 30 พรรษา โดยตอนหนึ่งที่ทรงประทับใจคือว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่เสวยพระกระยาหารร่วมกันบนโต๊ะนี่แหละ ได้รับสั่งถึงความชอบดนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระจักรพรรดิรับสั่งว่า โปรดเพลง jazz มาก
ขณะนั้นเอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เอื้อมหัตถ์ลงไปใต้พระเก้าอี้ และทรงหยิบ clarinet ออกมา เป่าเพลง "Memory of You" ประทาน
สมเด็จพระจักรพรรดิรับสั่งว่าช่วงเวลานั้น เป็นความทรงจำที่แสนดีของพระองค์ (fond memory)

กำหนดการหนึ่งของพระองค์ท่านคือการเสด็จจุฬาฯ
ถามว่าทำไมถึงเป็นจุฬาฯ
พระองค์ท่านรับสั่งว่า ครั้งแรกที่เสด็จประเทศไทยเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้น เคยเสด็จจุฬาฯ และทรงประทับใจกับระบบการศึกษา นิสิตในขณะนั้น
มาถึงวันนี้ก็รับสั่งว่าไม่ผิดหวังเลย
และวันที่เสด็จฯ นั้น น้องๆ นิสิตและบรรดาอาจารย์ที่ไปรอรับเสด็จฯ ก็ประทับใจกับความไม่ถือพระองค์ของพระองค์ท่าน ด้วยการที่พระองค์ท่าน เปิดประตูรถลงมาโบกพระหัตถ์และทรง "โค้งรอบทิศ" ให้กับทุก ๆ คน
เลซองที่ไปด้วยบอกว่า เมื่อทรงโค้ง ทุกคนก็โค้งตอบ ก็ทรงโค้งตอบอีก คนก็โค้งตอบอีก ไม่สิ้นสุดเลย ดูแล้วน่ารักมาก
จนราชสำนักญี่ป่นที่ไปด้วยบอกว่า คนไทยเนี่ย โค้งสวยกว่าคนญี่ป่นอีก

จากคุณ : หน้ามลคนดูหนัง - [ 19 มิ.ย. 49 11:04:47 ]


พระองค์แทบจะไม่มีโอกาสใช้เวลาช่วงชีวิตในวัยรุ่นเหมือนสามัญชนธรรมดา เพราะจะต้อง

ทรงก้าวกระโดดขึ้นไปรับผิดชอบประเทศชาติ ซึ่งในมุมหนึ่ง นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเห็นพระทัย และการเสด็จฯพักผ่อนในเมืองไทยช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้ มีเสียงยืนยันว่าพระองค์ทรงพระเกษมสำราญที่สุด โดยเฉพาะความอบอุ่นที่พสกนิกรไทยมีให้พระองค์

พระฉายาลักษณ์ที่เราได้เห็นในภาพนี้ ดูพระพักตร์อ่อนเยาว์ แต่กลับมีพระราชภารกิจที่ยิ่งใหญ่เกินวัยเหลือเกิน ซึ่งเหมือนพระองค์จะต้องทรงรีบเจริญเกินวัยให้ทันกับพระราชภารกิจ

ซึ่งระหว่างที่ประทับบนเครื่องบินพระที่นั่งเสด็จไปภูเก็ต พระองค์จะทรงงานโดยตลอด โดยศึกษาข้อมูลของโครงการหลวงอย่างจริงจัง ไม่ใช่ดูผ่านๆ แต่ซักถามฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก่อนเสด็จฯกลับ พระองค์จึงทรงไปขอคำปรึกษาจากท่านภีศฯ น่ะค่ะ


เฮ้อ กลับมาแล้วค่า
คิดว่าคงไม่ต้องเล่าเรื่องเจ้าฟ้าชายเคซาร์แล้วนะเนี่ย เพราะตัวเลซองประจำพระองค์ถูกจิกไปสัมภาษณ์ออกทีวีซะแล้ว
แต่เราสังเกตเห็นอยู่อย่างนะ ไม่รู้หลงหูหลงตาหรือคิดไปเองหรือเปล่า
เราว่าเวลาท่านทักทายคนที่เป็นผู้ชาย ท่านจะไหว้และจับมือด้วย แต่กับผู้หญิง ท่านจะเพียงแค่ไหว้อย่างเดียว
ทรงเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ

จากคุณ : หน้ามลคนดูหนัง - [ 20 มิ.ย. 49 10:39:12 ]






