ไพบูลย์ บุตรขัน ตอน 13 ฝนของรุ่งเพชร
หลังจากที่ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ รู้ว่า ไพรวัลย์ ลูกเพชร คนเมืองเพชรบ้านเดียวกัน ได้เพลงจากครูไพบูลย์ ไปร้อง จนมีชื่อเสียงโด่งดังมาก รุ่งเพชร จึงไปขอเพลงครูไพบูลย์บ้าง
ช่วงก่อนที่รุ่งเพชร แหลมสิงห์ จะได้ร้องเพลงของ ไพบูลย์ บุตรขัน ก็ต้องไปคุย ไปร้องเพลงทดลองแนวเสียงกับครูก่อนเกือบทั้งวัน ในที่สุดครูไพบูลย์ก็ตัดสินใจว่า แทนที่จะพยายามให้ร้องให้ถูกต้องตามโน้ต ก็ควรเก็บเสียงเหน่อวรรณยุกต์ตรี สำเนียงสุโขทัยของเขาเอาไว้ และขยายให้เป็นจุดขายที่ไม่ซ้ำใครจะดีกว่า
และในเวลาต่อมา ก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

รุ่งเพชร แหลมสิงห์ เคยให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ไว้ว่า
"..ตอนนั้นครูให้ ไพรวัลย์ ลูกเพชร มาตาม บอกว่าครูให้ไปหา บ้านครูอยู่ตรงที่ตั้งห้างมาบุญครองในปัจจุบัน เมื่อก่อนเป็นปั๊มเชลล์ บ้านอยู่ซอยติดปั๊มเลย มีสะพานไม้ไผ่เล็กๆ ประมาณปี 2511-12 ตอนไปหาครู ต้องร้องเพลงให้ครูฟังแนวเสียง ร้องเพลงของ ทูล ทองใจ สมยศ ทัศนพันธุ์ คำรณ สัมปุณนานนท์ ชัยชนะ บุญนะโชติ ฯลฯ ตั้งแต่บ่าย 2 จนถึง 3 ทุ่ม
ครูบอกรุ่งเพชรไม่หล่อ แต่เสียงดี เป็นคนเพชรบุรี แต่พูดสำเนียงเหมือนคนสุโขทัย เช่น ฝนตก บอก ฝ่นต๊ก เลยต้องร้องเพลงสำเนียงคนสุโขทัย และนั่นคือจุดกำเนิดที่ทำให้มีชื่อเสียงจนทุกวันนี้.."


ไพบูลย์ บุตรขัน เคยบอก รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ไว้ว่า จะเขียนเพลงให้ 3 เพลง ถ้าไม่ดังภายใน 3 เพลง ไม่เอาเงินค่าเขียนเพลง
รุ่งเพชร แหลมสิงห์ เชื่อมั่นในฝีมือครูไพบูลย์มาก สามเพลงนี้เป็นเพลงที่รุ่งเพชร ควักกระเป๋าลงทุนทำอัลบั้มด้วยตัวเอง ไม่ได้พึ่งพานายทุนที่ไหน
(แต่เพื่อประกันความเสี่ยง รุ่งเพชร ก็ได้ไปบนไว้ด้วยว่าถ้าเพลงดัง จะไปบวช)
ผลออกมาคือดังทั้งสามเพลง โดยเฉพาะเพลง ฝนเดือนหก ดังมาก รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง
รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ลงทุนทำเอง ขายเอง รับทรัพย์เองคนเดียว นอกจากดังแล้ว ยังรวยอู้ฟู่หูดับ


ไอดินกลิ่นสาว
เป็นเพลงแรกที่ครูไพบูลย์เขียนให้ ทำให้รุ่งเพชร แหลมสิงห์ มีชื่อเป็นที่รู้จักไปทั่ว




ความลึกในการใช้ภาษา เพื่อเปรียบเทียบถึงชีวิตจิตใจคนบ้านนอก ที่เข้ามาในกรุง อยู่ในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้แม้จะในสมัยนี้ก็ตาม ถึงแม้จะเป็นเนื้อเพลงที่สร้างได้ยาก แต่กลับฟังได้ง่าย และเข้าใจ เห็นภาพได้ในทันที
คำที่ว่าอาบน้ำประปาก็ไม่สามารถลบกลิ่นโคลนสาบควายได้ เป็นคำเปรียบเทียบ เปรียบเปรย อุปมา อุปมัย ที่บอกถึงหัวจิตหัวใจของคนบ้านนอกได้อย่างดี ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนอย่างไร หัวใจก็ยังมีกลิ่นโคลนสาบควายอยู่เสมอ
ประโยคเด็ดของเพลงนี้ ผมยกให้ "..ผู้หญิงในเมืองคอนกรีต มีแต่ชีวิต ไม่มีชีวา.." ที่ผมว่าไม่เฉพาะผู้หญิงหรอก ผู้ชายก็ด้วย ส่วนที่น่าทึ่งที่สุดสำหรับผมคือ ในที่สุดก็มีใครคนหนึ่งในโลกนี้ สามารถประดิษฐ์คำนี้ขึ้นมาได้ "มีชีวิต ไม่มีชีวา"


ฝนเดือนหก (บันทึกเสียงปี 2509)
เพลงนี้เป็นเพลงดังที่สุดของ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ และเป็นเพลงที่ดังที่สุดในยุคนั้นด้วย
"..หย่างเข่าเดือนห๊ก ฝ่นกอต๊ก พร่ำพรำ.."




