Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
6 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
ไปปฏิบัติธรรมกันมั๊ยคะ

เมื่อวันที่ 9-16 สิงหาคม ที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานมาค่ะ

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ที่เราได้ไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน แต่เป็นครั้งที่ไปอยู่นานที่สุด ที่ผ่านมาไปแค่ 3 วัน 2 คืนเท่านั้น ก็กลัวๆอยู่เหมือนกันว่าจะอยู่ได้ไม่ครบเจ็ดวัน ยิ่งมีคนขู่ว่าระวังกลับมาเป็นบ้า ก็ยิ่งกังวลมากขึ้น เพราะมีเชื้ออยู่แล้วนิดหน่อย (ย้ำ ว่านิดหน่อยเท่านั้น)

วัดที่ไปคราวนี้ก็เป็นวัดเดิมที่เคยไปมาแล้วสองครั้งคือวัดผาณิตาราม จ.ฉะเชิงเทรา ออกเดินทางวันเสาร์ที่ 9 สิงหา ขับรถไปคนเดียว ใส่ชุดขาวไปเลย ไปถึงวัดคนก็มากันเยอะแล้ว ตอนแรกคิดว่าคงจะมีแต่รุ่นคุณแม่ที่มาปฏิบัติกันซะอีก เพราะไม่คิดว่าคนวัยทำงานอย่างเราจะลางานกันมาได้เยอะขนาดนี้ (รุ่นละ 150 คน) เนื่องจากเราเคยมาแล้ว ก็จะพอรู้ขั้นตอน ลงทะเบียน เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องนอน ห้องที่นอนก็เป็นห้องเดิม คือห้องนอนรวม ห้องใหญ่คนประมาณ 80 คนมั้ง แล้วแบ่งไปนอนห้องเล็กอีกนิดหน่อย ที่นอนเป็นฟูกบางๆ มีหมอนและผ้าห่มให้ นอนเรียงตามชื่อ เค้าจะติดชื่อไว้ที่นอนเรียบร้อย

เสร็จแล้วลงมาปฐมนิเทศ เพื่อฟังคำชี้แจงว่า ตลอด 7 วัน 8 คืนนี้ ทุกคนต้องไม่พูดกันโดยเด็ดขาด เพื่อรักษาสมาธิ ต้องไม่ติดต่อโลกภายนอก ไม่ดูทีวี ไม่ฟังวิทยุ ไม่ใช้โทรศัพท์ ไม่อ่านหรือเขียนหนังสือ เวลาเดินต้องเนิบช้า ไม่เหลียวซ้ายแลขวา สายตาต่ำลงเบื้องหน้าประมาณเมตรครึ่ง

สองวันแรกผ่านไปด้วยความทรมาน จากการต้องปรับตัว ทำตัวทวนกระแสโลก ทำทุกอย่างด้วยอาการช้าๆ ตื่นตี 4 สวดมนต์ เดินจงกรม และนั่งสมาธิ เฉลี่ยวันละ 8 ชม. (6 บัลลังก์) ฟังเทศน์ หรือ ฟังธรรม ตามที่โปรแกรมจัดไว้ให้ กินอาหารมังสวิรัต ทุกอย่างเราเคยผ่านมาหมดแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะรู้สึกสบายอกสบายใจกับสิ่งเหล่านี้ ทุกอย่างต้องฝืนหมดเลย



อาจารย์สอนให้พวกเรากำหนดอิริยาบทเพื่อเจริญสติ เช่น การเดิน การนั่ง การกิน การได้ยิน การเห็น การรู้สึก เรียกว่าการกำหนดทวารทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทำไมต้องเป็นทวารทั้ง 6 เพราะทวารทั้ง 6 เป็นตัวก่อให้เกิดกิเลสไง เมื่อสติเข้ากำกับทุกอย่าง เช่นเมื่อตามองเห็น ก็ให้กำหนด เห็นหนอ จมูกได้กลิ่นกลิ่นหนอ หูได้ยิน --- เสียงหนอ ลิ้นได้ลิ้มรส --- รสหนอ กายได้สัมผัส --- เย็นหนอ ร้อนหนอ แข็งหนอ อ่อนหนอ ฯ ใจได้สัมผัส --- (รับ)รู้หนอ โกรธหนอ เครียดหนอ คิดหนอ ฯ


คำว่า ”หนอ” เป็นเหมือน full stop คือหยุดไม่ให้คิดอะไรต่อ ให้รู้แค่นั้นว่ามีอะไรมา กระทบผัสสะบ้าง เมื่อกำหนดรู้อะไรแล้วไม่คิดต่อก็จะไม่เกิดการปรุงแต่ง อันพาให้เกิดกิเลส เหมือนง่ายเนอะ แต่ยาก..

อาจารย์บอกอีกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างจริง ๆ ในโลกนี้เป็นพระไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มียกเว้น เพียงแต่ระยะ เวลาการตั้งอยู่จะยาวนานมากน้อยเท่านั้นเอง แล้วเราก็เชื่อแบบนั้นจริงๆ ความเจ็บปวดเวลานั่งสมาธิ ถ้าเราฝืนทนต่อไป ไม่เปลี่ยนท่า เราจะรู้ว่า มันจะหายไปเอง อาการชา ปวดขา ปวดหลัง มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ในที่สุด ปัญหาทางใจก็เหมือนกันไม่มีอะไรคงอยู่กับเราถาวร มันเกิดได้ มันก็ไปได้เหมือนกัน

หลังจากวันที่ 4 ไปแล้วทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ความเบื่อ ความเหนื่อย เมื่อยล้าจากการเดินจงกรม นั่งสมาธิ เริ่มหายไปจนแทบไม่มี แต่อาการง่วงยังคงอยู่ เวลานั่งสมาธิ เรามักเผลอหลับบ่อยๆ หรือไม่ก็ว่อกแว่กคิดนั่นคิดนี่ กำหนด คิดหนอ ทันมั่ง ไม่ทันมั่ง อาหารเริ่มกินได้น้อยลง ข้าวมื้อละครึ่งทัพพีเท่านั้น ด้วยความที่กินช้า มันไม่ค่อยรู้รส แล้วก็อิ่มเร็ว สังเกตุว่าพุงเริ่มยุบ แฮ่ม!



