อะไร ๆ เรื่อย ๆ ตามใจฉัน
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
2 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
มาตามสัญญา: บทความที่ได้ลงรักลูกค่ะ

ได้รับหนังสือ "รักลูก" ฉบับเดือนพฤษภาคม 2550 ที่เราได้เขียนบทความลงในคอลัมน์ world wide mom มาแล้วค่ะ โดยความอุปการะของแอน แม่เจ้าปุ้ง (Second Impact) ที่อุตส่าห์หอบหิ้วหนังสือมาให้จากเมืองไทย

เนื่องจากบทความที่เราเขียนส่งไปยาวเกินที่เขากำหนด (พล่ามมากไปหน่อย เขาให้เขียนบทความดันเล่ายาวเป็นนิยาย เอิ๊ก) อ่านแล้วไม่ต่างจากต้นฉบับที่ส่งไปมากนัก ทางกองบรรณาธิการ ตั้งชื่อบทความใหม่ กับมีหัวเรื่องย่อยในบทความค่ะ

แต่เพื่อเป็นการกำนัลแด่ผู้(หลง)มาเยี่ยมชมบล็อก เราจะลงบทความต้นฉบับเต็มๆ ที่เราส่งไปให้อ่านกันนะคะ (รูปหนังสือมันใหญ่ และเคยเห็นกันแล้ว คิดว่าคงไม่ต้องลงอีกแล้วนะ) เตรียมตัวตาลาย อ่านกันได้แล้วค่ะ

ชื่อบทความ: On The Road with Baby

ลูกชายของดิฉัน เฮนรี่ ธีร์ ริเป็นนักเดินทางไกลตั้งแต่ยังแบเบาะค่ะ พ่อแม่พาลูกชายตัวน้อยเดินทางไกลทางรถยนต์ตั้งแต่อายุได้แค่ 2 เดือนเศษย่างเข้า 3 เดือน เราเดินทางจากรัฐเท็กซัส ไป รัฐเทนเนสซี่ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางรวมแล้วร่วม 15 ชั่วโมง เป็นการเดินทางข้ามรัฐครั้งแรกในชีวิต ครั้งที่สองเมื่อน้องธีร์อายุได้ 10 เดือนเศษ เมื่อครอบครัวเราย้ายบ้านจากรัฐเท็กซัสไปรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งต้องเดินทางทางรถยนต์ ด้วยว่าเราต้องขนย้ายบรรดาน้องแมวอีก 6 ชีวิตไปด้วย ครั้งที่สองนี้ ด.ช.ธีร์ ต้องเดินทางด้วยเป็นระยะทางกว่า 1600 ไมล์ (ประมาณ 2,574 กิโลเมตร) ใช้เวลาขับรถถึง 25 ชั่วโมง เรียกว่าข้ามวันข้ามคืนเลยทีเดียว

เดินทางครั้งแรก

ครั้งแรกเมื่อน้องธีร์อายุ 2 เดือนเศษ เราพาลูกชายไปร่วมงานวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ที่บ้านเกิดของพ่อน้องธีร์ที่รัฐเทนเนสซี่ ซึ่งเป็นเหมือนงานรวมญาติที่เราจะไปกันเป็นประจำทุกปี เหตุที่เราเลือกพาลูกเดินทางทางรถยนต์ เพราะว่าลูกยังเล็กมาก และกลัวว่าการเดินทางกับลูกเล็กทางเครื่องบินจะไม่สะดวกเท่ากับการขับรถไปกันเอง