พอย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพรำๆ กบก็ร้องงึมงำ เป็นความช่างสังเกตของคนบ้านนอกคอกนา ที่คนเมืองไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ ว่าเดือนไหนฝนจะตก หรือกบจะร้อง ฟังเพลงนี้แล้ว ก็ได้ความรู้รอบตัวประดับสมอง เพราะผมก็ไม่เคยสังเกตมาก่อนเหมือนกัน
"ถามว่าฝนเอ๋ย ทำไมจึงตก" ตรงนี้แสดงถึงรากไทยในเพลงนี้ ใช้เพลงเด็กเอามาเป็นประโยคนำ แล้วชั้นเชิงของผู้ประพันธ์ก็คือ เลียนประโยคนี้ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ถามว่า "พี่เอ๋ย ทำไมร้องไห้และหลั่งน้ำตา" เพื่อให้เราได้รู้ว่า ไม่ใช่แค่ "คิดถึงขวัญใจของข้า" แบบธรรมดาๆ แต่ "คิดถึงแก้วตาจึงร้องไห้"
ความรู้คู่เพลงนี้คือ เสียงกบ อ๊บๆ ในเพลง ให้เสียงโดยนักร้องรับเชิญกิตติมศักดิ์ชื่อ ไพบูลย์ บุตรขัน


คืนฝนตก
เพลงนี้เป็นเพลงตอกย้ำความดังของรุ่งเพชร ในชุด 3 เพลงแรกของไพบูลย์-รุ่งเพชร




จะเห็นความจงใจอย่างแรง ยิ่งกว่าสองเพลงที่แล้ว ที่จะเน้นความเหน่อเสียงตรีของ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ทั้งการวางโน้ต และเนื้อเพลง จะมีคำที่ถูกบิดเสียงวรรณยุกต์อื่น ให้ขึ้นเสียงตรีแทบทุกวรรค
ให้มันรู้กันไปเลยว่าคนเมืองเพชร แต่พูดเหน่อ ซุโข่ทัยย์ ก็ร้องเพลงเหน่อได้เพราะ จนคนร้องตามกันได้ทั้งบ้านทั้งเมืองเหมือนกัน

หลังจากสามเพลงนี้ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ก็ขึ้นทำเนียบนักร้องลูกทุ่งอมตะของไทยไป หลังจากนั้นรุ่งเพชรก็ยังมีเพลงอีกหลายอัลบั้ม และได้ร้องเพลงของครูไพบูลย์อีกหลายเพลง เพลงอื่นๆ ของครูไพบูลย์ ที่รุ่งเพชรได้ร้องก็อย่างเช่น


น้ำลงเดือนยี่
ในเพลงนี้พูดถึงน้ำในคลองตั้งแต่เดือนสิบเอ็ด ไปจนถึงเดือนห้า (เดือนหกอยู่ในเพลงที่แล้ว) การที่จะบอกได้แบบนี้ก็ต้องมาจากการเฝ้าสังเกตธรรมชาติ ของน้ำในเดือนต่างๆ ว่าแต่ละเดือนเป็นอย่างไร ที่รู้ได้แบบนี้เพราะเรื่องของน้ำ มันเป็นปัจจัยสำคัญของคนบ้านนา ที่ใกล้ชิดผูกพันชีวิตเข้ากับธรรรมชาติตลอดชีวิต
พอพูดถึงเรื่องน้ำแล้ว ก็เอาเรื่องน้ำ มาเปรียบกับเรื่องสาวชาวบ้านนา ที่น้ำใจอนงค์ไหลถอยลงเหมือนน้ำเดือนยี่ จนต้องมาตัดพ้อรำพันอยู่นี่




แต่ว่าภายหลังจากที่มีเรื่องขัดใจกับครูไพบูลย์ จนกระทั่งไม่ได้เพลงจากครูไพบูลย์ไปร้องอีก รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ก็ต้องเอาเพลงจากครูเพลงท่านอื่นมาร้อง รุ่งเพชรก็ไม่เคยกลับมามีชื่อเสียงได้เหมือนสมัยที่ร้องเพลงของครูไพบูลย์อีกเลย ชื่อเสียงของ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ก็ค่อยๆ จืดจางไปจากความสนใจของคนฟัง






Create Date : 25 ตุลาคม 2554
Last Update : 25 ตุลาคม 2554 12:40:32 น.
Counter : 2570 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อะธีลาส
Location :
Sydney  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 44 คน [?]



Photographer, photo educator, writer and more.......

อนุญาตให้ ใช้ ดัดแปลง แก้ไข ตัดต่อ ทำสำเนา เผยแพร่ อ้างอิง จำหน่าย จ่ายแจก ภาพ และบทความในบล็อกนี้ ส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด เพื่อสาธารณะประโยชน์ เพื่อการศึกษา เพื่อกิจส่วนตัว และเพื่อการค้าได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต ตามสัญญาอนุญาตใช้งาน Creative Commons: Attribution.


Website
http://mister-gray.bloggang.com
https://twitter.com/nickdhapana
http://500px.com/NickDhapana
https://plus.google.com/+NickDhapana
http://nickdhapana.tumblr.com
http://instagram.com/nickdhapana
https://www.facebook.com/dhapana/about


Skype & Email
cmosmyp@gmail.com


Line
nickdhapana


My Project's Page

Public Telephone
https://www.facebook.com/PublicTelephoneProject

They didn't say that.
https://www.facebook.com/pages/They-didnt-say-that/116827521834600

Exposure to the RIGHT
https://www.facebook.com/pages/Exposure2the_RIGHT/538556252881951

Thailand Perspective Project
https://www.facebook.com/ThailandPerspective

Dead on Arrival
https://www.facebook.com/pages/Dead-on-Arrival/666461363385961
ตุลาคม 2554

 
 
 
 
 
 
2
4
6
7
8
9
10
12
13
14
15
20
22
23
24
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog