ตุลาคม 2558

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
18
19
20
21
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
รีวิว เรื่องที่ 2 : Veronica Mars กับ คดีฆาตกรรมสาวผิวแทน (ไม่สปอย)
 
 
เวโรนิกา มาร์ส กับคดีฆาตกรรมสาวผิวแทน (Veronica Mars –The Thousand Dollar Tan line) 
Rob Thomas/ Jennifer Graham เขียน / เจนจิรา เสรีโยธิน แปล
สำนักพิมพ์ HER Publishing
309 หน้า / ราคา 299 บาท
แนะนำเรื่องที่ปกหลัง
 
จากซีรีย์วัยรุ่นสุดฮิตในอเมริกาที่นำแสดงโดยนักแสดงสาวชื่อดังอย่าง "คริสเตน เบลล์" จนเกิดกระแสฟีเวอร์อยู่หลายปี และเมื่อซีรีส์ฉายจบซีซั่นไปแล้ว แต่บรรดาแฟนพันธุ์แท้ของ "เวโรนิกา มาร์ส" ยังไม่อยากให้ตัวละครที่พวกเขารักหายไป จึงเป็นที่มาของข่าวดังในฮอลลีวูด เมื่อซีรีส์ชุดนี้ถูกนำมาสร้างเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ด้วยเงินลงทุนของแฟนคลับทั้งหลายที่ลงขันกันเอง! และต่อยอดความสำเร็จออกมาเป็นนิยายสุดเข้มข้นจนติดอันดับหนังสือขายดีของนิวยอร์ก ไทมส์
 
10 ปีหลังจากจบไฮสคูล นับสืบวัยทีน "เวโรนิกา มาร์ส" กลายเป็นสาวสวยในวัย 28 ปี เธอได้กลับสู่โลกของนักสืบอีกครั้งในบ้านเกิด ณ สำนักงานนักสืบเอกชน Mars Investigations ร่วมกับพ่อของเธอ เพื่อร่วมมือกับคดีอันมืดหม่นของเมืองเนปจูน แคลีฟอร์เนีย เมืองแห่งหาดทราย ปาร์ตี้ อาชญากรรม คอร์รัปชั่นและยาเสพติด เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ หนุ่มสาวมหาวิทยาลัยต่างหวนคืนสู่เมืองเนปจูนเพื่อความบันเทิง ทำให้ทั้งเมืองเต็มไปด้วยผู้คน แต่เมื่อเด็กสาวสวยหายไปอย่างไร้ร่องรอยในงานปาร์ตี้เดียวกัน ถึงสองคน เวโรนิกา มาร์ส จึงถูกว่าจ้างให้เข้ามาคลี่คลายคดีนี้ ยิ่งเธอสืบลึกลงไปเท่าไหร่ ปริศนาคนหลายกลับมาปรากฏร่องรอยที่เหนือความคาดหมายและโยงใยไปถึงอดีตของตัวเองอย่างคาดไม่ถึง ที่สำคัญ เธอต้องเอาชีวิตของตนเป็นเดิมพันอีกครั้ง
 
------------------------------------------------------------------------
 
 
เหตุผลจูงใจที่ทำให้อ่านเรื่องนี้
 
โมเคยดูซีรีย์เรื่องนี้มาก่อนค่ะ มีด้วยกันทั้งหมด 3 season เป็นแนวสืบสวนในแบบฉบับของวัยรุ่น โดยส่วนตัวแล้วโมคิดว่าธีมของเรื่องไม่ถือว่าเคร่งเครียดหนักหนาเท่า csi นะ ไปแบบเรื่อยๆ มีความรักตามประสาวัยรุ่นของนางเอกเข้ามาแทรกบ้าง ดูได้แบบเพลินๆ (แต่ที่ติดใจคือโลแกน พระเอกของเรื่อง คนอะไรกวนได้น่ารักจริงๆ >///< ) และเพราะด้วยความที่มันถูกตัดจบแค่ season 3 ด้วยเหตุผลที่น่าเจ็ดปวด อารมณ์คนดูก็เลยค้างๆ คาๆ พอรู้ว่าออกเป็นหนังสือและหาซื้อได้ ก็เลยรีบคว้ามาจ่ายเงินแบบไม่ลังเล
 
 
เนื้อเรื่อง (ไม่สปอย)
 