พอถึงวันที่เจ็ด ใจกลับมาฟุ้งมากขึ้น เพราะรู้ว่าพรุ่งนี้จะได้กลับบ้านแล้ว ใจนึงก็เสียดาย เพราะเหมือนทุกอย่างกำลังเข้าที่ กำลังคุ้นชินกับชีวิตแบบนี้ คือไม่ต้องพูดกับใคร อยู่กับตัวเอง สังเกตุกายใจตัวเอง ได้ฟังเทศน์ ฟังธรรม ซึ่งเราชอบมาก อาจารย์บอกว่ารื่นเริงในธรรมเป็นอย่างมาก วันสุดท้ายนี้ อาจารย์สุ่มเรียกคนที่มาปฏิบัติครั้งแรกให้ออกมาเล่าความรู้สึก แต่ละคนก็มีอาชีพการงานที่ดี ทั้งนายแพทย์ ทันตแพทย์ วิศวกร นักเรียนอินเตอร์ บางคน "ทุกข์" นำมาให้ปฏิบัติธรรม บางคนมาเพราะแม่อยากให้มา บางคนถูกที่ทำงานบังคับให้มา แต่หลายคนมาแล้วก็ค้นพบแง่มุมดีๆ ของธรรมะ แล้วก็อยากมากลับมาปฏิบัติอีก อันนี้ก็ขออนุโมนทนา

อยากให้ทุกคนได้มีโอกาสไปปฏิบัติวิปัสสนามาก ไม่ต้องหวังจะพบเห็นอะไรในชาติก่อน ชาติโน้น ชาติไหน เอาแค่ชาตินี้ก็พอ อย่างน้อยก็ฝึกความอดทน ได้รู้ว่าอันชีวิตคนเราก็เท่านั้น กินแล้วก็ถ่าย ส่วนเวลาที่เหลือใครจะจัดสรรให้มีคุณค่าอย่างไร ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน หากคิดว่าทุกวันนี้เป็นคนดีอยู่แล้ว แต่เมื่อกลับออกจากการปฏิบัติธรรม จะยิ่งอยากทำดีให้มากขึ้นกว่าเดิมอีก .... อยากให้ไปลองดู 7 วันเท่านั้น (หรือ 3 วันก่อนก็ได้) ไม่ได้มากมายอะไรเลยเมื่อเทียบกับ 365 วันในหนึ่งปี ที่เราจะมีโอกาสได้ชำระจิตใจให้สะอาด -- ธรรมะสวัสดี--




Create Date : 06 กันยายน 2551
Last Update : 7 กันยายน 2551 17:26:00 น. 5 comments
Counter : 370 Pageviews.

 
น่าสนใจมากๆ เลยค่ะไปปฎิบัติธรรมแบบบนี้ แต่พี่วิสกี้ยังเกรงว่าตัวเองจะยังไม่นิ่งพอค่ะ คิคิ ไม่พูดกับใครเนี่ยได้ อยู่คนเดียวนี่ได้ แต่ไม่ดูทีวี ไม่เล่นเนท แว๊ก ทำไม่ได้ค่ะ คิคิ

บล๊อกน้องมดสวยแล้วนะค๊ะ เชื่อฝีมือหนูเลยจริงๆ


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 6 กันยายน 2551 เวลา:23:29:51 น.  

 
สวัสดีค่ะ บังเอิญผ่านมาอ่านค่ะ ขออนุโมทนาและขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคะ :)


โดย: discipula วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:20:54:34 น.  

 
อนุโมทนาด้วยค่ะ

ช่วงนี้เราห่างหายการปฎิบัติ รู้สึกจิตใจฟุ้งไปด้วยความเบื่อหน่ายอยู่มากๆเลย เบื่อจัง สงสัยต้องกลับมาปฎิบัติให้สม่ำเสมอ จะได้สงบจิตสงบใจหน่อย


โดย: แครอท วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:13:02:01 น.  

 
อนุโมฯด้วยคนจ้า
คิดอยู่เป็นพักๆ เคยไปบ้างแล้วแค่ 2คืนสามวัน แต่รู้สึกว่ายังไม่พร้อมอ่ะคะ
บอกไม่ถูก อึดอัด และเร่งวันเร่งคืนให้จบเร็วๆ หวังว่าสักวันจะทำใจไปได้อีก



โดย: chery (cherydnk ) วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:16:16:59 น.  

 
ดีคร้า คุณมด ไปวัดเดียวกันเลยค่ะ วัดผาณิตไปหลายหนแล้วค่ะ พอดีมีเพือนเป็นโยมอุปถาก กับวัดนี้อะค่ะ วัดสะอาดมากๆเนอะ ขอโมทนาบุญด้วยนะค่ะ

แต่ปีนี้กฐินวัดอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ได้ไปเพราะไม่มีใครว่างขับรถไปซะคน


โดย: ย่าชอบเล่า วันที่: 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:50:26 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

nanida
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




++You can really do whatever you want++
girl

เช็คข้อความหลังไมค์

Friends' blogs
[Add nanida's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.