Group Blog
 
<<
เมษายน 2549
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
28 เมษายน 2549
 
All Blogs
 
Il Divo Worldtour 2006 Gotenberg, Sweden

หลังจากที่เคลียร์ตารางการทำงานล่วงหน้ามาเกือบสองเดือน พอถึงเวลาเข้าจริง ๆ ก็กลับลืมเสียได้นี่ว่าต้องไปดูคอนเสริตของหนุ่ม Il Divo

….. เป็นไปได้ไงกันแบบนี้ เสียสถาบันแม่ยกสาวใหญ่ใจถึงหมด

ถ้าอ้วนไม่โทรมาเล่าให้ฟังว่าต้องไปซื้อตั๋วใบใหม่แทนใบที่ทำหาย เราก็จำไม่ได้หรอกว่าต้องไปดู

Anyway, อ้วนสุดที่รักจัดการจนได้ตั๋วใบใหม่มาสองใบ แถมโม้ให้ฟังอีกว่า ที่นั่งใหม่นี้แจ่มแจ๋วกว่าที่นั่งที่ทำหายไป สรุปว่า ค่าตั๋วสองคนรวมกันหมดไปร่วม ๆ หมื่นบาทไทย ซื้อสี่ที่ แต่ได้นั่งสองที่ว่างั้นเถอะ ตูจะเป็นลม

Gotenberg วันพฤหัสที่ 27 เมษา อากาศแจ่มใส ฟ้าแจ้งจางปาง อุณหภูมิประมาณสิบองศา ผู้คนแต่งตัวสวยงามออกมาเดินรับฤดูใบไม้ผลิกันเติมถนน

เราสองคนขับรถออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ เพราะต้องไปยื่นเอกสารที่สถานกงสุลไทยให้เรียบร้อยก่อนสิบเอ็ดโมงเช้า ระยะทางเกือบ ๆ สามร้อยกิโลเมตร แต่รถไม่เยอะ ไม่ถึงสามชั่วโมงดีเราก็ไปถึง Gotenberg ที่ยากหน่อยก็ตรงวนเข้าไปหาสถานกงสุลนั่นแหละ แต่เราก็ไปทันเวลาแบบพอดิบพอดี

เสร็จงานหลวง ทีนี้ก็เป็นงานราษฏร์ คอนเสริตเปิดประตูให้เข้าตอนหกโมงครึ่งตอนเย็น ยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ ว่าแล้วก็หาอะไรที่มัน Intellectual เล็กน้อย (กระแดะจริง ๆ ขอบอก ) ทำฆ่าเวลาไปพลาง ๆ ดีกว่า

แวะไปสำนักงานท่องเที่ยวหลังอาหารกลางวัน แฮ้บโบรชัวมาสองสามแผ่น นี่เลย สวนพฤกษศาสตร์กับพิพิธภัณฑ์การออกแบบ อ้วนไปส่งเสียงล้ง ๆ เล้ง ๆ โช้ง ๆ เช้ง ๆ กับพนักงานที่เคาน์เตอร์เพื่อสอบถามเส้นทาง ได้ความมาแล้ว ก็ตกลงกันว่า ในฐานะที่ฉันชำนาญการขับรถในเมืองมาก ฉันควรรับหน้าที่พลขับและอ้วนจะรับหน้าที่พลแผนที่เอง

สวนพฤกษศาสตร์ของมหาลัย Gotenberg นี่ใหญ่โต อลังการกว่าสวนพฤกษศาสตร์ในเมืองลูนด์ที่ฉันอยู่เสียอีก เสียค่าผ่านประตูเข้า Greenhouse เข้าไปคนละยี่สิบโครนา คุ้มค่าคุ้มราคาจริง ๆ ตอนนี้กำลังมีนิทรรศการกล้วยไม้ ดูกันจุใจไปเลย

เสร็จจากสวนพฤษศาสตร์ อ้วนบ่นว่าง่วงนอนแต่ฉันไม่อยากนอน เราก็เลยตกลงกันว่าอ้วนจะนอนกลางวันอยู่ในรถส่วนฉันก็จะไปเดินเล่นในพิพิธภัณฑ์แต่เพียงผู้เดียว