เวโรนิกา มาร์ส กับคดีฆาตกรรมสาวผิวแทน ดำเนินเรื่องต่อจากภาพยนต์ที่ฉายเมื่อปี 2014 โดยคดีนี้เกิดขึ้นที่เมืองเนปจูน ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่บรรดาหนุ่มสาวจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา พากันมาฉลองปิดเทอมกันอย่างสุดเหวี่ยง และหนึ่งในนั้นคือฮาร์ลีย์ เดวอลท์ลีย์ สาวอเมริกันผิวแทนสุดเซ็กซี่ซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับกลางงานปาร์ตี้ แต่นายอำเภอเมืองเนปจูน (เรียกว่าเชอริฟ) กลับไม่ได้ใส่ใจและออกค้นหาเลย จนทำให้เกิดคดีคนหายรายที่ 2 ตามมา ส่งผลกระทบให้ผู้ค้าขายและเจ้าของกิจการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้รับผล กระทบ พวกเขาเล็งเห็นว่าหากปล่อยให้เกิดคดีร้ายแรงแบบนี้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ หายนะทางธุรกิจการท่องเที่ยวคงจะมาเยือนในไม่ช้า จึงระดมทุนจ้างเวโรนิกา ให้มาสืบคดีนี้
 
 
ความรู้สึกหลังอ่านจบ
 
เรื่องนี้มีครบแทบทุกอารมณ์ค่ะ ทั้งดราม่าซาบซึ้งเรียกน้ำตา ตื่นเต้น แอคชั่น(นิดหน่อย) จิกกัด ความรัก(เบาบางเหลือเกิน เพราะพี่โลแกนพระเอกของเรื่อง ออกทะเลลาดตระเวนไปกับกองทัพเรือของสหรัฐ) แต่อารมณ์ที่ว่ามาเหล่านี้มันไม่สุดสักเท่าไร โดยเฉพาะอารมณ์ลุ้น ตื่นเต้น หรือความสงสัยที่ทำให้ต้องการรู้ใจจะขาดว่าจริงๆ แล้วคนร้ายเป็นใคร เนื้อหาไปแบบเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับน่าเบื่อ โดยอาศัยบุคลิกกล้าหาญเด็ดเดี่ยว กล้าตัดสินใจ ฉลาด ช่างสังเกต และมีความเชื่อมั่นในตัวเองของนางเอกในการคลี่คลายคดี ซึ่งไม่มีอะไรซับซ้อนมาก แม้จะมีการใส่รายละเอียดอย่างอื่นเข้ามา เพื่อจงใจหลอกคนอ่านให้ไขว้เขว แต่พออ่านไปสักพักก็ยังพอเดาออกว่าจริงๆ แล้วคนร้ายน่าจะเป็นใคร พร้อมกับตัดกลุ่มผู้ต้องสงสัยออกไปได้อีกต่างหาก เพราะผู้เขียนจงใจเล่าเรื่องแบบให้ฝ่ายหนึ่งดูน่าสงสัยมากๆ ในขณะที่อีกฝ่ายก็น่าสงสัยเช่นกัน แต่ไม่มีหลักฐานอะไรชี้ชัดว่าน่าจะเป็นคนร้าย ซึ่งการเขียนแบบนี้ถือว่าเป็นพิมพ์นิยมอย่างหนึ่งสำหรับนิยายแนวสืบสวน แต่ต้องดำเนินเรื่องให้เนียน หลอกซ้ำหลอกซ้อน เพื่อให้คนไขว้เขวไปประเด็นอื่น จนลืมโฟกัสไปที่คนร้ายตัวจริง ซึ่งในเรื่องนี้ยังทำได้ไม่เนียนพอ แล้วพอเฉลยออกมาอารมณ์มันก็เลยออกมาประมาณว่า "ฉันนึกแล้วเชียว" "มุกนี้อีกแล้ว" ไม่มีความรู้สึกว่าน่าตื่นตกใจ อ้าปากค้างร้องโอ้มายก๊อด สรุปคือให้อารมณ์เรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่ก็ไม่ถึงกับน่าเบื่อ อ่านเอาเพลินให้หายคิดถึงหนูวี(เวโรนิก้า) และโลแกน (ที่โผล่มาครั้งละกระจิ๊ดเดียว -_- )
 
สำหรับสำนวนการเขียนก็แนวภาษาแปลทั่วไปค่ะ ใช้คำไม่ฟุ่มเฟือย ตรงๆ ไม่อ้อมโลกอะไรมากมาย ซึ่งโมก็อ่านได้และชอบค่ะ ดูมีเสน่ห์ในตัวเอง แต่สำหรับนักแปลท่านนี้ โมขอบอกว่าผิดหวังค่ะ อ่านหนังสือแปลมาหลายเรื่อง ยังไม่เคยเจอใครแปลคำว่า Mr.(มิสเตอร์) เป็น มร.!!!
 