ที่สหรัฐอเมริกา การพาลูกเล็กๆ เดินทางนั้นดูจะเป็นเรื่องปรกติ และตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยในการเดินทางทางรถยนต์ของทุกรัฐในสหรัฐอเมริกากำหนดไว้ว่า เด็กเล็กนับแต่แรกเกิดต้องนั่งอยู่ในที่นั่งสำหรับเด็ก หรือ car seat ซึ่งตรงนี้นอกจากเป็นความปลอดภัยแล้ว ยังสะดวกมากๆในเรื่องของการพาลูกเล็กเดินทางด้วยค่ะ
แผนการเดินทางของเราในครั้งนี้คือแบ่งพักเป็นสองช่วง เพื่อไม่ให้ลูกเหนื่อยเกินไป โดยครึ่งแรกเราจะหยุดพักที่เมืองจอห์นสัน รัฐเทนเนสซี่ แล้วรุ่งขึ้นค่อยขับต่อไปเมืองบริสทอล ในรัฐเทนเนสซี่ ซึ่งเป็นบ้านของย่าของธีร์ ส่วนขากลับเราตั้งใจแวะพักที่เมืองเมมฟิส เทนเนสซี่ ถิ่นของราชาเพลงร็อค เอลวิส เพรสลีย์ และราชาเพลงบลูส์ บีบี คิง พ่อแม่ตาโตเตรียมตัวจะเที่ยวเต็มที่เลย

เสบียง...พร้อม

ตอนนั้นน้องธีร์ยังดี่มนมแม่อยู่ค่ะ ก่อนเดินทางดิฉันก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ด้วยการปั๊มน้ำนมเก็บสำรองไว้ให้น้องธีร์ดื่มในรถ แล้วยังต้องเตรียมเครื่องปั๊มน้ำนมและถ้วยเก็บนมไปในรถด้วย เผื่อเอาไว้ว่าต้องปั๊มน้ำนมระหว่างทาง ซึ่งก็ได้ใช้จริงๆ

ถ้าจะว่าไปแล้วน้องธีร์ก็เป็นนักเดินทางที่ดีมากพอสมควร ไม่ค่อยโยเยมาก นอกจากเวลาที่แกถ่ายออกมา แกจะทนนั่งอยู่ไม่ได้เลยล่ะ เราก็ต้องรีบหาที่พักจอดเปลี่ยนผ้าอ้อมทันที ระหว่างนี้ก็เอาเขามาอุ้มเล่น ยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย แล้วก็เอาใส่ที่นั่งในรถสำหรับเด็กต่อ

เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่เวลาตีห้ากว่าๆ แล้วจอดแวะซื้ออาหารเช้าทานกันในรถที่เมืองโฮป รัฐอาร์คันซอ บ้านเกิดของท่านอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บิล คลินตัน

ส่วนมื้อกลางวันเราหยุดพักทานอาหารที่ร้านอาหาร ซึ่งเวลานี้ก็คือโอกาสทองที่ได้พาลูกออกมาอุ้มเล่น ผ่อนคลาย(ให้สบายก้น) นอกจากนี้เวลาเจอปั๊มน้ำมันหรือที่จอดพักริมทาง ที่เรียกว่า Rest Area เราก็จะไม่รีรอที่จะหยุดพัก

ดูจากแผนที่เวลาเดินทางทั้งหมดนั้น 15 ชั่วโมงก็จริง แต่ตอนเดินทางจริงๆกับลูกก็เผื่อเวลาไว้เลยค่ะว่าเราไม่สามารถทำเวลาได้ตามนั้น ยิ่งเดินทางไกลก็ต้องพักบ่อยๆ เด็กเล็กนั่งเฉยๆอยู่ในที่นั่งได้เกิน 4 ชั่วโมงก็อึดมากแล้วค่ะ น้องธีร์ของดิฉันมีร้องไห้บ้างเป็นพักๆ ระหว่างเดินทางคงเป็นเพราะเบื่อด้วย และอยากให้อุ้มด้วย ซึ่งระหว่างนี้ ก็ต้องเล่นกับลูกบ้างเพื่อคลายเครียด (ถ้าไม่คลายเครียดให้ลูก พ่อแม่คงจะเครียดกว่าแน่)


วันขอบคุณพระเจ้าจะเป็นวันพฤหัสที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน สำหรับครอบครัวเราก็เป็นเหมือนงานรวมญาติ ปีนี้เราจัดที่บ้านของลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของสามี ซึ่งพวกเราและหลายๆ คนชอบที่นี่มาก เพราะมีที่ให้เดินเล่นหลังจากทานอาหาร (กันจนจุก)

เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของครอบครัวนี้ว่า หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ก็จะรวมตัวกันออกเดินย่อยอาหาร เดินไปคุยไป บ้านของญาติอยู่บนเนินเขา มีป่าโปร่งให้เดินกันเหนื่อยจุใจไปเลย พ่อน้องธีร์เอาลูกชายใส่เป้อุ้มไปเดินด้วยกัน อากาศกำลังดีไม่เย็นจัดลูกชายตัวดี เลยหลับปุ๋ยไปในเป้เกือบตลอดทาง

ผมหมดแรงแล้วคร้าบ...