สี่โมงครึ่ง ฉันยังคงเดินวน ๆ เวียน ๆ ชะโงกดูนิทรรศการตู้นั้น ตู้นี้อยู่ อ้วนโทรมาตามว่า หมดเวลาแล้ว เราควรจะออกไปหาอะไรกินกันก่อนที่จะดูคอนเสริ์ต

ได้เลยจ้ะ เบ่บี๋

เราสองคนแวะกินอาหารจีน (ที่รสชาดดีกว่าเอาปากถูกระดานหน่อยหนึ่ง) เสร็จแล้วก็ขับรถไปที่ Scandinavium ที่เป็นสถานที่จัดคอนเสริต

Scandinavium เป็นสนามกีฬาในร่มขนาดใหญ่ ปกติมีเอาไว้แข่งฮอกกี้น้ำแข็งกับแฮนด์บอลล์ ถ้าไม่ปกติ ก็เอาไว้จัดคอนเสริ์ตนี่ละ

หกโมงยี่สิบเราได้ที่จอดรถใกล้ ๆ สนามกีฬา เห็นคนรออยู่หน้าทางเข้าเต็มไปหมด

หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่นี่ลงว่า Il Divo เป็นวงขวัญใจของหญิง (แก่!?!?) อายุสามสิบกว่า ๆ ขึ้นไป สงสัยจะจริงว้อย

กวาดตาดูสาว ๆ ที่รออยู่หน้าประตู Scandinavium นี่ไม่เห็นมีประเภท Hot Babe เลย ฮ่าฮ่าฮ่า ที่อายุน้อย ๆ ก็เห็นเป็นสาววัยรุ่นที่ติดตามห้อยตามมากับพ่อและแม่ หรือไม่ก็ปู่ย่าตายาย

หกโมงครึ่งปุ๊บ ประตูเปิดปั๊บ คนที่นี่เป็นระเบียบเรียบร้อยดีมาก ไม่มีการแซงคิวหรือผลักกัน แต่ละคนค่อย ๆ เดินนวยนาดผ่านยามประตู ยามประตูและคนเก็บตั๋วก็หน้าตาเป็นมิตร สาเหตุหนึ่งอาจจะเป็นเพราะอายุของผู้ดูคอนเสริต เพราะว่าถ้าทำหน้าตาดุดันหรือส่งเสียงดังขึ้นมา อาจจะเป็นเหตุให้ผู้ชมคอนเสริ์ตนี้ตกใจ เป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาได้


ก่อนเข้าไปในสเตเดียม เราซื้อสูจิบัตรมาหนึ่งเล่ม แพงจังเลยอ่ะ ตั้งเกือบเจ็ดร้อยบาทแน่ะ ถือซะว่าเป็นของที่ระลึกละกัน

เราได้ที่นั่งหน้าเวทีแถว 8 ตรงกลางพอดีเลย ใกล้ชิดดาราจริง ๆ หวังว่าตอนที่หนุ่ม ๆ แหกปากร้องนั่น น้ำลายจะไม่ตกแปะลงบนหัวของฉัน

หันไปมองรอบ ๆ ตัว ผู้ชมดูอุ่นหนาฝาคั่งดี น่าจะประมาณหนึ่งหมื่นคน ที่นั่งเต็มเกือบหมดทั้งบนฟลอร์และบนแสตนด์ แถวห้าริมทางเดิน มีคุณยายแก่ ๆ ใช้ไม้เท้าช่วยประคองตัวเองมานั่งเก้าอี้ตัวริมสุด ดูแล้วน่ารักดี อยากรู้จังว่าคุณยายชอบหนุ่มคนไหนเป็นพิเศษหนอ

คอนเสริต Il Divo จะเริ่มเวลา สองทุ่มครึ่ง ก่อนหน้านั้นเป็นคิวของนักร้องหญิงเสียงโซปราโนจากนิวซีแลนด์ชื่อ Hayley Westenra รับหน้าที่เปิดทัวร์

