To follow, without halt, one aim:There is the secret of success
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
18 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
กิน "เค็ม" เสี่ยงตายอันตรายไม่ลดเกลือ

กิน "เค็ม" มากไป อันตรายอย่างไร
เมื่อพูดถึงเรื่องเกลือ เรื่องเค็ม นั่นหมายถึง โซเดียมซึ่งเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งซึ่งปรับสมดุลของเหลวในร่างกาย ช่วยให้การส่งกระแสไฟฟ้าไปตามเส้นประสาทเป็นไปอย่างปกติ ช่วยการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อ ควบคุมการเต้นของหัวใจ เป็นต้น ถ้าการกินโซเดียมมากไป เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไตต้องทำงานหนักมากขึ้นจนไตเสื่อมได้ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงทำให้เกิดโรคเรื้อรังตามมา เช่น โรคไต โรคหัวใจหลอดเลือด อัมพาต อัมพฤกษ์ ริดสีดวง ไมเกรน หรือโรคกระดูกพรุน และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจนถึงเสียชีวิตได้
นอกจากนี้ยังทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ทำให้การดำรงชีวิตด้อยคุณภาพ
ความ "เค็ม" ในอาหาร มาจากไหน
ความเค็นในอาหารมาจาก เครื่องปรุงรสต่างๆ ได้แก่ น้ำปลา เกลือ ซอสต่างๆ ซีอิ๊ว กะปิ ปลาร้า ไตปลา เป็นต้น แต่ยังมีเครื่องปรุงรสที่ไม่มีรสเค็มได้แก่ ผงชูรส ผงปรุงรสต่างๆ
นอกจากนี้โซเดียมยังมีในอาหารธรรมชาติ ได้แก่ เนื้อสัตว์ต่างๆ จะมีโซเดียมสูง ส่วนอาหารธรรมชาติที่มีโซเดียมต่ำ ได้แก่ ผลไม้ทุกชนิด ผัก ธัญพืชและถั่วเมล็ดแห้ง และเนื้อปลา และในอาหารบางประเภทที่ไม่มีรสเค็มแต่มีโซเดียมผสมอยู่ด้วย เช่น ขนมที่ทำด้วยผงฟู ผงชูรส ผงปรุงรส ซุปก้อนเป็นต้น สารกันบูด (โซเดียมเบนโซเอท) นั่นหมายความว่าเวลาเรากินอะไรต้องระมัดระวังในการปรุงรสพอสมควร มิฉะนั้นอาจเสียงต่อโรคภัยที่เกิดจากกินโซเดียมสูงเกินไป
จากการสำรวจพบว่า ความถี่เฉลี่ยในการกินอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารที่มีโซเดียมรวมทุกภาค พบว่า มีการกินน้ำพริกต่างๆ บ่อยที่สุด คือ ประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ รองลงมาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มีความถี่เฉลี่ยการกินประมาณ 1.5 ครั้งต่อสัปดาห์
เมื่อคิดเป็นปริมาณโซเดียมที่ได้รับตากผลิตภัณ์เครื่องปรุงรส อาหารและผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียม พบว่าแหล่งสำคัญของโซเดียมได้รับจากเครื่องปรุงรสมากที่สุด ได้แก่ เกลือปริมาณเฉลี่ยประมาณ 3,000 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน รองลงมาน้ำปลาปริมาณเฉลี่ยประมาณ 2,600 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน
จากผลการสำรวจพบว่าปริมาณโซเดียมทีคนไทยได้รับจากแหล่งต่างๆ คือ อาหารที่กินนอกบ้าน อาหารสำเร็จรูป และอาหารว่าง รวมโดยเฉลี่ยได้รับโซเดียมประมาณ 900 มิลลิกรัมต่อคนต่อวันและพบว่าโซเดียมจากการทำอาหารกินเองในครอบครัวมากที่สุดประมาณ 10,000 มิลลิกรัมต่อคนต่อวันในภาคเหนือได้รับโซเดียมโดยเฉลี่ยมากที่สุด
จากข้อมูลดังกล่าว จะพบว่าคนไทยได้รับโซเดียมจากการกินอาหารมากถึง 4,351.69 ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงกว่าที่ควรได้รับประจำวันสำรับคนไทยที่กำหนดให้ได้รับโซเดียมวันละไม่เกิน 2,400 มิลลิกรัม
สรุปได้ว่า คนไทยที่อายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป กำหนดไว้ไม่ควรเกิน 2,400 มิลลิกรัมต่อคนต่อวันหรือเทียบเท่าเป็นปริมาณเกลือ 6 กรัม หรือ 1 ช้อนชา
ลด "เค็ม" ลดโรค
ลดการใช้เครื่องปรุงรสในอาหาร เช่น ผงปรุงรส น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสปรุงรส เต้าเจี้ยว และผงชูรส "ชิมอาหารก่อนเติมทุกครั้ง" เลือกกินอาหารสดหรืออาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด ลดความถี่และปริมาณการกินอาหารที่ใช้ "น้ำจิ้ม" ต้องไม่กินจำเจอย่างเดียว
ลดการกินขนมหวานที่มีเกลือ ผลไม้แช่อิ่ม ขนมอบทุกชนิดที่ใส่ผงฟู เช่น เค้ก คุกกี้ โดนัท ขนมปัง เป็นต้น ถ้าลดอาหารพวกนี้ได้ จะช่วยคุมน้ำหนักได้ด้วยเพราะอาหารเหล่านี้มีน้ำตาล ไขมันเป็นส่วนประกอบ หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยวและควรอ่านฉลากโภชนาการทุกครั้ง เลือกอาหารที่มีโซเดียมน้อยที่สุด ลองเพิ่มการปรุงรสด้วยสมุนไพรเครื่องเทศที่มี"รสเปรี้ยว" หรือ "เผ็ด" แทน
ปรับพฤติกรรมการกิน ปรุงน้อยๆ ไม่เติมน้ำปลา เกลือตามชอบใจ เลือกกินอาหารที่ไม่สำเร็จรูปมากนัก จะช่วยยืดอายุไตและไม่เสี่ยงต่อการเป็น
โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคร้ายอื่นๆ ตามมา
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้แนะนำให้ปรับพฤติกรรมในการกินเพื่อลดอาหารเค็มจัด โดยให้ทำตามข้อปฏิบัติการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย เรียกง่ายๆ ว่า โภชนบัญญัติ 9 ข้อ และหมั่นออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ครั้งละ 30 นาที

"ลดอาหารหวาน มัน เค็ม เพิ่มผัก ผลไม้ หมั่นออกกำลังกาย ลดอ้วน ลดโรค"


Create Date : 18 กันยายน 2553
Last Update : 18 กันยายน 2553 10:55:12 น. 1 comments
Counter : 893 Pageviews.

 
แวะมาเยี่ยม..และให้กำลังจัย.


โดย: nuyect วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:22:46:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

lukyimgirl
Location :
สมุทรสาคร Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add lukyimgirl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.