การเดินทางขากลับบ้านที่ดัลลัส เท็กซัสนั้น น้องธีร์ค่อนข้างจะโยเยกว่าตอนขาไป น่าจะเป็นเพราะเหนื่อยกับการเดินทางไปโน่นมานี่ แต่พ่อแม่สิค่ะ ยังคงทรมานลูกไม่เลิกรา ขากลับเราแวะพักที่เมมฟิส เทนเนสซี่กันครึ่งทาง มาถึงเมมฟิสแล้ว จะไม่เยือน บีลล์ สตรีทสักหน่อย ก็คงจะไม่ถือว่ามาถึงเมมฟิส ดังนั้นหลังจากหาที่พักเรียบร้อย เราสองคนก็พาน้องธีร์ไปเดินลุยบีลล์ สตรีท ถิ่นของลุง บีบี คิงส์ ราชาเพลงบลูส์ สักเล็กน้อย

พ่อน้องธีร์เอาน้องธีร์ใส่เป้อุ้มไป น้องธีร์ก็ช่างเป็นนักท่องเที่ยวที่แสนดีของพ่อแม่ เพราะหลับปุ๋ยอีกตามเคย เราเลือกเข้าไปนั่งในร้านที่เป็นมิตรกับเด็กๆ และครอบครัว คือไม่สูบบุหรี่ และไม่มีเสียงดัง มีเพียงนักดนตรีคนเดียวดีดกีตาร์เล่นเพลงเบาๆ ไม่รบกวนเด็กทารกง่วงนอน

วันรุ่งขึ้นเราตัดสินใจเดินทางกลับบ้านที่ดัลลัสทันที โดยล้มเลิกความตั้งใจที่จะแวะไปเที่ยวบ้านเอลวิส เพรสลีย์ เพราะลูกคงจะเหนื่อยเกินไป แต่โดยรวมแล้วเป็นการเดินทางครั้งแรกของน้องธีร์ที่ค่อนข้างราบรื่นก็ว่าได้ เพราะกลับมาก็ไม่มีอาการป่วย หรือเป็นผื่นผ้าอ้อมจากการที่ต้องนั่งรถนานๆ เป็นการฝึกหัดเดินทางภาคแรก เพื่อที่จะมาทรหดกันต่อไปในภาคสองและภาคต่อๆไปค่ะ

(ในรักลูก ตัดข้อความไว้แค่การเดินทางครั้งแรกค่ะค่ะ ส่วนที่อ่านต่อไป เป็นส่วนที่ไม่มีในหนังสือ)

เดินทางครั้งที่สอง

เดินทางครั้งที่สองนี้ไกล และยาวนานกว่าครั้งแรกมาก ด้วยเป็นการเดินทางย้ายบ้านแบบข้ามรัฐ ครั้งนี้น้องธีร์อายุ 10 เดือนกว่า เริ่มซนและชอบเคลื่อนไหวไม่ค่อยอยู่นิ่ง ดังนั้นจึงเพิ่มความทุลักทุเลให้แก่การเดินทางโดยไม่ต้องสงสัย

แผนเดินทางของเราแบ่งครึ่งพักเหมือนครั้งแรก แต่ต่างกันที่ว่าแต่ละครึ่งจะยาวนานกว่า ผู้ใหญ่คงไม่เป็นไร แต่เด็กนี่สิคะ เคยได้คลานเล่นในที่โล่งๆ ต้องมานั่งอุดอู้อยู่ในรถหลายๆชั่วโมงคงไม่ไหวแน่ นอกจากแวะพักแล้ว เราต้องคิดหาวิธีผ่อนคลายสร้างความสนุกสนานให้ลูกระหว่างการเดินทางด้วย ดิฉันรู้สึกกังวลมากพอควร เลยพยายามหาข้อมูลเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง

นอกจากนม และอาหารขบเคี้ยวที่ลูกชอบแล้ว ดิฉันยังได้คำแนะนำจากเพื่อนๆ หลายคนว่า เครื่องเล่นดีวีดีกระเป๋าหิ้ว เป็นอุปกรณ์ที่แสนประเสริฐยิ่งนักสำหรับการเดินทางไกลกับเด็กๆ ซึ่งดิฉันก็เห็นว่าน่าจะเข้าท่าดี เพราะน้องธีร์ชอบดูหนังเสริมพัฒนาการสำหรับเด็กอยู่แล้ว หลังจากคำนวณดูเงินในบัญชี ดิฉันก็บอกสามีให้ถอยเครื่องเล่นที่ว่านี้มาเลย กะว่าจะได้เอาไว้ใช้ตอนเดินทางกลับเมืองไทยด้วย โชคดีที่ได้ดีวีดีชุดเบบี้ไอน์สไตน์เป็นของขวัญวันแรกเกิดของน้องธีร์มาครบชุด ดิฉันเลยไม่ต้องเสียสตางค์ซื้อแผ่นดีวีดีแต่อย่างใด ซึ่ง “เบบี้โมสาร์ท” และ“เบบี้บีโธเฟ่น” สองเรื่องโปรดของน้องธีร์ช่วยชีวิตดิฉันไว้ได้มากทีเดียวค่ะ บรรเทาความหงุดหงิดของลูกลงไปเยอะ ระหว่างทางก็ส่งขนมขบเคี้ยวของเด็กเล็กให้บ้าง ส่งหนังสือให้เปิดดูเล่นบ้าง บางทีก็เล่นจะเอ๋ เย้าแหย่สร้างความบันเทิงให้ลูกได้หัวเราะเสียหน่อย น้องธีร์ก็เลยพอทนนั่งในรถไปนานๆ ได้ค่ะ

ดูเหมือนลูกดิฉันจะเลี้ยงง่ายนะคะ แต่...อย่าเพิ่งคิดเช่นนั้นค่ะ ทริปนี้ดิฉันเสี่ยงกับใบสั่งตำรวจ และความปลอดภัยของลูก โดยแอบเอาลูกออกจากที่นั่งมาคลานเล่นในรถค่ะ เพราะมันก็มีบ้างที่ไม่ว่าจะหนังสือ หนัง ขนม หรือของเล่นใดๆ ที่ไม่สามารถเอาลูกไว้ได้อยู่ ถึงแม้เราจะพักจอดและอุ้มลูกออกเดินไปเดินมาเป็นระยะๆ แต่เด็กวัยกำลังคลาน และเริ่มจะหัดยืนขนาดน้องธีร์ การได้เคลื่อนไหวไปโน่นมานี่ด้วยตัวเอง เป็นสิ่งที่เขาสนุกที่สุด พอลูกร้องกรี๊ดๆ ดิ้นๆ อยากจะออกจากที่นั่งของตัวเอง บางช่วงขับเป็นระยะทางไกลๆ ยังไม่เจอที่ไหนที่จะจอดพักได้เลย แล้วอีกอย่างการเดินทางครั้งนี้เราต้องทำเวลาด้วย จะเอ้อระเหยมากก็ไม่ได้ เพราะยังมีแมวอีก 6 ชีวิตนั่งกระวนกระวายอยู่ข้างหลังรถ ดิฉันจำใจต้องเสี่ยงกฎจราจรเอาลูกออกจากที่นั่งมาคลานเล่นที่พื้นภายในรถ ทั้งๆที่ไม่อยากเลย โชคดีเหลือเกินที่ไม่มีตำรวจขับผ่านมาเห็นเข้า ไม่อย่างนั้นต้องถูกใบสั่งเสียค่าปรับหลายสตางค์แน่ และโชคดีกว่านั้นคือ ไม่มีอุบัติเหตุ