ความคิดเห็นที่ 139

มาต่อด้วยเรื่องขวัญใจประชาชนอีกพระองค์นึง

เจ้าชายทุงโปทัวแห่งตองกา
เห็นพระองค์ท่านดำเนินเซ ๆ แรก ๆ ทุกคนก็คิดว่าท่านพระบาทไม่ค่อยดี
มีอยู่วันนึง พวกเราก็ได้ยินเลซองประจำพระองค์ขานจุดประทับจาก ว.สื่อสาร ว่า
"ตองกา 1 ขณะนี้ ว.50 ที่ bamboo bar"
เล่นเอาความลับเปิดเผยเสียแล้ว

(จริง ๆ ไม่เป็นความลับหรอกค่ะ ท่านพระทัยดีมาก ๆ และทรงพระศอแข็งมาก ๆ ด้วย - ฮา)

คณะเบลเยี่ยม
ที่จะเล่าให้ฟังไม่ใช่ตัวเจ้าชายฟิลิปเปและเจ้าหญิงมาธิลเด หรอกค่ะ
แต่ที่เล่ากันในหมู่เลซองคือตัวราชองครักษ์ประจำพระองค์ที่ตามเสด็จมาด้วย
ตอนเสด็จพระที่นั่งอนันตฯ
ราชองครักษ์ชาวเบลเยี่ยมที่ตามเสด็จด้วยได้เห็นข้าราชการสตรีผู้หนึ่งในชุดปกติขาว ก็ให้สงสัยเป็นกำลัง เลยเดินเข้าไปถามเลซองที่ยืนอยู่ที่นั่นว่า
"Who's that girl?"
เลซองเลยบอกไปว่า เป็นข้าราชการ
พี่ท่านก็ถามต่อไปว่า
"What kind of uniform is that, a navy?" เครื่องแบบอะไรเนี่ย ทหารเรือรึเปล่า
เลซองตอบว่าเป็นเครื่องแบบข้าราชการเต็มยศ
แกก็นิ่งไปครู่ ก่อนจะพึมพำว่า "Hmmm...Very nice"
เลซองมองหน้าแล้วถามว่า "Which one? the girl? or the uniform?"
พี่ท่านหันมาจ้องหน้าเลซองก่อนจะตอบว่า
"Both!!!"

จากคุณ : หน้ามลคนดูหนัง - [ 20 มิ.ย. 49 10:59:25 ]



จดจำและรำลึก...


นับแต่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าได้สดับตรับฟังและอ่านเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ของปวงชนชาวไทย นับจนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้าเคยเดินทางมาเยือนประเทศไทยหลายหน และคุ้นเคยกับพระราชกรณียกิจมากมงคลอันพิเศษยิ่งนี้
มายมหาศาลที่ทรงปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ ณ วันนี้กล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีความนิยมชมชอบ และนับถืออย่างแรงกล้าต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผู้ซึ่งเปรียบประดุจดังทรัพย์อันล้ำค่าแห่งแผ่นดินไทย

ข้าพเจ้าได้นำคำถวายพระพรชัยมงคลและความปรารถนาดีจากประชาชนชาวภูฏาน มายังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระบรมวงศานุวงศ์ รัฐบาลไทย รวมถึงประชาชนคนไทย เนื่องในวโรกาสมหา
การเฉลิมฉลอง 60 ปีแห่งการครองสิริราชสมบัติของพระองค์ นับเป็นบรรณาการอันคู่ควรแด่กษัตริย์ผู้ทรงเป็นเอตทัคคะ (ผู้ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ) และนับเป็นความทรงจำอันล้ำค่าและงดงามมากที่สุดครั้งหนึ่งสำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอขอบคุณประชาชนชาวไทยสำหรับความอบอุ่นและน้ำใจที่มีให้ ซึ่งมิใช่เพียงแค่ในการเดินทางเยือนคราวนี้ แต่รวมถึงทุกครั้งในอดีตที่ผ่านมา

ข้าพเจ้าจะอธิษฐานภาวนาขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และทรงพระเกษมสำราญอยู่เสมอ และขอให้ประชาชนชาวไทยจงประสบแต่ความสมบูรณ์พูนสุข ขอให้เยาวชนไทยได้รับพระพรจากพระองค์ และนำพาประเทศไทยไปสู่ความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นในอนาคต


แถลงการณ์ส่วนพระองค์ ของมกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน

17 มิ.ย.2549

จากคุณ : nipp (nipp) - [ 20 มิ.ย. 49 14:02:30 ]








Create Date : 28 มิถุนายน 2549
Last Update : 29 มิถุนายน 2549 0:00:51 น. 0 comments
Counter : 561 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

แมวน้อยสีส้ม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add แมวน้อยสีส้ม's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com