ภูมิแพ้ก็รักษาได้นะ แต่...

ยังพิมพ์เรื่องที่ตั้งใจจะเล่าไม่เสร็จเลย ได้แค่ครึ่งเดียว
มันไม่ครบเดี๋ยวจะเสียอารมณ์น่ะ
เอาเรื่องนี้อ่านไปพลางๆ ก่อนเนอะ...

----------------------------------------------------------------


รู้จัก Allergic Rhinitis ไหมครับ
Allergic ที่มาจาก Allergy หมายถึงโรคภูมิแพ้
Rhinitis มาจากคำว่า Rhino ที่แปลว่าจมูก
ใส่คำต่อท้าย itis เข้าไป ที่หมายถึงอาการอักเสบ
หรืออาการผิดปกติ

รวมๆ แล้วก็หมายถึงภูมิแพ้ที่แสดงอาการที่จมูก
ได้แก่ พวกอาการน้ำมูกไหล จาม คันจมูก

คุณยายของผมเรียกว่า "แพ้อากาศ"
หรือบางทีคนทั่วๆ ไปเรียกว่า "หวัด" (ที่ไม่ได้หมายถึง "ไข้หวัด")

โดยทั่วไปเวลาที่มีอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล แบบนี้
ยายอดนิยมที่เราจะใช้คือ CPM (Chlorpheniramine Maleate)
รู้จักกันดีว่าเป็นยาแก้แพ้ เม็ดสีเหลืองๆ เล็กๆ
มีประสิทธิภาพดี ได้ผล ราคาถูก ปลอดภัย

ยาตัวนี้ตัวออริจินัลคือ Piriton ผลิตโดยบริษัทแกล็กโซเมื่อนานมาแล้ว
ราคาโคตรแพง เม็ดละ 1 บาทกว่าๆ แน่ะ
(ดูเรื่อง "ออริจินอล" จากบทความเก่า เรื่องยาไทย ยานอกนะครับ)
ผมแนะนำให้ใช้ยาที่ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม ร้อยเม็ด 10 บาทแทน
ดีไม่แพ้กัน แต่ถูกกว่า 10 เท่า

แต่ผลข้างเคียงของยานี้ที่รู้ๆ กันอยู่คือ ง่วง
ซึ่งจะมากน้อย ก็แล้วแต่คน

ภายหลังก็เลยมีการพัฒนายาแก้แพ้ให้ไม่ง่วง (หรือง่วงน้อยลง)
แต่ราคาก็แพงขึ้น และก็เป็นที่นิยมในสมัยนี้ เช่น
Loratadine (Clarityne, Clarinase),
Astemizole (Hismanal), Cetirizine (Zyrtec),
Terfenadine (Teldane)

ผมยกมาเฉพาะยี่ห้อออริจินัล ส่วนโลคอลเมด ที่ผลิตในเมืองไทย
ก็ถามเอาตามร้านยาได้ ว่ามียี่ห้ออะไรให้เลือกบ้าง
คุณภาพไม่หนีกันเท่าไหร่

แต่ก็นั่นแหละ ปัญหาคือ บางคนก็ยังง่วงอยู่

และปัญหาใหญ่คือราคาแพง ถึงแพงมาก หรือมากที่สุด
ประสิทธิภาพก็ไม่ได้หนีไปจากซีพีเอ็มที่ถูกกว่ากันเป็นร้อยเท่า
จะว่าไป ความคุ้มค่าในการใช้ ก็ยังสู้ซีพีเอ็มไม่ได้อยู่ดี

ทางเลือกที่ดีกว่านั้น ซึ่งผมยกให้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
(แพทย์ทางหูคอจมูก หรือภูมิแพ้ ก็แนะนำ)

คือใช้ยาสเตียรอยด์พ่นจมูกครับ

ในขณะนี้ การใช้ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก เป็นวิธีที่ประสิทธิภาพดีที่สุด
ผลข้างเคียงน้อยที่สุด และปลอดภัยที่สุด
ในการควบคุมและรักษาอาการภูมิแพ้

ยาจะไปลดอาการบวมอักเสบ และลดอาการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น
ที่ที่ไวเกินไป ซึ่งเกิดขึ้นภายในโพรงจมูก

พ่นยาติดต่อกันทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง แล้วแต่ยา แล้วแต่แพทย์แนะนำ
ใช้เวลากว่าจะเห็นผลการรักษาสัก 3 วัน และพ่นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ให้นานที่สุดเท่าที่จะทนพ่นได้ หลายๆ เดือน แม้จะไม่มีอาการ
จริงๆ ควรใช้สัก 3-6 เดือน หรือกว่านั้น จะดีมาก
(ยิ่งนานยิ่งดี)
ในช่วงนี้แพทย์อาจจะแนะนำให้ลดการพ่นให้น้อยลงได้

อาการภูมิแพ้มักจะหาย (ถึงจะไม่หายขาด แต่ก็หายไปนานเลย)