เวลาที่น้องธีร์ชอบที่สุดระหว่างทริป แน่นอนว่าคือเวลาที่หยุดพักค้างคืนที่โรงแรมที่เมืองหนึ่ง ในรัฐอริโซน่า ที่นี่น้องธีร์ได้คลานเล่นไปทั่วห้องพัก เกาะเตียงยืน ได้เคลื่อนไหวเต็มที่ เห็นลูกแล้วก็นึกสงสารว่า เราพาลูกมาทรมานกับการเดินทางหรือเปล่า แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อมันจำเป็นต้องเดินทางทางรถยนต์ รุ่งขึ้นวันที่สองของการเดินทาง ดิฉันก็พยายามเอาใจลูกและผ่อนคลายลูกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และก็ยังแอบเอาลูกออกจากที่นั่งมาคลานเล่นในรถอีกเช่นเคย เราไม่อยากแวะพักกันมากอีกแล้ว เพราะอยากจะให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยเร็วที่สุด

ค่ำๆของวันนั้นเราก็เดินทางมาถึงบ้านใหม่กันด้วยความโล่งใจ จบสิ้นเสียทีการเดินทางที่แสนยาวนาน ทีนี้ลูกก็จะได้ลงคลานเล่นบนพื้นได้หนำใจเสียที

(ส่วนนี้ทางกองบรรณาธิการ สอบถามมาเพิ่มเติมเพื่อใช้เป็นบทสรุป)

สิ่งที่พ่อแม่ได้จากการเดินทางไกลครั้งนั้น คือ ได้รู้ว่าการเดินทางกับลูกเล็กนั้น ควรวางแผนการเดินทางที่คำนึงถึงความสะดวกสบายของลูกมากกว่า โดยกะเวลาในการพักระหว่างทางให้บ่อยขึ้น การเร่งทำเวลาในการเดินทาง คือ เราอยากไปถึงที่หมายเร็ว ทำให้หยุดพักน้อย แต่การพักระหว่างทางน้อยครั้ง ไม่ให้โอกาสลูกได้เปลี่ยนอิริยาบถ ก็จะทำให้ลูกหงุดหงิดและงอแง ซึ่งส่งผลให้ไม่มีสมาธิในการขับรถ แล้วพาให้หงุดหงิดไปทั้งครอบครัว

แต่อย่างไรก็ตาม แม่ก็เรียนรู้ถึงวิธีรับมือลูกที่ได้ผล ตอนที่ลูกงอแงร้องจะออกจากที่นั่ง ตั้งแต่ทริปนั้น แม่จะใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจของลูกโดยชวนเล่นจ๊ะเอ๋บ้าง ตบมือ ร้องเพลง เล่นสนุกให้ลูกคลายเครียด

ส่วนน้องธีร์ การเดินทางครั้งแรกยังไม่เห็นผลอะไร แต่คิดว่าจากการเดินทางในครั้งที่สองน้องธีร์โตพอจะรู้เรื่องบ้างแล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ทำให้น้องธีร์มีความอดทนในการนั่งรถนานๆ มากขึ้น ลูกเรียนรู้ว่า ถ้าหากยังอยู่ระหว่างทาง รถไม่จอด ลูกจะต้องอยู่ในที่นั่ง ถ้าร้องไห้แล้วแม่ไม่ตามใจ สักพักจะหยุดไปเอง อาละวาดน้อยลงค่ะ


* * * จบแล้วจ้า บทความยาวมาราธอน * * *

เพิ่มเติมรูปปลากรอบตามคำขอของน้องรี่จ้า

18mths

inthepark1

ขอบคุณที่เข้ามาชมค่ะ





Create Date : 02 กรกฎาคม 2550
Last Update : 2 กรกฎาคม 2550 22:02:02 น. 22 comments
Counter : 655 Pageviews.