อิฉันขอฝากชื่อน้อง Hayley Westenra ไว้ในอ้อมใจของแฟนเพลงประเภท Popera ชาวไทยด้วยนะก๊ะ เพราะว่าคุณภาพเสียงของคุณน้องคนนี้แบบว่าสุด ๆ ไปเลย
เธอร้อง Amazing Grace สด ๆ แบบไม่มีดนตรีประกอบให้ฟัง คนฟังนั่งเงียบกันไปหมดทั้งฮอลล์ พอร้องจบเธอได้รับเสียงปรบมือยาวนานมาก น่าประทับใจจริง ๆ

หมดคิวของน้อง Hayley ไฟในสเตเดียมเปิดสว่างอีกรอบ มีเสียงประกาศว่า Il Divo จะเริ่มแสดงอีกภายในสามสิบนาที เรากับอ้วนบ่นกันว่าทำไมมันถึงต้องรอนานขนาดนั้น ระหว่างที่รอก็ซื้อข้าวโพดคั่วมานั่งกินแก้เซ็งดีกว่า

สองทุ่มครึ่งไม่ขาดไม่เกิน ไฟในสเตเดียมหรี่ลง ม่านสีแดงเปิดออก Il Divo อยู่ไหนฟะ อยู่ไหนฟะ ตูจะดู Il Divo

ยังจ้ะ ยังไม่ถึงคิว ใจเย็น ๆ ก่อน

ม่านเปิดก็เห็นเวที ระหว่างนี้วงร๊อคกับ Orchestra ก็บรรเลงท่อน Intro ของเพลงที่อยู่ในอัลบั้มของ Il Divo จะเป็นเพลงอะไรนั้น จำไม่ได้จริง ๆ หญิงสูงวัยก็เป็นแบบนี้แหละ จำอะไร ๆ ไม่ค่อยได้

เล่าเฉพาะที่จำได้ก็แล้วกันนะ เวทีจ้ะ เวที

เวทีจัดเป็นขั้นบันไดพร้อมด้วยฉากหลังแบบคอลอสเซี่ยมมีสี่ซุ้ม อ้อ เข้าใจแล้ว สี่ซุ้มสำหรับสี่คน คงมีเอาไว้ให้หนุ่ม ๆ มุดออกมา หน้าเวทีแบ่งเป็นสองด้าน ด้านซ้ายเป็นวงร๊อคห้าชิ้น มีเปียนโนด้วยหนึ่งตัว มือเปียนโนคนนี้ลุกขึ้นมาเล่นกีตาร์ด้วยเมื่อถึงเวลาสถานการณ์บังคับ ด้านขวาเป็นวงออเคสตร้ายี่สิบชิ้นชื่อ Il Divo Orchestra คอนดัคเตอร์เป็นนักไวโอลีนหญิง เท่ห์มาก ฮ๊อตมากค่ะ ขอบอก

ตอนนี้ในซุ้มคอลอสเซี่ยมนั่นก็มีวีดิโอของหนุ่มแต่ละคนฉาย ประมาณว่าตอนนี้หลังเวทีหนุ่ม ๆ กำลังแต่งตัวอยู่นะ กำลังกลัดกระดุมเสื้อนอกอยู่นะ เดินออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วนะ มายืนอยู่บนเวลาแล้ว รอม่านเปิดแล้วนะ

เย้!!!!!!!!!!!!!!!!! ซุ้มเปิดแล้ว หนุ่ม Il Divo ตัวจริงเสียงจริงยืนอยู่ในซุ่มนั่น หล่อมาก เริ่ดมาก น้ำลายไหลยืด ๆ ๆ ๆๆ อ้าวววว ลืมไป สามีนั่งอยู่ติดกันนี่หว่า ขอประทานโทษ


ซุ้มซ้ายมือสุดคือ David หนุ่มเทอร์เนอร์ อเมริกัน วันนี้ David ทำผมแบบนกหัวขวาน ตั้งออกมาเลย สูงยาวเข่าดี น่ารักมากค่ะ

ถัดมาเป็น บาริโทนคารอส คนนี้ Dark Handsome แต่ไม่ทอลล์ ปรกติหนุ่มสแปนิชก็ไม่ค่อยสูงเท่าไรอยู่แล้ว แต่สูทของคาลอสเท่ห์ที่สุด อันนี้เป็นความเห็นจากสามีของอิฉัน

ต่อมาเป็น Sebe หรือ Sebastian หนุ่มฝรั่งเศส คนนี้ก็ใส่สูทอาร์มานี (ลุงไปโน่น) เหมือนกันคนอื่น ๆ แต่เชิ๊ตผ้าไหมสีขาวกับเนคไทขาวเข้าชุดกันนั่นนะซิคะ เห็นแล้วใจละลาย กึ๋ย กึ๋ย กึ๋ย

ขวาสุด หนุ่ม Urs จากสวิสเซอร์แลนด์ อิฉันชอบคนนี้ค่ะ นิ่ง ๆ ขรึม ๆ ผมดำยาว โอ๊ยยยยยย หล่อฮ่ะ อยากอายุน้อยลงกว่านี้อีกยี่สิบปี

หนุ่ม ๆ เปิดคอนเสริ์ตด้วย Regresa A Mi หรือ Unbreak My Heart ผลัดกันร้อง ผลัดกันเดินวนไปวนมาตามสคริป ได้กลิ่นอายบอยแบนด์พอให้ขนลุกด้วยความหยะแหยงเล็ก ๆ ไม่เป็นไร เพิ่งเพลงแรก ทน ๆ ไปก่อน

จบเพลงแรกหนุ่ม ๆ ก็เริ่มทักทายผู้ชมในสเตเดียมเป็นภาษาสวิดิชประมาณเวลานักร้องดัง ๆ มาเปิดคอนเสริตที่เมืองไทยต้องหัดพูดคำว่าสวัสดีครับมาก่อนนั่นแหละ สงสัยว่าเพิ่งหัดกันเมื่อคืนก่อนนี่เอง

จากนั้นก็ต่อด้วยเพลง All by myself , Passera, Issabal และเพลงโปรดของเรา Everytime I look at you.

ต้องยอมรับว่าโดยรวมแล้วคอนเสริต Il Divo Worldtour นี้เป็นคอนเสริตแบบมืออาชีพจริง โปรดักชั่นดีเด่น ดนตรีดีเด่น นักร้องก็ดี แต่ข้าพเจ้าก็ยังหาข้อติได้เล็กน้อยตามประสาคนขี้บ่น

หนุ่ม ๆ เอนเตอร์เทนคนดูไม่เก่งเลย ทุกคนพยายามพูดกับคนดูตามแบบที่เขียนมาในสคริป เลยดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไร ที่สอบผ่านแบบฉิวเฉียดน่าจะเป็น Sebastian ที่ดูจะเป็นธรรมชาติมากที่สุด (เท่าที่ทำได้) หนุ่ม Urs จากสวิสเซอร์แลนด์สอบตกโดยสิ้นเชิง เพราะพี่แกเอาแต่ทำหน้าขรึมตั้งหน้าตั้งตาร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ถึงคิวตัวเองต้องพูดก็พูดแบบเกร็ง ๆ

ส่วนคาลอส พูดภาษาอังกฤษสำเนียงสแปนิช เสียงทุ้ม ลึก ฟังเข้าใจยาก แต่ร้องเพลงเก่งเหลือเกิน เสียงดีมีพลังเหลือเกิน แถมด้วยคะแนน Charisma ดีเด่นตามสไตล์หนุ่มละติน สอบผ่านค่ะ

หนุ่ม David ก็พยายามเอนเตอร์เทนคนดูอย่างสุดความสามารถด้วยบทเจรจาตามสคริป ฝืดค่ะ ฝืด ขอบอก

Anyway, อะไรดีก็ต้องบอกว่าดี ทุกคนเก่งมาก ๆ เสียงดีมีพลังกันทุกคน แต่ถ้าต้องให้คะแนนคนที่ดีที่สุด คาลอสค่ะ คาลอสแน่นอน

บุคลิกบนเวทีของคาลอสนั้นเด่นมาก ๆ เรียกว่าว่าเป็นตัวขโมยซีนก็น่าจะได้ ถ้าเวลาผ่านไป และคาลอสมีอายุมากกว่านี้อีกสักหน่อย บุคลิกท่าทางของหนุ่มคนนี้คงจะ Sassy ไม่น้อยกว่า Pavarotti เลย ดูแล้วมีสีสันดีจริง ๆ แต่ก็คงในเงื่อนไขที่ว่าแกจะหันกลับไปร้องโอเปร่าเหมือนเดิมน่ะนะ เพราะว่าเพลงป๊อบแบบนี้มันมาเร็วไปเร็ว แบบนี้ต้องตามดูกันไปนาน ๆ

พักครึ่งเวลาวงร๊อคกับออเคสตร้าหยิบเพลง Live and Let die ของ Paul Mccartney ออกมาเล่นฆ่าเวลา หนุ่มนักเปียนโนที่นั่งหน้าขรึมอยู่ตะกี้ แปลงร่างเป็นร๊อคเกอร์กีตาร์ลิสท์หัวฟูเล่นลีดกีตาร์ด้วยความมันสะใจ พอจบเพลง เราก็ปรบมือให้จนเจ็บมือไปเลย เก่งมากค่า

ครึ่งหลัง หนุ่ม ๆ กลับเข้าไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวมาใหม่ Sebastian ร้องดูเอท I Believe in you คู่กับ David เจ้าตัวออกตัวว่า Miss Dion ไม่ว่างคืนนี้ ก็เลยต้องดูเอทคู่กับ Mister David ไปก่อน

เพลงที่ร้องในครึ่งหลังเท่าที่จำได้ก็มี Unchained melody , Mama , Nella Fantasia เอ ….. เพลงนี้เล่นครึ่งแรกหรือครึ่งหลังหว่า ชักไม่แน่ใจ ส่วนเพลงที่เหลือ จำไม่ได้แล้วว่ามีอะไรอีก อย่าต่อว่ากันนะ ป้าแก่แล้ว จำได้แค่นี้ก็ดีถมเถไปแล้วละ

ร้องไปร้องมา หนุ่ม ๆ ก็โบกมือลาปิดคอนเสริตเอาดื้อ ๆ ไม่เป็นไร เราก็ Encore ซะตามระเบียบ ผ่านไปประมาณเกือบ ๆ สิบนาที หนุ่มก็วิ่งออกมาใหม่พร้อมสูทชุดใหม่ ตัวนอกเป็นสีขาว ตัวในเป็นสีดำ ดูแปลกตาดี

เพลงแรกช่วง Encore คือ Somewhere จากละครเวที West side story เพลงที่สองเป็น My way ของ Franky boy ช่วงแรกหนุ่ม ๆ ร้องเป็นภาษาอิตาเลียนพอครึ่งหลังร้องเป็นภาษาอังกฤษ ระหว่างที่เดวิดกำลังตั้งใจร้องท่อนภาษาอังกฤษอยู่นั้น ก็มีสาวแถวหน้าของอิฉันเกิดอาการของขึ้น เธอกรี๊ดสลบแบบทะลุกลางปล้องขึ้นมา งานนี้เดวิดหลุดค่ะ กำลังร้อง ๆ อยู่ แกสะอึกแล้วก็เปลี่ยนมาเป็นหัวเราะแทน คนฟังก็เลยหัวเราะตามไปด้วย ตลกดี


ตอนท้าย ๆ เพลงช่วงที่ร้องว่า I did it myyyyyyyy wayyyyyyyy (กรุณาทำเสียงกว้าง ๆ ลึก ๆ แบบคาลอสตามไปด้วย) ก็มีการปล่อยกลีบกุหลาบปลอมตกลงมาท่วมหัวท่วมหูคนดูที่นั่งอยู่แถวหน้า ๆ รวมถึงหัวของอิฉันด้วย งานนี้ไม่โรแมนติกเลยค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เดินออกจากสเตเดี้ยมด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ ถามว่าดีไหม อืมมม ก็ดีนะ แต่มันไม่ซาบซึ้งเข้าไปในซอกลึกสุดของหัวใจเหมือน Pavarotti ไง

จะตามไปดู Pavarotti ที่ Oslo ดีไหมจ้ะ เราถามอ้วนระหว่างเดินกลับไปที่จอดรถ

แล้วเราค่อยคุยกันวันหลังดีกว่านะ อ้วนตอบเอื่อย ๆ ….. กว่าจะขับรถถึงบ้านก็คงเกือบ ๆ ตีหนึ่งนั่นละ …..