มันเป็นสเตียรอยด์ เราก็กลัว ว่าจะเกิดผลข้างเคียงรึเปล่า

ยานี้มีใช้มานานเป็นสิบปีแล้วนะครับ แต่คนส่วนมากจะไม่รู้จัก

เท่าที่ใช้มา จัดเป็นยาปลอดภัยอีกชนิดหนึ่ง
เนื่องจากยาที่ออกฤทธิ์ จะไปแปะอยู่ที่ผิวเยื่อบุโพรงจมูกเท่านั้น
ไม่มีผลต่อส่วนอื่นของร่างกาย

สเตียรอยด์ชนิดที่ใช้ มีปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น
เป็นสเตียรอยด์แบบดูดซึมเข้าร่างกายได้น้อย ถูกทำลายได้เร็ว
ทำให้มียาหลงเหลือไปออกฤทธิ์ในร่างกายน้อย หรือไม่มีเลย

ปัญหาที่ทำให้ไม่มีการใช้ยาในวงกว้าง ไม่ใช่เพราะยาครับ
แต่เป็นเพราะ "ราคา"

มันเป็นยาแพงครับ มีค่าใช้จ่ายตกวันละเกือบสิบบาท ไปจนถึง
วันละยี่สิบกว่าบาท อาจจะไม่เหมาะกับคนส่วนใหญ่
แต่ผมแนะนำว่า ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน หรือมีประกัน
หรือเบิกได้
นี่คือยาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับโรคภูมิแพ้ครับ

ส่วนตัวยาที่มีให้เลือก
ในเมืองไทย มียาในกลุ่มนี้หลายยี่ห้อให้เลือก ได้แก่

Rhinocort
ยาขายดีที่สุดในกลุ่มนี้ ใช้วันละ 2 ครั้ง ราคาถูกกว่าตัวอื่น
โรงพยาบาลส่วนใหญ่เค้าใช้ตัวนี้แหละ มีในร้านยาเกือบทุกร้าน

Beconase
คุณสมบัติไล่เลี่ยกับตัวแรก แต่ไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่ ไม่รู้ทำไม
ถ้าหาซื้อได้ในราคาไม่แพงกว่าไรโนคอร์ท ก็น่าใช้พอๆ กัน

Nasonex
ยากลุ่มใหม่ น่าใช้ แต่ราคาแพง ใช้แค่วันละครั้งเดียวเอง
บอกตรงๆ ว่าผมไม่เคยใช้ครับ มันแพงเกิน เลยไม่กล้าวิจารณ์

Flixonase
คู่แข่งกับนาโซเน็กซ์ ผมชอบคุณสมบัติทางยา ของยี่ห้อนี้ที่สุด
แพงพอๆ กับคู่แข่ง แต่ทำขวดออกมาดูดีมีราคากว่า
แต่ผมไม่ชอบกลิ่นมันน่ะสิ เลยต้องเลิกใช้

Nasacort
ตัวยาเป็นสเตียรอยด์รุ่นโบราณ คุณสมบัติทางยาแพ้ตัวอื่น
แต่ราคาถูก ใช้วันละ 2 ครั้ง
และที่ผมชอบที่สุดคือ ไม่มีกลิ่นครับ


ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา ฟลิกโซเนส กับนาโซเน็กซ์ น่าใช้ที่สุด
ถ้าเงินจำกัด ไรโนคอร์ท กับบีโคเนสเป็นตัวเลือกรองลงมา
ส่วนนาซาคอร์ท ทางทฤษฎี มีคุณสมบัติด้อยที่สุด ในกลุ่ม
แต่ใช้จริงแล้วพอๆ กับ ไรโนคอร์ท และบีโคเนส
นอกจากนั้นมีข้อดีที่ยี่ห้ออื่นสู้ไม่ได้คือ ไม่มีกลิ่น
ใครที่ทนกลิ่นยี่ห้ออื่นไม่ได้ ตัวนี้น่าใช้มากครับ

ถ้ามีปัญหาเรื่องกลิ่น เรื่องไม่สะดวกในการพ่นยาหลายๆ ครั้ง
ก็คุยกับหมอได้ครับ จะได้ปรับเปลี่ยนยา
เนื่องจากหมอเอง ส่วนมากก็ไม่เคยพ่นยานี้
ก็เลยไม่รู้ว่ามันแสบจมูก หรือไม่ มีกลิ่นอย่างไรหรือไม่
คนไข้ต้องเป็นคนบอกครับ

โปรดปรึกษาแพทย์หู คอ จมูก หรือภูมิแพ้ ก่อน
เพื่อเลือกตัวยา และขนาดใช้ยาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคน
และต้องฝึกการพ่นเพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีด้วยครับ

Create Date : 03 กันยายน 2548 Last Update : 21 มกราคม 2553 15:37:19 น. Counter : 38651 Pageviews.		13 comments
Share Tweet