อยากจะร้องไห้เป็นภาษาโปรตุเกส!! แล้วคิดสภาพว่าต้องอ่านภาษาไทยด้วยประโยค มร.มาร์ส (พ่อนางเอก) แต่พอคำว่า Mrs. กลับแปลว่า มิสซิสได้ คือ...ไม่เข้าใจ ทำไมแปลแบบนี้ แล้วเวลาอ่านก็เผลออ่านว่า
 มอ-รอ-มาร์ส ทุกที -*-
 
ด้านภาษาก็ถือว่ากระท่อนกระแท่นในหลายจุดและค่อนข้างจะแข็งค่ะ (แข็งแบบทื่อๆ ไม่รู้เรื่อง) บางครั้งอ่านแล้วงงว่านางเอกกำลังพูดถึงตัวเองหรือคนอื่น ต้องอ่านซ้ำอีกรอบสองรอบ หรือไม่ก็เรียบเรียงเป็นภาษาของตัวเอง จนเริ่มหงุดหงิดกับภาษาคนของแปล เกือบได้เลิกอ่าน แต่พอสายตากวาดมาเจอพี่โลแกนเข้า ความฟินก็วิ่งเข้ามาแทนที่ และทำให้มีแรงจูงใจในการอ่านต่อ (ไม่ค่อยบ้าผู้ชายเล้ย = =" ) ซึ่งหลังๆ ก็เหมือนว่าจะเริ่มชินบวกเริ่มปลงๆ ค่ะ แล้วเนื้อเรื่องก็ไม่ได้น่าเบื่อ ยังมีส่วนที่สนุก ลุ้น อยากรู้ สุดท้ายก็อ่านจนจบเล่ม
 
สำหรับคนที่ไม่เคยดูซีรี่ย์หรือภาพยนต์เรื่องนี้ในปี 2014 อาจจะมีงงๆ บ้าง ว่าตัวละครแต่ละคนนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร เป็นใครมาจากไหน แต่ก็ไม่ถึงกับปวดหัวค่ะ เพราะหนังสือก็ไม่ได้โยงเรื่องผูกติดกับตัวละครเก่าๆ จนอ่านไม่รู้เรื่อง อีกทั้งคดีนี้ก็เป็นคดีใหม่ เริ่มและจบในเล่มเดียว และเรื่องนี้มีภาคต่อด้วยนะคะ โดยใช้ชื่อว่า เวโรนิก้า กับคดีปริศนาเล่ห์ราคะ ซึ่งโมก็คงจะซื้อต่อ ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นติ่งซีรี่ย์เรื่องนี้ที่ถูกตัดจบไปแบบค้างๆ อารมณ์ประมาณว่าฉันยังคิดถึงฉันยังต้องการ แต่เธอก็จากไปแบบดื้อๆ พอได้กลับมาเจออีกครั้ง แม้จะไม่เหมือนเดิมแต่ก็รู้สึกดี ทำให้หายคิดถึง และเหนืออื่นใดคือหวังว่าจะได้เจอพี่โลแกน ออกมาวาดลวดลายความกวนแบบน่ารักๆ อีกครั้ง (โมไม่ได้บ้าผู้ชายนะคะ แค่ติ่งเท่านั้นเอง >///< )
 
 
คะแนนความพึงพอใจส่วนตัว  6/10
 
 



Create Date : 22 ตุลาคม 2558
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2562 0:28:09 น.
Counter : 551 Pageviews.

2 comments
  
ไม่เคยดูซี่รีย์นะคะ แต่ได้เคยยินชื่ออยู่
อ่านรีวิว แล้วต้องย้อนขึ้นไปดูชื่อคนแปล

เอ....คนนี้เราเคยอ่านงานแปลเค้าตอนอยู่ค่าย Bliss มันก็โอเคนี่นา หรือว่าขึ้นอยู่กับทีมเกลาภาษาหนอ

อืมม ช่วงนี้เราเองก็อ่านงานแปล แล้วเจองานทื่อ ๆ เล่นเอาเซ็งไปเหมือนกัน (ถ้าแปลแบบนี้ หาต้นฉบับมาอ่านเองก็ได้ค่ะ เพราะได้ความรู้สึกเดียวกัน คือรู้เรื่อง แต่ขาดอรรถรส )

ขอบคุณที่รีวิวค่ะ
โดย: Serverlus วันที่: 23 ตุลาคม 2558 เวลา:9:49:41 น.
  
@คุณ Serverlus
เราเห็นอยู่เหมือนกันค่ะว่านักแปลคนนี้แปลมาแล้วหลายเรื่อง แต่เราเพิ่งเคยอ่านงานเขาเรื่องแรก บางทีอาจเป็นที่การเกลาสำนวนของกอง บก.ด้วยมั้งคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบล็อคเช่นกันค่ะ
โดย: Moji Juf-juf วันที่: 24 ตุลาคม 2558 เวลา:22:10:34 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Moji Juf-juf
Location :
พระนครศรีอยุธยา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
MY VIP Friends