เราช่วยกันขับคนละครึ่งทางก็แล้วกันนะอ้วนนะ …. ฉันฉวยเอามือของอ้วนมากุม

ด้วยฤทธิ์โรแมนติกตกค้าง (บวกกับอาการปวดหูเพราะนั่งใกล้ลำโพง) จากคอนเสริ์ต เราสองคนก็ช่วยกันขับรถคันเล็ก ๆ ที่อบอวลไปด้วยความรัก (แหวะ!!!!!!) มาจนถึงบ้านตอนเที่ยงคืนครึ่ง

….ง่วงแทบตาย…..






โบรชัวร์กับกลีบกุหลาบปลอมที่เก็บเอามาเป็นที่ระลึก




กากตั๋ว เก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกเหมือนกัน


Create Date : 28 เมษายน 2549
Last Update : 29 เมษายน 2549 11:07:31 น. 8 comments
Counter : 1565 Pageviews.

 
เขียนเล่าได้ละเอียดและสนุกดีจังค่ะ
นึกภาพตามไปด้วยได้เลย  

เพลงที่เขาเล่นในคอนเสริตนี้ก็เรียกได้ว่า
เป็นเพลงไพเราะที่เป็นประทับใจในอดีต
ทั้งนั้นเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็น All by myself ,
Everytime I look at you, Unchained melody
หรือ My Way

ขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับบรรยากาศคอนเสริต
จากต่างแดนที่น่าสนใจค่ะ  


โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:10:13 น.  

 
สวัสดีวันวิสาขบูชาค่ะ ขอให้โชคดีและมีความสุขมากๆค่ะ


โดย: Odense วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:24:38 น.  

 
แวะมาทักทายจากห้องแม่บ้านค่ะ


โดย: หนึ่งนางนี้ IP: 218.102.131.127 วันที่: 14 พฤษภาคม 2549 เวลา:8:00:04 น.  

 

นำบัตรอวยพรแผ่นเล็กๆ มาวางไว้หน้าระเบียง
ประตูบ้านคุณ A-Chee ..ขอบคุณความมีน้ำใจ
และความไว้วางใจ TG เราจะเก็บรักษาสิ่งนี้ไว้

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


โดย: Old Bridge IP: 58.8.117.106 วันที่: 19 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:05:50 น.  

 
หวัดดีครับ
ผมเห็นคุณตอบกระทุ้ในพันทิพย์ เกี่ยวกับ สวีเดนน่ะครับ
ไม่ทราบว่า พอจะให้อีเมล์ เพื่อที่จะขอคำปรึกษาได้ไหมครับ


โดย: Nin.zero @gmail.com IP: 202.57.176.22 วันที่: 29 มิถุนายน 2549 เวลา:19:47:37 น.  

 
คุณ A-Chee ค่ะ ....หายไปไหนมาตั้งหลายวันค่ะ
0
0
ตอนแรกคิดว่ากลับไปเที่ยวเมืองไทยซะอีกค่ะ
0
0
อิจฉาจังค่ะ ที่ฟินแลนด์อาหารไทยแพงมากๆ และไม่ค่อยอร่อยด้วยค่ะ
0
0
อากาศหนาวแล้วรักษาสุขภาพนะคะ


โดย: Htervo วันที่: 16 ตุลาคม 2549 เวลา:20:03:49 น.  

 
แวะมาเยี่ยมกันค่ะ ...


โดย: Htervo วันที่: 18 ตุลาคม 2549 เวลา:20:06:05 น.  

 


Il Divo ชอบมาก เห็นหนุ่มแล้วน้ำหมากไหล


โดย: ชุณห์ IP: 88.89.77.191 วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:23:51:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

A-Chee
Location :
ตำบลบางคูวัด ประเทศไทยLund .... Home away from home. Sweden

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add A-Chee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.