โอ๊ยโหย๋ ....น้ำท่วมเยอะจริง ๆ เลยค่ะ
ดีนะเนี่ยที่ลดแล้ว ดีใจด้วยค่ะ

อยากมีบ้านริมคลองบ้างจัง

ผมรู้สึกชินเพราะสู้กับน้ำมาตั้งแต่ปี2526
น้ำปีนั้น ต้องนั่งเรือ เข้าออกบ้าน แต่พอ27
น้ำก็ไม่มาก จนระทั่ง 32-33 น้ำเริ่มเพิ่มขึ้น
มีการตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญาท้ายซอย
และมีการยดพื้นถนนครั้งแรก และที่บ้าน
ก็ได้มีเครื่องปั๊มน้ำใช้เครื่องแรก(ใช้มาจนถึงทุกวันนี้)
และในปี42ได้มีการยกถนนสูงกว่าบ้าน ปั๊มน้ำก็เริ่มต้องมีมากขึ้น
บวกกับอายุบ้านที่มากขึ้น กำแพงจึงเริ่มมีรอยร้าวให้น้ำซึม
จนปี 49 เป็นครั้งแรกที่น้ำเข้าตัวบ้านและปรับการป้องกัน
น้ำเพิ่มขึ้น โดยมีปั๊มน้ำเพิ่มเป็น 3 จุดรอบบ้าน 3ตัวรวมกัน
มีกำลังการสูบสูงสุด ประมาณ650ลิตร/นาที โดยมีการออกแบบ จุดพักน้ำซึ่งเป็นบ่อพักย้าง-ยาว 60x60cm ลึก1เมตร
เพื่อให้น้ำท่วมลงบ่อนี้ก่อน จึงสูบออก (เครื่องสูบน้ำ จะไม่สามาถสูบน้ำที่มีระดับต่ำว่า5CMได้ การทำบ่อพัก จึงเป้นการดูดน้ำออกจากบ้านได้แห้งที่สุด และถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็มีเวลาอีกนิดกว่าน้ำจะเริ่มท่วมพื้น (เพราะต้องท่วมบ่อให้เต็มก่อน) และบ่อพัก มี3จุดรอบบ้าน ส่วนในตัวบ้าน มีที่สูบน้ำขนาดเล็ก ไว้สูบน้ำที่ซึมเข้ามาภายในห้องครัว และเทอเรสหน้าบ้าน(เพราะต่ำมากๆ) และมีการเตรียมพร้อมกระสอบทราย
40ถุง เพื่อรองรับเหตุการฉุกเฉิน (เมื่อ3เดือนที่แล้วมันช่วยไว้จากวันที่ไฟดับ พายุเข้า น้ำล้นแนวเขื่อนกันน้ำรอบบ้านมาถึงที่วางรองเท้าหน้าบ้าน(ท่วมนี่ก็ถึงประตูตัวบ้านทันที) ระหว่าประเมินระดับน้ำกับความแรงฝนแล้วจึงเริ่มเรียงกระสอบทรายกั้นหน้าทางเข้าประตู และคอยวิดน้ำที่ซึมมาบางส่วน (พอที่จะวิดด้วยมือได้เพราะว่าน้ำซึมกระสอบทรายมาได้น้อยมาก สรุปวันนั้น มีบ้านผมคนเดียว ที่รอดจากน้ำท่วมภายในบ้านได้ จนตอนนี้ ผมได้เตียมเครื่องสูบน้ำติดเครื่องยนต์เบนซิน แรงดันสูง กำลังการสูบสูงสุด 130 ลิตร/นาที มีน้ำมันสำรองเพียงพอต่อการสูบต่อเนื่อง 5-6ชั่วโมง ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานในช่วงไฟดับฉุกเฉิน อีกสักพัก คงจะหาเครื่องปั่นไฟเล็กๆ ปั่นไฟได้650W พอจะช่วยสูบน้ำเพิ่มได้อีก1ตัว และใช้ไฟเพื่อให้แสงสว่างได้ยามไฟดับ และอาจเพิ่มกระสอบทรายอีก20กระสอบ และคงทำแบบนี้ต่อไป จนกว่ามีปัญญาสร้างใหม่.............

สติ๊กเกอร์รีดติดเสื้อ หาซื้อได้ที่ไหนคะ