 
ขอบคุณที่เอามาลงคะ บรรยายเห็นภาพดีคะ
อ่านถึงตอนคุณแม่เสี่ยงเอาน้องธีร์ออกมาจากคาร์ซีทแล้วกรี๊ดดดดคะ
ดิฉันเองคงใจไม่ถึงขนาดนั้น เพราะมีครั้งที่หนึ่ง ก็มีครั้งที่สองแน่ๆ ยัยนู๋มรรคหัวไวคะ 55 แต่ก็เห็นใจนะคะ ขนาดเราผู้ใหญ่เดินทางไกลขนาดนั้น ยังต้องขอยืดเส้นยืดสายเลยอ่ะเน๊าะ... คุณแม่เยี่ยมจิงๆ เลยจ้า


โดย: มรรคณิชา วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:21:01 น.  

 
แวะมาอ่านต้นฉบับเต็มๆของพี่ปอม
กรี๊ดดด เขียนเก่งจริงๆ เขียนได้ยาวมากๆเลย
เพิ่มรูปประกอบอีกนิด จะได้อารมณ์นะคะ อิอิ


โดย: ShiEri วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:11:08 น.  

 

เดี๋ยวมาอ่านอีกทีนะ ยาวจริงๆ
เริ่มเบลอแร่ะด้วย




โดย: p_tham วันที่: 3 กรกฎาคม 2550 เวลา:6:46:03 น.  

 
อ่านจบแย้วว พี่ปอมเก่งจัง รออ่าน ที่ลงในสกุลไทยด้วยนะ

น้องธีร์เท่ห์จัง หลานน้า


โดย: gothenburger วันที่: 3 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:07:08 น.  

 
รูปใส่หมวกนี่ เท่ห์มากๆ เลยน้องธีร์ สงสัยจะตัวสูงขึ้นด้วยนะ ดูจากรูปถ่ายเต็มตัว

แอนรอของแอนอยู่เหมือนกันค่ะพี่ปอม วันนี้สายมารายงานว่า เห็นบทความแอนแล้ว มีรูปเจ้าปุ้งเพียบเลย คนที่ส่งข่าวก็นะ ...ไม่ถ่ายรูป หรือสแกนมาให้ดูเลย ยั่วมาก

ปล. รอบทความของพี่ปอม ครั้งต่อไปอยู่นะคะ

ขอมอบสโลแกนนี้ให้พี่ปอมค่ะ ^^^^ เ จ๊ ก รู เ ป รี้ ย ว ^^^^


โดย: Second impact วันที่: 3 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:38:51 น.  

 
ขออนุญาต Add บล๊อกไว้อ่านนะคะ ลูกชายน่ารักมากเลยค่ะ คุณแม่ก็เขียนบล๊อกได้น่าอ่านมากๆ น่าติดตามค่ะ


โดย: KOInobori วันที่: 3 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:42:55 น.  

 
หัดเดินทางไกลแต่เด็กก็ดีนะคะ สร้างความอดทนให้แกเขาได้ดีด้วย โตขึ้นสงสัยชีพจรจะลงเท้านะเนี่ย อิอิ


โดย: มาลีกับซีอิ๊ว วันที่: 3 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:33:27 น.  

 
เรื่องราวน่ารัก น่ารักมากเลย ปอมปอม

พี่แนะนำให้หลานสาวเข้ามาอ่าน เธอก็กำลังพาลูกเดินทาง
เร่รอน จากออสเตรียเลียมาเมืองไทย ตอนนี้กำลังพักที่เชียงรายและกำลังจะกลับในเดือนหน้านี้




โดย: แพรจารุ วันที่: 5 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:01:51 น.  

 
มาตอบช้าหน่อย ไม่ว่ากันน้อ

แม่นู๋มรรคณิชา -- เสี่ยงจริงๆ นะตอนเอาลูกออกมา แต่มันนานมากแล้ว ลูกหงุดหงิด ร้องลั่นรถ เลยต้องจำใจเอาออกมาค่ะ แต่มีแค่ทริปยาวๆ นี่แหละที่ยอม ส่วนใหญ่เดินทางกันนานๆก็ 3 ชั่วโมง ยังหยุดพักครึ่งได้ ไม่มีปัญหา

ShiEri -- น้องรี่ พล่ามเก่งมากกว่า เล่าแล้วบ้าน้ำลาย มันเลยยาว 55555

p_tham -- คุณเปิ้น เตือนแล้วนะว่ายาว ตาลายอย่าโทษกัน

gothenburger -- น้องเบ๊นซ์ศรี ก็เข้าเวบสกุลไทย คลิ๊กหาเรื่องสั้นประจำฉบับที่ 2750 นะจ๊ะ อิอิ

Second impact -- ชอบสโลแกนนี้จริงๆ เลย รออ่านผลงานของแอนเหมือนกันจ้า บทความบทต่อไปยาวเช่นเคย โดยหั่นอีกแย้ว ให้คนเขียนนิยายมาเขียนบทความก็งี้แหละ

KOInobori -- ขอบคุณค่ะที่แอดบล็อก เวลาเห็นคนแอดบล็อกเราไว้แล้วดีใจ อิอิ ถ้ามีเวลามากกว่านี้คงจะอัพบล็อกเขียนบ่อยกว่านี้ค่ะ

มาลีกับซีอิ๊ว -- ตอนนี้ลูกชายเป็นโรคอยู่ไม่ติดบ้านค่ะ วันหนึ่งต้องเอาออกจากบ้านวันละ 2-3 รอบ ไม่น่าฝึกเล้ย เฮ้อ..วัยรุ่นเซ็ง

แพรจารุ -- พี่ยายคะ ที่เขียนเป็นการเดินทางทางรถ แต่คงจะประยุกต์ใช้กับเดินทางบนเครื่องบินพอได้ ตอนลูก ขวบเศษ ปอมกลับไทยกับลูกสองคน เหนื่อยมาก เพราะลูกเดินได้แล้ว นั่งไม่ติดที่เลยค่ะ เดินมันหัวเครื่องยันท้ายเครื่อง หนัง ของเล่น ขนม อะไรก็เอาไม่อยู่ ถ้าลูกของหลานสาวพี่วัยกำลังซนละก็ เตรียมใจไว้ได้เลย




โดย: ปอมปอมเกิร์ล วันที่: 7 กรกฎาคม 2550 เวลา:5:03:31 น.  

 
แวะมาอ่านตามมาจากบลอกแม่รี่ลูกสาวสามคนคะ เรื่องราวยาวดีจัง อิอิ อ่านจนตาลายเลย ลูกชายหล่อจังผมเค้าสวยดีนะคะ ตรงดี


โดย: bagarbu วันที่: 7 กรกฎาคม 2550 เวลา:6:51:54 น.  

 
สวัสดีค่ะ ตามพี่แพร จารุ มาเยี่ยมบ้านต่างแดนของหญิงปอม(เรียกตามพี่ปอน)

ลูกชายน่ารักจังนะคะ



โดย: นกแสงตะวัน วันที่: 7 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:47:15 น.  

 
ตามมาอ่านงานของ ปอมปอมเกิร์ล ครับ...อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นดีครับ


โดย: pu_chiangdao วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:39:10 น.  

 
น้องธีร์เดินทางแต่เล็กๆเลย ต้องชมคุณพ่อคุณแม่ว่าเก่งจริงๆ เคยพาลูกนั่งรถนานสุดก็จากMemphis,TN ไป St.Louis, MO จำได้ว่าหนีพายุเฮอริเคนลูกก่อนแคทรีน่า ปรากฏลูกนั้นนี่บ่อมิไก๊มากๆ เสียเที่ยวเลย พอแคทรีน่ามา คิดว่าคงเหมือนลูกเก่า เปล่าเลย อย่างแรงเลยค่ะ นอนไม่ได้ทั้งคืน คิดว่าบ้านจะพังซะแล้ว

คุณปู่น้องธีร์อยู่แถบไหนของTNเอ่ย ฝั่งeast หรือ westคะ เราอยู่แถวๆMemphisไง แต่จริงๆเมมฟิสไม่ค่อยมีอะไรเที่ยวเท่าไหร่ น้องธีร์ไม่ได้เข้าบ้านลุงเอลวิสก็ไม่ต้องเสียดายไป เพราะจริงๆแล้วก็ไม่ได้มีอะไรมากเลย นอกจากจะเป็นแฟนเอลวิสจริงๆ เราไปแล้วแอบเบื่อด้วย

คราวหน้ามาเมมฟิส พาน้องธีร์ไปกินCorky หมูย่างBBQด้วยนะคะ อร่อยมากๆ เป็นร้านดังระดับประเทศเลย มาอีกเมื่อไหร่มาบอกกันนะคะ เกิดพาเที่ยวได้


โดย: ป้อม Kanu_memphis IP: 74.185.165.26 วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:03:40 น.  

 
วิ่งมาหาเจ๊ดัน แล้วขอบคุณคร๊าบบบบบบบ


โดย: Second impact วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:58:47 น.  

 
ตามมาอ่านค่า (พอมีเวลาก็เข้ามันทุกบลอก เหะเหะ)
เมื่อกี้ไปอ่านเรื่องของแม่แอนมา เลยเข้ามาอ่านเรื่องของแม่ปอมมั่ง (วันๆ แอบดูรูปลูกคนอื่นไปก่อนค่ะ)
น้องธีร์น่ารักมากๆ พักนี้ไม่ได้อ่านนิยายพี่ปอมเลย
เดี๋ยวทุกอย่างเรียบร้อยจะมาเป็นแฟนนิยายเหมือนเดิมค่า


โดย: นุ้ย IP: 68.127.104.184 วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:36:07 น.  

 
หน้าตาน่ารักจังค่ะ


โดย: แ ม ง ป อ วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:03:53 น.  

 
ลูกชายน่ารัก
แหม
น่ารักอย่างนี้
มีแฟนหรือยังจ๊ะ

Ha


โดย: สายลมอิสระ วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:36:00 น.  

 
เธอบอกว่าเข้ามาอ่านเรื่องของปอมแล้วค่ะ
เดือนหน้าเธอกับลูกกำลังจะเดินทางกลับ เห็นว่าช่วงนี้แกเดินเก่ง ท่าจะเริ่มยุ่งแล้วแหละ แกน่ารักมาก ๆ เลย ชื่ออติกัส แล้วจะส่งรูปให้ดู




โดย: พี่ยาย IP: 203.113.50.14 วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:4:36:39 น.  

 
ชวนไปอ่านเรื่องครูดอย กับความใฝ่ฝันของหนุ่มสาว ครับ..


โดย: pu_chiangdao วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:25:11 น.  

 
พี่ปอมน้องธีร์เก่งจริงๆ นั่งรถได้นานๆอย่างนี้ ที่บ้านไม่ถึงยี่สิบกิโลก็บ่นกันเกือบตาย


โดย: DesperateMommy วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:28:07 น.  

 

มาอ่านจนจบแล้วจ้า


โดย: p_tham วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:40:58 น.  

 
สวัสดีปอมปอม
ขอบคุณนะไปเยี่ยมบ้านเป็นคนแรกเลย ซึ้งใจ
เห็นลูกชายแล้วน่ารักจัง อยากมีลูกชายมั่ง สวมหมวกเคาบอยจากเท็กซัส ถูกใจโก๋มาก ชีวิตมีครอบครัวอบอุ่น เพียงพอแล้ว ในโลกอันร้อนรุ่มเช่นทุกวันนี้ ถนอมรักไว้ให้ดีนะจ๊ะ


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 21 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:52:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปอมปอมเกิร์ล
Location :
California United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




บล็อกจับฉ่าย บางทีก็อวดรูปลูก บางทีก็เล่าเรื่องที่ไปเที่ยว บางทีก็เล่าไปเรื่อยเปื่อย แนะนำหนังสือบ้าง แล้วแต่เวลาและอารมณ์จะพาไป

* * * * * * *

ส่งเสริมมิตรภาพ และการเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตให้สวยงาม หอมหวานตลอดไป บทความและรูปภาพในบล็อกนี้จึงต้องเป็นไปตามนี้นะจ๊ะ

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


Friends' blogs
[Add ปอมปอมเกิร์ล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.